ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Even the world is crumbling / ต่อให้โลกย่อยยับ

    ลำดับตอนที่ #34 : หลบหนี 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.74K
      544
      2 พ.ค. 60


     

    เกิดความผิดพลาดขึ้นในท้ายที่สุด ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง หลังจากที่ทุกอย่างผ่านฉลุยตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาล ผมเดินสวนทางกับยัยฝรั่งมิเรียมที่ริมถนนแห่งหนึ่งไม่ไกลจากโรงพยาบาลที่ริคาร์โด้พัก เธอเดินอยู่ตามลำพังในขณะที่ผมเดินผ่าน ผมไม่ได้มองหน้าไม่ได้สบตา ไม่ได้ทำตัวหน้าสงสัย แค่คนแปลกหน้าสองคน เดินสวนทางกันในสถานที่แห่งหนึ่ง ไอ้ตอนเดินผ่านก็ปกติ เธอไม่แสดงอาการใดๆที่บ่งชี้ว่าจำผมได้

     

    แต่จู่เธอก็วิ่งตามมาคว้าข้อมือของผมซะอย่างนั้น

     

    “ เดี๋ยว ! เราเคยพบกันมาก่อนรึเปล่า ”

     

    ผมแสร้งทำเป็นแปลกใจและยิ้มให้เธอ ด้วยอาการที่เหมือนว่ากำลัง งง กับการถูกทักโดยคนแปลกหน้า  แต่การแสดงของผมคงแย่ไป เมื่อมิเรียมยิ้มตอบกลับมา และบอกกับผมว่า

     

    “ ในที่สุดฉันก็เจอคุณจนได้ อิน  

     

    ผมส่ายหัวยอมแพ้ ยัยคนนี้ทำผมทึ่ง เธอมีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นอย่างไม่ต้องสงสัย นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่เธอทำในเรื่องที่ผมคิดไม่ถึง แม้จะชื่นชมในความสามารถของเธอแค่ไหน ผมก็ต้องรีบหนีออกมาให้พ้นจากที่นั่น  ผมสะบัดมือของเธอจนหลุด และวิ่งหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

    สรุปสถานการณ์ของผมในตอนนี้ให้เข้าใจง่ายก็คือ กลุ่มออชิเดน ทำของสำคัญที่เป็นความลับหายไป พวกเขาต้องการจะได้ของสิ่งนั้นคืน แต่พวกทวีปหลักที่เป็นฝ่ายตรงข้ามก็อยากได้ของสิ่งนั้นด้วย ประเด็นคือการหาของชิ้นนั้นให้เจอ พวกเขาต้องพึ่งผม ที่รู้ว่าไอ้ของชิ้นนั้นมันอยู่ที่ตรงไหน ซึ่งคนสองพวกนี้รู้แล้วว่าถ้าอยากเจอของชิ้นนั้นต้องใช้ผมนำทาง

     

    แต่ปัญหาของผมตอนนี้  คือผมไม่ไว้ใจออชิเดน พวกเขาอาจฆ่าผมทิ้งเพราะถ้าข้อมูลนี้รู้ไปถึงพวกทวีปหลัก พวกเขาอาจจะเสียมันไป ส่วนพวกทวีปหลักก็ต้องการตัวผม เพื่อใช้นำทางไปหาเจ้าของสิ่งนั้น ทางรอดของผมซึ่งตกกระไดพลอยโจน มีแค่สองทาง คือหนีพวกนั้นตลอดชีวิต กับอีกตัวเลือกหนึ่ง คือการถือสิ่งนั้นเอาไว้เสียเอง


    เพื่อใช้ต่อรองให้ได้ชีวิตปกติของผมกลับคืนมา

     

    ความจริงผมวางแผนเอาไว้ว่าจะหนีออกไปพรุ่งนี้ตอนกลางวันกับพวกนักดนตรีเร่ร่อนที่ไอ้แพ๊ตตี้รู้จัก แต่ไอ้ที่คิดไว้ ก็ไม่ได้เกิดขึ้น เพราะการแหกตาชาวบ้านของผม ถูกยัยมิเรียมจับได้เสียก่อน

     

    เงินที่ได้จากริคาร์โด้เมื่อครู่ตอนนี้หมดไปกับมอเตอร์ไซค์วิบากและเสื้อผ้าชุดใหม่ โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่เมืองร้างทางตะวันออก

     

    การเดินทางในเมืองเป็นไปได้อย่างราบรื่น เพราะทางลัดในซอยเล็กๆและหมวกกันน็อคที่อำพรางใบหน้าเอาไว้  แต่ปัญหาคือด่านตรวจสุดท้าย ที่ประตูหลักของแนวป้องกัน การ์ดตรงนั้นให้ผมถอดหมวกกันน็อคออก

