ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Even the world is crumbling / ต่อให้โลกย่อยยับ

    ลำดับตอนที่ #51 : ความเชื่อมโยงที่ผกผัน จบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.63K
      460
      26 พ.ค. 60

    นี่เป็นคืนที่เงียบสงบ หลังจากที่ต้องดำรงชีวิตแบบฮาร์ดคอร์มาหลายวัน ผมรู้สึกผ่อนคลายแม้จะอยู่ในห้องลับที่มืดทึบและอบอ้าว แถมต้องทนดมกลิ่นซากเน่าที่แห้งๆ โดยที่ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อกลางวัน แต่ถึงอะไรๆมันจะห่วย อย่างน้อยผมก็ได้รู้ถึงต้นเหตุของเรื่องวุ่นวายที่ทำให้ผมต้องเข้ามาเกี่ยวอย่างเลี่ยงไม่ได้

     

    ผมปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปกับความมืด เพื่อหาทางออกที่มองไม่เห็นและไม่มีแม้แสงสว่าง  ในที่สุดผมก็หลับไปทั้งอย่างนั้น กลางคืนของคนคิดมากมักจะมีสองสิ่งเกิดขึ้นเสมอ อย่างแรกคือเก็บเรื่องต่างๆมาคิดจนเอาไปฝัน....อาการมักเกิดขึ้นในเวลาที่ร่างกายมันเหนื่อยสุดๆแต่สมองยังคงทำงานอยู่

     

    ส่วนอีกอย่างคือนอนไม่หลับ    

     

    โดยปกติในหัวกลวงๆของผมไม่ค่อยจะมีเรื่องอะไรที่ต้องเก็บมาคิดให้รก ก็อย่างที่บอก ชีวิตมันมีเรื่องที่จัดการได้กับเรื่องที่ต้องปล่อยวาง เรื่องไหนช่วยไม่ได้ก็ต้องช่างแม่ง....

     

    แต่สำหรับคืนนี้ผมฝัน ....ผมฝันว่าถูกแมวยักษ์สองตัวไล่ล่า ไม่ใช่เสือนะ แต่เป็นแมวยักษ์ ที่บอกว่าเป็นแมวเพราะมันไม่ได้ร้องเสียงโฮกแต่ร้องเหมียวๆ ในฝันไอ้แมวสองตัวนี้กำลังเล่นงานผมเหมือนเป็นกิ้งก่าหรือแมลงตัวเล็กๆ  ไม่ได้ต้องการฆ่าอย่างจริงจัง แค่ตบเล่นๆจนตาย


    ผมสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกเวียนหัวและมวนท้องจนต้องอ้วกออกมา

     

     การอ้วกโดยไม่มีอะไรตกถึงท้องทั้งแต่เมื่อวานเย็นๆมันก็ทรมานไม่เบา เพราะการสำรอกของผมมันไม่มีเศษอาหาร นอกจากน้ำย่อยขมๆ ที่ทำให้รู้สึกปวดท้อง พ่วงด้วยอาการแสบร้อนไปทั้งลำคอและหน้าอก โดยปกติผมไม่เคยเชื่อเรื่องงมงายประเภทลางบอกเหตุ แต่กลายเป็นว่าครั้งนี้ผมเองกลับรู้สึกแปลกๆและไม่สบายใจ  พยายามที่จะบอกกับตัวเองว่าเพราะสิ่งที่คิดอยู่ในหัวมันเป็นเรื่องที่ผมควบคุมได้ เพียงแต่ต้องทำอย่างรอบคอบ ตัดสินใจผิดนิดเดียวนอกจากตัวเองจะพัง คนอื่นๆยังจะต้องมารับเคราะห์กับความบ้าที่ไร้ขอบเขตของพวกผู้นำกระหายเลือดอีกหลายพันหลายหมื่นชีวิต

     

    ตอนนี้การเดินดุ่มๆ เอาข้อมูลที่เจอไปให้พวกทวีปหลักหรือออชิเดน ข้างใดข้างหนึ่งลืมมันไปได้เลยผมไม่ทำแน่  คิดแบบเลวร้ายสุดๆ สมมุติว่าให้ฝั่งหนึ่งไป แล้วอีกฝั่งหนึ่งไม่พอใจ พาลเป็นปัญหาระหว่างดินแดนขึ้นมาก็นรกแล้ว ที่นี่อ่อนแอเกินกว่าจะไปสู้รบตบมือกับมหาอำนาจอย่างพวกทวีปหลักหรือออชิเดน แค่เอาตัวให้รอดจากพวกกินคนยังเหนื่อย เกิดทำเรื่องไม่ถูกใจรุ่นใหญ่ข้างใดข้างหนึ่งขึ้นมานี่ คือตกเป็นที่ระบายอารมณ์เอาง่ายๆเลยนะ

     

