ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Even the world is crumbling / ต่อให้โลกย่อยยับ

    ลำดับตอนที่ #53 : โชคชะตาและคณะเดินทางอันแปลกประหลาด 2

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.49K
      430
      31 พ.ค. 60

     

    “เฮ้ยเอ็งไปอยู่ที่ไหนถึงรอดคุกได้ตั้งนานวะ”  เสียงผู้ใหญ่คนหนึ่งถาม

    “ นอกกำแพงน้า ” ผมตอบชายขี้คุกสูงวัยที่ปรี่เข้ามาทัก

     

    ในนี้เป็นห้องขังที่มี ตัวแสบอยู่รวมๆกัน 8 – 9 คน  มันห้องเล็กๆ แต่ดูเหมือนมีการลำดับอาวุโสอยู่ภายใน ถ้าผมพูดจาไม่ถูกหูหรือทำตัวขัดใจลูกพี่ในห้องนี้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ "การถูกรับน้อง" แต่ถ้าผมแสดงอาการหวาดกลัวหรือนอบน้อมเกินไป ผมจะกลายเป็นคนที่อยู่ในตำแหน่งสุดท้ายของฝูงซึ่งถูกพวกนั้นรังแกอยู่ดี แต่ในที่สุดผมก็อยู่ท่ามกลางวงล้อมของชายฉกรรจ์ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความรุนแรง โดยไม่ทราบจุดประสงค์ สถานการณ์ตอนนี้มันเลวร้ายเกินกว่าที่คิด ห้องแคบๆ จำนวนคนที่มากกว่า และดูเหมือนคนพวกนี้ต้องการจะทำร้ายผมเพียงเพราะต้องการแสดงความเป็นเจ้าถิ่น ผมต้องหาจุดเปลี่ยน เพื่อไม่ให้ การมานอนในคุกกลายเป็นการพาตัวเองมาเดือดร้อน

     

    “ หนีไปได้แล้วเอ็งจะกลับมาที่นี่อีกทำไมวะ” ชายอีกคนถามขึ้นในขณะที่ผมถูกล้อม

    “ ผมมาตามคน ที่มาจากเมืองตะวันออก ” ผมเริ่มแถ

     

    การโกหกเป็นสิ่งที่ไม่ดีเพราะเมื่อโกหกไปแล้วหนึ่งครั้ง คุณจะต้องโกหกซ้ำต่อไปเรื่อยๆ แต่ผมก็นึกไม่ออกว่าถ้าพูดความจริงออกไป มันจะเกิดอะไรขึ้น ข้อมูลของ ดร. วิลเลี่ยม ที่ผมมี เป็นสิ่งที่ไม่ควรให้ใครในที่นี้ทราบ ถึงคนพวกนี้ไม่น่าจะมีใครที่มีความรู้มากพอในการเอาข้อมูลพวกนั้นมาใช้ประโยชน์ แต่ข่าวลือก็เป็นสิ่งที่ผมไม่ควรจะปล่อยให้มันเกิดขึ้น  

     

    “ ได้ยินว่าเมืองนั้นแตกไปแล้วนี้ไอ้หนู” ชายที่ดูมีอำนาจมากที่สุดในกลุ่มพูดออกมาจากด้านหลัง

    “ ใช่น้า แต่ยังมีคนที่ออกมาจากเมืองไม่ได้” ผมตอบเสียงนั้นกลับไป

    “ แล้ว มันเกี่ยวอะไรกับเอ็ง”

    “ มีป้าคนหนึ่งที่นั่น ฝากคำสั่งเสียมาบอก แกว่าลูกชายแกติดคุกอยู่ที่นี่ ”

    “ แค่คำพูดคนตายไปแล้ว เอ็งถึงขนาดต้องกลับมาติดคุกเลยหรือ ” เขาถาม

     ข้าวหนึ่งจาน น้ำหนึ่งแก้ว บุญคุณมียังไงก็ต้องใช้คืน ” ผมตอบ

     

    ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นเงียบพวกที่ล้อมผมเดินกลับไปหานั่ง พอจะรู้ใช้ไหม ทั้งหมดนั้นมีความจริงแค่ครึ่งเดียว สำหรับผมคนพวกนี้ไม่ได้ชั่วไปซะทั้งหมด พวกเขายังมีสิ่งที่เรียกว่ามโนสำนึกปนอยู่บ้าง การทำให้คนพวกนั้นคิดเอาว่า ผมยอมมาที่นี้เพราะรักษาสัญญา มันสร้างความรู้สึกด้านบวกและทำให้ผมปลอดภัยมากขึ้นเล็กน้อย ....เรียกว่ากระตุ้นความซาบซึ้งใจเพื่อให้คนพวกนั้นไม่คิดจะฆ่าผมให้ตายตั้งแต่ครั้งแรกพบ

     

    “ ลูกชายของป้าคนนั้นชื่ออะไรวะจะได้ช่วยหา ”  ใครคนหนึ่งถามขึ้น

    ...ปัญหาใหญ่เกิดเลยที่นี้

    “ ไม่ทันได้ถาม ป้าแกโดนพวกกินคนมันกัดคอ พูดออกมาได้ไม่กี่คำ ก็ไปซะก่อน ได้ยินแค่ว่าตามไอ้หมากลับบ้านที พ่อมันต้องอยู่คนเดียวแล้ว”

    ทุกคนที่นั้นแสดงอาการสลดโดนไม่รู้ว่ากำลังฟังผมปั้นน้ำเป็นตัว

    “ แล้วป้าคนนั้นล่ะชื่ออะไร ” นักโทษน้ำตาซึมคนหนึ่งถามขึ้น

    .....

    “ ถ้าผมฟังครูพูดไม่ผิด เหมือนแกจะชื่อป้าแอล ”

     “ มึงโกหก ป้าแอล แกเป็นแม่ม่าย ! แกไม่ลูก ! ” เสียงหนึ่งตะโกนขึ้น

     ทุกคนหันมามองหน้าผม พร้อมๆกับมือและเท้าเป็นสิบ ที่พุ่งเข้าใส่ผมแบบไม่ยั้งหลังจากสิ้นเสียง ผมโดนกระทืบจนนอนจมกองเลือดอยู่สลบไปตรงนั้นเอง .. ซี่โครงร้าว ช้ำไปทั้งตัว  ยังโชคดีที่ การ์ดมาแยกผมออกจากห้องขังทัน  ไม่งั้นคงตาย



    สถานการณ์บางอย่างมันก็เกินควบคุมจริงๆ

     


    ถึงตรงนี้รู้สึกว่าโคตรคิดผิดที่ช่วยยัยสองคนนั่นเอาไว้  ผมเจ็บตัวอยู่เกือบ 15 วัน กว่าแผลจะเริ่มหาย และไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ในนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ ดูๆแล้วผมอาจโดนไอ้พวกนั้นระบายอารมณ์ระบายอารมณ์ใส่อีกหลายยก ในระหว่างที่ยังพักฟื้นผมคิดแผนและเริ่มต้นทันทีเมื่อต้องออกจากห้องพักคนป่วย   ผมตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากผู้คุม โดยการขายรถซาเล้งแลกกับบุหรี่ ไม่กี่ซอง ความจริงผมเองเป็นคนไม่สูบ เพราะกลิ่นบุหรี่ที่ติดตัวเราเป็นตัวเรียกพวกกินคนที่มีจมูกไวได้อย่างดี แต่สำหรับภายในป้อมปรากการส่วนใหญ่ บุหรี่และยาสูบกลายเป็นของมีราคา ผู้หญิงบางคนยอมเอาตัวเองเข้าแลกเพื่อให้ได้ยาสูบซองเดียว    

     

    ผมใช้บุหรี่เพื่อผูกมิตรกับนักโทษอื่นๆในห้องขัง ป้องกันไม่ให้พวกเขาทำร้าย และคิดแผนสำหรับเอาคืน

     

    และเมื่อผมจุดบุหรี่ให้พวกนั้นเห็น .....ท่าทางพวกมันก็เริ่มเปลี่ยนไป

     

    “ เห้ย ไม่คิดจะแบ่งปันบ้างรึไง ”  พวกมันคนแรกเดินเข้าหา

    “ ผมมีตัวเดียวน้า ” 

    “ เฮ้ยขอซักคำจะเป็นไรไปวะ”

