ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Haikyuu fiction - 命に嫌われている (OC) (end.)

    ลำดับตอนที่ #4 : 03 - 8.2 seconds.

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.57K
      387
      6 ธ.ค. 63


    [ 03 ] - 8.2 seconds.
       
    Haikyuu fiction - 命に嫌われている (feat. oc)




              "...โค้ชคนใหม่ ?"

              "ไม่ได้มีแค่อุไคซังหรอกหรอ"

              "หน้าเธอคุ้น ๆ นะ"


              ปฏิกิริยาที่ได้แตกต่างกันไป จิกิเบือนหน้าหนีไปอีกทางเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย มองเพื่อนสมัยเรียนอย่างอุไคที่กำลังชูนิ้วโป้งให้คล้ายการันตีถึงศักยภาพของหล่อน ก่อนจะไล่เด็กพวกนั้นให้กลับไปซ้อมตามเดิม เธอยังรับรู้ถึงสายตาประกายจากเจ้าเด็กที่ลากเธอมาอยู่เลย หญิงสาวเดินตามหลังเพื่อนเก่า นั่งลงตรงม้านั่งข้างสนาม

              เกือบสิบปีกว่าได้กระมังกับสถานที่แห่งนี้ แม้ว่าจิกิไม่ได้อยู่ที่นี่นานนักแต่ก็ยังพอจำได้อยู่ในความทรงจำ ครั้งหนึ่งหญิงสาวเคยใส่ชุดนักเรียนของที่นี่ เคยเล่นวอลเลย์บอลในโรงยิม ดูเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ไม่น่าเชื่อเลยว่าผ่านไปเกือบสิบปีแล้ว

              รำลึกความหลังเป็นคนแก่ได้สักพัก จิกิก็ดึงตัวเองกลับมาอยู่กับความเป็นจริง , ดวงตาสีผสมมองการฝึกตรงหน้า เหมือนกับที่เธอเคยทำตอนอยู่ในชมรม อุไคเป็นคนตบบอลลงไปเพื่อฝึกให้เจ้าเด็กน้อยทั้งหลายฝึกรับ หลายคนทำได้ดีเหมือนกันแต่พื้นฐานยังไม่ได้แน่นพอขนาดนั้นยกเว้นก็แต่เด็กตัวเล็กกับคนที่มีภาวะเป็นผู้นำ

              เหลือบมองด้านข้างที่มีเด็กสาวกำลังทำหน้าที่จดบันทึก ก่อนหันไปอีกข้างที่มีชายใส่แว่นนั่งอยู่ อาการเกร็งพวกนั้นแผ่ออกมาจนจิกิสัมผัสได้ หญิงสาวเกาแก้ม เธอไม่ใช่คนพูดจ้อหากไม่ได้อยู่กับคนสนิท แทบจะบื้อใบ้ไม่ต่างจากหุ่นยนต์

              แต่ในสถานการณ์นี้คงต้องพูดสินะ


              "เธอ"จิกิมองเด็กหน้าสวยด้านข้างที่ต่อให้ทำหน้านิ่งเฉยก็ยังบอกว่าสวยอยู่ดี ดวงตาหลุบมองสมุดในมือเด็กสาว "ชื่ออะไรน่ะเรา"

              "ชิมิสึ คิโยโกะ..ค่ะ"ดวงตาใต้กรอบแว่นกะพริบ อาการพูดดูติดขัดนิดหน่อยแต่ก็ยังเรียบเฉยดูสวยเท่ จิกิอมยิ้มพร้อมแนะนำตัวเหมือนเดิม อย่างน้อยเด็กหน้าสวยคนนี้ก็เป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวท่ามกลางผู้ชายนับสิบ เธอก็ควรผูกมิตรเสียหน่อย ปล่อยให้โฉมงามเหี่ยวเฉาแบบนี้ก็ดูน่าสงสารไปหน่อย แถมเด็กคนนี้ก็ดูเป็นเด็กดีมากกว่าเจ้าลูกอีกาพวกนั้นอีก

              "จะว่าอะไรไหมถ้าฉันขอดูสมุดจดอันนั้นหน่อย"คิโยโกะมองหญิงสาวที่ยื่นมือขอ ดวงตาสีนิลสะท้อนสีหลากสีในดวงตาอีกฝ่าย ราวกับว่ามันคือจานสีที่แต่งแต้มสีสันต่าง ๆ เข้าไป น่าหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก ค่อยยื่นสมุดส่งให้พลางมองหญิงสาวที่เปิดอ่านทีละหน้า แต่ละหน้าใช้เวลากับมันเพียงชั่วครู่ก่อนจะเปิดผ่านไปหน้าอื่น

