ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Haikyuu fiction - 命に嫌われている (OC) (end.)

    ลำดับตอนที่ #8 : 07 - I act like I’m ok, but I’m really not.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.93K
      305
      26 ธ.ค. 63


    [ 07 ] - I act like I’m ok, but I’m really not.
          
    Haikyuu fiction - 命に嫌われている (feat. oc)




              "ทำไมฉันคุ้นหน้าเธอจัง"

              "—ฉันกลับมาแล้ว"ราวกับรู้จังหวะ นากามุระโผล่หัวมาพร้อมกับถุงกระดาษที่ถูกหิ้วเข้าร้าน เรือนผมสีขาวโพลนถูกรวบเรียบร้อยกำลังปลิวไสว เขาโค้งตัวให้กับลูกค้าเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้ามาตรงหลังเคาน์เตอร์ จิกิถอยห่างทันทีที่เห็นอีกฝ่ายเข้ามา ส่งหน้าที่กลับคืนในทันทีก่อนจะเดินเข้าไปหลังร้านที่เป็นที่อบขนม


              หญิงสาวถอนหายใจหลังปลีกตัวได้สำเร็จ ประโยคเมื่อครู่ทำเอาใจเธอเขวไปชั่วครู่ สมองหวนนึกถึงเรื่องต่าง ๆ จนตีกันไปหมด ความรู้สึกหวาดกลัวว่าจะมีใครจำได้ทำเอาอยากสำรอก หรือหากเป็นประโยคที่ไว้จีบสาวเล่นทั่วไปก็คงแล้วไป ทว่าสายตาที่จ้องมองกลับทำให้จิกิคิดว่ามันไม่ใช่เลย ดวงตาสีผสมวูบไหว ปั่นป่วนราวกับพายุคลั่ง

              เรือนผมสีดำขลับขยับตามการเคลื่อนไหว สองมือประคองแก้มตัวเองพร้อมตบมันด้วยแรงที่เบาที่สุดแต่กระนั้นก็ยังขึ้นรอยแดง ลมหายใจสูดเข้าเต็มปอดก่อนจะเดินออกจากหลังร้านเพื่อกลับไปนอนที่ประจำเหมือนเก่า เธอเห็นสายตาคำถามจากนากามุระ ทว่าก็ยังไม่ได้เอ่ยถามออกมา คงเก็บไว้ตอนถามหลังปิดร้านหรือไม่ก็ช่วงอาหารเย็น

              หญิงสาวทิ้งตัวนอนเหมือนเดิม ทำตัวเป็นแมวตายซากที่ทำหน้าที่ขวางทางเดินชายหนุ่มเหมือนเดิม โทรศัพท์มือถือถูกวางไว้ด้านข้างโดยไม่ได้แตะโดยจิกิทำเอานากามุระฉงนเล็กน้อย เธอเพียงแค่กอดหมอนด้วยอารมณ์เหนื่อยล้า เส้นผมยุ่งเหยิงคลอเคลียใบหน้า เปลือกตาสีขาวปรือมองก่อนปิดลงด่ำดิ่งสู่ห้วงนิทราอันเงียบเหงา

              ชิราฟุเงะ จิคากิ—ชื่อที่ดูไม่ค่อยมีความหมายมากนักแต่ก็แอบซ่อนอะไรหลายอย่างไว้ , ดวงตาสีผสมกะพริบ ภาพจำอันแสนงดงามดูดาษดื่นคล้ายแผ่นฟิล์มอันเก่า เสียงใบไม้ที่หวีดหวิวตามสายลมประหนึ่งบรรเลงเพลง สีบนพื้นถนนถูกย้อมด้วยสีของใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วงอย่างสวยงามเต็มท้องถนนทางเดิน กลิ่นอายของการเริ่มต้นใหม่กำลังจะเริ่มขึ้นเฉกเช่นเดียวกับชีวิตและตัวตนของเธอ

              เหมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์ที่มีตัวเองเป็นผู้ชม มองเบื้องหน้าที่เป็นเรื่องราวพร้อมกับป็อปคอร์นและน้ำอัดลมดูแสนสุข มองตัวตนในตอนอายุสิบสี่ที่ยังคงสดใส รอยยิ้มบนใบหน้านั้นเจิดจ้ากว่าปัจจุบัน ชีวิตของจิคากิมีไม่กี่อย่าง ครอบครัว เรื่องเรียนและเรื่องที่ชอบ วนเวียนราวกับวัฏจักรที่ไม่มีวันจบสิ้น

