ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Even the world is crumbling / ต่อให้โลกย่อยยับ

    ลำดับตอนที่ #35 : หลบหนี 2

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.48K
      510
      3 พ.ค. 60

    ผมไม่มีโอกาสที่จะไปถึงเมืองร้างก่อนค่ำ พอๆ กับไม่มีโอกาสที่จะมีชีวิตรอดอยู่นอกแนวป้องกันในเวลากลางคืน  เส้นทางที่มุ่งไปยังเมืองร้างทางตะวันออกมันต่างออกไปจากถนนเส้นที่ผมพาพวกออชิเดนมา

     

    สองข้างทางมันเป็นที่เปลี่ยว มีสิ่งปลูกสร้างสมัยโลกเก่ามีอยู่เพียงเบาบาง นอกจากจะไม่เหมาะเป็นที่พักค้างคืน ยังอาจกลายเป็นบ้านของพวกกินคนอีกด้วย เนื่องจากเวลากลางวัน ในบริเวณนี้ไม่ค่อยมีสถานที่ให้พวกมันไว้ใช้ซ่อนตัว ยกเว้นในส่วนที่เคยเป็นเหมืองขนาดใหญ่ มันยังมีร่องรอยของการระเบิดภูเขา นั่นทำให้มีโพรงและถ้ำจำนวนหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์ยุคเก่า

     

    และตอนนี้ถูกพวกกินคนใช้เป็นที่อาศัย

     

     ต้องหาที่หลบให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ที่ไหนดีล่ะ ?

     

    ในสถานการณ์ที่แย่ที่สุด ผมอาจจะต้องเลียนแบบการเอาตัวรอดตามธรรมชาติ อย่างแรดหรือหมูป่าที่ชอบเอาตัวไปเกลือกในกองโคลนเพื่อนอำพรางกลิ่น แต่การนอนแช่ในขี้โคลนนิ่งๆทั้งคืน มันก็ยังมีจุดเสี่ยง เพราะที่แบบนั้น มันเป็นแหล่งที่สัตว์ชนิดอื่นจะลงมากินน้ำ ผมอาจไม่ตายเพราะพวกกินคน แต่การโดนช้างเหยียบ หรือควายป่าขวิดไส้ทะลัก มันก็ตายเหมือนกัน ถึงโชคดีที่ไม่โดนสัตว์ใหญ่รบกวน แต่พวกแมลงเล็กๆที่สร้างความรำคาญก็อาจจะทำให้ผมทนไม่ไหว....

     

    โดยปกติถ้าเข้าตาจนการปีนไปอยู่บนยอดไม้สูงๆจนเช้า คือทักษะมาตรฐานของการเอาตัวรอด แต่ผมก็ไม่คิดทำแบบนั้นอีกเหมือนกัน เรื่องของเรื่องผมเคยรู้จักกับลุงคนหนึ่งแกชอบอวดใครต่อใครตอนเมาๆว่าไม่เคยกลัวพวกกินคน ถ้าหาที่ซ่อนไม่ได้ ก็ให้ขึ้นไปอยู่บนยอดไม้ แกเอาตัวรอดด้วยวิธีนี้มานักต่อนัก  เลยมีคนที่หมั่นไส้ท้าเดิมพัน ว่าถ้าแกอยู่บนต้นไม้จนเช้าอย่างที่แกโม้เขาจะซื้อเหล้าให้แกกินทั้งปี แกก็รับเดิมพันที่มีคนท้าทายแบบไม่คิด.... วันนั้นเราทุกคนก็เลยไปเป็นสักขีพยานสำหรับการเดิมพันของลุง ผมยืนมองตั้งแต่แกเริ่มปีน จนขึ้นไปอยู่บนยอดไม้ลิบๆ    แกโบกไม้โบกมือลงมาให้เราอย่างคนมีความมั่นใจ

     

    .........พอรุ่งเช้าของอีกวันเราก็กลับไปหาแกที่ต้นไม้ต้นนั้น

     

    ก็จริงของแกนะว่าอยู่บนยอดไม้สูงๆ มันพอที่ใช้จะหลบพวกกินคนได้... แต่ไอ้ตรงง่ามไม้ที่แกขึ้นไปอยู่เมื่อวาน กลายเป็นงูเหลือมตัวใหญ่มานอนอ้วนไม่กระดิกแทน

     

    สรุปคือลุงแกไปนอนหลบพวกกินคนอยู่ในพุงพี่เหลือมซะอย่างนั้น....

