ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Jujutsu Kaisen fiction - คนสวยขา ( megumi x oc )

    ลำดับตอนที่ #18 : ตอนพิเศษ - โลกอีกฝั่งที่มองไม่เห็น

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 65





    Jujutsu Kaisen fiction - คนสวยขา
    - megumi x oc 




               บ้านใหญ่คึกครื้นอีกแล้ว , หิมะสีขาวสะอาดโปรยปรายไปทั่วทุกบริเวณ อุณหภูมิลดต่ำลงจนลมหายใจเป็นควัน เสียงเอะอะข้างนอกเรือนนั้นวุ่นวายเนื่องจากการจัดเตรียมงานปีใหม่ เหล่าคนงานเริ่มถางหิมะบนพื้นเพื่อให้มีทางเดิน เหล่าคนครัวจัดเตรียมอาหารสำรับอย่างขยันตั้งแต่เช้าตรู่ ขณะที่ผู้เป็นนายทั้งหลายกำลังรื่นรมณ์ไปกับความสุนทรีย์

               เกียวคุโระ บิชามอนลืมตามอง เขายังคงอยู่บนฟูกนอนและไม่มีความคิดที่จะลุกขึ้นด้วยซ้ำ ในใจอดไม่ได้ที่จะเหนื่อยหน่ายกับการรวมญาติทุกสารทิศที่จะรวมตัวกันได้มาที่บ้านแห่งนี้ ยิ่งพอนึกถึงใครบางคนที่เหม็นขี้หน้า ก็ยิ่งทำให้เขาร้องเหอะออกมาแบบยั้งไม่อยู่ ริมฝีปากบิดเบ้เมื่อนึกถึงสีหน้านิ่งสนิทของลูกพี่ลูกน้องที่คาดว่าคงจะมาในวันนี้

               บิชามอนเป็นหลานชาย แถมเป็นหลานคนแรกที่เป็นผู้ชาย เขามีสิทธิ์นั่งตรงตำแหน่งผู้นำตระกูลตั้งแต่เกิด ทว่าความโปรดปรานนั้นเป็นรอง , เขาอาจจะเป็นหลานชายคนแรกนั้นใช่ แต่เขาไม่ใช่หลานคนแรก—เกียวคุโระ คูฮาคุต่างหากที่ได้สิทธิ์นั้นไปครอง รวมถึงความโปรดปรานจากปู่ที่ดูจะรักใคร่หลานสาว ขนาดบูรณะสวนเสียยกใหญ่ให้ตรงตามใจทั้งที่เธอไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ

               เพราะงั้น หลานทุกคนจึงเกลียดคูฮาคุ

               มันอาจจะดูเป็นเรื่องงี่เง่าสำหรับคนภายนอก ทว่าสำหรับเด็กเล็กที่ต้องการความสนใจอย่างเท่าเทียมกลับโดนลำเอียงเสียจนยังมองออก ไม่โดนเปรียบเทียบก็โดนเสียดสีจนต้องกำหมัดกันบ้าง ขณะที่เด็กหญิงกลับได้รับคำยกยอเพียงเพราะเป็นผู้หญิงคนเดียวในตระกูลที่ให้กำเนิดแต่บุตรชาย

               ส่วนเขาก็โดนเกลียดเหมือนกัน แค่น้อยกว่าคูฮาคุแค่นั้น

               แต่อย่างไรความเห็นที่ว่าเกียวคุโระ คูฮาคุนั้นถูกเกลียดก็ยังคงไม่แปรเปลี่ยน แค่เห็นใบหน้านิ่งสนิทราวกับไม่เคยสนใจอะไร หรือต่อให้กระทำสิ่งไหนลงไปก็ไม่โต้ตอบอะไรกลับมา ชวนให้น่าหงุดหงิดจนเผลอกำมือแน่นอย่างช่วยไม่ได้ เขาสูดหายใจพยายามยับยั้งอารมณ์ความรู้สึกที่กำลังปะทุอยู่ในอก เก็บมันลงไปไว้ในกล่องใบหนึ่งในใจ


               "คุณหนูตื่นแล้วเหรอคะ ?"เสียงดังกุกกักข้างนอกพร้อมกับคำขออนุญาตเพื่อเลื่อนบานประตู ไอหนาวเล็ดลอดย่างกรายเข้าสู่คนในห้อง เด็กชายปรือตา ทำท่าเหมือนเพิ่งตื่นได้อย่างแนบเนียนจนหญิงสาวไม่คิดสงสัย "วันนี้ต้องเตรียมตัวเช้าหน่อย คุณหนูทนได้ใช่ไหมคะ ?"