              เรื่องราวมันก็ดูสดใสประหนึ่งเรื่องครอบครัวปกติทั่วไป ได้เล่นวอลเลย์บอลที่ตัวเองชอบพร้อมกับเพื่อนที่สนิทกัน มีเด็กที่ชอบเข้ามาเจ๋อขอให้สอนอยู่บ่อย ๆ เรื่องเรียนที่ไม่ได้เครียดอะไร —นั่นก็แค่ในสายตาของเธอเพียงคนเดียว นิสัยที่ชอบมองข้ามปัญหาพวกนั้นกลับย้อนทำร้ายตัวเอง กว่าจะรู้ตัวก็อยู่ในจุดที่ความสัมพันธ์พวกนั้นกลายเป็นภาพลวงตา


              "....ลูกช่วยตายหน่อยได้ไหม ?"


              ด้วยรอยยิ้มของทั้งสอง
              เธอได้แต่ร้องไห้ออกมา



              "ไม่คิดว่าจะหลับเอาเป็นเอาตายขนาดนี้"แว่วเสียงแซะลอยมาแต่ไกลด้วยน้ำเสียงทุ้มระรื่นหูของชายหนุ่ม หากไม่ฟังเนื้อความประโยคคงได้เคลิบเคลิ้มแล้วปล่อยผ่านไปอย่างง่ายดาย น่าเสียดายที่จิกิฟังทันแม้จะงัวเงียแค่ไหนก็ตาม ส่งเสียงบ่นกลับไปแม้ว่าจะงึมงำจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์ก็ตาม แสงอาทิตย์สีส้มส่องผ่านกระจกทำให้หญิงสาวเปิดหน้าจอดูนาฬิกา

              นากามุระเท้าคาง เขาชะโงกหน้ามองจากอีกฝั่งของเคาน์เตอร์ "เรื่องที่เจอตอนบ่ายมันเพลียขนาดนั้นเชียว ขนาดทำให้เธอหลับได้นานขนาดนี้น่ะ"

              "ลูกค้านายนั่นแหละตัวดี ที่ตัวสูง ๆ หล่อ ๆ หน่อยน่ะ"เสียงงึมงำตอบกลับ น้ำเสียงขุ่นมัวนิดหน่อย "เขาบอกว่าเขาคุ้นหน้าฉัน—ฉันคิดว่าตอนนั้นฉันก็ไม่ได้ดังสักเท่าไรนะ"

              "แค่ออกนิตยสารหลายเล่ม สัมภาษณ์นิดหน่อยคงไม่ได้ทำให้เธอดังหรอกเนอะ"รอยยิ้มประชดประชันวาดขึ้นจนเธอกำหมัด ส่งสายขุ่นเคืองให้จนนากามุระส่งเสียงหัวเราะ จิกิยันตัวเองจนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เสยเรือนผมไปด้านหลังพลางกะพริบตา มิวายตวัดมองคนที่เพิ่งหยุดหัวเราะไปด้วยสายตาประหนึ่งแมวขู่ในสายตาอีกคน

              จิกิบุ้ยปาก ขยี้ผมจนเส้นผมหลุดร่วง "ฉันฝันเรื่องนั้นอีกแล้ว"

              "หมายความว่าไง"

              "หมายความว่า—นานมากทีเดียวที่ฉันไม่ได้ฝันพวกนี้"


              อาหารเย็นนั้นเรียบง่ายกว่าที่คิด นากามุระไม่ได้เปิดหัวข้อบทสนทนาหรืออย่างไร อาหารเย็นที่จบด้วยข้าวแกงกะหรี่ที่ซื้อก้อนแกงกะหรี่มาจากร้านค้าแล้วเคี่ยวเอง ตบท้ายด้วยของหวานแค่นั้นก็มากพอแล้วที่จะทำให้จิกิหนังตาหย่อนแล้วมุดกลับที่นอนเหมือนเดิม ทว่ามันกลับตรงข้ามกับสิ่งที่คิด ราวกับว่าสิ่งที่กินคือคาเฟอีนทำให้เธอนั่งตาค้างมาจนถึงตีหนึ่ง

