ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Jujutsu Kaisen fiction - คนสวยขา ( megumi x oc )

    ลำดับตอนที่ #7 : 06 - หัวเราะด้วยกัน ร้องไห้ด้วยกัน ตายด้วยกัน ( re )

    • อัปเดตล่าสุด 16 ต.ค. 64


    Jujutsu Kaisen fiction - คนสวยขา

    - megumi x oc 

    TW ; VIOLENCE , BLOOD , CHARACTER DEATH


     

               เหม็น

     

               เพียงแค่ย่างก้าวเข้าเขตคำสาป ความรู้สึกแรกคือกลิ่นคำสาปที่ลอยว่อนจนคูฮาคุไม่อาจควบคุมสีหน้าได้ดังเดิม เฉกเช่นกับบิชามอนที่ขมวดคิ้วเป็นปมพร้อมยกมือปิดจมูกด้วยท่าทางจำยอม ดวงตาสีอาร์กติกมองแผนผังที่ไม่ได้รับตามรายงาน มันผิดเพี้ยนจนไม่อาจบอกได้ว่านี่คือโรงนอนของสถานพินิจ แม้กระทั่งคุงิซากิหรืออิตาโดริยังตกใจต่อการเปลี่ยนโครงสร้างภายใน
     

               ทว่าไม่ใช่กับเธอที่ตกใจเรื่องอื่น


     

               "ประตูล่ะ—"คูฮาคุกลืนเสียงในลำคอทันทีเมื่อหันกลับไปทางเก่าที่เดินเข้ามา ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยประตูที่เคยเข้ามา สัญญาณอันตรายอันแรกโผล่มาแล้วแบบไม่มีใครทันตั้งตัวเลยสักนิด ขนาดคาเสะยังไม่ทันสังเกต เธอได้ยินเสียงหัวเราะอันแสนสนุกของจิ้งจอกเก้าหางขณะที่พวกเราเหงื่อตก เป็นบิชามอนที่เอื้อนเอ่ยอย่างยากเย็น
     

               "ประตูหายไปแล้ว"ประโยคนั้นตอกย้ำถึงความผิดพลาดแรกก่อนอิตาโดริและคุงิซากิจะสติหลุดไปในทันที ทั้งที่เข้ามาในนี้เพียงไม่กี่นาทีแต่ทางออกเดียวที่มีกลับหายไปเสียแล้ว คูฮาคุถอนหายใจพลางกรอกตา นึกถึงคำพูดของชายผอมเก้งก้างว่าเป็นคำสาประดับพิเศษ แค่นั้นก็มากพอแล้วที่จะบ่งบอกประตูจุดหมายว่าเป็นหรือตาย
     

               และคนสวยก็ยังคงพึ่งพาได้เสมอ
     

               "เจ้านี่จำกลิ่นทางเข้าได้"ราวกับเห็นแสงสวรรค์ประทานมาเมื่อฟุชิงุโระพูดจบ ดวงตาอันเป็นประกายของเด็กหนุ่มสาวพุ่งไปยังเกียวคุเคนสีขาว ลูบขนฟูฟ่องแถมคุงิซากิยังบอกกล่าวว่าจะมอบรางวัลให้ บิชามอนเริ่มยิ้มออกเล็กน้อยว่าอย่างไรก็มีทางออกจากที่แห่งนี้ ส่วนเด็กสาวเพียงมองดูสลับกับญาติร่วมตระกูลที่กำลังอมยิ้ม
     

               เอียงตัวเข้าหาแอบกระซิบเสียงเบา พยักเพยิดไปทางเกียวคุเคน "นายทำแบบนั้นไม่ได้เหรอ ?"
     

               "ถึงคู่พันธสัญญาจะเป็นจิ้งจอกก็ใช่ว่าผมจะทำแบบนั้นได้นะครับ"เด็กหนุ่มคิ้วกระตุกในทันทีที่ถูกเอ่ยถาม ไม่ใช่ว่าเขาโดนเปรียบเทียบเท่าสุนัขแล้วจริง ๆ หรือ ? ดวงตาสีอำพันเหลือบมองเด็กสาวที่คล้ายจะเสียดายกับความสามารถอยู่บ้าง ท่าทางเช่นนั้นทำให้เขาขมวดคิ้ว "ฮาคุจังมองผมเป็นหมาเหรอครับ"
     

               "ก็นายเป็นจิ้งจอกนี่"

     

               คุงิซากิเงยหน้า "ใครเป็นจิ้งจอกนะ ?"
     

