คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #53 : โชคชะตาและคณะเดินทางอันแปลกประหลาด 2
“เฮ้ยเอ็งไปอยู่ที่ไหนถึงรอดคุกได้ตั้งนานวะ” เสียงผู้ใหญ่คนหนึ่งถาม
“ นอกกำแพงน้า ” ผมตอบชายขี้คุกสูงวัยที่ปรี่เข้ามาทัก
ในนี้เป็นห้องขังที่มี ตัวแสบอยู่รวมๆกัน 8 – 9 คน มันห้องเล็กๆ แต่ดูเหมือนมีการลำดับอาวุโสอยู่ภายใน ถ้าผมพูดจาไม่ถูกหูหรือทำตัวขัดใจลูกพี่ในห้องนี้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ "การถูกรับน้อง" แต่ถ้าผมแสดงอาการหวาดกลัวหรือนอบน้อมเกินไป ผมจะกลายเป็นคนที่อยู่ในตำแหน่งสุดท้ายของฝูงซึ่งถูกพวกนั้นรังแกอยู่ดี แต่ในที่สุดผมก็อยู่ท่ามกลางวงล้อมของชายฉกรรจ์ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความรุนแรง โดยไม่ทราบจุดประสงค์ สถานการณ์ตอนนี้มันเลวร้ายเกินกว่าที่คิด ห้องแคบๆ จำนวนคนที่มากกว่า และดูเหมือนคนพวกนี้ต้องการจะทำร้ายผมเพียงเพราะต้องการแสดงความเป็นเจ้าถิ่น ผมต้องหาจุดเปลี่ยน เพื่อไม่ให้ การมานอนในคุกกลายเป็นการพาตัวเองมาเดือดร้อน
“ หนีไปได้แล้วเอ็งจะกลับมาที่นี่อีกทำไมวะ” ชายอีกคนถามขึ้นในขณะที่ผมถูกล้อม
“ ผมมาตามคน ที่มาจากเมืองตะวันออก ” ผมเริ่มแถ
การโกหกเป็นสิ่งที่ไม่ดีเพราะเมื่อโกหกไปแล้วหนึ่งครั้ง คุณจะต้องโกหกซ้ำต่อไปเรื่อยๆ แต่ผมก็นึกไม่ออกว่าถ้าพูดความจริงออกไป มันจะเกิดอะไรขึ้น ข้อมูลของ ดร. วิลเลี่ยม ที่ผมมี เป็นสิ่งที่ไม่ควรให้ใครในที่นี้ทราบ ถึงคนพวกนี้ไม่น่าจะมีใครที่มีความรู้มากพอในการเอาข้อมูลพวกนั้นมาใช้ประโยชน์ แต่ข่าวลือก็เป็นสิ่งที่ผมไม่ควรจะปล่อยให้มันเกิดขึ้น
“ ได้ยินว่าเมืองนั้นแตกไปแล้วนี้ไอ้หนู” ชายที่ดูมีอำนาจมากที่สุดในกลุ่มพูดออกมาจากด้านหลัง
“ ใช่น้า แต่ยังมีคนที่ออกมาจากเมืองไม่ได้” ผมตอบเสียงนั้นกลับไป
“ แล้ว มันเกี่ยวอะไรกับเอ็ง”
“ มีป้าคนหนึ่งที่นั่น ฝากคำสั่งเสียมาบอก แกว่าลูกชายแกติดคุกอยู่ที่นี่ ”
“ แค่คำพูดคนตายไปแล้ว เอ็งถึงขนาดต้องกลับมาติดคุกเลยหรือ ” เขาถาม
“ ข้าวหนึ่งจาน น้ำหนึ่งแก้ว บุญคุณมียังไงก็ต้องใช้คืน ” ผมตอบ
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นเงียบพวกที่ล้อมผมเดินกลับไปหานั่ง พอจะรู้ใช้ไหม ทั้งหมดนั้นมีความจริงแค่ครึ่งเดียว สำหรับผมคนพวกนี้ไม่ได้ชั่วไปซะทั้งหมด พวกเขายังมีสิ่งที่เรียกว่ามโนสำนึกปนอยู่บ้าง การทำให้คนพวกนั้นคิดเอาว่า ผมยอมมาที่นี้เพราะรักษาสัญญา มันสร้างความรู้สึกด้านบวกและทำให้ผมปลอดภัยมากขึ้นเล็กน้อย ....เรียกว่ากระตุ้นความซาบซึ้งใจเพื่อให้คนพวกนั้นไม่คิดจะฆ่าผมให้ตายตั้งแต่ครั้งแรกพบ
