ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Jujutsu Kaisen fiction - คนสวยขา ( megumi x oc )

    ลำดับตอนที่ #2 : 01 - เรื่องราวแปลกประหลาด

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 63





    Jujutsu Kaisen fiction - คนสวยขา
    - megumi x oc 




               ทฤษฏีการสบตา เวลาเพียงแปดจุดสองวินาทีดูยาวนานกว่าที่คาดไว้ , ฟุชิงุโระไม่อาจได้ทันตั้งตัวได้กับการเคลื่อนไหวที่ก้าวเข้ามาอย่างกระชั้นชิด ลมหายใจแผ่วเบาที่ได้ยินร่วมกัน มันยิ่งกว่าตอนเจอคำสาปเสียอีก ดวงตาผสานกันเป็นหนึ่งเดียวสะท้อนซึ่งกันและกันพร้อมกับประโยคให้ความช่วยเหลือที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินจากคนแปลกหน้าที่เพิ่งได้พบกัน

               ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเผชิญเด็กสาวแปลกหน้า เห็นไอสีขาวล้อมรอบราวกับหมอกควัน ความสงสัยตีขึ้นอกขณะเดียวกันก็พยายามจะพาตัวเองออกจากสถานการณ์นี้ , มันไม่ใช่คำสาปแต่ก็ทำให้รู้สึกแปลกประหลาดเมื่อจ้องมอง มันไม่ใช่กลิ่นอายที่น่าสะอิดสะเอียนกลับกันมันเป็นสิ่งที่ชวนน่าสงสัยและลึกลับยากเกินจะกล่าว

               ใบหน้าถอยห่างออกมาหลังได้เห็นการหายใจที่หยุดชะงัก คูฮาคุมองเขาที่ดูไม่ค่อยคุ้นชินกับสถานการณ์นี้ด้วยรอยยิ้มเบาบาง ชุดที่ใส่ไม่ได้เหมือนยูนิฟอร์มที่เคยเห็นในครั้งนั้น ในตอนนี้เขาดูเหมือนเด็กมหาลัยเสียมากกว่า ทว่าสิ่งที่ทำให้น่าสนใจก็คงเป็นการที่เขารอดจากสัตว์ประหลาดพวกนั้นกระมัง

               เขาดูมีความสามารถกว่าที่คิด


               "ว่าไงคนสวย ฉันคิดว่านายคงหลงทางแน่นอนหากไม่ได้คนนำทาง"เสียงที่เน้นย้ำตรงต้นประโยคทำให้อารมณ์เด็กหนุ่มดูหงุดหงิดไม่น้อย ตรงข้ามกับคนที่เอื้อนเอ่ยยังคงนิ่งเฉยไม่ได้ทุกข์ร้อน ดวงตาสีอาร์กติกจดจ้องคล้ายกับเห็นอาจารย์ซ้อนทับชวนไม่สบอารมณ์เป็นที่สุด ครั้นจะเปิดปากปฏิเสธก็ได้ยินเสียงตื่นตาตื่นใจมาทางอีกฝั่ง

               คูฮาคุหันมอง "นายอยากไปดูไหม ?"


               เธอกำลังนำทางด้วยสองเท้า ไม่ได้สนใจต่อผู้ร่วมทางว่ารู้สึกอย่างไรแม้ว่าท่าทีเขาจะแสดงออกมาว่าปฏิเสธอย่างแน่นอน เขาก้าวเดินอยู่ด้านข้างเป็นตัวเปรียบเทียบความสูงชั้นเยี่ยม อีกฝ่ายสูงพอเทียบเท่าคาเสะหรืออาจเป็นคาเสะที่เตี้ยไปเสียเอง บางทีคูฮาคุคงต้องวัดส่วนสูงชายหนุ่มสักหน่อย

               ระหว่างทางที่เดินนั้นเงียบ เราไม่ได้รู้จักกันดีพอขนาดที่ว่าจะต้องพูดเปิดบทสนทนา และก็ไม่ใช่คนที่เป็นมิตรกับทุกคนขนาดที่ว่าสามารถพูดคุยได้อย่างไม่อึดอัด อีกอย่างเด็กสาวก็แค่อยากรู้เพียงเท่านั้นว่าเขาต้องการที่มาหาใคร มากกว่าความช่วยเหลือที่หยิบยื่นให้หรือคำกระเซ้าเย้าแหย่ที่ดูไร้อารมณ์