               "ไปกันได้แล้ว"


     

               ความวุ่นวายถูกยุติลงหลังฟุชิงุโระเอ่ยปาก , ทางเดินทอดยาว กลิ่นของเลือดที่เปรอะเปื้อนไปตามกำแพงปนเปกับไอคำสาปจนบิชามอนแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวออกมา สุดปลายสายตาคือซากศพไร้ชีวิต ร่างของศพดูไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ตัวขาดครึ่งจนเลือดสาดกระเซ็นแม้แต่แขนทั้งสองก็หาใช่อยู่ในสภาพสมบูรณ์แบบ ขนาดตอนตายยังไม่อาจหลับตาได้เกรงว่าตอนถูกฆ่าอีกฝ่ายก็คงยังไม่รู้ตัวเลยกระมัง
     

               จะบอกว่าน่าสงสาร—ก็คงใช่
     

               แววตาของเด็กหนุ่มผู้เป็นภาชนะสั่นไหวยามสะท้อนชื่อปักบนอกของศพผู้ตาย—ทาดาชิ ชื่อเดียวกันกับที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังเพรียกหาอยู่ด้านนอก ความคิดที่จะเอาศพกลับไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาหรืออย่างน้อยก็ควรให้ผู้เป็นแม่ดูหน้าเป็นครั้งสุดท้าย ทว่าในสถานการณ์ที่แม้แต่ตัวเองยังไม่รู้จะรอดไปได้หรือไม่ เป็นเธอย่อมไม่อยากแบกรับความเสี่ยงนี้เด็ดขาด

     

               ฟุชิงุโระค้านทันทีที่ได้ยินประโยคนี้เอ่ยจากปากอิตาโดริ คูฮาคุเพียงพยักหน้าเห็นด้วย เธอไม่ได้รู้สึกเศร้าต่อคนตาย อย่างไรมนุษย์ก็มีวันจุดจบเช่นเดียวกัน ต่อให้ไม่ใช่ความตายที่แท้จริงสุดท้ายปลายทางก็ยังเป็นที่เดิม ก็แค่ขึ้นรถผิดสายนิดหน่อยแต่กระนั้นก็ยังไปถึงที่หมาย ทะเลาะจนเสียเวลาไปหลายนาที สุดท้ายคูฮาคุเลยเลือกให้คุงิซากิเข้าไปห้ามมวยระหว่างสองคน
     

               ฉับพลันความรู้สึกขนลุกก็แทรกขึ้นมา ดวงตาสีอาร์กติกล่อกแล่กมอง ไม่ทันที่จะขยับเคลื่อนไหวตัวเด็กสาวอีกคนในกลุ่มก็ถูกดึงหายไปเสียแล้ว วินาทีที่พลาดพลั้งนั่นอาจหมายถึงความตาย  คูฮาคุนึกหัวเราะอยู่ในใจต่อประโยคนั้นที่ผุดขึ้นมาในหัว แม้ว่าจะมีหลุมอยู่ทว่าก็ไร้ท่าทีของเด็กสาวที่ถูกดึงลงไป เธอเงยหน้าสบกับดวงตาสีอำพัน


     

               "บิชามอน"น้ำเสียงของเธอเย็นเยียบ หลุบมองหลุมที่ค่อย ๆ เลือนหาย "ลงไป"
     

               "เดี๋ยวก่อนฮาคุ—"เด็กหนุ่มเรือนผมสีชมพูนมรีบเอ่ยห้ามด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจ ไม่มีใครคิดหรอกว่าเธอจะใจร้ายขนาดส่งญาติตัวเองลงหลุมนั้นไป ไม่มีใครรู้ว่าในหลุมจะมีคำสาปอยู่กี่ตน จะแข็งแกร่งหรือไม่ มีเพียงสายตาว่างเปล่าที่สะท้อนใบหน้าเด็กหนุ่มผู้เป็นว่าที่ผู้นำตระกูลคนต่อไป 
     

               เด็กหนุ่มส่งเสียงหัวเราะ ตอบกลับด้วยเสียงปกติ
     

               "ครับ"


     

               ก่อนจะกระโดดลงไป

               ไม่แม้แต่คิดจะขัดขืน


     

               ทุกคนเกลียดคูฮาคุ—หลานหลายคนในตระกูลย่อมหมายหัวเด็กสาวคนนั้นเป็นอันดับแรก รองลงมาย่อมเป็นเขาโดยไม่ต้องคิด ความสำคัญที่ถูกจัดโดยผู้นำคนก่อน เขาโปรดปรานหลานสาวยิ่งกว่าสิ่งใด สวนที่มอบให้ก็ถูกบูรณะใหม่จนงดงาม หลายสิ่งหลายอย่างถูกสะท้อนออกมาในรูปแบบความรักความห่วงใย แม้นจะบอกว่าเขาก็เป็นอีกคนที่ถูกใส่ใจแต่ก็ไม่อาจเทียบเท่าเธอที่ไม่ต้องทำอะไร

     