              ใช่ว่าตอนบ่ายที่หลับไปจะนานขนาดที่ว่าทำให้นอนไม่หลับเสียหน่อย ด้วยวิสัยปกติแล้วจิกิคงนอนครบเก็บแต้มได้ยาว ๆ เชียวด้วยซ้ำ ไม่ใช่นั่งหมุนเก้าอี้ร้านมาหลายชั่วโมงจนเวลาร่วงโรยมาถึงตีหนึ่งแล้วแบบนี้ ดวงตาสีผสมกรอกมองแสงไฟหนึ่งเดียวที่นากามุระเปิดทิ้งไว้ให้ แสงไฟสีส้มดูอบอุ่นเหลือคณายามอยู่ท่ามกลางความมืดมิด

              หน้าจอมือถือสว่างวาบ เด้งข้อความขึ้นมาในเวลาที่คิดว่าคงไม่มีใครจะส่งมา หญิงสาวเอื้อมมือหยิบก่อนมองชื่อคนส่ง ดวงตาสีผสมกะพริบปริบเมื่อเห็นชื่อคนส่งเต็มตา จะว่าอย่างไรดี จิกิคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ส่งมาในเวลานี้อย่างน้อยก็ไม่คิดว่าจะทักมาด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่ได้เข้ามาอ่านประจวบเหมาะกับตอนที่นากามุระโบ้ยงานมาทันที


              'คุณยังไม่นอน—อย่าบอกนะว่าคุณเล่นเกมดึกขนาดนี้'

              'เธอเองก็ยังไม่นอน ? ใช่และขอโทษด้วยที่ฉันเพิ่งตอบ' บับเบิ้ลเด้งขึ้นมาก่อนจะแสดงข้อความให้ได้เห็น 'บอสตัวนี้มันปราบยากเกินไป ฉันเลยเสียเวลากับมันหลายชั่วโมง'

              'มันคงตึงมือคุณน่าดูเลยใช่ไหมถึงได้ลากยาวขนาดนี้ แล้วคุณไม่นอนเหรอ'

              'เธอเองก็ไม่นอน... ฉันคิดว่าจะเล่นต่ออีกสักหน่อย'

              'ตอนนี้ฉันตาค้างสว่างมาก และคิดว่าคงได้โต้รุ่งเหมือนคุณแน่นอน'

              'มันคงดีถ้าเราสามารถพูดกันมากกว่าพิมพ์แบบนี้' อีกฝ่ายเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพิมพ์ต่อจากข้อความเก่า '...แต่ช่างมันเถอะ'


              หากเป็นปกติแล้วจิกิคงหรี่ตามองแล้วเมินข้ามข้อความพวกนั้นหรือไม่ก็เปลี่ยนเรื่องอย่างแนบเนียนเมื่อมันเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัวของเธอเอง ทว่าความคิดหนึ่งกลับตีสวนขึ้นมาทำให้ตัดสินใจบ้า ๆ ด้วยการพรมนิ้วบนคีย์บอร์ดในหน้าจอ เอ่ยถามเบอร์ของอีกฝ่าย ดวงตาสีผสมวูบไหวพลางคิดไปทางในแง่บวก 

              อย่างไรโลกออนไลน์ก็ยังมีข้อดีของมันเพราะสามารถปิดบังตัวตนกันและกันได้ เธอไม่อาจรู้ว่าคุณเจ้าของแอคคนนั้นเป็นใคร และอีกฝ่ายก็คงไม่รู้เรื่องของเธอเช่นเดียวกัน , เบอร์โทรศัพท์ถูกส่งมาให้อย่างง่ายดายหลังหญิงสาวพิมพ์ขอ ปลายนิ้วสั่นเล็กน้อยยามจะกดเพื่อโทรออก เสียงรอสายคล้ายเสียงหัวใจที่กำลังเต้นอยู่ในอก ก่อนมันจะถูกรับสาย


              ["ฮัลโหล—นี่คงเป็นเบอร์ของแอคนั้นใช่ไหม"] เสียงของอีกฝ่ายนั้นดูเหนื่อยหน่ายเหลือเกิน หากให้เดาก็คงเป็นผู้ชายกระมังในความคิดของจิกิ เพราะได้ยินแต่เสียงทำให้เธอไม่อาจคาดเดาได้ว่าตอนนี้เขากำลังทำหน้าแบบไหนอยู่ เธอฟุบตัวลงขนานกับแนวโต๊ะ เปิดสปีคเกอร์โฟนเพื่อให้ง่ายสะดวกต่อการคุย