              จิกิลูบคาง คืนสมุดให้กับผู้จัดการตัวน้อย "จดได้ดีเลย"

              "อา.. ชิราฟุเงะซัง—ช่วงนี้จะมีการค่ายฝึก คุณจะเข้าร่วมด้วยรึเปล่า"อาจารย์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลขณะที่จิกิย่นคิ้ว การเข้าค่ายฝึกนั่นก็หมายถึงเธอต้องจากเตียงนอนเธอหลายวัน มุมปากกระตุกยิบเมื่อนึกถึงเด็กหนุ่มที่เป็นคนลากเธอมาในช่วงจังหวะพอดิบพอดีเกินไป ครั้นจะอ้าปากตอบคำถามกลับต้องหุบฉับลงเมื่ออุไคเอ่ยแทรก

              "ชิราฟุเงะ เปลี่ยนตัวกับฉันหน่อย !"


              จิกิเหล่มองคนพูดที่กำลังลากเธอลงสู่สนาม เดินลงมาจากแท่นยืนรอเปลี่ยนตัว ทั้งที่เขาเองก็ยังมีกำลังเหลือเฟือในการฝึกเจ้าเด็กพวกนั้นต่อ หญิงสาวกรอกตาใส่อย่างไม่ไว้หน้าหรือมารยาทภาพลักษณ์ที่เพิ่งสะสมเมื่อครู่ ตอนเดินผ่านไม่แคล้ววสบถด้วยถ้อยคำจิกกัด นั่นเป็นสิ่งที่อุไคชินแล้วจากการเรียนปีเดียวกัน 

              พอได้ยืนอยู่ตรงมุมด้านบนแล้ววคล้ายตัวเองสูงขึ้นมานิดหน่อย ดวงตาสีผสมมองกดคนที่ก้าวเดินเข้ามาในเขตสนาม เด็กหนุ่มเรือนผมสีส้มพระอาทิตย์ยามเย็น สีหน้าดูตระหนกแต่ก็ยังรับมือได้ มองลูกวอลเลย์ที่ถูกยื่นให้โดยผู้จัดการสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาช่วย , สัมผัสลูกบอลที่ไม่ได้จับมาประมาณห้าปีชวนให้รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย หลังจากออกจากวงการจิกิก็แทบไม่จับลูกพวกนี้อีกเลย

              ลูกบอลถูกโยนขึ้นสูงจนหลายคนมองตาม ฮินาตะเองก็เช่นเดียวกัน ดวงตาสีบรูเน็ตไม่หลุกหลิกมองไปทางอื่นสักนิด ยามมันร่วงลงตามแรงโน้มถ่วง พอดีกับฝ่ามือบอบบางที่กำลังตบลงมา ชั่ววินาทีที่พวกเขาให้ความสนใจกับลูกวอลเลย์ กว่าจะรู้ตัวและขยับเขยื้อน บอลลูกนั้นก็ตกลงอยู่ด้านข้างเสียแล้ว ฮินาตะกะพริบมอง แทบไม่ทันเห็นว่าเธอตบลงมาตอนไหน


              "ส—สุดยอด ! โคตรเท่เลย"เขากับรุ่นพี่นิชิโนยะตะโกนออกมาแทบพร้อมกัน ได้ยินเสียงเย้วย้าวจากลิเบอโร่ที่ต้องการรับลูกนั้น แต่อย่างไรก็ต้องเรียงตามคิวที่ยาวเหยียด ขณะที่คนตบกำลังสะบัดข้อมือจนเกิดเสียงกร๊อบแกร๊บ เหมือนไม่ได้ออกแรงมานานจนคนข้างสนามอย่างอุไคยังเลิกคิ้วตกใจ

              "นายต้องตื่นตัวมากกว่านี้นะ"เสียงที่เปล่งออกมานุ่มทุ้มอย่างบอกไม่ถูก เหมือนสายไหมที่กำลังละลายในปาก "ถึงจะมองบอลตลอดแต่ก็ควรคิดสักหน่อยว่าบอลจะไปในทิศไหน แล้วย้ายตัวเองไปในจุดนั้น"