               บิชามอนเกลียดคูฮาคุ
     

               ความคิดวัยเพียงแปดปีกดย้ำความรู้สึกเขาไว้ สลักไว้ในใจเมื่อตนถูกเรียกว่าเป็นที่สอง ถึงไม่ได้เกลียดเด็กสาวมากเท่าคนอื่นแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าลึก ๆ แล้วย่อมมีความเกลียดชังและอิจฉาตกตะกอนอยู่เสมอ ยามเจอหน้าก็ไม่แม้แต่คิดจะทักทายแม้ว่าเขาจะเอ่ยปากทักด้วยรอยยิ้ม ส่วนเธอก็เมินมันอย่างไร้มารยาทตรงข้ามกับสิ่งที่แสดงออกต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งหลาย เขาจดชื่อเธอใส่บัญชีดำในใจด้วยรอยยิ้ม
     

               กระทั่งวันหนึ่ง เขาได้เจอทามาโมะ
     

               เพียงก้าวเท้าข้ามมายังอีกฝั่งของโลกที่พิศวง หลายสิ่งที่เคยผิดปกติเริ่มแปลกประหลาด อะไรที่คิดว่าไม่เคยมีย่อมมีให้เห็นจนขยะแขยง ประสาทการรับรู้ที่ดีขึ้น นั่นคงเป็นครั้งแรกกระมังที่เขาได้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างกายเธอมาตลอด—ปีกสีดำขนาดใหญ่กับสีหน้าเย็นชา พร้อมกับคำพูดแรกที่ทักทายอย่างไม่น่าอภิรมณ์จากปากเธอ หลายสิ่งหลายอย่างเริ่มเปลี่ยนแปลง เขาเริ่มเข้าใจความหมายเกี่ยวกับตัวตนของเธอกับปู่ เข้าใจว่าสิ่งที่ได้รับการโปรดปรานแท้จริงแล้วหาใช่เพราะตัวเองแต่เป็นเพราะสิ่งข้างกาย
     

               เข้าใจว่าเธอก็ไม่ต่างจากขยะหนึ่งชิ้นที่เป็นของแถม
     

               เขาเริ่มเข้าใจโลกที่เธอมองเห็นทีละนิด อาจเพราะแบบนั้นความเกลียดชังอันแสนน้อยนิดเริ่มเบาบางก่อนหายไปทั้งที่ยังไม่รู้ตัวเลยสักนิด ผูกมิตรกับเด็กหน้าตายนับว่าเป็นเรื่องที่ยากยิ่งนัก ถักทอทีละนิดก่อนเริ่มเรียกชื่อจนสนิทปาก ความรู้สึกที่เคยกดทับเริ่มเบาบาง—บิชามอนส่งเสียงหัวเราะครั้นนึกถึงอดีตอันไม่น่าพิสมัยของตน ยามได้ยินคำสั่งนั้นคล้ายเขาได้เห็นตัวเองตอนเด็กที่พบเจอเธอเป็นครั้งแรก

     

               บางที เขาอาจจะยังเกลียดเธออยู่เหมือนเดิมก็ได้


     

               "นายก็โดนดึงมาด้วยรึไง"คุงิซากิหันมา ถามเด็กหนุ่มที่เพิ่งเดินออกมาจากความมืด สบกับดวงตาสีอำพันวาววับดุจสัตว์ล่าเหยื่อยามค่ำคืน มันเป็นความรู้สึกแปลก ๆ เหมือนกันเมื่อสบตากับอีกฝ่าย ไม่ว่าจะทั้งบิชามอนหรือคูฮาคุก็ล้วนทำให้ขนลุก ประกอบกับเรื่องเล่าในห้องนั้นทำให้อดไม่ได้ที่จะระแวงอีกฝ่าย

     

               เขาหัวเราะด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม "ไม่ใช่หรอกครับ ก็แค่กระโดดลงมาน่ะ"

     

               "หา !? อยากฆ่าตัวตายรึไงกัน"มองจำนวนคำสาปกับเด็กหนุ่มที่เพิ่งมาใหม่ จำนวนแค่สองคนดูน้อยนิดไปเลยเมื่อเทียบกับจำนวนคำสาปที่กำลังโผล่หน้ามองมนุษย์ตัวเล็กจ้อย คุงิซากิถอนหายใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงไม่รู้สึกรู้สาอะไร ได้ยินเสียงกระซิบของเด็กหนุ่มถึง—ทามาโมะ ก่อนบรรยากาศรอบข้างจะแปรเปลี่ยน

     

               ขีดดวงตาดั่งสัตว์ร้าย และลูกไฟเก้าลูกบนหลัง

     

               เขาชี้นิ้ว เล็งไปยังคำสาปที่กำลังโจมตี
     

               "โควต้าผมมีแค่เก้าลูกนะครับ"