               ทุกอย่างที่เธอทำล้วนแต่เต็มไปด้วย ความอยากรู้

               มนุษย์ทุกคนขับเคลื่อนตัวเองด้วยความอยากรู้อยากเห็นทั้งนั้น , ดวงตาสีอาร์กติกเหลือบมอง เขาให้ความสนใจกับโทรศัพท์ในมือมากกว่าบรรยากาศรอบข้างเสียด้วยซ้ำ แววตาครุ่นคิดและอาการหนักใจที่เผยออกมานั้นทำให้คูฮาคุเก็บไว้ในใจ เธอพาเขามายังที่สนามกีฬา ผู้คนมากมายรวมตัวกันอยู่ตรงนั้นเช่นเดียวกับพวกเราที่ยืนมองจากรอบนอก

               สถิติของอาจารย์ที่ทำไว้ให้เชยชมนั้นไม่แย่เสียทีเดียว สิบสี่เมตรดูเป็นอะไรที่ดีแล้วสำหรับวัยอายุตอนนี้ เทียบกับสถิติโลกที่ได้บันทึกไว้ เขาแข็งแรงมากเมื่อดูจากอายุแล้ว นักเรียนรอบข้างต่างเฮฮาเมื่อได้มอง และยิ่งดังกระหึ่มขึ้นไปอีกเมื่ออิตาโดริเตรียมตัวที่จะโยนลูกเหล็กในมือของเขา


               "ปีศาจชัด ๆ เลยว่าไหม ?"คูฮาคุถามความเห็นเด็กหนุ่มที่ยืนมองร่วมกัน เสียงของลูกเหล็กที่กระทบกับเสาเหล็กหักงอจนไม่เหลือทรง ท่าที่อิตาโดริทำนั้นคล้ายกับว่ากำลังเล่นเบสบอล เขายังคงจ้องมองด้วยท่าทางเรียบนิ่ง ไม่ได้ดูตกใจสักนิดกับกำลังกายอันมหาศาลของอิตาโดริ

               เขาผงกหัวลง เห็นด้วยอย่างไม่น่าเชื่อ


               เด็กสาวเดินเข้าหาอิตาโดริที่เพิ่งแข่งขันเสร็จ เขามั่นใจอยู่แล้วว่าจะชนะด้วยท่าทางสดใสเช่นนั้นในท้ายที่สุดก็ได้เป็นสมาชิกของชมรมวิจัยเรื่องลี้ลับอย่างเต็มตัว ผู้คนรอบข้างเริ่มสลายออกหลังจากเหตุการณ์แข่งขันสิ้นสุดลงก็เหมือนกับเด็กหนุ่มคนนั้นที่เดินจากไปหลังได้เห็นการแสดงทางกายภาพที่แข็งแกร่งของอิตาโดริ

               ดวงตาสีน้ำตาลเคลื่อนมอง รอยยิ้มสดใสประดับบนใบหน้าราวกับว่าเขาคือพระอาทิตย์ดวงน้อย ๆ การแสดงออกของเขาเหมือนน้องสาวที่กำลังใสซื่อของเธอ ไร้เดียงสาและมีชีวิตชีวา ถึงอย่างไรกลิ่นอายรอบข้างนั้นกลับฉุดรั้งให้ตัวตนต่ำยิ่งกว่าเดิม ไม่แน่บางทีสิ่งที่เด็กแปลกหน้าคนนั้นตามหาอาจจะเกี่ยวข้องกับอิตาโดริก็ได้


               "ฉันเป็นไง ? ปกติฉันไม่ค่อยเห็นเธอได้มาดูงานแข่งกีฬาอะไรพวกนี้เลย"อิตาโดริเหมือนเด็กที่กำลังรอรับคำชม อกของเขายืดขึ้นและคาดหวังกับประโยคที่กำลังเอื้อนเอ่ยออกมาจากปากเด็กสาว คูฮาคุเลิกคิ้วขึ้นกับท่าทางเด็กน้อย การแสดงออกที่ดูง่ายเกินไปมันก็ยากที่จะมองข้ามหากจะไม่ลงมือกลั่นแกล้งอะไรสักนิด

               เธอเลือกที่จะเมินเฉย "นายยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ ?"