     

    ก็เพราะเรื่องนี้แหละสำหรับผม........คำโบราณว่าไว้ ก็เชื่อไม่ได้ทุกครั้ง

     

    ผมยังคงนั่งอยู่บนอานมอเตอร์ไซค์ ในขณะที่แสงแดดเริ่มริบหรี่ แต่ก็ยังตัดสินใจหาทำเลดีๆสำหรับคืนนี้ไม่ได้  อากาศในป่าเริ่มเย็นลงนิดหน่อย ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า แต่รู้สึกว่าไอ้ที่ต้นไม้ขึ้นเยอะๆมันมักจะมืดเร็วกว่าที่โล่งๆ  ตอนนี้ผมต้องใช้ไฟหน้ารถส่องมองทางและต้องรีบตัดสินใจว่าจะเอายังไงกับชีวิต ก่อนที่ไอ้พวกนั้นจะเริ่มออกอาละวาด

     

    ขับต่อไปอีกพักหนึ่งผมก็พามอเตอร์ไซค์คันใหญ่วิ่งทะลุผ่านแนวป่า ผมเห็นทางรอดที่มีอยู่น้อยนิด จากหลังคาโรงงานร้างที่มีแท๊งค์น้ำขนาดใหญ่

     

    แท๊งค์น้ำเก่าๆนั่น มันสูงจนมองเห็นแม้จะอยู่ในที่ไกลๆ...... ถึงไม่รู้ว่าในโรงงานนั่นจะมีพวกกินคนรออยู่รึเปล่า แต่คืนนี้ยังไงคงจะต้องปีนขึ้นไปนอนอยู่บนนั่นอย่างไม่มีทางเลือก





     แต่บางทีชีวิตมันก็ตลกนะ ในบางสถานการณ์เรารู้สึกว่าซวยแล้ว กลับมีเรื่องที่ซวยมากว่าโผล่เข้ามาทำให้ปวดกบาลยิ่งขึ้นไปอีก  ถ้ามีใครบางคนที่อยู่บนฟ้าแล้วคอยสร้างเรื่องเพื่อหัวเราะเยาะโชคชะตามนุษย์ ผมคิดว่าบางทีชีวิตของผมก็ถูกท่านแกล้งบ่อยจนเกินไป........

     

    แม่งขับมาจะถึงที่หลบตรงหน้าแล้วแท้ๆ  ผมดันเห็นเด็กเล็กๆสองคนเดินร้องไห้อยู่ข้างทาง !

     

    ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนดีเท่าไหร่หรอกแต่ถ้าไม่ช่วยนี่ก็เลวเกินไป คือรู้ทั้งรู้ว่าถึงช่วยก็อาจจะลากกันตายหมด  แต่ก็ทำใจทิ้งเด็กไว้แถวนั้นแล้วเอาตัวรอดนี่  ไม่ได้จริงๆ


    ... ผมจอดรถตรงที่แกยืนอยู่  จับทั้งไอ้คนพี่คนน้องขึ้นมานั่งข้างหน้าโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ 


    แล้วไม่ถามด้วยว่าอยากไปกับผมรึเปล่า 

     

     แต่ในระหว่างที่เตรียมตัวจะไปต่อ สิ่งที่เห็นในดงหญ้ารอบๆตัวคือร่างคนสูงๆ ที่ค่อยๆยืนขึ้น ทีละตัวสองตัว  ... จนเต็มพรืดไปหมด


    พวกมันยังยืนกันนิ่งนะ.......... แต่ก็ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่า พวกมันทั้งหมดมีความจำนง จะใช้เราทุกคนเป็นอาหารดินเนอร์ในมื้อนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

     

    บอกตรงๆว่าตอนนี้กลัวจนขนคอตั้งชัน วินาทีนี้ บิดไปจนถึงโรงงานนั่น ก็ไม่รู้จะรอดรึเปล่า

     

    แต่ก่อนที่อะไรๆมันจะแย่ไปกว่านั้นผมสับเกียร์และออกตัวไปแล้ว !

     

    รถของผมเร่งความเร็วจากศูนย์ขึ้นไปแตะร้อยยี่สิบ ภายในระยะเวลาราว 7 วินาที ไอ้ผีบ้าข้างหลังปล่อยให้ผมออกตัวก่อนเหมือนจะต่อให้  ก่อนจะเริ่มวิ่งไล่กวดยังกะมันเป็นนักวิ่งร้อยเมตรในโอลิมปิค เห็นแค่ในกระจกหลังแว๊บๆยังเสียว นี่ยังมีไอ้พวกที่กระโดดเข้าขวางข้างหน้า อีกสามสี่ตัว พร้อมพวกที่อยู่ข้างๆ แต่ยังวิ่งมาไม่ถึงอีกนับสิบ

     

    ได้เวลาวัดใจ................... ถ้ารถล้มคือจบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×