     

     

    ♡´・ᴗ・`

     

     

               บรรยากาศกดดัน คูฮาคุเห็นหยดเหงื่อที่กำลังไหลตามแรงโน้มถ่วง ขาทั้งสองข้างไม่อาจขยับได้เมื่ออยู่ต่อหน้าคำสาประดับพิเศษ เธอได้ยินเสียงกระซิบข้างหูจากคาเสะ เขาบอกให้เธอหนีเพราะไม่อยากให้เธอเกี่ยวข้อง ความรู้สึกกดดันกดทับพวกเราไว้ไม่ให้ขยับเคลื่อนไหว แต่กระนั้นก็ยังคงเป็นอิตาโดริเสมอที่ก้าวออกมาเป็นคนแรก
     

               เลือดสีเข้ม กลิ่นน่าสะอิดสะเอียนฟุ้งกระจาย

     

               เสียงหัวเราะเหยียดหยัน


     

               "ฟุชิงุโระ ฟุชิงุโระ ! พาคุกิซาคิและเกียวคุโระออกไปจากที่นี่"ดวงตาสีอาร์กติกกะพริบ ความรู้สึกที่น้อยครั้งจะมีปะทุขึ้นมา "ก่อนที่พวกนายจะออกไปได้ ฉันจะถ่วงเวลาเจ้านี่ไว้เอง"
     

               "ถ้าพวกนายออกไปได้แล้ว ช่วยหาวิธีส่งสัญญาณให้ฉันที"
     

               เขาจะเรียกสุคุนะ
     

               "แล้วนายจะทำอะไรล่ะ แขนข้างเดียวกับคำสาประดับพิเศษ ?"คูฮาคุเอ่ยถาม มองคำสาปที่กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ไร้สติปัญญาเช่นนี้ยังนับว่าเป็นระดับพิเศษได้อีกหรือ "แล้วนายคิดว่าจะเรียกสุคุนะออกมาได้ง่ายขนาดนั้นเลย ?"

     

               "ฮาคุ—! เจ้า !"เท็งงุกัดฟันกรอดต่อประโยคของเด็กสาว คาดเดาได้ถึงเหตุการณ์ในอนาคตว่าจะเป็นเช่นไรต่อ นิสัยดื้อแพ่งของนางนั้นช่างน่าปวดหัว แต่สิ่งที่ทำให้ปวดหัวยิ่งกว่าคือนิสัยที่แสดงออกมาไม่รู้จักเวลา ขณะที่ผินหน้ามองเด็กหนุ่มหัวสีชมพูอ่อนที่พยักหน้ามั่นใจ พลางมองฟุชิงุโระ

     

               มีเพียงแค่คำร้องขอ "ฮาคุเองก็ด้วย"
     

               "แค่เมงุมิคนเดียวก็พอแล้วนี่"คูฮาคุยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจเสียเลยท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้ "ไม่ต้องห่วงฉันหรอก"

     

     

               สีหน้าชายหนุ่มเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ เขาแทบจะอยากเข้าร่างนางแล้วพาหนีออกจากสถานการณ์นี้เสีย ทว่าคูฮาคุกลับดักความคิด เขาไม่อาจเข้าร่างนางได้ตามที่หวัง มองเข้าไปยังจิตใจมีแต่คลื่นอารมณ์น่าเวียนหัว เงื่อนไขที่เคยมีกำลังถูกเด็กสาวพังทลายทีละนิด สบกับดวงตาสีอาร์กติกดุจคลื่นมหาสมุทรกำลังซัด พายุอารมณ์ถูกปลดปล่อยออกมา
     

               พร้อมกับเสียงหัวเราะเย้ยหยัน
     

               ทั้งต่อตัวเอง
     

               และเขา
     

     

               "นายคิดว่าจะเข้าร่างฉันได้ง่ายขนาดนั้นเชียว ?"


     

               เราต่างผูกพันด้วยคำสัญญา ตีตรามันด้วยคำสาปอันเป็นนิรันดร์ , สถานะอันทรงเกียรติที่ได้รับมาตั้งแต่ลืมตาดูโลก ความผูกพันธ์ที่เกิดขึ้นมายามมองเห็นเขาราวกับรู้จักกับชายหนุ่มมาทั้งชีวิต คูฮาคุพอเข้าใจกระบวนการคิดของอีกฝ่ายมากพอที่เขาจะรู้จักนิสัยอันน้อยนิดที่มีของเธอด้วยเหตุผลที่เราอยู่กันมาตั้งแต่เล็กจนโต

     