    ผมยืนบุหรี่ตัวที่เพิ่งจุดส่งให้...ไอ้พวกนั้นงับเหยื่อ มันเอาไปสูบโดยไม่คิดที่จะคืนตั้งแต่ทีแรก อันนั้นผมรู้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเป็นสิ่งที่พวกมันมองไม่เห็นและผมตั้งใจจะให้เกิดขึ้น  เริ่มจากจากไอ้คนที่เอาบุหรี่ไป มันไม่ได้ต้องการจะแบ่งบุหรี่ให้กับคนอื่น สิ่งที่ตามมาคือความรู้สึกไม่พอใจเล็กๆ ของนักโทษร่วมห้องขัง เพราะไอ้หมอนั้นตั้งใจจะสูบบุหรี่ตัวนั้นเพียงคนเดียว

     

    วันที่สองหลังจากที่ผมจุดบุหรี่ให้พวกนั้นเห็นอีก คราวนี้เป็นชายอีกคนที่ลุกขึ้นและเดินเข้ามาหา  “ เฮ้ยลูกพี่ เขาบอกว่าเอ็งควรจะมีน้ำใจกับเขาบ้าง ” มันพูดขึ้น ผมหันไปมองไอ้คนที่เอาบุหรี่ผมไปเมื่อวาน ก่อนยื่นบุหรี่ให้สมุนขาใหญ่ ชนวนแห่งความไม่พอใจ ถูกจุดขึ้นด้วยบุหรี่เพียงสองมวน ชายที่เคยได้บุหรี่ครั้งก่อนมองดู มวนยาสูบอันนั้นในมือของหัวหน้าห้องขัง

     

    ในวันที่สามผม เอาบุหรี่มาสามตัว สองตัวแรกผมรอจะเอาไปให้ลูกพี่ใหญ่ประจำห้องขัง สำหรับอีกตัวหนึ่งผมแกล้งทำตก เมื่อมีคนเก็บบุหรี่ตัวนั้นได้และเอามันไปสูบ ผมจึงเอาไอ้สองมวนที่เหลือไปให้กับขาใหญ่

     

    “ ขอโทษนะลูกพี่ ผมตั้งใจจะเอามาให้สามตัว แต่มีคนขโมยไปตัวหนึ่ง ”

     

    ปรากฏว่าตื่นมาตอนเช้าไอ้พวกนั้นตีกันเองเพราะเรื่องบุหรี่ ไอ้คนที่เอาบุหรี่ผมไปวันแรกถูกแทงด้วยแปรงสีฟันที่ฝนจนแหลม อาการสาหัส....ซึ่งหลังจากวันนั้น เพื่อนร่วมห้องขังก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ในตอนกลางคืนทะเลาะกันเองด้วยสารพัดเรื่องที่จะขุดขึ้นมาได้ สิ่งที่ผมต้องแลกมาคือความไม่สงบของเพื่อนรวมกรง ตกกลางคืนนี้นอนไม่ได้ เสียงตวาด เสียงท้าตีท้าต่อย เกิดขึ้นทุกวัน แต่ก็ไม่มีใครที่จะยุ่งวุ่นวายกับผมอีก

     

    ความจริงผมจะเล่นงานพวกมันหมดทั้งกรงขังนั่นแหละ เวลาในตอนกลางวันพวกนักโทษจะต้องทำงานต่างๆ และกลับมารวมตัวกันอีกทีหลังฟ้ามืด ผมได้งานเป็นคนปลูกผัก ในโรงเก็บปุ๋ยมันมีซัลเฟอร์อยู่สองสามกองใหญ่ ไอ้ซัลเฟอร์ที่ว่านี่มันคือก้อนกำมะถัน พวกนี้ใช้ทุบละเอียดเพื่อ โรยรอบๆแปลงผักไม่ให้งูมันเข้ามากัดนักโทษที่ทำสวน บางส่วนใช้ผสมทำปุ๋ยใส่ต้นไม้

     

    ไอ้กำมะถันนี้ใช้ประโยชน์ได้เยอะ ถ้าเอาไปละลายกับน้ำ จะได้เป็นกรดกำมะถัน สามารถกร่อนเหล็กดีๆให้ผุได้โดยไม่ต้องตัด แถมเวลาผสมกับน้ำ มันยังมีก๊าซที่ไวไฟพอควร ผมกะจะเอาก้อนกำมะถันไปหยอดไว้ในส้วมที่พวกมันใช้ ถ้าไอ้พวกนั้นเผลอจุดบุหรี่ในส้วม


    มันจะกลายเป็นระเบิดถังขี้ที่ทั้งเหม็นและอันตราย  คือดีไม่ดีคนที่โดนจะตายเอา....