               "อะ จริงด้วยสิ"ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเขาหันไปทางนาฬิกา ท่าทางเด็กน้อยกลับมาเป็นเร่งรีบอีกครั้ง "จริงสิเกียวคุโระ ฉันฝากอะไรเธอหน่อยได้ไหม"

               เด็กสาวเลิกคิ้วขณะที่รุ่นพี่อีกสองคนยังคงแก้มแดง

               "พอดีรุ่นพี่จะเปิดสิ่งนั้นในคืนนี้ เกียวคุโระช่วยอยู่เป็นเพื่อนรุ่นพี่หน่อยได้ไหม แต่ฉันมีธุระต้องไปทำ"ปลายนิ้วแตะคางดูครุ่นคิดตรงข้ามกับอารมณ์ที่ปะทุอยู่ภายใน เธอคงคาดเดาสีหน้าของเขาได้แม้ว่าจะไม่ปรากฎตัวก็ตาม ยิ่งคำตอบที่เด็กสาวมอบให้เปรียบเสมือนชนวนระเบิดที่กำลังนับถอยหลัง

               "ได้สิ"



               เธอคาดเดาได้เลย
               คาเสะคงเหลาไม้เรียวไว้ตีเธอเรียบร้อย



               ตอนกลางคืนของโรงเรียนนั้นเงียบเหงา ตึกอาคารเรียนที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะสนุกสนานในตอนนี้คล้ายกับตึกร้าง เธอยืนอยู่ตรงโถงทางเดินขณะที่ข้างในห้องยังมีแสงจากเปลวเทียนที่มอบให้ความสว่างต่อความมืดมิดในที่แห่งนี้ เคียงข้างกับเท็งงุที่อารมณ์บูดบึ้ง ใบหน้าเขาบิดเบี้ยวเสียจนแทบจะลงอารมณ์ทั้งหมดมายังที่เด็กสาวที่ยังคงไม่รู้สึกอะไร

               คูฮาคุเป็นเช่นนี้เสมอ ต่ออารมณ์ภายนอกที่ยากคาดเดา ด้านในกำลังเต้นอย่างหฤหรรษ์ แหกกฏทุกความเป็นไปได้หรือความปลอดภัยของตัวเอง ความว่างเปล่าสมกับชื่อของเธอเมื่อทุกอย่างเก็บไว้อย่างมิดชิดเกินไป ในบางคราเขาชื่นชอบความดื้อรั้นอันไร้เหตุผลของเธอ ทว่าในตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น กลิ่นอายอันน่าสะอิดสะเอียนที่แผ่พุ่งไปทั่วทุกที่มันทำให้เขาใจร้อน


               "เจ้าควรกลับบ้าน"ถ้อยคำยังคงใจเย็น แต่นั่นก็แค่การพยายามอย่างไร้ความหมายเมื่อคูฮาคุไม่ได้คิดจะใส่ใจ "ข้าให้เวลาเจ้าถึงแค่ช่วงเย็น แต่นี่เจ้ากำลังล้ำเส้น— เจ้ากำลังตกอยู่ในอันตราย !"

               "อะไรคือสิ่งที่ทำให้นายกระวนกระวาย"

               "เรียวเมน สุคุนะ"


               เขากำลังมา


    ♡´・ᴗ・`


               อาจจะเป็นครั้งที่สอง สาม หรือสี่ที่ตัดสินใจผิดพลาด , ฟุชิงุโระกำลังคิดแบบนั้นหลังจากพบว่าสิ่งที่ตัวเองคิดผิดพลาดไปเล็กน้อย สายลมที่ปะทะหน้าหรือสองเท้าที่กำลังวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละ ถ้อยคำคำถามที่พ่นออกมาตลอดระหว่างทาง เส้นทางคดเคี้ยวที่เคยมาในครั้งแรกกลับห่างไกลกว่าเดิมในครั้งนี้

               แรงกดดัน คำสาปมากมาย สถานการณ์อันตรายเกินกว่าจะให้มนุษย์เข้าร่วม ดวงตาสีน้ำเงินเข้มส่องประกายเคร่งเครียดมองเด็กหนุ่มที่ได้เปรียบทางด้านกายภาพ อย่างไรเสียเขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่งที่ไม่ได้มีพลังอะไร ได้เปรียบนิดหน่อยก็แค่แข็งแกร่งกว่าชาวบ้าน ไม่อาจสามารถใช้ไสยเวทย์ได้แตกต่างจากเขา


               "นายรออยู่ที่นี่"มือผลักร่างเด็กหนุ่มให้ถอยห่าง ฟุชิงุโระปีนรั้วอย่างรวดเร็วเตรียมกระโดดลงหากไม่ได้ยินประโยคทัดทานจากคนด้านหลัง เขากล่าวออกมาราวกับว่าคำสาปพวกนั้นเป็นเพียงแค่เรื่องล้อเล่น

               "ฉันก็จะไปด้วย อันตรายมากใช่ไหมล่ะ—"