               คาเสะกำลังโกรธ โกรธมากพอที่จะบดขยี้ใครก็ตามเมื่อมีคนมาแตะอารมณ์อันอ่อนไหวของตัวเอง ไม่ว่าจะคำสาปตรงหน้าหรือแม้แต่เด็กหนุ่มที่กำลังถ่วงแข้งถ่วงขา ทว่าเขารู้ว่าไม่อาจทำได้ การจะทำอะไรสักอย่างย่อมมีตัวกลางอย่างคูฮาคุมาคอยกั้นไว้เสมอ ปีกสีดำพองขนแทบจะระเบิดออกมาเป็นชิ้น ๆ เมื่อมองไปทางเด็กสาวรวมถึงจิตใจด้านใน
     

               ดวงตาสีอาร์กติกล้วนสะท้อนอารมณ์มากมายที่เคยเก็บซ่อนไว้ในกล่องใบหนึ่ง หวาดกลัว ตื่นเต้น ปั่นป่วนจนเหมือนคลื่นพายุ เป็นครั้งแรกที่อิตาโดริเห็นอารมณ์ในแววตาเด็กสาว สะท้อนออกมาหลายรูปแบบมากเกินกว่าจะคิดถึง เขาได้ยินเสียงสุคุนะส่งเสียงหัวเราะออกมา , จิตใจที่เฉยชาราวกับน้ำแข็งค่อยเต้นระรัวดั่งมนุษย์ทั่วไป

     

               ยิ่งเห็นเลือดที่กำลังไหลออกมาจากร่างเด็กสาว เสียงกระดูกที่กำลังหักอยู่ด้านใน , คูฮาคุรู้ดีเกี่ยวกับตัวเอง หากไม่ได้พึ่งพลังของคาเสะแล้วตัวเธอก็ไม่ต่างจากเด็กผู้หญิงธรรมดา ๆ เธอไม่ได้แรงเยอะหรือรวดเร็วเหมือนอิตาโดริที่พลังศักยภาพเขาเหนือมนุษย์ เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่ผูกติดกับสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นและไม่มีจริง


     

               "ข้าจะช่วยเจ้าสู้ให้ก็ได้ !—ช่วยเจ้าเด็กนั่นก็ด้วย"คาเสะตะโกนผ่าน ดวงตาสั่นระริกเมื่อเห็นร่างเด็กสาวเริ่มสะบักสะบอมจากการโจมตี "เพราะงั้นเลิกดื้อแล้วให้ข้าเข้าร่างเจ้าซะ !"

     

               คูฮาคุหัวเราะ ถุยเลือดลงพื้น "นี่.. อิตาโดริ ถ้าหลังจากนี้ฉันพูดอะไรแปลก ๆ ก็อย่าไปฟังมากนักล่ะ"
     

               "หะ—"
     

               หลังจากนั้น คูฮาคุก็ไม่รู้สึกตัวแล้วอีกเลย


     

               เป็นครั้งแรกที่อิตาโดริได้เห็นอะไรเหนือธรรมชาตินอกจากคำสาปน่าขยะแขยง , ร่างชายหนุ่มเรือนผมสีครีมปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า เปิดเผยให้เห็นสิ่งที่มนุษย์ไม่คิดว่ามีอยู่จริง ปีกสีดำขนาดใหญ่สยายกว้าง ดวงตาสีอาร์กติกที่คล้ายคลึงกับเด็กสาวตวัดตามอง บรรยากาศเย็นเยียบยิ่ง ไอสังหารถูกกลั่นออกมาจากความกรุ่นโกรธ
     

               ดวงตาเบิกกว้างเมื่อมองเพื่อนสาวที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว อารมณ์ที่เคยแสดงออกหรือว่าการกระทำเริ่มเปลี่ยน ทุกอย่างนิ่งขึ้นยิ่งเมื่อปลายนิ้วของทั้งสองแตะกัน ร่างเท็งงุเริ่มหายคล้ายโดนดูด แถบสีเหลืองคล้ายกันกับตอนที่สุคุนะนั้นโผล่ขึ้นมาพาดลำคอเด็กสาว บรรยากาศกดดันแข่งกันระหว่างคำสาปที่ก้าวเข้ามา

     

               เขาได้ยินเสียงสบถจากปากคูฮาคุ ดวงตาสีอาร์กติกที่ปรายมองยังไม่เย็นชาเท่านี้ ไม่ว่างเปล่าเท่านี้ , สองขาเด็กสาวกระโดดขึ้นยามสายตาเห็นคำสาปที่ขยับเคลื่อนไหว พลังคำสาปใหญ่ขึ้นมากพอจะดับชีวิตมนุษย์สักคนได้ พุ่งเข้าหาเด็กหนุ่มที่ยังคงยืนเฉยคิดจะรับป้องกัน ก็คงมีแต่คนโง่เท่านั้นที่ไม่คิดจะหลบหนี

     