    การเอาข้อมูลพวกนี้ไปให้กับผู้ครอบครองดินแดน ดูเหมือนจะเป็นทางออกที่ดี เพียงแต่ผมก็รู้สึกไม่ไว้ใจผู้ปกครองของตัวเองเท่าไหร่นัก เอาแค่ที่รู้ พวกนี้ชอบมีกำลังภายในแบ่งข้างทะเลาะกันเอง ตามความรู้สึกแล้ว เนื้อแท้ของคนพวกนี้ชอบเอาเปรียบคนอื่นๆ ไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ตัวเองเป็น คือหน้าที่สำคัญในการรับผิดชอบต่อชีวิตพลเมือง ปัญหาใหญ่ที่ตามมาคือความเป็นเอกภาพมันไม่มี ในกรณีที่พวกมันไม่เชื่อในข้อมูลที่ผมมี ผมอาจโดนถีบส่งไปให้พวกออชิเดน โทษฐานที่ทำตัวให้เกิดผลเสียต่อดินแดน ยิ่งโดนประกาศจับที่คุณมิเรียมเธอฟ้องเอาด้วยโอกาสเป็นไปได้มีสูงมาก  แต่กลับกัน ถ้าคนพวกนี้เกิดเชื่อว่าผมถือของสำคัญของพวกต่างทวีปเอาไว้ พวกมันก็คงจะเก็บไว้เองเพื่อหาผลประโยชน์ใส่ตัว สุดท้ายอีกฝ่ายก็จ้องหาเรื่องทะเลาะ คิดๆแล้วนอกจากไม่มีประโยชน์ยิ่งจะทำให้เกิดความวุ่นวายเปล่าๆ

     

    ดีที่สุดคือทำลายมันทิ้ง หรือเก็บเอาไว้กับตัว แล้วไปหาที่เงียบๆใช้ชีวิตอยู่สงบๆ จริงๆถ้าทำลายทิ้งมันน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แค่ล้วงออกมาจากกระเป๋าแล้วทุบให้เละก็คือจบ เพียงแต่ถ้าทำแบบนั้นมันก็น่าเสียดายไปหน่อย เพราะความรู้พวกนี้มันเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายและอาจมีประโยชน์กับพวกเราในอนาคต  ผมเลยยังคงลังเล เปรียบเทียบง่ายๆ เหมือนที่เรารู้ว่าไฟมันสามารถใช้ทำกับข้าว ใช้ไล่แมลงหรือให้ความอบอุ่น นั่นแหละ การใช้ไฟแบบนั้นคือความรู้ที่ดี แต่ไอ้ไฟตัวเดียวกันนี้ ถ้าใครเกิดเอาไปใช้เผาบ้านคนที่ไม่ชอบหน้า หรือใช้ฆ่าคนอื่น มันก็จะกลายเป็นความชั่วร้ายไป

     

    วิธีการต่างหากที่จะตัดสินว่าสิ่งที่เราเอาไปใช้ มันถูกต้องหรือไม่    

     

    ผมจำใจเลือกวิธีการสุดท้าย แต่จะทำลายข้อมูลที่มีทิ้งรึเปล่า คงต้องแล้วแต่สถานการณ์  จริงๆก็คิดถึงวิธีนี้ตั้งแต่ที่แรก แต่ปัญหาก็คือผมจะไม่สามารถทำอาชีพเดิมๆและใช้ชีวิตสบายๆเหมือนที่เคยเป็นได้อีกต่อไป การต้องสูญเสียตัวตนเดิมๆที่เรามีความสุขบางทีมันก็ทำใจยาก นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมกังวลและไม่อยากที่จะยอมรับ

     

    ผมทำลายห้องทดลองนั้นด้วยไฟ อะไรก็ตามที่เคยอยู่ที่นี่มันไม่ควรถูกใครค้นพบ

     

    ถึงตรงนี้ผมไม่มีความจำเป็นหรือเหตุผลอะไรที่จะต้องอยู่ในเมืองนี้อีก ผมกลับไปยังปราการของชุมชนเป็นครั้งสุดท้าย ครูและลุงหนูพยายามรบเร้าให้ผมอยู่ต่อ แต่ผมปฏิเสธอย่างสุภาพและรีบออกมาจากห้องทำงานของครู เพื่อทำหน้าที่ประจำวันเป็นการทิ้งทวน ตกเย็นผมกลับเข้ามาในห้องพักพร้อมกับทิ้งจดหมายเอาไว้ให้เมฆ ผมบอกกับเมฆว่า ถ้าเมืองนี้ต้านพวกกินคนไม่ไหวให้เขาหนีไปอยู่กับครอบครัวของผมซึ่งอยู่ถัดไปจากแนวปรากการหลัก โดยไม่ให้แวะที่ชุมชนแห่งนั้นเพราะพวกเขาไม่ต้อนรับกลุ่มชีวิตที่สอง บ้านของผมน่าจะปลอดภัยกับเมฆและคนอื่นมากกว่า


    ตกกลางคืนพวกกินคนกลับมาที่นี้บ้าง แต่ไม่มากนัก ผมไม่ได้คุยกับเมฆหรือไอ้ตัวเล็กสองคนนั่นอีก และเมื่อรุ่งเช้ามาถึง ผมออกเดินทางอีกครั้ง


    แต่คราวนี้ไม่มีจุดหมายปลายทางที่แน่ชัด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×