    ตาลุงการ์ดนั่นออกอาการลังเลนิดหน่อย เมื่อเห็นหน้าตาของผมตรงตามประกาศจับ


    “ เฮ้ยไอ้หนุ่ม เอ็งใช่คนเดียวกันกับที่เขาตามตัวอยู่หรือเปล่า ”  การ์ดถาม

    “ เฮ้ยลุงดูดีๆ เหมือนตรงไหน ”  ผมแถน้ำขุ่นๆ


    ตาลุงการ์ดเฝ้าประตู ล้วงหยิบประกาศจับของผมออกมาดูให้แน่ใจอีกครั้ง ผมอาศัยจังหวะที่แกเผลอขับรถฝ่าด่านออกไปอย่างรวดเร็วแรงบิดออกตัว ก็ทำให้ล้อหน้าลอยไม่ติดพื้น ในขณะที่การ์ดคนอื่นๆพยายามที่จะขัดขวาง แต่กำลังรอบของรถมอเตอร์ไซค์คันใหม่และศักยภาพของมันก็ทำให้ผมผ่านสิ่งที่พวกนั้นพยายามทำอย่างไม่ลำบาก

     

    มันรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยที่ต้องบิดมิดไมล์ในขณะที่วิ่งอยู่ระหว่างของว่างของรถ ขนาดใหญ่สองคันที่วิ่งสวนทางกัน  แต่ก็ไม่นานเพราะซักพักหนึ่ง ผมก็เจอเข้ากับรถของการ์ด2คัน ที่พยายามขวางผมไว้จากทางด้านหน้า หลังจากทราบเรื่องการขับฝ่าด่าน


    พวกเขาโปรยตะปูเรือใบเพื่อหยุดไม่ให้ผม  นั่นทำให้ผมต้องตัดสินใจขับพุ่งลงข้างทาง ผมอาจจบเห่อย่างรวดเร็ว เพราะคลองธรรมชาติขนาดเล็ก ทอดตัวขนาดไปกับแนวถนนเป็นอุปสรรคต่อมาที่ผมต้องเจอ

     

    แต่ผมไม่มีเวลาจะมาคิดอะไรมาก ความลังเลมันก็อันตรายพอๆกันกับการตัดสินใจพลาด  ผมควบรถมอเตอร์ไซค์วิบาก กระโดดลอยอยู่กลางอากาศชั่วครู่ ก่อนจะลงถึงพื้นได้อย่างปลอดภัย ในช่วงที่พวกนั้นยังตะลึงกับความบ้าของผม ก็ทำให้มีโอกาสmuj0tหนีการจับกุมของการ์ดเหล่านั้นได้มากขึ้น  ผมควบไอ้ม้าเหล็ก 1200 CC เข้าไปในแปลงเกษตร ขนาดใหญ่ของเมือง ทะลุออกไปยังป่าละเมาะที่มีพื้นที่บางส่วนเป็นเนินขนาดเล็ก

     

    แต่การ์ดพวกนั้น ก็ยังไม่ยอมแพ้ มีบางส่วนไล่ตามผมลงมา แต่ด้วยสภาพพื้นที่ ที่ไม่เหมาะกับรถยนต์ ทำให้การขับรถของพวกเขาต้องพบกับปัญหา  ไม่ชนเข้ากับต้นไม้ ก็ติดอยู่กับเนินดิน ถึงอย่างนั้น พวกที่รอดกับดักตามธรรมชาติมาได้ก็ยังไล่ตามผมอย่างไม่ลดละ

     

    ผมทิ้งห่างพวกเขาอยู่ราวๆ 3 -4 นาที  อุปสรรคสุดท้ายที่พบ คือสะพานข้ามคลองที่พังไปแล้ว รอยต่อของสะพาน ขาดออกจากกันกว้างราวสามถึงสี่เมตร แต่เพราะลักษณะของสะพานเป็นทรงครึ่งวงกลม ทำให้ยังพอมีโอกาสที่จะข้ามไปอีกฝากคลอง

     

    ไม่มีทางเลือกอื่น ผมเร่งสุดแรงเพื่อกระโดดข้ามให้พ้นพื้นที่ส่วนหายไปของสะพาน  ในขณะที่พวกไล่ล่าตามหลังผมมาติดๆ

     

    แรงกระแทกของรถ ทำให้ตัวสะพานอีกด้านที่ยังเหลือ พังไล่หลังตามมาเรื่อยๆ แต่ผมก็ข้ามมาถึงอีกฝั่งได้อย่างปลอดภัย


    พวกนั้นทำได้แค่ จอดรถมองผมที่หายใจไม่ทั่วท้องอยู่อีกฝาก และยุติการตามล่าตัวผม ณ ที่ตรงนั้น

     

    ทั้งพวกการ์ดและผมต่างรู้ดีว่า เวลาเล่นไล่จับหมดลงและความมืดกำลังจะมาถึงอีกครั้ง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×