               มือเกี่ยวเอวเตรียมกระโดดหนี ถึงอย่างนั้นพลังทำลายล้างก็ไม่ใช่เล่นแม้ว่าจะสร้างเกราะลมขึ้นมาป้องกันอีกชั้นหนึ่ง คาเสะไม่รู้ว่าจะควรสบถด่าใครก่อนดี ร่างกายนางตอนนี้ก็แทบจะไม่ไหวแล้ว แขนขวาหัก บอบช้ำทั้งในและนอกจนต้องสำรอกเลือดอีกหน จะใช้พลังมากขึ้นก็เกรงว่าร่างกายนางจะรับไม่ไหว ผิวกายของเธอและเขาเริ่มถูกเผาไหม้ทีละนิดแต่ก็ยังไม่มากนัก

     

               ความเจ็บปวดพวยพุ่งออกมาจนไม่อาจเก็บกั้น ความรู้สึกกลัวตายที่กำลังกัดกิน เขาเห็นเธอที่กำลังกระอักเลือด แผ่นหลังหรือท่อนแขนถูกทำลายไปทีละส่วน สภาพไม่น่าดูสักนิด เพียงเพราะปกป้องเขา—


     

               "ฉันนึกว่าตัวเองแข็งแกร่ง นึกว่าตัวเองสามารถเลือกการตายของตัวเองได้ แต่ว่าไม่ใช่..."เขาพึมพำ ทำได้แค่กรีดร้องออกมา "ฉันไม่อยากตาย ไม่อยากตาย—"

     

               "เจ้าลูกมนุษย์โง่ ! ถ้าหากอยากรอดนักก็สู้สิ !"คาเสะไอออกมาอีกครั้ง พื้นเจิ่งนองด้วยเลือด "ข้าไม่ได้ช่วยเจ้าเพื่อมาฟังอะไรพวกนี้หรอกนะ"


     

               คาเสะหรี่ตามองเด็กหนุ่มที่กำลังเดินเข้าหาคำสาป พลังไสยเวทที่ครอบคลุมกำปั้นนั้นถูกต่อยลงไป หลังจากนั้นก็ไม่รู้สิ เขาไม่อาจคงสติอยู่ได้เพราะอาการบาดเจ็บทางร่างกายของฮาคุ ขณะเดียวกันก็ไม่อาจรักษาได้ ทำได้เพียงแค่คงร่างไว้ให้ได้นานที่สุด หากเธอกลับมาในช่วงเวลานี้ เกรงว่านอกจะเจ็บปวดแล้วคงได้สิ้นใจในไม่ช้า
     

               แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ทำไม่ได้
     

               เรียวเมน สุคุนะ , เขาถูกกล่าวขานว่าเป็นราชาคำสาป เหนือยิ่งกว่าคำสาปตรงหน้า ใบหน้าเหม็นเบื่อแสดงออกมา ขอแค่สะบัดมือเพียงครั้งเดียวก็ถือว่าจบสิ้น ดวงตามองร่างเด็กสาวที่นอนอยู่กลางกองเลือด ลมหายใจแผ่วเบาแทบกลืนหายไปกับอากาศ เท่าที่เฝ้ามองผ่านเจ้าเด็กนี่ก็ไม่คิดว่าจะได้พานพบอีกครั้ง ชวนน่าหัวเราะต่อสถานการณ์นี้เสียจริง

     

               ร่างกายที่พิเศษ หัวใจที่พิเศษและความรู้สึกพิเศษ เขาอุ้มนางขึ้นมาแม้จะไม่ได้สติแต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงลมหายใจเบาบางที่เป่ารดต้นคอ กลิ่นของนางยังเหมือนเดิม ไสยเวทย้อนกลับถูกใช้ได้แค่รักษาแผลบางส่วน เขาสบถเกี่ยวกับร่างกายอันน่ารำคาญของเด็กสาวพลางเหลือบมองคำสาปที่เพิ่งปล่อยพลัง เพียงแค่ป้องกันมือเดียวก็นับว่าเหลือเฟือ ต่อให้ทำลายมันเสียตรงนี้ก็นับว่าไม่ยากเลยสักนิดเดียว


     

               ปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผม สุคุนะหัวเราะ

     

               "ข้าไม่ได้มาพบเจ้าเพื่อดูเจ้าตายต่อหน้าข้าอีกครั้งหรอกนะ"ปลายเล็บสีดำไล้กรอบหน้า แผลส่วนใหญ่เริ่มรักษา เขากำชับอ้อมกอดอีกคราพลางหันมองคำสาป "อ่า—ข้าควรทรมานระดับพิเศษอย่างแกยังไงดีนะ ?"