              "ฉันคงไม่รบกวนคุณหรอกใช่ไหม ฟังจากเสียงเกมแล้วคุณคงใกล้ด่านบอส"

              ["แบบนี้มันสะดวกกว่า อีกอย่างตอนนี้ฉันกำลังฟาร์มของอยู่ ยังไม่คิดจะเข้าด่านบอสตอนนี้หรอก"] เขาเปล่งเสียงพูดอย่างช้า ๆ ดูเหนื่อยล้าชอบกลตรงข้ามกับสิ่งที่พิมพ์ อาจเพราะว่าคงเป็นฟิลเตอร์ที่จิกิมักมองอีกฝ่ายเป็นประจำหรือเปล่า ทำให้ตอนนี้มันแอบขัดเขินไม่น้อยกับการได้พูดคุยแบบนี้

              "ฉันเองก็หวังว่าคุณจะเคลียร์ด่านบอสได้เร็ว ๆ นะ"จิกิอมยิ้ม น่าเสียดายที่มันไม่สามารถมองเห็นได้ "มิยางิมีเกมส์ออกใหม่ด้วย ดูเข้ากับสไตล์คุณดีนะ"

              ["อ่า.. น่าเสียดายที่ฉันมาช่วงที่มันยังไม่ขาย"]

              หญิงสาวส่งเสียงขบขัน "ฉันสามารถซื้อแล้วส่งไปให้ได้นะ แน่นอนว่าคุณต้องโอนเงินมาด้วยเหมือนกัน"

              ["ฉันโอนให้เธอตอนนี้เลยได้ไหม"] ประโยคของเขากับน้ำเสียงง่วงซึมทำให้จิกิหัวเราะอีกครา ใบหน้าพลิกมองหน้าจอที่ยังสว่างวาบถือสายไว้ แม้ว่าจะดูง่วงแค่ไหนแต่ลึก ๆ จิกิก็ยังสัมผัสได้ถึงความต้องการที่อยากซื้อเกมของเขา ["ฉันคงต้องฝากซื้อเพิ่มสักสองหรือสามเกมส์ จะได้รึเปล่า"]

              "แน่นอน อย่างน้อยก็ควรให้ค่าทิปฉันสักหน่อยนะ"

              ["เงินที่โอนให้ไปพอรึเปล่า—"]


              เสียงข้อความเด้งเข้า ข้อความจากธนาคารทำให้จิกิเลิกคิ้ว กดเข้าดูข้อความนั้นในทันทีก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดังที่นานครั้งจะได้ทำ รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าเหยียดกว้างจนดวงตาโค้งหยีเมื่อเห็นจำนวนเงินที่ส่งให้มาจากปลายสาย 

              เขาจะเลี้ยงอาหารเธอหรือยังไง


              "ฉันไม่โอนคืนให้หรอกนะ"

              ["ฉันโอนไปก็ไม่ได้หวังให้เธอโอนคืนหรอกน่ะ"]



    ◐  命に嫌われている  ◑



              ถามว่าได้นอนไหม— ขอตอบเลยว่าไม่

              เช่นเดียวกับปลายสายที่เพิ่งวางไปเมื่อสักครู่ในเวลาตีห้ากว่า จิกิคงไม่ต้องบอกเลยว่าตาของเธอในตอนนี้คงลึกโหลอย่างแน่นอน ช่วงเวลาตีห้ายังเป็นช่วงเช้าตรู่ แสงอาทิตย์ใต้ก้อนเมฆที่กำลังโผล่พ้นกำลังอาบย้อมพื้นดิน จิกิผงกหัวมองพลางบิดตัวคลายความเมื่อยล้า การพูดคุยกับคนที่ไม่เห็นหน้าแบบนี้ก็ชวนรู้สึกดีไปอีกแบบ

              ดวงตาสีผสมหลุบมองเส้นผมตัวเองอย่างครุ่นคิด ตอนอยู่ในวงการเธอไว้ผมสั้นเพราะมันสะดวกต่อการเล่นวอลเลย์บอล ถึงความจริงจะไว้ผมยาวได้แต่ก็เกะกะจนต้องตัดทิ้งเสียทุกที ครั้งนี้คงเป็นครั้งแรกเลยกระมังที่เธอไว้เลยจนเลยประบ่าขนาดนี้ หญิงสาวพรูลมหายใจพลางมัดผม เดินขึ้นไปยังชั้นสองเพื่อล้างหน้าล้างตา อาบน้ำดูเหมือนจะสดชื่นแต่ก็ไม่