              บอลลูกต่อไปถูกโยนขึ้นอีกครั้ง

              พร้อมกับประโยคสั่งสอนจากเบื้องบน

              "แล้วก็ยืดแขนให้มันตรง ๆ ด้วย"


              อุไคยกยิ้มเมื่อเห็นการฝึกซ้อมตรงหน้า ไม่มีใครสามารถรับลูกของเธอได้สักคนเดียวตามที่คิดไว้จริง ๆ ชายหนุ่มลูบคาง รอยยิ้มบนใบหน้าเหยียดกว้างจนแทบถึงหูอยู่แล้ว ทำเอาทาเคดะหวาดผวา เขาได้ยินเสียงจากหญิงสาวที่กำลังจิกกัดผสมคำสอนอยู่ในประโยค สมกับตำแหน่งในทีมตอนนั้นที่ถูกกล่าวขานว่าเอส

              นี่เป็นเรื่องดีทีเดียวที่ได้เธอมาเป็นโค้ชด้วย แม้ว่าจะตกใจหลังจากเห็นข่าวลาวงการของเธอ เขาก็แทบไม่เห็นหน้าหญิงสาวอีกเลย แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อคาเงยามะพาจิคากิกลับมา แม้ไม่รู้ว่าด้วยวิธีไหนก็ตามทว่าก็เป็นผลดีต่อทีม

              การที่มีปีศาจวอลเลย์บอลมาเป็นโค้ช

              นับว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่รึไง


              "ชิราฟุเงะซังเก่งขนาดนี้เลยเหรอ"

              เขาหัวเราะเมื่อได้ยินอาจารย์พูด "ต้องบอกว่าปีศาจต่างหากล่ะอาจารย์"


              ดวงตาสีผสมมองลูกกาทั้งหลายที่ไม่สามารถรับลูกที่เกลื่อนกลาดพวกนั้นได้สักลูก หญิงสาวยักไหล่ก่อนจะเอ่ยขอบคุณผู้ช่วยอย่างคิโยโกะโดยไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าแดงระเรื่อ เดินลงมาจากแท่นยืนก่อนเดินไปทางอุไคที่ยืนกอดอกพูดคุยกับอาจารย์ใส่แว่น , สองมือกำคลาย พอได้จับลูกอีกครั้งก็เหมือนได้ปลดปล่อยนิดหน่อยถึงจะหงุดหงิดก็ตาม

              เพราะไม่ได้ลงสนามมานาน จิกิจำต้องปรับตัวอยู่นานเลยทีเดียวกว่าจะปรับเรื่องพละกำลังตัวเองให้อยู่ในเขตพอดีลงได้ ดังนั้นลูกต่อมาจึงค่อยเบาขึ้นเรื่อย ๆ จนอยู่ในเส้นพอดี แต่ยังไงก็ยังไม่มีคนรับได้ ชวนน่าเจ็บใจมิใช่น้อย


              "ไม่เบามือเลยนะ"

              "นั่นใช่คำของคนที่ส่งฉันลงสนามหรอ"หญิงสาวยอกย้อนด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ดวงตาสีผสมคู่นั้นยังคงกล่าวขานว่างดงามได้เต็มปากเหมือนเดิม "ลูกทีมนายเหมือนอีกาที่เพิ่งกะเทาะออกจากเปลือกชัด ๆ"

              "ดูเป็นความหมายที่ดี เจ้าพวกนั้นกำลังเติบโตยังไงล่ะ เพราะงั้นฉันคงต้องขอแรงเธอแล้วล่ะชิราฟุเงะ"อุไคได้ยินเสียงถอนหายใจราวกับว่าเหน็ดเหนื่อย ถึงอย่างไรก็เป็นแค่การแสดง "จะมีการเข้าค่ายฝึก เธอก็ควรมาด้วยนะในฐานะโค้ช"

              "เป็นโค้ชมีลาหยุดบ้างไหม ?"