               เพราะมันอันตราย ดังนั้นจึงทำได้เพียง

               "รออยู่ที่นี่"


               โถงทางเดินที่เต็มไปด้วยกลิ่นคำสาปพวกนี้ชวนทำให้เขาหงุดหงิด ความมืดที่โอบล้อมรอบข้างเหลือแสงสว่างจากดวงจันทร์ที่กำลังหัวเราะเยาะในยามค่ำคืน ความรุนแรงกำลังกระตุ้นให้เขาวิ่งไปให้เร็วกว่านี้ บันไดแต่ละขั้นที่ก้าวผ่าน ดวงตาจดจ่อไปทางสถานการณ์ด้านหน้า คำสาปที่เหมือนกับแมลงยั้วเยี้ยกระจายอยู่เต็มไปทั่ว

               เกียวคุเคนทั้งสองถูกอัญเชิญมาในทันทีเมื่อเขาประสานมือเป็นรูป ความปรานีไม่ได้มีอยู่ในเหตุการณ์นี้อีกต่อไป เกียวคุเคนกระโจนเข้าไปทางคำสาปในทันทีที่เขาเอ่ยสั่ง ฟุชิงุโระไม่อาจเสียเวลาได้มากกว่านี้ เสียงของตึกที่โดนทำลายกระตุ้นให้เขาต้องเร่งรีบ มันคงแย่หากมีผู้บาดเจ็บจากสถานการณ์นี้


               "เจอแล้ว"เด็กหนุ่มสูดหายใจเข้าปอดปรับลมหายใจให้คงที่ เสียงคำรามจากสุนัขศักดิ์สิทธิ์ดังเป็นระยะเมื่อจ้องมองเหยื่อ เขาได้ยินเสียงน่าขยะแขยงจากคำสาป ดวงตาสีน้ำเงินสะท้อนเด็กนักเรียนสองคนที่อยู่ในมือคำสาป เห็นถึงดวงตาหยามเหยียดและเย้ยหยันราวกับว่ามันแข็งแกร่งกว่า ทว่ามองไปทางใดก็ล้วนไม่เห็นวี่แววอีกคนหนึ่ง

               เธอหายไปไหน ?

               ถึงอย่างไรความตื่นตระหนกนั้นถูกทำลายลงเมื่อกระจกแตกออก เศษแก้วบาดผิวหนังคำสาปพร้อมกับร่างเด็กหนุ่มที่เข้ามา เขามุ่งมั่นโดยไม่กลัวแม้แต่ความตายที่อาจจะได้เผชิญ ช่วยเหลือผู้คนด้วยสองมือ

               ทว่าดวงตาแสดงความสับสน

               "เกียวคุโระหายไปไหน ?"


               เมื่อคนที่ควรอยู่
               กลับไร้วี่แวว


               สายลมที่ล้อมรอบราวกับว่ามันมีชีวิต ปีกขนนกสีดำกำลังกระพือขณะเดียวกันเขาก็โอบอุ้มเด็กสาวเอาไว้ สายตาเฉยชามองผ่านด้วยดวงตาสีอาร์กติกคล้ายกันกับคูฮาคุ มองผ่านเห็นการต่อสู้ที่หากเขาช้ากว่านี้ คนในอ้อมกอดคงมิแคล้วจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายนั้นด้วย ซึ่งมันคงแย่น่าดูถ้าหากเธออยู่ในสถานการณ์นั้นจริง ๆ

               เสียงหัวเราะเปล่งออกมาอย่างเชื่องช้า ความมืดมิดที่มองไม่เห็นทำให้เธอยกมือจับบริเวณใบหน้า หน้ากากขนาดใหญ่ที่ถูกสวมทับคาดว่าคงเป็นหน้ากากเท็งงุของเขา บดบังการมองเห็นทุกอย่างแม้กระทั่งเสียงที่มีเพียงคลื่นแทรกเข้ามา บางทีนี่คงเป็นความอดทนสูงสุดของเท็งงุแล้วกับการกระทำอันเอาแต่ใจของเด็กสาว


               "นายคงไม่คิดจะกลับบ้านตอนนี้หรอกใช่ไหม ?"เด็กสาวเอ่ยถามกับความมืดที่มองเห็น สัมผัสได้เพียงลมหายใจที่จรดหัว "มันเป็นเรื่องสนุกเหมือนกับตอนที่ฉันเห็นสุนัขตัวนั้น"

