คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro
...จากดวงหทัยนางผู้เป็นพระมารดาแห่งสรรพสิ่ง...
...อ้อมแขนแห่งมารดานี้จะโอบเจ้าไว้...
...หยาดน้ำตาที่ไหลรินอาบดวงตากลมโตของเจ้า...
...กำลังเปล่งประกายพร้อมกับบทเพลงแห่งความทุกข์ตรม...
...บทเพลงนี้ยังคงร่ำร้องเพลงเพียงลำพังต่อไป...
...ท่ามกลางพระเพลิงแห่งสงครามที่รายล้อม...
...
...
...
เสียงร้องเพลงที่แหบแห้งจากริมฝีปากที่ซีดเซียวของใครบางคน ดังขึ้นเบาๆท่ามกลางสายฝนที่โหมซัดเข้ามายังเมืองที่บัดนี้ได้กลายเป็นเศษซากจากการปะทะกันระหว่างมนุษย์ด้วยกันในสงคราม...
สงครามในครั้งนี้ได้รับการขนานนามว่า...
...สงครามแห่งสัญชาตญาณ...
ร่างของใครบางคนกำลังเดินโซเซไปมาท่ามกลางสายฝนนี้ไปพร้อมกับร้องบทเพลงที่ฟังดูเหมือนเพลงกล่อมเด็กด้วยน้ำเสียงแหบแห้งและอ่อนแรง เจ้าของเสียงนั้นคือเด็กหนุ่มอายุครุ่นคราวประมาณสิบเจ็ดปี ผิวพรรณขาวซีดเพราะหนาวเหน็บจากสายฝนที่ตกลงมา ผมสีน้ำตาลเข้มของเขาทั้งด้านและยุ่งเหยิง เสื้อผ้าขาดวิ่นมอมแมมตามประสาคนเร่ร่อนที่ยากไร้ เท้าเปล่าทั้งสองย่างเดินไปตามทางที่เต็มไปด้วยน้ำขังโดยไม่รู้ทิศทาง ดวงตาของเขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีหม่นที่ดูท่าจะไม่กลับมาเป็นสีฟ้าสดใสอย่างเลื่อนลอย แต่ด้วยหยาดฝนที่ตกลงมานั้นทำให้น้ำตาที่หลั่งรินออกมาจากดวงตาของเขาหลอมรวมกับน้ำฝนไปจนดูไม่ออก...
“ทุกคน...ตายหมดแล้ว...เหลือแค่...เรา...คนเดียว...แล้ว...สินะ...” เด็กหนุ่มพูดอย่างเศร้าสลดด้วยน้ำเสียงสั่นทั้งน้ำตา...
“คนที่...ควรจะตาย...มันน่า...จะเป็น...เรา...มากกว่า...” สิ้นเสียง เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกไร้เรี่ยวแรงที่จะก้าวเดินต่อ ดวงตาเริ่มพร่ามัวทำให้มองสิ่งต่างๆเบื้องหน้าได้ลำบาก ก่อนที่จะปิดลงพร้อมกับร่างทั้งร่างที่เริ่มล้มลงแนบพื้นที่มีน้ำขังอย่างอ่อนแรง
...
...
...
...เด็กน้อยเอ๋ย...
...ใยเจ้าถึงยังร่ำร้องท่ามกลางสายพิรุณ...
...ตราบาปที่ก่อในใจนั้นหรือที่ทำให้เจ้าเป็นเช่นนี้...
...หรือเพราะพระเพลิงที่รอบกายเจ้านั้นเล่า...
...แต่ไม่ว่าเหตุใด...
...เจ้าก็ยังมิวายที่จะเปล่งบทเพลงแห่งความโสมนัสนี้เรื่อยมา...
...
...
...
ในห้วงนิมิตของเด็กหนุ่มนั้น...ขาวโพลนประหนึ่งอยู่ท่ามกลางม่านหมอก...
แต่ไม่ทันไร...ภาพของหญิงสาวนางหนึ่งปรากฏอยู่เบื้องหน้า...
มือเรียวของหญิงตรงหน้าค่อยๆยื่นเข้าหาเขาราวกับต้องการเชื้อเชิญให้เขาไปหา...
รอยยิ้มที่อ่อนโยนของนางผู้นั้น ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกอบอุ่น ความโศกเศร้าที่มีอยู่เต็มอกได้ถูกชำระล้างออกไปพร้อมกับรอยยิ้มตรงหน้า...
เด็กหนุ่มผู้น่าสงสารค่อยๆยื่นมือที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงของตนออกไปหามือของหญิงตรงหน้า เขายิ้มรับให้กับหญิงสาวตรงหน้าด้วยความรู้สึกต่างๆทั้งดีใจ อุ่นใจ ตื้นตันใจอย่างเต็มเปี่ยม...
หญิงสาวเจ้าของรอยยิ้มอันอ่อนโยนนั้นดึงมือของเด็กหนุ่มเข้าหาตนเบาๆ พร้อมกับโผกอดด้วยอ้อมแขนที่เต็มไปด้วยความรักความอบอุ่นตามประสาคนเป็นแม่...