     

               การยุ่งกับคนของใคร

               บางทีมันก็ต้องดูเจ้าของ


     

               ฟุชิงุโระไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี , ดีใจที่พวกเขายังกลับมาหรือเสียใจที่สุคุนะยังอยู่แถมยังอุ้มเด็กสาวไว้แนบอก รอยยิ้มกว้างของสุคุนะไม่ต่างจากปีศาจเลยสักนิด ยามกระซวกเพื่อเอาหัวใจของอิตาโดริออกมานั้นบ้าคลั่ง ตัวประกันสองคนทำให้เด็กหนุ่มเริ่มคิดหนัก อีกฝ่ายแทบไม่สนหัวใครสักนิด แม้กระทั่งตัวเองก็ตาม
     

               สิ่งที่เขาทำได้มีอยู่ไม่กี่อย่าง ถ่วงเวลาหรือการทำให้สุคุนะต้องสร้างหัวใจให้อิตาโดริอีกครั้ง อย่างน้อยก็ต้องไม่ให้กระทบกับตัวประกันอีกคน เขาเห็นเลือดที่ไหลออกมาจากร่างเด็กสาว หากช้ากว่านี้บางทีเธออาจจะตายก็ได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะสู้ด้วยมือเดียวแต่ก็ยังยากที่จะต่อกร ตรงข้ามกับเขาที่เริ่มสะบักสะบอม

     

               สุคุนะไม่คิดจะปล่อยร่างคูฮาคุเลยสักนิด เอาแต่กอดไว้แนบแน่นด้วยสีหน้าเย้ยหยันแม้เลือดที่จะไหลออกจากร่างเด็กสาวจะหยดลงมาดั่งเม็ดฝนก็ตาม ฟุชิงุโระปาดเลือดตรงมุมปาก อัญเชิญโอโรจิผ่านเงาเข้าพุ่งโจมตีสุคุนะในทันที พุ่งสูงขึ้นจนเกือบถึงท้องฟ้ามืดครึ้ม โดยเผลอนึกลืมร่างเด็กสาวที่กำลังถูกอุ้มโดยราชาคำสาป เพราะการโจมตีนั้นทำให้สุคุนะเผลอปล่อยนาง

     

               ร่างเด็กสาวล่วงหล่นลงมาตามแรงโน้มถ่วง ดวงตาสีแดงฉานสะท้อนใบหน้านาง เปลือกตาที่กำลังหลับพริ้มแม้ใบหน้าหรือตามลำตัวจะมีแต่เลือดสีเข้มเปรอะเปื้อน ชวนนึกถึงสมัยก่อนจนน่าหัวร่อทั้งต่อสิ่งที่ตนกระทำต่อนาง ดวงตาสีแดงดั่งทับทิมเปล่งประกาย มองปลายนิ้วนางที่เคยสัมผัส ที่ ๆ ราชาคำสาปเคยพิงอาศัย

     

               ฟุชิงุโระเบิกตากว้าง มองร่างเธอที่กำลังร่วงลงมาด้วยหัวใจหน่วงชา


     

               "นูเอะ !!"


     

               เขาตะโกนเรียกชิกิงามิในทันที หวังว่าจะรับเธอทันก่อนจะหล่นสู่พื้น ทว่าการกระทำอันแสนอุกอาจของราชาคำสาปนั้นยังคงเหนือคาด เพียงแค่ขัดขืนนิดเดียว ร่างของโอโรจิก็สลายไปในทันที อีกฝ่ายพุ่งลงมา—ไม่ได้เล็งไปที่ตัวเขาอย่างที่ตัวเองคิด กลับกันเขาพุ่งลงมาเพื่อรับเด็กสาวที่อีกเพียงไม่กี่เมตรคงตกพื้นด้วยความเร็วที่เร็วยิ่งกว่านูเอะ

     

               และเป็นครั้งแรกที่ฟุชิงุโระเห็นสีหน้าอื่นของชายที่ถูกเรียกว่าราชาคำสาป

     

               ไม่ใช่สีหน้าเย้ยหยัน หรือสนุกสนานต่อทุกสิ่งเหมือนเคย
     

               มันเรียบนิ่งราวกับผืนน้ำอันแสนสงบ


     

               "เจ้า"เขากล่าวออกมา ทำให้เด็กหนุ่มชะงักแล้วถอยหลังทว่าทุกอย่างก็ดูช้าไปสำหรับคำสาปอย่างสุคุนะ "ดูเหมือนข้าจะใจดีต่อเจ้าเกินไปสินะ"
     

               ดวงตาสีแดงฉานอันแสนน่ากลัวกำลังเปล่งประกาย
     

               "อย่ายุ่งกับนาง"


     