              จิกิพูดคุยสัพเพเหระไหลตามกระแสพร้อมเปลี่ยนหัวข้อไปเรื่อย หลีกเลี่ยงเรื่องส่วนตัวของตัวเองตอนที่อีกฝ่ายเอ่ยถาม ขอบคุณที่อุไคยังรู้ความไม่ถามซอกแซกต่อ ไม่งั้นเธอคงได้ลาออกจากการเป็นโค้ชภายในวันนี้แน่ , ดวงตาสีผสมเหม่อลอย มองพื้นสนามไม้ที่ถูกขัดเงาจนสามารถสะท้อนใบหน้าเธอได้ ท่าทางเฉื่อยชาไม่ต่างจากแมวตายซากทำให้คาเงยามะไม่ค่อยแน่ใจต่อตัวตนของเธอสักนิด

              ทว่าคาเงยามะเองก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าตอนที่เธอตบลูกลงมานั้นรุนแรงแค่ไหน รวดเร็วจนแทบไม่สังเกตเห็น แทบจะอดใจรอไม่ไหวเลยตอนเธอเซตลูกจะเป็นแบบไหน เหมือนที่เคยเห็นในทีวีหรือเปล่า เด็กหนุ่มหลุบมองลูกบอลในมือ พอจะก้าวเท้าออกไปเพื่อขอให้อีกฝ่ายเซตให้ดูเป็นขวัญตาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นบรรยากาศรอบข้างที่เปลี่ยนไป


              แววตาหลุดโลก
              ตัวตนแสนบิดเบี้ยว


              ไม่ใช่ชิราฟุเงะ จิคากิ ที่เขารู้จักเลย



    ◐  命に嫌われている  ◑



              ความรู้สึกแรกหลังสัมผัสมันเป็นยังไงกันนะ , หยาบกระด้างสากมือ หรือว่าอบอุ่นจนแทบไม่อยากปล่อย คิดถึงจนอยากจะร้องไห้หรือว่าเศร้าแทบตายเมื่อคิดถึงอดีตพวกนั้น หลากหลายความรู้สึกตีรวนจนแทบปะทุในอก จิกิทุบอกตัวเองเพื่อให้หัวใจหยุดเต้นเสียงดังน่ารำคาญ ราวกับว่ามันกำลังเลือกคำตอบว่ากำลังรู้สึกแบบใดอยู่ในตอนนี้

              สัมผัสนุ่มทำเอาขี้เกียจไม่อยากลุกออกจากเตียง ดวงตาสีผสมมองปลายนิ้วที่เพิ่งสัมผัสลูกวอลเลย์เมื่อตอนเย็น ติดตรึงทุกพื้นผิว จดจำได้ทุกสัมผัส หญิงสาวพลิกตัววางมือแปะไว้บนหมอนพลางขยุ้มจนปลอกยับยู่ ลมหายใจพ่นออกมาราวกับปลดเปลื้องภาระ 


              ต่อให้ผ่านไปกี่ปี จิคากิก็ไม่เคยลืมเลือน
              ว่าครั้งหนึ่งเธอเป็นอะไรมาบ้าง


              ดวงตาสีเขียวมะกอกมองประตูที่ปิดกั้นเขตระหว่างเขากับหญิงสาวในห้อง เสียงแผ่วเบาที่เล็ดลอดออกมาทำให้นากามุระรับรู้ความเป็นไปของเจ้าของห้อง เสียงสะอื้นตอนนี้คงไม่เหมาะที่จะเข้าไปคุย ชายหนุ่มส่ายหัวอย่างอับจนคำพูด เดินเข้าห้องตัวเองที่มืดสนิท ก่อนเปิดไฟสว่างจนเห็นห้องที่ไม่ค่อยมีของตกแต่งมากนัก หากเอาเตียงออกก็คงเป็นห้องเปล่าแล้วกระมัง

              สองมือแกะกระดุมเสื้อท่าทางอ้อยอิ่ง ครุ่นคิดถึงหญิงสาวที่ยังคงเก็บตัวหลังจากกลับมาจากโรงเรียน เซื่องซึมเหมือนแมวป่วยไม่มีผิด แต่ให้เขากระเตงเธอไปหาหมอก็ใช่เรื่อง อาการแบบนี้แทบไม่ต่างจากตอนเจอหน้าครั้งแรกด้วยซ้ำแม้ว่าจะไม่ค่อยหนักก็ตาม บางทีเธออาจจะฝันถึงเมื่อก่อนหรือเห็นอะไรแล้วไปกระตุ้นเข้า

              สิบเอ็ดปีที่อยู่ดูแลด้วยกัน นากามุระยืนยันได้ว่ตัวตนของจิคากินั้นไม่แน่นอน เปรียบดั่งจานที่รอสีต่าง ๆ แต่งเติมเข้าไป ผสมจนเกิดเป็นความรู้สึก กลั่นออกมาเป็นหยาดน้ำตา เป็นชีวิตบัดซบขนาดที่ว่าเขายังไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้เห็นในโลกนี้ พ่อแม่หวังให้ตาย โตมาอีกนิดก็ผิดหวังเรื่องเพื่อน สังคมแสนโหดร้าย โลกที่เกลียดชัง