               "เจ้าควรพักผ่อนได้แล้ว"เขากล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึม ทิศทางลมเปลี่ยนไปเฉกเช่นอารมณ์ที่ไม่คงที่ของเท็งงุ มันไม่ได้สงบเยือกเย็นตั้งแต่เหตุการณ์เริ่มขึ้น คำสาปที่ผุดโผล่ขึ้นมาราวกับเห็ดทำให้คาเสะรำคาญ ปรารถนาจะทำลายให้สิ้นซากหากไม่ติดว่าเขายังคงมีคูฮาคุอยู่ข้างกาย

               ถึงกระนั้น เธอหัวเราะออกมา

               "ไม่ว่ายังไงนายก็ต้องปกป้องฉัน"มือขย้ำเสื้อชายหนุ่มจนเกิดรอยยับ เขาไม่อาจรับรู้ได้ว่าเธอกำลังรู้สึกอย่างไร "เพราะงั้นให้ฉันได้ดูซะ คาเสะ"


               เหตุการณ์มันวุ่นวายกว่าที่คาดคิดไว้ มุมมองเริ่มสว่างขึ้นมาทีละนิดเมื่อเขายอมทำตามที่เธอเอ่ย แม้ว่าจะใส่หน้ากากแต่มันก็ไม่ได้มืดแบบเมื่อครู่อีกแล้ว กลับกันมันยังคงเห็นได้ชัดยิ่งกว่าตาเปล่าเสียอีก เศษซากปรักหักพัง โรงเรียนถูกทำลายโดยสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ยักษ์ เธอเห็นคนสวยขณะเดียวกันก็เห็นอิตาโดริที่กำลังกระโดดไปมากลางอากาศ

               มันดูเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่าสำหรับอิตาโดริ เขาอาจจะมีกำลังกายที่สูงกว่าชาวบ้านคนอื่นก็จริง ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจทำลายอะไรได้ คาเสะบอกเธอแบบนั้นระหว่างการดู

               ทว่ามันจะกลับกันในทันที


               "ปกติแล้วการกินเนื้อมันต้องทำให้สุกสักหน่อยไม่ใช่เหรอ"มันเป็นเรื่องยากสักหน่อยกับการเห็นอิตาโดริกำลังกินนิ้วของเรียวเมน สุคุนะ กลิ่นอายความชั่วร้ายแผ่ฟุ้งกระจายไปทั่วถึงอย่างไรก็ไม่อาจกระทบถึงเธอได้เมื่อคาเสะเป็นคนป้องกันทุกอย่าง พวกเรายังคงสบายอารมณ์เมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนไม่กระทบถึงเธอ

               "บางทีมันคงใช้ไม่ได้กับนิ้วที่เน่าแล้วแบบนั้น"

               "ตอนนี้เขาเหมือนสัตว์ประหลาดเลย"ดวงตาสีอาร์กติกหรี่มอง พลังทำลายล้างยิ่งกว่าตอนที่ยังไม่ได้กินนิ้วสุคุนะเข้าไปอีก ส่งเสริมกับพลังกายที่แทบจะแกร่งกว่าใครของอิตาโดริ บางทีมันคงเสริมกันตรงนั้น รอยยิ้มเกียจคร้านวาดขึ้นอย่างสงบ ประดับใบหน้าที่ว่างเปล่า

               "ข้าไม่คิดจะให้เจ้าเข้าร่วมหรอกนะ"

               "ฉันรู้... นายก็น่าจะรู้จักฉันดีไม่ใช่เหรอ"


               เขารู้—สิบหกปีที่อยู่ร่วมกันมา
               เกียวคุโระ คูฮาคุ

               คือ มนุษย์ที่ไม่สนใจใครเลย






               Talk with คนแต่ง

               วันนี้มาดึกนิดหน่อย แหะ คาร์ฮาคุจังเป็นอะไรที่เขียนสนุกมากเลยค่ะ แบบว่าเมินทุกอย่างแต่ก็สนใจในเรื่องที่สนใจเท่านั้น ดูเหมือนเป็นคนที่ไม่สนโลกใช่ไหมล่ะคะ ใช่ค่ะ น้องเป็นแบบนั้น ๕๕๕๕๕ ตอนแรกไม่สนใจใคร ไป ๆ มา ๆ เดี๋ยวก็สนใจเมงุมิเองแหละ อือ คนสวยก็คืองงนิดหน่อย มาช่วยแต่ว่าหาตัวไม่เจอแทน

               ถ้าชอบก็อย่าลืมให้กำลังใจ กดเฟบนิยายเรื่องนี้พร้อมคอมเม้นด้วยนะคะ จะได้ไว้อ่านตอนนั่งแต่งนิยาย ´・ᴗ・`♡
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×