              ข้อความเด้งเข้าอีกคราทว่าไม่ใช่จากของคนนั้น กลับเป็นของเด็กหนุ่มปากเป็ดที่ชักชวนให้เธอเป็นโค้ชจนความลับแตกเป็นเสี่ยง ๆ ปลายนิ้วที่กำลังกดเข้าไปดูหยุดชะงักก่อนจะปัดมันทิ้ง , นากามุระมองคนที่ไม่ได้นอนกำลังเดินลงบันได เดาจากใต้ตาที่คล้ำประหนึ่งหมีแพนด้ากับเบาะที่เจ้าตัวนั่งยังคงอุ่น จะบอกว่าดีที่ไม่ต้องเสียเวลาปลุกหรือจะแย่เพราะว่ามันเสียสุขภาพดีกันนะ


              "สภาพเหมือนคนที่เพิ่งปั่นรายงานเสร็จเลยนะ"ชายหนุ่มยังคงหยอกเย้าไม่เลิก เสียงดูระรื่นหูเสนาะไพเราะเสีย ขณะที่คนที่โดนหยอกนั้นแทบจะลอยเป็นผีไปนั่งเก้าอี้ โผล่หน้ามึน ๆ  ให้ได้เชยชม "แล้ววันนี้จะไปที่นั่นหรือเปล่า"

              "นายไม่คิดจะให้ฉันอู้หน่อยเหรอ"จิกิเป่าปาก ดวงตาเหลือบมองชายหนุ่มที่กำลังถือกระทะผัดสปาเก็ตตี้ ดูเหมือนเขาจะเปลี่ยนจากขนมปังเป็นเส้นแล้ว และคาดว่าคงต้องกินเส้นแบบนี้ไปอีกประมาณอาทิตย์กว่าเชียว กลิ่นหอมของครีมหรือเบคอนที่กำลังถูกจี่บนกระทะยั่วยวนจนหญิงสาวน้ำลายสอ รีบเบือนสายตาไปทางอื่น

              "เธอโตแล้วนะจิคากิ หัดเผชิญหน้าความจริงได้แล้ว"เสียงของเขาดูเหนื่อยหน่ายกับนิสัยของเธอ "เป็นไปได้ฉันล่ะอยากตั้งโต๊ะแถลงข่าวเรื่องวันนั้นจริง ๆ แล้วก็ได้ถีบหัวเธอกลับเข้าวงการสักที"

              "ถ้าความจริงมันเผชิญหน้าได้ง่ายขนาดนั้น ก็คงไม่มีคนแบบฉันอยู่บนโลกแบบนี้เยอะแยะหรอก"

              นากามุระถอนหายใจ "เอาเป็นว่า มากินข้าวก่อนแล้วกัน"


              สปาเก็ตตี้คาโบนาร่าฝีมือของเขาไม่เลวทีเดียวแม้ว่าจะเป็นการทำครั้งแรก (ฟังจากที่เขาเพิ่งโอ้อวดเมื่อครู่) ส้อมม้วนเกี่ยวเส้นก่อนนำเข้าใส่ปาก ครีมหรือรสชาติของเบคอนเข้ากันได้อย่างดี ไหนจะกลิ่นหอมที่ช่วยให้เธอเจริญอาหารมากขึ้นนิดหน่อย แม้ว่ากินไปกินมาจะเริ่มเลี่ยนแล้วก็ตาม สุดท้ายก็ต้องล้างปากด้วยน้ำชามะนาวที่ชายหนุ่มเพิ่งซื้อติดตู้ไว้

              หน้าที่ตอนเช้าของจิคากินั้นเป็นอะไรที่ดูไม่ค่อยคุ้มค่ากับเงินเดือนสักเท่าไร อบขนมไม่กี่อย่างแล้วก็ใช้เวลาที่เหลือในการนอนเปื่อยเป็นแมวขวางทางเดินให้นากามุระเดินเตะเล่น นากามุระเคยบ่นอย่างนี้ตอนเปิดร้านใหม่ ๆ เพราะว่าเธอทำตัวไม่คุ้มเงินเดือนนัก ทำให้เขาคอยหางานมาโบ้ยเพิ่มเป็นประจำจนจิกิจำต้องหนีออกจากร้านอย่างเช่นตอนนี้