“ ลูกชายของป้าคนนั้นชื่ออะไรวะจะได้ช่วยหา ” ใครคนหนึ่งถามขึ้น
...ปัญหาใหญ่เกิดเลยที่นี้
“ ไม่ทันได้ถาม ป้าแกโดนพวกกินคนมันกัดคอ พูดออกมาได้ไม่กี่คำ ก็ไปซะก่อน ได้ยินแค่ว่าตามไอ้หมากลับบ้านที พ่อมันต้องอยู่คนเดียวแล้ว”
ทุกคนที่นั้นแสดงอาการสลดโดนไม่รู้ว่ากำลังฟังผมปั้นน้ำเป็นตัว
“ แล้วป้าคนนั้นล่ะชื่ออะไร ” นักโทษน้ำตาซึมคนหนึ่งถามขึ้น
.....
“ ถ้าผมฟังครูพูดไม่ผิด เหมือนแกจะชื่อป้าแอล ”
“ มึงโกหก ป้าแอล แกเป็นแม่ม่าย ! แกไม่ลูก ! ” เสียงหนึ่งตะโกนขึ้น
ทุกคนหันมามองหน้าผม พร้อมๆกับมือและเท้าเป็นสิบ
ที่พุ่งเข้าใส่ผมแบบไม่ยั้งหลังจากสิ้นเสียง ผมโดนกระทืบจนนอนจมกองเลือดอยู่สลบไปตรงนั้นเอง .. ซี่โครงร้าว ช้ำไปทั้งตัว ยังโชคดีที่
การ์ดมาแยกผมออกจากห้องขังทัน ไม่งั้นคงตาย
สถานการณ์บางอย่างมันก็เกินควบคุมจริงๆ
ถึงตรงนี้รู้สึกว่าโคตรคิดผิดที่ช่วยยัยสองคนนั่นเอาไว้ ผมเจ็บตัวอยู่เกือบ 15 วัน กว่าแผลจะเริ่มหาย และไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ในนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ ดูๆแล้วผมอาจโดนไอ้พวกนั้นระบายอารมณ์ระบายอารมณ์ใส่อีกหลายยก ในระหว่างที่ยังพักฟื้นผมคิดแผนและเริ่มต้นทันทีเมื่อต้องออกจากห้องพักคนป่วย ผมตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากผู้คุม โดยการขายรถซาเล้งแลกกับบุหรี่ ไม่กี่ซอง ความจริงผมเองเป็นคนไม่สูบ เพราะกลิ่นบุหรี่ที่ติดตัวเราเป็นตัวเรียกพวกกินคนที่มีจมูกไวได้อย่างดี แต่สำหรับภายในป้อมปรากการส่วนใหญ่ บุหรี่และยาสูบกลายเป็นของมีราคา ผู้หญิงบางคนยอมเอาตัวเองเข้าแลกเพื่อให้ได้ยาสูบซองเดียว
ผมใช้บุหรี่เพื่อผูกมิตรกับนักโทษอื่นๆในห้องขัง ป้องกันไม่ให้พวกเขาทำร้าย และคิดแผนสำหรับเอาคืน
และเมื่อผมจุดบุหรี่ให้พวกนั้นเห็น .....ท่าทางพวกมันก็เริ่มเปลี่ยนไป
“ เห้ย ไม่คิดจะแบ่งปันบ้างรึไง ” พวกมันคนแรกเดินเข้าหา
“ ผมมีตัวเดียวน้า ”
“ เฮ้ยขอซักคำจะเป็นไรไปวะ”