“นับจากวินาทีนี้ไป...เธอคือลูกชายตัวน้อยของแม่นะจ๊ะ...” เสียงหวานของเธอกล่าวขึ้นมาพร้อมกับลูบเรือนผมสีน้ำตาลเข้มของเด็กหนุ่มในอ้อมแขน ราวกับต้องการจะกล่อมขวัญเด็กน้อยในอ้อมแขนตนที่บัดนี้หลับใหลอยู่ทั้งรอยยิ้มที่ประทับอยู่บนริมฝีปากที่ซีดเซียว...
...
...
...
...หัตถ์แห่งมารดานั้น...
...ยื่นเข้าหาเด็กน้อยผู้นั้นช้าๆ...
...ดวงตาที่อาบไปด้วยหยาดน้ำตาแหงนมองตอบด้วยความประหลาดใจ...
...แสงนวลที่อาบส่องร่างพาให้หัวใจดวงน้อยนั้นลอยล่องดุจขนนก...
...มารดาที่เด็กน้อยฝันหา...
..บัดนี้ได้ขานรับบทเพลงที่ไม่เคยมีใครขานตอบของเด็กน้อยแล้ว...
...
...
...
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
ขณะเดียวกัน ณ ฐานกองกำลังองค์กรแอสการ์ด...
“จีอาออกปฏิบัติการเองโดยไม่มีใครควบคุมงั้นเรอะ!?” เสียงของสาวใหญ่วัยสามสิบในชุดเครื่องแบบดังขึ้นด้วยความประหลาดใจเมื่อได้รับข่าวจากฝ่ายช่างซ่อมบำรุงประจำฐาน ดวงตาสีเขียวของเธอภายใต้แว่นตากรอบบางแสดงให้เห็นได้ชัดเลยว่าเธอตกใจกับเหตุการณ์นี้มากทีเดียว
“ค่ะ! ผบ.มิวเซส ตอนนี้หน่วยช่างซ่อมบำรุงที่คอยดูแลจีอากำลังตามหาตำแหน่งที่จีอาอยู่ค่ะ” หญิงสาววัยไล่เลี่ยกันในชุดเครื่องแบบที่มีลักษณะรูปแบบของชุดไม่เหมือนกันแต่มีเอกลักษณ์อยู่ว่าเธอเองก็อยู่ฐานทัพนี้ กล่าวเสริมเพื่ออธิบายสถานการณ์
“แล้วเดวาเครื่องอื่นล่ะ ยังอยู่ใช่ไหม?” หญิงผู้ถูกเรียกว่าผบ.มิวเซสกล่าวถามความปลอดภัยของเดวา ซึ่งเป็นจักรกลรูปร่างมนุษย์ที่ถูกเก็บอยู่ในองค์กร
“เดวาเครื่องอื่นยังอยู่ค่ะ...อ้อ! แล้วจีอาเองก็ได้ทิ้งข้อความเอาไว้ให้ด้วยค่ะ”
“แล้วข้อความนั่นเขียนว่าไงบ้าง?”
“เขียนว่า ‘มีผู้ขับร้องบทเพลงนั้นแล้ว...’ค่ะ”
“งั้นคงไม่ต้องกังวลแล้วล่ะ...” ผบ.มิวเซสกล่าวอย่างโล่งอกก่อนที่จะทิ้งกายลงบนเบาะเก้าอี้โต๊ะทำงานด้วยความสบายใจ
“ทำไมล่ะคะ...หรือว่าจีอาจะ...” หญิงสาวกล่าวถามผู้เป็นหัวหน้าด้วยสีหน้างุนงง ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนไปเพราะเริ่มเข้าใจในคำพูดของหัวหน้าตนเอง...
“ใช่...เตรียมตัวต้อนรับเพอร์โซน่าคนที่ห้าได้เลย!!” ผบ.มิวเซสกล่าวด้วยสีหน้าเริงร่าราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ได้เลวร้ายเลยซักนิด
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
สายฝนที่ตกลงมาท่ามกลางซากเมืองนั้น บัดนี้ได้หยุดลงแล้ว แสงอาทิตย์สาดส่องผ่านทะลุก้อนเมฆลงมากระทบกับร่างจักรกลอันมหึมาที่รูปร่างละหม้ายคล้ายสตรีเพศ ด้วยสายเคเบิ้ลหนาหลายสิบเส้นที่ยาวล้ำออกมาจากหมวกเกราะสีเงิน บวกกับชุดเกราะที่ประดับเพียงน้อยชิ้นทำให้ดูบอบบางสมกับที่เป็นผู้หญิง
ดวงตาเรียวเล็กที่ส่องแสงประกายแสงสีฟ้าของจักรกลนั้นก้มลงมองเด็กหนุ่มร่างเล็กที่สลบอยู่เบื้องหน้าตน ก่อนที่จะก้มลงยื่นมือที่ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนโลหะนับร้อยชิ้นของตนช้อนร่างตรงหน้าขึ้นมาอย่างอ่อนโยน และค่อยๆลอยตัวขึ้นจากพื้นด้วยพลังของละอองแสงสีทอง ที่ถูกปล่อยออกมาตามตัวเครื่องทางด้านหลังแล้วออกบินขึ้นไปสู่ผืนนภาที่ว่างเปล่า...
--To be Continue--
อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมในภายหลังนะคะ^^
ความคิดเห็น