              สองเท้าเดินบนทางเท้า สายลมที่พัดผ่านพาเรือนผมปลิวไสว เธอยกมือปัดหน้าม้าจัดทรงเล็กน้อยเมื่อโดนลมตีแสกหน้าจนยุ่งเหยิง สูดลมหายใจเข้าเมื่อมองไปทางด้านหน้า มันเป็นทางที่ไปโรงเรียนคาราสึโนะ ระหว่างทางมีร้านค้าที่จิกิจำได้ว่ามีร้านตัดผมอยู่หนึ่งในนั้น ใจคิดอยากจะลองกลับวงการผมสั้นเสียหน่อย น่าเสียดายที่ความคิดนั้นกลับหยุดชะงักเมื่อนึกถึงความเป็นจริง

              สิ่งที่ทำให้จิกิอยู่รอดได้มาถึงทุกวันนี้โดยไม่สามารถโป๊ะแตกได้ก็คงเป็นเสื้อฮู้ดที่มักจะดึงหมวกมาใส่ปิดหน้า กับเรือนผมที่ไว้ยาวจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม ใบหน้าที่แทบไม่เปลี่ยนไปทำให้ใครหลายคนง่ายต่อการจำ หากตัดผมสั้นย้อนอดีตสู่สมัยห้าปีก่อนคงไม่แคล้วความลับแตก ถึงแม้ว่าตอนนี้ต่อให้ผมยาวก็โป๊ะแตกไปหนึ่งรอบแล้วก็ตาม

              ใบหน้าผินมองรอบข้าง กลีบดอกไม้ค่อย ๆ ร่วงโรยไม่ต่างจากใบไม้ที่ปลิดปลิวเพราะลมพัด ผ่านโรงเรียนที่เงียบเหงาตรงนั้น ได้ยินเสียงแว่วของเด็กนักเรียนที่ตะโกนโหวกเหวกผ่านไป , เดินไปเดินมาก็หยุดตรงร้านขายของชำเหมือนเดิม เห็นชายหนุ่มหัวทองที่คุ้นเคยกำลังนั่งคาบบุหรี่ ถือพัดกลมไว้ในมือพลางโบกไปมา


              "ถ้ามีเบียร์สักกระป๋องคงดีเลยใช่ไหมล่ะ"อุไคสะดุ้งหลังได้ยินประโยค คราแรกนึกว่าแม่เข้ามาบ่นทว่ากลับกลายเป็นเจ้าของเสียงนุ่มทุ้มที่ห่างหายไปเสียเกือบหนึ่งวัน ชายหนุ่มสำลักควันในทันทีจนไอออกมา ขณะที่หญิงสาวเลิกคิ้วพร้อมบีบจมูก ดวงตาสีผสมมองเขาที่กำลังดับบุหรี่ มือที่ไม่ได้ปิดจมูกยกขึ้นปัดควัน

              "บทจะโผล่ก็โผล่มาเหมือนผีเลยนะ—"อุไคแทบจะกินหัวคนตรงหน้าที่เดินไปเลือกมาม่าคัพ "ตอนเธอหนีกลับไป เจ้าเด็กพวกนั้นงงไปหมด ไหนจะเมื่อวานที่ไม่โผล่หัวมาอีก พวกนั้นเป็นห่วงเธอแย่"

              ดวงตาสีน้ำตาลจดจ้อง เขาถอนหายใจพลางกล่าว "ถึงฉันจะไม่ค่อยติดตามข่าวแต่ก็พอรู้เรื่องนั้นมาอยู่บ้าง ฉันคิดว่านิสัยอย่างเธอต่อให้โมโหแค่ไหนก็คงไม่เริ่มทำร้ายใครก่อนใช่ไหม ?"