               "อืม มันไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย"รอยยิ้มเล็ก ๆ วาดบนใบหน้าจนดวงตาหยีลง หญิงสาวหัวเราะเสียงแผ่วก่อนจะหันไปทางบานประตู เอ่ยเรียกสาวใช้อีกหลายคนเข้ามาเพื่อจัดเตรียม เธอชอบนักที่เด็กชายคนนี้ที่เป็นเจ้านายไม่ได้เป็นเด็กเอาแต่ใจเหมือนกับคุณหนูคนอื่น ๆ ไม่ได้เอาใจยากและค่อนข้างเลี้ยงง่ายเลยทีเดียว

               "เอาไว้ฉันจะเก็บของโปรดของคุณหนูให้นะคะ"

               "แบบนั้นก็ดีเลยสิ"


               บิชามอนเปล่งเสียงหัวเราะเมื่อเห็นสาวใช้แผนขนมหลอกล่อราวกับเขาเป็นเพียงเด็กน้อย ทั้งที่ความจริงแล้วแผนพวกนี้มันไร้ประโยชน์ตั้งแต่เขาอายุห้าขวบแล้ว และตัวเขาที่ก้าวไปข้างหน้าในทุก ๆ วันย่อมไม่หลงกลอะไรที่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทว่าบิชามอนก็เลือกที่จะพยักหน้าดั่งเด็กว่านอนสอนง่าย ปล่อยตัวให้มือทั้งสิบคู่พาเขาไปอาบน้ำและแต่งตัว

               ชุดกิโมโนสีม่วงอ่อนถูกคัดเลือกให้เขาสวมใส่ในวันนี้ เขามองเหล่าสาวใช้ที่วุ่นวาย ทั้งเครื่องประดับที่ต้องเกล้าเรือนผมสีดำขลับของตนที่ยาวจรดกลางหลัง กลิ่นของไม้หอมที่ถูกร่ำบนผ้ากิโมโนทำให้เด็กชายผลิยิ้มเบาบาง จัดแต่งอยู่ชั่วครู่ สิ่งที่สมควรเห็นก็สะท้อนผ่านกระจกพร้อมกับรอยยิ้มของเหล่าหญิงสาวที่ภูมิใจ

               เรือนผมสีดำขลับราวปีกกานั้นถูกเกล้าเป็นมวยเก็บไว้เพื่อไม่ให้น่ารำคาญ ปักปิ่นดอกไม้ประหนึ่งเด็กผู้หญิง เหลือปอยผมบางส่วนที่คลอเคลียส่วนใบหน้า ดวงตาสีม่วงไลแลคมองตัวเองในกระจก กิโมโนสีม่วงที่คล้ายคลึงกับสีตาเขา ลายดอกโบตั๋นที่วาดลวดลายบนเนื้อผ้าขับเสริมทุกอย่างให้งามวิจิตร บิชามอนกะพริบตาเชื่องช้าก่อนหันกลับไปมองเบื้องหลังที่นำพาเขามาสู่จุดนี้


               "ขอบคุณนะ"

               "แท้จริงแล้วเพราะคุณหนูงดงามต่างหาก ต่อให้แต่งตัวอย่างไรคุณหนูก็งดงามเสมอค่ะ"คนเป็นหัวหน้ากล่าว หัวเราะอย่างรื่นเริงสมกับเป็นงานเทศกาล "ถึงเวลาที่คุณหนูต้องไปเรือนรับรองแล้วล่ะค่ะ"

               เด็กชายเลิกคิ้ว "พวกเขามาแล้วเหรอ ?"