              ทุกอย่างหล่อหลอม
              กลายเป็นชิราฟุเงะ จิคากิ ทุกวันนี้


              "เมื่อคืนนายไม่ได้นอนเหรอ"จิกิเอ่ยถามหลังสังเกตรอยคล้ำจาง ๆ ตรงใต้ตาของชายหนุ่ม ปกติหากไม่ใช่เรื่องงานนากามุระแทบจะไม่นอนดึกด้วยซ้ำ นอนเร็วเหมือนคนแก่ไม่มีผิด มันเลยเป็นเรื่องแปลกที่เห็นคนตรงหน้าที่กำลังทอดไข่ดาวมีท่าทางแบบนี้ ครั้งล่าสุดที่เห็นก็คงเป็นตอนที่อีกฝ่ายกำลังทำงานจบมหาลัยเลย

              ชายหนุ่มบุ้ยใบ้ "ได้ยินเสียงร้องไห้ในห้องเธอ ฉันคงข่มตาหลับได้อยู่หรอก"

              "ออ—ฉันดูคลิปผีเมื่อคืน นายน่าจะบอกฉันนะ ฉันจะได้เบาเสียงหน่อย"หญิงสาวเลิกคิ้วเมื่อเห็นสีหน้ากระด้างกระเดื่องของเขา ก่อนหลุดหัวเราะ "นายคิดว่าฉันร้องไห้หรอ ไม่เอาน่า.. ตั้งแต่ฉันสัญญา ฉันก็ไม่ร้องไห้แล้ว"

              "ฉันไม่ควรห่วงเธอเลยจริง ๆ"

              "มีเรื่องจะบอกน่ะ"ดวงตาสีผสมสะท้อนใบหน้านากามุระที่กำลังยกคิ้วถาม อากัปกิริยาเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย "ช่วงนี้มีค่ายฝึกที่โรงเรียน คงไม่ได้ช่วยงานที่ร้านนะ"

              "ฉันต้องเซ็นใบอนุญาตรึเปล่าเนี่ย เหมือนสมัยตอนเธอยังเด็กน่ะ"ประโยครำลึกความหลังชวนน่าอายนั่นทำสีหน้าหญิงสาวบูดบึ้ง นากามุระยังจำได้อยู่เลยว่าอีกฝ่ายต้องถือใบอนุญาตผู้ปกครองด้วยสีหน้ากล้ำกลืนนั้นเป็นเช่นไร จะเอ่ยร้องขอให้ช่วยเซ็นก็ต้องง้างปากอีก ทั้งที่เป็นคนเดินมาขอความช่วยเหลือเองแท้ ๆ ทำเอาชายหนุ่มต้องขบขันอยู่บ่อย ๆ


              จิกิเก็บจานหลังจากโดนเขาเอ่ยแซว เดินฟึดฟัดไปทิ้งเสียงหัวเราะไว้เบื้องหลัง , กระเป๋าเป้สีขาวถูกปัดฝุ่นจนหญิงสาวไอค่อกแค่ก นานแล้วทีเดียวที่จิกิไม่ได้หยิบมันออกจากกองกระเป๋าที่นากามุระซื้อไว้ให้ ก่อนยัดเสื้อกับกางเกงหลายชิ้น กระติกน้ำที่เขาเตรียมไว้ให้ ไม่อยากจะขอบคุณเลยสักนิดแต่หากไม่ได้อีกฝ่ายช่วยเตรียม ป่านนี้เธอคงนอนบนเตียงอยู่เหมือนเดิมนั่นแล

              ค่ายฝึกของคาราสึโนะนั้น จิกิไม่พาตัวเองลำบากอย่างการไปนอนค้างด้วยกับเจ้าเด็กพวกนั้นหรอก และก็จะไม่พาตัวเองลำบากอย่างการเดินไปกลับระหว่างร้านกับที่พักด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นเลยจบลงที่เธอต้องไปค้างกับเด็กผู้จัดการที่ดูจะเด็กดีกว่าเด็กผู้ชายพวกนั้น ถึงกระนั้นจิกิก็ต้องเดินทางมาที่โรงเรียนก่อนเหมือนเดิม