              "..จ่ายเงิน"มาม่าคัพถูกวางไว้ตรงหน้าเขา พร้อมกับเงินจำนวนหนึ่งราคาเท่ากับมาม่าถ้วยนั้น อุไคพ่นลมหายใจหลังรับเงินนั้นมา ดวงตาสีน้ำตาลสะท้อนอีกฝ่ายที่กำลังเทน้ำร้อน บรรยากาศค่อนข้างอึมครึมเหมือนกัน แถมยังรู้สึกเหมือนอยู่ในกาน้ำร้อนที่ร้อนตลอดเวลาแม้แต่พัดในมือยังไม่ช่วยเรื่องแบบนี้

              "นายคิดว่านายรู้จักฉันดีแค่ไหนกัน"เธอเปิดปากพูด มองมาม่าในถ้วยที่ไอร้อนลอยฟุ้ง "ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ไม่คิดว่าฉันจะเปลี่ยนไปบ้างรึไง"

              "กับคนที่แกล้งเพื่อนยังทำไม่ได้อย่างเธอ คงคิดไปทำร้ายคนอื่นได้หรอกเนอะ"อุไคว่าเสียงประชดพร้อมแค่นเสียงเหอะออกมาเต็มปาก เมื่อหวนนึกถึงอดีตของเพื่อนที่รอมาม่าอืด แต่ไหนแต่ไรจิคากิเคยแกล้งเพื่อนเสียที่ไหน มากสุดก็แค่หยอกคำพูดแต่ไม่เคยเล่นถึงเนื้อถึงตัวเลยด้วยซ้ำ จะให้ไปทำร้ายใครก็คงเป็นเรื่องยากน่าดู

              "ส่วนนายก็แกล้งไปทั่วจนโค้ชอุไคต้องด่า"

              อุไคแค่นยิ้มต่อสิ่งที่เธอพูด "แล้วอากิโอะเป็นไงบ้าง พวกเธอซี้ตัวติดกันประหนึ่งฝาแฝดแบบนี้ ขนาดเข้าทีมชาติยังเข้าไปกันสองคนเลย"

              "เธอไปได้สวย การเซตของเธอพัฒนาทีเดียว"จิกิฉีกซองปรุงรส ดวงตาหรี่มองไอควันที่ยังคงร้อนกรุ่น "แต่ช่วงนี้ฉันก็ไม่ได้ติดต่อเธอแล้วเหมือนกัน ก็หวังว่าเธอคงสบายดี"

              "ว่าแต่เธอจะกลับไปที่โรงยิมหรือเปล่า—เจ้าเด็กพวกนั้นคิดถึงเธอนะ โดยเฉพาะคาเงยามะน่ะ"

              "ที่ฉันโผล่หัวมาเพราะว่าอะไรล่ะ"


              มาม่าคัพหนึ่งถ้วยช่วยให้อุ่นท้องขึ้นมาหน่อย บทสนทนาระหว่างเพื่อนที่เพิ่งเจอหน้ากันทำให้นึกถึงความหลัง กลิ่นอายของโรงเรียนเก่าชวนให้คิดเรื่องความสัมพันธ์ในอดีต , ระหว่างทางที่เดินมาพร้อมกับเขา จิกิได้รับฟังมามากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแข่งอินเตอร์ไฮที่ใกล้เข้ามา หรือว่าความกังวลใจเกี่ยวกับทีมในตอนนี้

              เธอปล่อยให้อุไคเดินเข้าไปทักทายก่อน ได้ยินเสียงทักทายลอดผ่านออกมา จิกิสะบัดหัวไล่ความคิดแปลก ๆ ก่อนจะเดินเข้าตามไป เสียงรอบข้างเริ่มเงียบลงคล้ายทุกคนตกอยู่ในภวังค์ ก่อนจะเป็นฮินาตะเจ้าเด็กตัวกระเปี๊ยกที่วิ่งเข้ามาด้วยบรรยากาศสดใส เอ่ยทักทายด้วยเสียงดังฟังชัด ทุกคนจึงค่อยรู้สึกตัว


              "ชิราฟุเงะซังไม่เป็นไรแล้วเหรอครับ วันนั้นคุณดูไม่ดีเลย"เสียงของนิชิโนยะดังแทรกเข้ามา เธอส่งยิ้มสบาย ๆ ตอบกลับไปพร้อมบอกว่าไม่เป็นไรเหมือนเก่า ดูเหมือนว่าพวกเขาบางคนไม่ได้เก็บคำพูดที่หลุดออกมาจากในวันนั้นเก็บมาคิด นับว่าเป็นเรื่องที่โชคดีนักสำหรับจิกิ ขณะที่ฮินาตะกระโดดโหยงเหยงอยู่ด้านหลัง

              "ผมกำลังฝึกตบลูกแบบชิราฟุเงะซังล่ะ ผมอยากตบให้มันได้แรง ๆ แบบนั้นบ้างจัง"