               "บางส่วนก็เริ่มทยอยมาแล้วค่ะ ถ้าหากคุณหนูไปช้ากว่านี้คงโดนต่อว่าแน่ ๆ เลยค่ะ"เธอกล่าว แม้เขาจะตื่นก่อนและการเตรียมตัวก็ไม่ได้นานนักแต่เหล่าแขกที่ถูกเชิญมาก็มากันเร็วเสียจนพวกเขาต้องเร่งมือ ยิ่งกับเจ้าบ้านอย่างเขาที่เป็นหลานชายคนแรกก็จำเป็นต้องโผล่หน้าไปให้เห็นเพื่อไม่ให้เป็นที่ติฉินนินทาอีกต่างหาก

               "งั้นไปกันเถอะ"


               การปั้นหน้ายิ้มไม่ใช่เรื่องยากสำหรับบิชามอนที่อยู่กับมันมาทั้งชีวิต การทักทายที่เต็มไปด้วยถ้อยคำจิกกัด สายตาสังเกตจากเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลก ตำแหน่งที่เขาถือมันก็สามารถเปลี่ยนได้ตลอดนั่นแหละ ตราบใดที่เขาไม่เข้าข่ายตำแหน่งผู้สืบทอด คนอื่นก็จะมารอแทนที่อยู่ดี เหมือนกับอยู่ในสงครามไม่มีผิดเพี้ยนเลย

               และสำหรับงานเลี้ยงอันน่าเบื่อหน่าย

               คนที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ คูฮาคุ

               ร่างเด็กหญิงในวัยเดียวกันเพียงแค่แก่เดือนไม่กี่เดือนก้าวเข้ามาพร้อมกับครอบครัว ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มที่เขาเห็นเป็นประจำที่เรือนคุณปู่มักฉายสีหน้าเรียบเฉย เริ่มแต่งแต้มอารมณ์ด้วยการยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม กล่าวคำทักทายด้วยเสียงน่ารัก ๆ จนพ่อเขาหัวเราะกับการกระทำนั้นราวกับเอ็นดู ขณะเดียวกันเขาก็ทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่ต่างจากคนอื่น ๆ ที่เขาเคยทักทาย

               แม้ว่านั่นจะไร้เสียงตอบกลับมาก็ตาม

               ถึงแบบนั้นก็ไม่มีใครว่าเธอ—เพียงเพราะคูฮาคุคือหลานสาวเพียงคนเดียวของตระกูล

               งานเลี้ยงนั้นดำเนินไปอย่างเรียบง่าย อาหารมงคลถูกนำเสิร์ฟขึ้นโต๊ะพร้อมกับของมึนเมาที่พวกผู้ใหญ่รักใคร่นักหนา เสียงพูดคุยที่ลอยกระทบเข้าหู หัวข้อมากมายที่ถูกเอามาพูดกลางโต๊ะไม่หมดไม่สิ้น เสียงหัวเราะของคนที่อยู่หัวโต๊ะอย่างปู่ก็ดูชอบอกชอบใจ สักพักก็หันไปเอาใจเด็กหญิงที่นั่งเงียบเชียบ ดึงความสนใจจากคนอื่นตกมาที่เธอเพียงผู้เดียว

               ท่ามกลางสายตาอิจฉาของหลานหลายคน , ดวงตาสีม่วงไลแลคมองเด็กหญิงที่อยู่เหนือทุกคนด้วยอารมณ์คับแค้น ฝ่ามือเล็กกำกิโมโนของตนจนยับยู่ แสดงอารมณ์ทดแทนการแสดงสีหน้า ไม่ต่างจากเด็กน้อยคนอื่นที่อยู่ในรุ่นหลาน แม้จะพยายามกักเก็บมากเพียงใด แต่หากวันใดมากเข้าเรื่อย ๆ สิ่งที่เคยกักเก็บไว้

               เดี๋ยวมันก็ทะลักออกมาเอง


               "ลูกจะไปเที่ยวคนเดียวเนี่ยนะ ?"เสียงของพ่อเหินสูงขึ้นเมื่อได้รับคำขอจากลูกชายเพียงคนเดียวของตน ดวงตากะพริบปริบดูไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่เขาก็เอ่ยปฏิเสธเหมือนทุกครา "ไม่ได้หรอกนะ ถ้าเกิดอันตรายจะทำยังไง รอให้พ่อทำงานเสร็จแล้วเราค่อยไปเที่ยวด้วยกันดีไหม ?"