               และร่างของเขาก็ลอยสูงขึ้นด้วยฝีมือของราชาคำสาป พละกำลังที่เพิ่มขึ้นราวกับเมื่อครู่เป็นเพียงการละเล่นในสายตาของสุคุนะ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจดจ้องเด็กสาวที่ยังคงอยู่ในอ้อมกอดอีกฝ่าย หลายครั้งที่เขาจะแย่งชิงเธอกลับมากลายเป็นว่านั่นเหมือนเป็นการกระตุ้นอารมณ์ของราชาคำสาปให้มากขึ้น แถมเป็นการเพิ่มบาดแผลให้กับตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ
     

               ถึงอย่างนั้นเขาก็ทำได้เพียงแค่ภาวนา


     

               "พวกนายต้องมีชีวิตอยู่นาน ๆ นะ"

     

     

               อิตาโดริกลับมาแล้ว

     

               เขาเห็นอิตาโดริล้มลง เช่นเดียวกันกับคูฮาคุ ผิวกายซีดเซียวพวกนั้นแทบจะไร้เส้นเลือด ฟุชิงุโระเดินเข้าหา ปลายนิ้วสัมผัสกรอบหน้าเด็กสาวถึงกระนั้นเปลือกตาก็ไม่ได้ขยับ เลือดที่ควรคุ้นชินกลับเป็นสิ่งแปลกใหม่เมื่อมันไหลออกมาจากร่างของทั้งสองไม่หยุด เขาทำได้เพียงกอดเธอไว้ ความรู้สึกปั่นป่วนที่เคยเป็นกลับมาอีกครั้งเมื่อมองร่างของเพื่อนทั้งสอง 
     

               ร่างกายเย็นชืดที่เขาควรคุ้นเคย

     

               กลิ่นเลือดที่ควรชิน

     

               อา—ทำไมเขาถึงร้องไห้กันนะ



     

               Talk with คนแต่ง

               ฮึกๆๆ อุแง กลัวแต่งไม่ดีเลยบทนี้ ฉากสู้บางส่วนก็คือเอาจากของเก่ามาด้วยนิดนึง แล้วก็ปรับบทนิดหน่อยเพราะว่ามีบิชามอนเพิ่มเข้ามา เรื่องนี้ปู่สาคูไม่ใช่พระเอกนะถึงจะออกตัวแรงกว่าคนสวยก็เถอะแง (พ้มแทรกโมเม้นไม่ได้เลย) จะบอกว่าตายก็คือตายจริงไม่ใช่แสตนด์อินหรืออะไรก็ตาม เลือดก็คือเลือดจริงไม่ใช่น้ำแดงปลอมเด้อ ถึงสาคูจะใช้ไสยเวทย้อนกลับรักษาบางส่วนได้แต่ก็ไม่ทั้งหมดอยู่ดี ตุยเย่เลย
     

               หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงไม่ยอมให้คาเสะแล้วหนีไปให้จบ ๆ เพราะถ้าตามจริงแล้วพลังของเท็งงุก็ค่อนข้างสูสีกับคำสาประดับพิเศษอยู่แล้ว แต่ฮาคุ ไม่ ให้ สิง ค่ะ เงื่อนไขมันยิบย่อยมาก ฮาคุไม่เหมือนยูจิที่สาคูอยู่ข้างในตัวเลย แต่ของฮาคุคือต้องดึงคาเสะไว้ในร่างตัวเอง ส่วนที่ทำตัวดื้อไม่ยอมให้ยอมสิงดี ๆ ก็เพราะว่าถ้าหากหนีไปจริง สำหรับคาเสะเน้นให้ฮาคุรอดคนเดียวพอ ใครตายก็ช่างแม่ง แต่ฮาคุไม่ใช่เพราะว่ายังมีบิชามอนอยู่ด้วย ก็คือถ้าไม่มีบิชามอนอยู่ด้วยบางทีฮาคุอาจจะยอมคาเสะให้สิงแล้วก็ได้ (น้องเองก็เป็นคนรักครอบครัวอยู่นะ แต่แค่บางคน)
     

               ส่วนที่ว่าทำไมถึงให้บิชามอนกระโดดลงหลุมตามโนบาระไป เพราะฮาคุคิดว่าอย่างน้อยถ้าส่งบิชามอนลงไปน่าจะพอช่วยโนบาระได้บ้าง อาจด้วยคิดว่าเออเนี่ย ญาติตัวเองเป็นจิ้งจอกอย่างน้อยก็น่าจะได้กลิ่นทางออกเหมือนเกียวคุเคนของเมงุมิ (แต่จริง ๆ คือทำไม่ได้ อย่าเห็นผมเป็นหมาได้มั้ยฮาคุจัง)

     

               แอคงาน (@hourizuha)


              ถ้าชอบก็อย่าลืมให้กำลังใจ กดเฟบนิยายเรื่องนี้พร้อมคอมเม้นด้วยนะคะ จะได้ไว้อ่านตอนนั่งแต่งนิยาย ♡´・ᴗ・`♡

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×