ผมยืนบุหรี่ตัวที่เพิ่งจุดส่งให้...ไอ้พวกนั้นงับเหยื่อ มันเอาไปสูบโดยไม่คิดที่จะคืนตั้งแต่ทีแรก อันนั้นผมรู้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเป็นสิ่งที่พวกมันมองไม่เห็นและผมตั้งใจจะให้เกิดขึ้น เริ่มจากจากไอ้คนที่เอาบุหรี่ไป มันไม่ได้ต้องการจะแบ่งบุหรี่ให้กับคนอื่น สิ่งที่ตามมาคือความรู้สึกไม่พอใจเล็กๆ ของนักโทษร่วมห้องขัง เพราะไอ้หมอนั้นตั้งใจจะสูบบุหรี่ตัวนั้นเพียงคนเดียว
วันที่สองหลังจากที่ผมจุดบุหรี่ให้พวกนั้นเห็นอีก คราวนี้เป็นชายอีกคนที่ลุกขึ้นและเดินเข้ามาหา “ เฮ้ยลูกพี่ เขาบอกว่าเอ็งควรจะมีน้ำใจกับเขาบ้าง ” มันพูดขึ้น ผมหันไปมองไอ้คนที่เอาบุหรี่ผมไปเมื่อวาน ก่อนยื่นบุหรี่ให้สมุนขาใหญ่ ชนวนแห่งความไม่พอใจ ถูกจุดขึ้นด้วยบุหรี่เพียงสองมวน ชายที่เคยได้บุหรี่ครั้งก่อนมองดู มวนยาสูบอันนั้นในมือของหัวหน้าห้องขัง
ในวันที่สามผม เอาบุหรี่มาสามตัว สองตัวแรกผมรอจะเอาไปให้ลูกพี่ใหญ่ประจำห้องขัง สำหรับอีกตัวหนึ่งผมแกล้งทำตก เมื่อมีคนเก็บบุหรี่ตัวนั้นได้และเอามันไปสูบ ผมจึงเอาไอ้สองมวนที่เหลือไปให้กับขาใหญ่
“ ขอโทษนะลูกพี่ ผมตั้งใจจะเอามาให้สามตัว แต่มีคนขโมยไปตัวหนึ่ง ”
ปรากฏว่าตื่นมาตอนเช้าไอ้พวกนั้นตีกันเองเพราะเรื่องบุหรี่ ไอ้คนที่เอาบุหรี่ผมไปวันแรกถูกแทงด้วยแปรงสีฟันที่ฝนจนแหลม อาการสาหัส....ซึ่งหลังจากวันนั้น เพื่อนร่วมห้องขังก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ในตอนกลางคืนทะเลาะกันเองด้วยสารพัดเรื่องที่จะขุดขึ้นมาได้ สิ่งที่ผมต้องแลกมาคือความไม่สงบของเพื่อนรวมกรง ตกกลางคืนนี้นอนไม่ได้ เสียงตวาด เสียงท้าตีท้าต่อย เกิดขึ้นทุกวัน แต่ก็ไม่มีใครที่จะยุ่งวุ่นวายกับผมอีก
ความจริงผมจะเล่นงานพวกมันหมดทั้งกรงขังนั่นแหละ เวลาในตอนกลางวันพวกนักโทษจะต้องทำงานต่างๆ และกลับมารวมตัวกันอีกทีหลังฟ้ามืด ผมได้งานเป็นคนปลูกผัก ในโรงเก็บปุ๋ยมันมีซัลเฟอร์อยู่สองสามกองใหญ่ ไอ้ซัลเฟอร์ที่ว่านี่มันคือก้อนกำมะถัน พวกนี้ใช้ทุบละเอียดเพื่อ โรยรอบๆแปลงผักไม่ให้งูมันเข้ามากัดนักโทษที่ทำสวน บางส่วนใช้ผสมทำปุ๋ยใส่ต้นไม้
ไอ้กำมะถันนี้ใช้ประโยชน์ได้เยอะ ถ้าเอาไปละลายกับน้ำ จะได้เป็นกรดกำมะถัน สามารถกร่อนเหล็กดีๆให้ผุได้โดยไม่ต้องตัด แถมเวลาผสมกับน้ำ มันยังมีก๊าซที่ไวไฟพอควร ผมกะจะเอาก้อนกำมะถันไปหยอดไว้ในส้วมที่พวกมันใช้ ถ้าไอ้พวกนั้นเผลอจุดบุหรี่ในส้วม
มันจะกลายเป็นระเบิดถังขี้ที่ทั้งเหม็นและอันตราย คือดีไม่ดีคนที่โดนจะตายเอา....
