คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #139 : การโจมตีของออชิเดน และการโต้กลับของพวกใต้ดิน 2
แต่การโดดหนีลงสู่ท้องน้ำที่เย็นเฉียบ ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก เพราะอันตรายที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีเพียงการถูกฆ่าจากหุ่นยนต์พวกนั้น อุณหภูมิของน้ำคืออีกหนึ่งปัญหาที่อาจทำให้พวกเราจมลงสู่ก้นทะเลเบื้องล่างได้ง่ายๆ
“ พอจะมีทางไหนที่จะกลับขึ้นไปข้างบนได้บ้างไหม ” ผมถามมิเรียม
“ ปะ ปะ ไป ที่หัวเรือ มะ มี จุดที่เป็นตำแหน่งทิ้งสมอ เราปีนขึ้นได้จากที่ ตะ ตรงนั้น ” เธอเริ่มสั่นจากความเย็นเฉียบของน้ำ
“ มิเรียม คุณคิดว่าจะว่ายน้ำไป ถึงที่นั่นไหวรึเปล่า ” ผมถามเธอ
“ กะ ก็ ต้องไหว ฉะ ฉันยังไม่อยากตาย ”
“ ดีแล้ว...ไปกันเถอะ ถ้าไม่ไหว บอกผมนะ เราจะเกาะตัวเรือ เวลาต้องการพัก ”
“ อื่อ ”
ระยะทางในน้ำกับบนบกแม้จะไม่แตกต่าง แต่เวลาที่ใช้กับแรงที่เสียไปกับการเคลื่อนตัวมันต่างกันลิบลับ ยิ่งตัวเรือที่มีขนาดใหญ่มโหฬาร ยิ่งเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสสำหรับทั้งผมและมิเรียม แต่เธอเชื่องช้าและอ่อนแรงลงเรื่อยๆ ผมต้องคอยหันหลังกลับไปมองเธอเป็นระยะๆ เพราะกลัวว่าเธออาจไปไม่ถึง
โชคดีของเราอย่างหนึ่งในตอนนี้ ก็คือการที่เรือยังไม่เคลื่อนที่ ไม่งั้นเราอาจตายเพราะแรงดันของน้ำที่เกิดจากการขยับของตัวเรือ ไม่ก็ถูกใบพัดเรือที่ด้านหลังตัดร่างออกเป็นชิ้นๆ
“ มาน่าเร็วๆ ” ผมพยายามกระตุ้น
“ ฉันเร็วที่สุดแล้ว ” เธอยังมีแรงตวาดออกมาอย่างหัวเสีย
แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะถ้ายังมีแรงโมโห ก็ยังมีแรงไปต่อ
ครู่หนึ่งศพจำนวนมาก ก็ร่วงลงจากตัวเรือ ผมตรงไปยังร่างที่ใกล้ที่สุดเพื่อ เอาเสื้อชูชีพที่ไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกเขาอีกแล้ว ..
ชายร่างอ้วนเขามีบาดแผลที่ทำให้ใบหน้าของเขาหายไปครึ่งหนึ่ง
“ อิน ! ไม่ดีแล้วรีบมาเถอะ ” มิเรียมเริ่มแสดงตื่นกลัว
“แป๊บหนึ่ง คุณจะได้ลอยตัวได้ง่ายขึ้น ”
“ รีบมาเถอะ อิน ”
“ คุณเป็นอะไรของคุณ ” ผมถามกลับอย่างสงสัย
แต่มิเรียมไม่ตอบคำถามนั้นเธอพยายามว่ายออกไปอย่างรวดเร็ว เหมือนเธอกำลังกลัวอะไรบางอย่าง ในขณะที่ศพจำนวนหนึ่งค่อยๆร่วงลงน้ำ หลังจากถอดเสื้อชูชีพจากร่างนั้น ผมรีบว่ายตามเธอให้ทัน ดูเหมือนความเหนื่อยเมื่อครู่นี้ของเธอจะหายไปเสียดื้อๆ มิเรียมรีบว่ายออกห่างจากร่างไร้วิญญาณที่ลอยอยู่ในน้ำอย่างรวดเร็วราวกับศพพวกนั้นจะทำให้เกิดอันตราย