              "ฉันว่านายควรฝึกรับลูกก่อนนะฮินาตะ"หญิงสาวหรี่ตา เอ่ยสัพยอกใส่เด็กหนุ่มจนใบหน้าฮินาตะขึ้นสี ดวงตาสีผสมสะท้อนใบหน้าคนอื่นที่ก้าวเข้ามา เห็นสายตาที่กำลังจ้องมาที่เธอคนเดียว มีสึกิชิมะที่ยังคงวางสายตาสงสัยเหมือนเดิม ควรจะบอกว่าอย่างไรดีกับเจ้าเด็กขี้สงสัยแบบนี้ ขณะที่คนอื่นเข้ามาถามไถ่

              "ชิราฟุเงะซัง—"

              "เอาไว้ถามตอนเลิกซ้อมดีกว่าไหม ? อุไคจะกินหัวพวกนายแล้วนะ"เสียงเธอกล่าวแช่มช้าตะล่อมให้พวกเขากลับไปซ้อมเหมือนตามเดิม อาจยกเว้นคาเงยามะที่ยังยืนค้างตรงนั้นที่เดิม ดวงตาเรียวสีกรมดูโฉบเฉี่ยวกว่าปกติคล้ายอีกา เขาดูเหมาะสมกับโรงเรียนที่หมายความว่าอีกาเสียจริง , จิกิเลิกคิ้ว มองคนที่ยังไม่ไปซ้อมด้วยสายตาคำถาม

              "คุณดูไม่ค่อยโอเคสักเท่าไร.. บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดวันนั้นรึเปล่า"

              "นายควรกลับไปซ้อมไม่ใช่ยืนถามฉันแบบนี้ อุไคมองมาทางนี้แล้วเห็นไหมเนี่ย"

              "ผมรู้ว่าชิราฟุเงะซังกังวลเรื่องข่าวนั้น"ดวงตาสีผสมสะท้อนใบหน้าเด็กหนุ่มที่กำลังเปิดปากพูด เสียงทุ้มของเขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นคง "แต่ถ้าเรื่องไหนคุณสามารถเล่าได้ ก็สามารถเล่าให้ผมฟังได้นะครับ"

              "ผมไม่คิดว่าการเก็บเรื่องพวกนี้ไว้กับตัวมันจะดีตรงไหน"






              Talk with คนแต่ง

              เมอรี่คริสมาสทันมั้ย 55555555 แง กะว่าจะมาอัพตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ แต่กว่าจะแต่งได้ถึงครึ่งก็อืม เที่ยงคืนกว่าก็เลยทบยอดมาวันนี้แทนแล้วกันนะ ฮือ แง้มปมจิกิจังอีกนิดนึง ปมจิกิจังกระจิ๋วหลิวมากเลยค่ะ ! ชีวิตนี้เติมหวานอย่างเดียวค่ะเหมือนแอคคุณคนนั้นน่ะ โอนเงินมาให้ขนาดนี้ไม่น่าจะซื้อแค่เกมแล้วมั้ย ยังไงเอ่ย ? ส่วนน้องโท้บก็คือลูกรักแหละ บทเยอะสุดในเรื่องแร้ว 

              เราคิดว่าเงะเองก็เป็นคนใส่ใจความรู้สึกคนอื่นนิดนึงนะ (ถึงตอนม.ต้นน้องจะอืม นิดนึง) อย่างตอนที่อาซาฮิยังไม่กลับมาเล่นวอลเลย์บอลแล้วน้องฮิพูดว่าเสียดาย เงะก็บอกว่าเขาอาจมีหลายเหตุผลก็ได้ ก่อนจะไปยังมีบอกว่ามันไม่มีทางที่คุณสามารถเอาชนะด้วยตัวคนเดียวหรอกนะ ไหนจะตอนที่น้องฮิแข่งช่วงทีมเพื่อนบ้าน เงะก็รู้แหละว่าน้องฮิเปรียบเทียบตัวเองกับเอสของทีมอยู่ แต่ก็ยังดึงขึ้นมาได้

              ถ้าชอบก็อย่าลืมให้กำลังใจ กดเฟบนิยายเรื่องนี้พร้อมคอมเม้นด้วยนะคะ จะได้ไว้อ่านตอนนั่งแต่งนิยาย ´・ᴗ・`♡
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×