               "งานของพ่อมีแต่จะมากขึ้น ๆ ทุกปี"เขาเอ่ยด้วยถ้อยคำของความจริงจนชิกาโอะชะงัก กระแอมไอเพื่อกลบเกลื่อนแต่มันก็ดูไม่เนียนเลยในสายตาเขาที่มองพ่อมาตั้งแต่เด็ก "ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดของผมก็ได้"

               ชายหนุ่มถอนหายใจ "ก็ได้ ๆ แต่พ่อจะให้คนดูแลไปด้วยนะ"

               "ขอบคุณครับ"แววตาของคนเป็นพ่ออ่อนแสงลงเมื่อเห็นท่าทางของเด็กชาย พลางนึกถึงประโยคก่อนหน้าก็ชวนทำให้สีหน้าเปลี่ยนไป บางทีเขาก็เผลอลืมลูกชายแล้วหลงไปกับการทำงานที่นับวันจะปั่นหัวเขาให้เข้าใกล้ความเครียด รู้ตัวอีกทีจากเด็กน้อยที่ต้องคอยตระกองกอดก็เริ่มวิ่งออกจากอ้อมอกเสียแล้ว—โดยที่เขาไม่ได้เฝ้ามองเลยสักครา

               ชิกาโอะถอนหายใจ เอื้อมมือวางบนกลุ่มผมสีดำขลับ

               "ลองชวนฮาคุจังไปด้วยไหมล่ะ อายุเธอเท่าลูกเลย น่าจะเข้ากันได้ดีนะ"

               ไม่

               "เอาไว้คราวหน้าดีกว่าครับ"


               โดยหารู้ไม่ว่านั่นจะเป็นครั้งสุดท้าย

               ที่เขาจะเป็นเพียงคนธรรมดา



    ♡´・ᴗ・`




               "แล้วตอนนี้นายยังเกลียดฉันอยู่รึเปล่าล่ะ"

               ท่ามกลางคนธรรมดาเหล่านี้

               มีเพียงเธอที่เหมือนกับเขา

               เขาหัวเราะ

               "ไม่รู้สิครับ"


               ดวงตาสีอำพันราวกับเครื่องเพชรเม็ดงาม มันอยู่ติดตัวเขามาตั้งแต่วันนั้น วันที่เขาได้ไปเที่ยวคนเดียวอย่างที่หวังไว้ วันที่อะไรหลายอย่างเปลี่ยนแปลงชีวิตรวมถึงมุมมองที่ไม่อาจธรรมดาได้เหมือนเดิม , ราวกับโชคชะตานั้นเล่นตลก  เปลี่ยนตัวเขาให้กลายเป็นคนพิเศษ ให้กลายเป็นเหมือนเธอทั้งที่จริง ๆ แล้วเขายังคงเกลียดเธอไม่เปลี่ยน

               แต่ดวงตาคู่นี้ไม่อาจโกหก

               ไม่อาจโกหกถึงร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเด็กหญิง เรือนผมสีครีมปลิวไสว ดวงตาสีอาร์กติกดั่งแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ นั้นมองต่ำ แววตาแสดงถึงความรำคาญคล้ายคลึงเหมือนลูกพี่ลูกน้องที่ยืนอยู่ด้วยกันแต่ก็แตกต่างด้านอารมณ์ เหนือสิ่งอื่นใดคงเป็นปีกสีดำขนาดใหญ่ที่กำลังสยายกว้างราวกับข่มขู่ ขณะเดียวกันเสียงหัวเราะประหลาดก็ลอยแว่วมาจากด้านหลังเขาเช่นกัน

               สุดท้าย โลกของคนปกติก็ไม่ต้อนรับเขาอีกต่อไป


               ราวกับเธอรับรู้ รอยยิ้มของคูฮาคุจึงแปลกไปกว่าทุกที

               "ยินดีต้อนรับสู่โลกอีกฝั่ง บิชามอน"

               อีกฝั่งของโลกที่มีเรารับรู้

               เพียงสองคน


               ตั้งแต่เด็ก บิชามอนไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องจับมือกับคนที่เกลียดเลยด้วยซ้ำ เขาใช้เวลาปรับตัวนานเลยทีเดียวกับดวงตาที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป พฤติกรรมประหลาดของนายน้อยเพียงคนเดียวถูกเล่าต่อกันในวงสนทนาของเหล่าสาวใช้ ไหนจะสีดวงตาที่เปลี่ยนแปลงจนใครหลายคนก็เห็น สนับสนุนหลายความคิดที่ก่อตัวบนพื้นฐานของสมมติฐาน