              ความจริงแล้วหญิงสาวเองก็เคยเข้าค่ายฝึกพวกนี้ในโรงเรียนแม้ว่าจะครั้งเดียวก็ตาม สนุกมิใช่น้อยแต่น่าเสียดายที่สำหรับจิกิมันคือครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย ก่อนจะย้ายไปอยู่เมืองอื่น , ดวงตาสะท้อนต้นไม้ข้างทาง กลีบดอกไม้ที่ลอยละลิ่วตามสายลม อากาศเย็นสบายเหมาะแก่การเดินเล่นเหมือนทุกวัน เธอเห็นคนจูงสุนัขเดินเล่นสวนไปมาหรือนกกระจอกที่กำลังบินเหนือพื้น

              เสียงเพลงที่เล่นอยู่ข้างหูช่วยให้เธอผ่อนคลาย ฮู้ดที่สวมไว้บดบังจนไม่ต้องหวาดระแวง เป็นช่วงเวลาที่จิกิสามารถอยู่กับตัวเองได้มากที่สุดขณะเดียวกันก็ทำให้เธอเหม่อลอยมากกว่าปกติ อาจเป็นเพราะผ่อนคลายเกินไปจนแทบไม่ได้สังเกต สนใจเพียงทางเดินด้านหน้าที่ต้องก้าวมากไปหรือเปล่า เลยไม่ทันได้รู้เลยว่าในตอนนี้เธอกำลังจะชนกับคนอื่นอีกแล้ว

              เสี้ยวเวลาแปดจุดสองวินาที , ดูสั้นทว่าสำหรับเขาแล้วยาวนานจนน่าใจหาย ดวงตาสีโกโก้เคลื่อนมองเมื่อไหล่ข้างขวาโดนกระแทก เด็กหนุ่มสองคนหยุดเดินก่อนหันมองคนที่เดินชนเองก็หยุดเดินเช่นเดียวกัน เขาเห็นสายหูฟังที่โผล่ออกมากับใบหน้าเสี้ยวล่าง ไม่มีแม้แต่คำขอโทษที่หลุดออกจากปาก ยืนมองกันอยู่เช่นนั้นก่อนอีกฝ่ายจะส่งรอยยิ้มมาให้เบาบางเป็นเชิงขอโทษ

              เบาบางดั่งมายา เลือนหายไปในพริบตาเมื่อรู้สึกตัว , เด็กหนุ่มกะพริบตาคล้ายเห็นภาพหลอนมากกว่า หันมองเพื่อนสนิทที่กำลังปั้นหน้าจริงจังกำลังลากเขาไปฝึกซ้อม ตอนนี้ก็กะพริบตางุนงงไม่ต่างกัน เขายังคงมองไปทางที่อีกฝ่ายเดินจากไป ยังคงติดใจอะไรหลายอย่าง ไม่ว่ารอยยิ้มที่ส่งมอบให้ หรือดวงตาใต้ฮู้ดที่คุ้นเคยว่าเคยเห็นที่ไหน


              ทว่าเหนือสิ่งอื่นใด

              "เฮ้ย—โออิคาวะ เดินต่อได้แล้ว"

              หัวใจเขาเต้นแรงกว่าทุกที






              Talk with คนแต่ง

              8.2 วินาทีเป็นปฤษฎีเกี่ยวกับการตกหลุมรักในเวลาแปดจุดสองวินาทีค่ะ เราเอาทฤษฎีนี้มาเล่นด้วย ใช้กับพี่โอยเนี่ยแหละ 5555 อย่างที่บอกค่ะว่าอะไรที่บรรยายลงไป เป็นคำใบ้ในเรื่องหมดเลย ♪(´▽)  ความสัมพันธ์นากามุระกับจิกิเหมือนพ่อกับลูกนั่นแหละค่ะ เป็นลูกปลอมที่เลี้ยงดีมาก แต่คำพูดคำจาอาจจะไม่ได้เคารพกันมากนัก แต่ว่าจิกิก็เคารพและขอบคุณนากามุระอยู่ตลอดนะคะ ??’?

              ช่วงนี้อาจจะมาวันเสาร์หรืออาทิตย์นะคะ เพราะว่าเปิดเทอมแล้ว ;-; กว่าจะโผล่หัวมาอัพได้ก็คือเพิ่งทำการบ้านเสร็จ แหะ

              ถ้าชอบก็อย่าลืมให้กำลังใจ กดเฟบนิยายเรื่องนี้พร้อมคอมเม้นด้วยนะคะ จะได้ไว้อ่านตอนนั่งแต่งนิยาย ´・ᴗ・`♡
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×