ซึ่งมันก็ดี เพราะการขึ้นจากน้ำในตอนนี้ยิ่งเร็วเท่าไหร่ โอกาสที่เราจะหนาวตายก็น้อยลงเท่านั้น
แต่ผมก็ยังอยากรู้ ว่าทำไมมิเรียมถึงได้ออกอาการลนลานอย่างผิดปกติ
อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่านั่นคงมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกตื่นกลัว ซึ่งเหตุผลที่มิเรียมรีบมันก็เกิดขึ้นในระยะเวลาไม่นานนัก กลิ่นคาวเลือด เรียกเจ้าแห่งท้องน้ำฝูงใหญ่ให้ปรากฏตัว ... กระโดงสีดำสนิทขนาดใหญ่ค่อยๆว่ายวนและเริ่มจัดการซากศพที่อยู่เหนือน้ำ พอเห็นปากและฟันขนาดใหญ่ที่กัดร่างพวกนั้นจนขาดออกเป็นชิ้นๆ ผมก็ไม่เหลือความลังเลอีก
เข้าใจแล้วว่าทำไมอีเจ๊ถึงรีบชนิดลืมตาย..ผมเองก็สับลืมตายตามอีเจ๊ไปติดๆ โชคยังดีที่พวกนั้นเลือกกิน ซากของพวกที่ร่วงลงมาจากเรือก่อน ... แต่ถ้ายังลอยคอเอ้อระเหยลอยชายอยู่ใกล้ๆอดีตมนุษย์พวกนั้น
มีหวังลงท้องพี่หลามไปด้วยแหง่ๆ
สถานการณ์ของเราทั้งคู่ในตอนนี้เหมือนว่ายน้ำแข่งกัน ยัยมิเรียมที่ดูเหมือนจะตายเมื่อครู่ ตอนนี้ดึงสโตรคท่าผีเสื้อยังกะนักกีฬาว่ายน้ำก็ไม่ปาน จากเริ่มต้นที่กว่าจะขยับได้แต่ละคืบ เป็นเรื่องโคตรลำบาก ตอนนี้เผลอแป๊บเดียวนางปีนเป็นลิงกลับขึ้นไปบนหัวเรือเรียบร้อย
....บอกตรงๆว่าไม่อยากเชื่อสายตา เธอดูไม่เหมือนผู้หญิงงี่เง่าที่ไม่ยอมทำอะไรด้วยตัวเองอย่างเคยเห็น แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะไอ้ความกลัวของเธอมันทำให้ผมรอดตายไปด้วย
หลังรอดตายจากปากของปลาฉลามเรานั่งหมดแรงกันอยู่ที่รอกตัวใหญ่ที่ใช้ดึงสมอขึ้นจากน้ำ กิจกรรมนรกเมื่อซักครู่เล่นเอามิเรียมนอนหอบซี่โครงบาน ไม่เหลือภาพพจน์ใดๆที่นางเคยเป็นแม้แต่นิดเดียว ...แต่เรื่องของเรายังไม่จบแค่นั้น มันยังมีสิ่งที่น่ากังวลอื่นๆรอคอยเราอยู่
อย่างไรก็แล้วแต่ ตอนนี้เราการจะพัก
การปีนกลับขึ้นมาที่หัวเรือ ดูเหมือนจะเป็นความคิดที่ถูกต้อง อย่างหนึ่งที่ถือว่าเป็นความโชคดี คือในบริเวณนี้ยังไม่มียูนิตสงครามปรากฏตัวให้เห็น
“ เอาไงต่อที่นี้ ” ผมถามเธอเพื่อขอความเห็น
แต่มิเรียมยกมือปรามเอาไว้ เธอยังคงไม่หายเหนื่อย ร่างกายของเธอสั่นเทิ้ม ผมคิดว่ามันเป็นผลที่เกิด หลังจากการใช้แรงที่มากกว่าปกติ
ผมชะโงกหน้าลงไปมองฉลามพวกนั้น เงาใหญ่ๆที่เคลื่อนไหวอยู่ใต้ผิวน้ำทำให้ผมรู้สึกขนลุกอย่างช่วยไม่ได้
มันเป็นความสงสัยที่ไม่อยากรู้คำตอบ...ว่าระหว่างฉลามกับพวกกินคน อะไรจะฆ่าเราได้เร็วกว่ากัน
เป็นเวลานานทีเดียวกว่าระบบการหายใจของมิเรียมจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