แต่หลังจากที่พวกมันทะเลาะกันเองจนเละในหลายๆคืนมานี่ ผมก็เลิกคิดจะทำ คืออะไรที่มันเกิดขึ้น มันเพียงพอแล้วสำหรับผม อย่างน้อยๆพวกมันก็เลิกรวมหัวกันรุมกระทืบ ให้ต้องเจ็บตัวหรือมีท่าทางที่จะก้าวร้าวใส่ผมอีก เพราะทุกวันบุหรี่ที่ผมจุดจะต้องผลัดกันสูบจนครบทั้งห้องขังโดยที่ผมไม่ต้องดูดกะพวกมันด้วย
จากนั้นอีกไม่นานผมก็ถูกปล่อยตัว เพราะความผิดของผมมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนัก
ถึงตรงนี้ผมต้องรีบหาวิธีจัดการกับไฟล์ข้อมูลที่ซ่อนเอาไว้ในเสื้อแจ็คเกตขับมอเตอร์ไซค์ ผมเก็บเอาไว้ตั้งแต่ออกจากเมืองตะวันออก ถ้าไม่รีบน่ากลัวว่าจะมีเรื่องให้เหนื่อย ตามมาอีกไม่ได้หยุด
แต่เรื่องวุ่นๆก็ไม่จบ.......เพียงแค่ก้าวเท้าออกจากเรือนจำ คุณมิเรียมก็มายืนทำสวยอยู่ปากทางออกประตูคุกโดยที่ผมนึกไม่ถึง
“ เป็นยังไงบ้าง ” เธอถาม
“ ก็ตื่นเต้นดี ” ผมตอบหน้านิ่ง
“ ที่นี้จะบอกฉันได้หรือยังว่า ดร.วิลเลี่ยมอยู่ที่ไหน ”
“ ถูกฆ่าอยู่ที่เมืองตะวันออก ศพหาไม่พบ เกือบทุกอย่างถูกเผา ” ผมตอบ
“ พาฉันไปได้ไหม ”
“ คุณคิดว่าผมจะช่วยคุณอีกหรือ ทั้งๆที่คุณเองไม่เน่าตายในตึกนั่นก็เพราะผม แต่กลายเป็นผมโดนจับขังทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด”
“ ฉันขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ตอนนั้นฉันเองก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะต้องนอนพักฟื้นอยู่เกือบครึ่งเดือน พอออกมาจากโรงพยาบาล ฉันก็ยืนเรื่องให้ปล่อยคุณเป็นอย่างแรก ”
“ พอๆ จบเหอะ ผมว่าผมเหนื่อยกับคุณมาพอแล้ว ” พูดจบผมรีบเดินออกจากที่นั่น
ผมรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรบางอย่างที่พิเศษ เธอสามารถจับโกหกและแกะรอยได้ดีจนน่ากลัว โชคดีว่าไอ้ความรู้สึกผิดที่เธอทำเอาไว้กับผม มันทำให้ความสามารถของเธอไม่แหลมคมเท่าเดิม แต่อารมณ์ของเธอก็เป็นเพียงเรื่องฉาบฉวยที่เกิดขึ้นไม่นาน ผมไม่สามารถพูดกับเธอต่อไปโดยไม่มีพิรุธ เนื่องจากตอนนี้สิ่งที่เธอกำลังตามหามันซุกอยู่ในหน้าอกข้างหนึ่งของผม ซึ่งอยู่ห่างจากเธอเพียงสามสี่ก้าวเท่านั้น
“ อิน คุณรอก่อนซิ ”
“ บ๊ายบาย ” ผมตัดบทและรีบเดินออกมาอย่างไม่เหลี่ยวหลัง
ความคิดเห็น