     

    แต่หลังจากที่พวกมันทะเลาะกันเองจนเละในหลายๆคืนมานี่ ผมก็เลิกคิดจะทำ คืออะไรที่มันเกิดขึ้น มันเพียงพอแล้วสำหรับผม อย่างน้อยๆพวกมันก็เลิกรวมหัวกันรุมกระทืบ ให้ต้องเจ็บตัวหรือมีท่าทางที่จะก้าวร้าวใส่ผมอีก เพราะทุกวันบุหรี่ที่ผมจุดจะต้องผลัดกันสูบจนครบทั้งห้องขังโดยที่ผมไม่ต้องดูดกะพวกมันด้วย

     

    จากนั้นอีกไม่นานผมก็ถูกปล่อยตัว เพราะความผิดของผมมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนัก

     

    ถึงตรงนี้ผมต้องรีบหาวิธีจัดการกับไฟล์ข้อมูลที่ซ่อนเอาไว้ในเสื้อแจ็คเกตขับมอเตอร์ไซค์  ผมเก็บเอาไว้ตั้งแต่ออกจากเมืองตะวันออก  ถ้าไม่รีบน่ากลัวว่าจะมีเรื่องให้เหนื่อย ตามมาอีกไม่ได้หยุด


    แต่เรื่องวุ่นๆก็ไม่จบ.......เพียงแค่ก้าวเท้าออกจากเรือนจำ คุณมิเรียมก็มายืนทำสวยอยู่ปากทางออกประตูคุกโดยที่ผมนึกไม่ถึง

     

    “ เป็นยังไงบ้าง ” เธอถาม

    “ ก็ตื่นเต้นดี ” ผมตอบหน้านิ่ง

    “ ที่นี้จะบอกฉันได้หรือยังว่า ดร.วิลเลี่ยมอยู่ที่ไหน ”

    “ ถูกฆ่าอยู่ที่เมืองตะวันออก ศพหาไม่พบ เกือบทุกอย่างถูกเผา ” ผมตอบ

    “ พาฉันไปได้ไหม ”

    “ คุณคิดว่าผมจะช่วยคุณอีกหรือ ทั้งๆที่คุณเองไม่เน่าตายในตึกนั่นก็เพราะผม แต่กลายเป็นผมโดนจับขังทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด”

        “ ฉันขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ตอนนั้นฉันเองก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะต้องนอนพักฟื้นอยู่เกือบครึ่งเดือน พอออกมาจากโรงพยาบาล ฉันก็ยืนเรื่องให้ปล่อยคุณเป็นอย่างแรก ”

    “ พอๆ จบเหอะ ผมว่าผมเหนื่อยกับคุณมาพอแล้ว ” พูดจบผมรีบเดินออกจากที่นั่น

     

    ผมรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรบางอย่างที่พิเศษ เธอสามารถจับโกหกและแกะรอยได้ดีจนน่ากลัว โชคดีว่าไอ้ความรู้สึกผิดที่เธอทำเอาไว้กับผม มันทำให้ความสามารถของเธอไม่แหลมคมเท่าเดิม แต่อารมณ์ของเธอก็เป็นเพียงเรื่องฉาบฉวยที่เกิดขึ้นไม่นาน ผมไม่สามารถพูดกับเธอต่อไปโดยไม่มีพิรุธ เนื่องจากตอนนี้สิ่งที่เธอกำลังตามหามันซุกอยู่ในหน้าอกข้างหนึ่งของผม ซึ่งอยู่ห่างจากเธอเพียงสามสี่ก้าวเท่านั้น

     

    “ อิน คุณรอก่อนซิ ”

    “ บ๊ายบาย ” ผมตัดบทและรีบเดินออกมาอย่างไม่เหลี่ยวหลัง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×