“ ผมมีโอกาสพังหุ่นยนต์พวกนั้นได้บ้างรึเปล่า ”
“ ฉันไม่แน่ใจ พวกมันถูกออกแบบให้ฆ่าทุกอย่างที่เราต้องการ พวกมันแทบไม่มีจุดอ่อน ”
“ ตรงนี้ผมว่าเราคิดต่างกันนะ มันไม่มีอะไรหรอกที่ดีไปซะทุกอย่าง ”
มิเรียมนิ่งไปซักครู่ ....เธอพยายามคิดและตอบคำถามของผม
“ ถ้าเราอดทนรอ พวกมันจะหยุดทำงานไปเอง ”
“ นานแค่ไหน ” ผมถามต่อ
“ ไม่รู้ซิ พวกที่กลับมาจาก แนวปะทะไม่น่าจะอยู่ได้นานเกินสองชั่วโมง แต่พวกที่อยู่บนเรือกับพวกที่เพิ่งมาถึง พวกนี้ น่าจะอยู่ไปได้อย่างน้อยคืนหนึ่งเต็มๆ”
“ ข้อจำกัดอย่างอย่างอื่นล่ะ ”
“ ถ้าพวกมันล้มลงต้องใช้เวลาประมาณ 180 วินาทีเพื่อลุกขึ้น แต่พวกมันมีน้ำหนักเยอะ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่นายจะทำให้พวกมันเสียสมดุลย”
“ มีอะไรปวดตับกว่านี้อีกไหม ” ผมเริ่มกวนตีนเพราะยังนึกไม่ออกว่าจะจัดการพวกของเล่นทรยศเจ้าของได้ยังไง
“ กระสุนปกติที่พวกมันใช้ เป็นแค่แท่งเหล็กตันๆ แต่แรงส่งที่มีสามารถเจาะทะเลาะเกราะรถถังหนาๆได้สบาย นอกจากนั้นถ้ากระสุนหมด พวกมันยังสามารถใช้วัสดุที่อยู่รอบๆแทนกระสุนได้อีก หมายความว่าพวกมันยิงคุณได้เรื่อยๆจนกว่ามันจะหยุดทำงาน อีกอย่างเกราะของพวกมันหนาเกินกว่าลูกกระสุนที่คนทั่วไปใช้ ดังนั้นต่อให้ใช้ค้อนอันโตๆทุบพวกมัน ก็ไม่แม้จะเกิดรอยขีดข่วน ”
“ คำแนะนำล่ะ ”
“ พวกมันมีเซ็นเซอร์อยู่ที่ส่วนหัว ถ้านายไม่ตายก่อนเข้าถึงตัวพวกมัน บางทีนายอาจทำลายเซ็นเซอร์พวกนั้นได้ ”
“ แล้วมีวิธีง่ายๆที่จะเข้าถึงตัวมันรึเปล่า ”
“ ....ฉันคิดว่านายรู้ว่าต้องทำยังไงมากกว่าฉันนะ ”
ผมถอนหายใจอย่างจนปัญญา เสียงเตือนสัญญาณบางอย่างจากเรือดังขึ้น มันเป็นเสียงที่ตลอดระยะเวลาที่ผมอยู่บนเรือไม่เคยได้ยินมาก่อน มิเรียมมีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด จรวดหลายลูกถูกยิงออกไปจากด้านหลังลำเรือ
“ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ “ มิเรียมร้องออกมาอย่างตกใจ
ผมไม่รู้ว่าทำไมจรวดพวกนั้นถึงทำให้มิเรียมตกใจกลัว
“ คุณตกใจอะไร ”
“ จรวดพวกนั้น... ”
“ ทำไม ”
“ มันเป็นจรวดทำลายล้าง แค่ลูกเดียวก็ทำให้บาเบลทูทั้งเมืองกลายเป็นซาก ”
“ พวกมันถูกยิงไปที่ไหน ”
“ ...ฉันไม่แน่ใจ แต่ที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือแนวปะทะ รอบๆทางเข้าของพวกใต้ดินที่เราตรึงมันเอาไว้ ”
“ เราเตือนคนพวกนั้นให้หลบออกไปได้รึเปล่า ”
“ ถ้าเราติดต่อพวกเขาได้ก่อนจรวดจะไปถึงหนึ่งชั่วโมง อาจพอมีคนรอดได้บ้าง”
“ มันอะไรกันวะ....มีอะไรแย่กว่านี้อีกไหมเนี้ย ” ผมบ่นอย่างเสียไม่ได้
“ มี...ถ้าจรวดพวกนั้นถูกยิงออกมา แสดงว่าเรือลำนี้ถูกพวกมันยึดเรียบร้อยแล้ว ”
“ แล้วมันยังไง ”
“ ....เรือลำนี้เป็นความลับของพวกเรา มันเป็นสิ่งที่ต้องไม่มีใครในทวีปอื่นรู้ว่ามันมีอยู่ ถ้าวันหนึ่งมีคนรู้ว่าเรามีเรือลำนี้ มันจะต้องจมลงโดยไม่มีเงื่อนไขอื่น ”
“ ทำลายหลักฐานใช่ไหม ”
มิเรียมพยักหน้า
“ แล้วคนที่อยู่บนเรือล่ะ ”
“ จะต้องไม่มีใครรู้ ว่าเรือลำนี้มีอยู่ ” เธอย้ำคำพูดเดิม
ความหมายของมันคือทุกคนบนเรือจะต้องจมไปพร้อมกับลำเรือนั่นเอง
ผมถอนหายใจเซ็งๆ “ ถามจริงๆ ถ้าไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น พวกคุณตั้งใจจะปล่อยผมกลับบ้านอย่างที่พูดจริงๆรึเปล่า ”
“.....ถ้าพวกเขามั่นใจว่าคุณจะไม่พูด .... ใช่ เขาไม่ได้โกหกเรื่องพาคุณกลับบ้าน ” มิเรียมไม่สบตา
“ แต่ไม่ยืนยันว่าผมจะถึงบ้านแบบเป็นหรือตาย ” ผมตอบในสิ่งที่เธอไม่บอก
“ ฉันไม่..”
“ พอเหอะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ”
เสียงสัญญาณเตือน ยังคงดังอยู่ แม้จรวดหลายลูกจะลอยหายขึ้นไปบนฟ้า โดยธรรมชาติออชิเดนไม่ได้เป็นคนนิสัยเลวร้าย แต่ในกรณีที่พวกเขามีเงื่อนไขบางสิ่ง ที่พวกเขาให้ความสำคัญ พวกเขาก็จะไม่แยแสกับ มโนธรรมหรือชีวิตของคนอื่นๆแม้แต่น้อย
“ อะไรที่ทำให้เรือลำนี้เป็นความลับ พวกคุณมีอะไรที่ต้องทำขนาดนั้น ”
“ หัวรบนิวเคลียร์ ” เธอตอบผมเรียบๆ
.....
“ นายกำลังคิดอะไรอยู่ ” มิเรียมถามหลังจากที่ผมเงียบไปนาน
“ คุณก็น่าจะรู้ หาวิธีไปให้พ้นจากเรื่องบ้าๆ พวกนี้นะซิ ”
“ นายยังไม่คิดถอดใจหรอ ”
“ ไม่”
“ แล้วนายจะทำยังไง”
“ หยุดไอ้หุ่นกระป๋องพวกนั้นแล้วไปจากที่นี่ให้ไว”
“ นายคิดว่านายจะทำเรื่องแบบนั้นตามลำพังได้หรอ”
“ ไม่รู้ แต่ผมคิดว่า มันดีกว่านั่งรอความตาย ”
มิเรียมเริ่มมีสีหน้าดีขึ้นมาเล็กน้อย เธอกัดเล็บและเดินไปเดินมาเหมือนจมอยู่กับอะไรบางอย่างในหัว
“ อินฉันไปด้วย ”
“ อย่าเลยเกะกะ ผมดูแลคุณไม่ไหวหรอก ”
“ ฉันคิดว่ายังพอมีวิธีที่จะจบเรื่องนี้แบบไม่แย่เกินไปนัก....อย่างน้อยก็ไม่พอมีทาง ” มิเรียมอ้อนวอน
“ เล่าแผนของคุณมาซิ ”
มิเรียมต้องการให้พาเธอกลับไปที่ห้องพัก ที่นั่นมีเครื่องมือสื่อสารที่เธอใช้ติดต่อกับพวกออชิเดนที่อยู่ที่อื่น รวมถึงพวกที่เป็นเป้าของขีปนาวุธที่เพิ่งถูกปล่อยออกไปเมื่อครู่ ปัญหาของพวกเราในตอนนี้คือการฝ่าดงหุ่นยนต์ที่กลายเป็นเครื่องจักรสังหาร ตามพื้นที่ต่างๆบนเรือลำนี้
ผมไม่รู้ว่านั่นเป็นความคิดที่ดีรึเปล่าแต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
ความคิดเห็น