               ความเกลียดเหมือนจะเบาบางจนกลายเป็นคำว่าไม่ชอบ จากคำว่าไม่ชอบเริ่มเจือจางจนเป็นรู้สึกเฉย ๆ ไม่รู้ว่าเพราะหัวอกเดียวกันหรือเพราะเขาเริ่มเข้าใจฐานะความเป็นอยู่จริง ๆ ที่เธอกำลังยืนอยู่ อารมณ์นิ่งเฉยที่แสดงออกแท้จริงแล้วอะไรถูกซ่อนอยู่ในนั้นกัน เมื่อไรกันที่เธอเคยยิ้มแบบปกติ แน่นอนว่าบิชามอนจำไม่ได้ เพราะเขาไม่เคยคิดจะสนใจเธอเลยกระทั่งไม่นานมานี้

               จนบางคราเขาก็หัวเราะต่อตัวเองในวัยเด็ก


               "แค่ไปข้างนอก ไม่ต้องจัดเต็มขนาดนี้ก็ได้มั้ง"เสียงเฉื่อยชาเอ่ยทันทีเมื่อเห็นร่างเด็กหนุ่มสวมชุดลำลอง ออกจะจัดเต็มไปบ้างเมื่อเทียบกับเธอที่เลือกหยิบใส่แบบมั่วซั่วเพราะเร่งรีบ บิชามอนหัวเราะเสียงแผ่ว ดวงตาสีอำพันสะท้อนร่างเด็กสาวที่สวมเสื้อสีขาวตัวใหญ่ กางเกงยีนส์สีซีดกับรองเท้าแตะที่มีสายรัดข้อเท้า

               ตรงข้ามกับเขาเลยแหะ

               "แหม ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้ไปกับฮาคุจังนี่ครับ"เขาได้ยินเสียงถอนหายใจจากคนด้านข้าง ริมฝีปากบิดยิ้มพลางเดินตามเด็กสาว "หวังว่าจะไม่มีคนอื่นนะครับ"

               "ก็ไม่รู้สิ"


               วันอาทิตย์  วันหยุดอันแสนน้อยนิดที่จะพึงมี ไม่มีการปราบคำสาปบ้าบอ หรือคำสั่งปวดหัวจากอาจารย์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ และเป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกมาเที่ยวแบบจริงจังเสียด้วย พร้อมกับเด็กสาวที่ยังคงเดินอย่างไม่สนใคร ดวงตาสีอำพันเหลือบมองซ้ายขวา สินค้ามากมายที่วางขายดูล่อตาล่อใจเขาได้พอควร

               ดวงตาสีอาร์กติกหันกลับมามองเมื่อไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินตามมา สะท้อนร่างบิชามอนที่กำลังให้ความสนใจกับนาฬิกาปลุกหน้าตาประหลาด คูฮาคุเลือกจะเดินกลับมายืนอยู่จุดเดียวที่เขายืนมองนาฬิกาเรือนนั้น ความแปลกใจถูกซ่อนไว้ภายใต้ความเฉยชา สะท้อนผ่านแววตาด้วยอารมณ์เรียบนิ่ง


               "สนใจเหรอ ?"บิชามอนหันตามเสียงเรียก แอบตกใจนิดหน่อยที่เธอยังยืนมองอยู่ด้วยทั้งที่เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงเดินไปไกลแล้ว ขณะที่เธอยังคงกล่าววิจารณ์ต่อนาฬิกาแปลก ๆ นั่นต่อ "ดูแปลกดีนะ ถ้าซื้อไปหลอกอิตาโดริหรือคุงิซากิก็คงได้อยู่

               "ผมว่าจะซื้อให้คุณพ่อน่ะ"

               "คุณลุงชิกาโอะงั้นเหรอ ? แบบนั้นไม่หัวใจวายก่อนรึไง"ดูค่อนแคะไปบ้างแต่ก็ทำให้เขาหัวเราะ ดวงตาสีอำพันฉายแววสนุกสนานเมื่อวางแผนแกล้งคน ดูเหมือนเขาได้อิทธิพลจากจิ้งจอกเก้าหางตัวดีแบบไม่รู้ตัวเลยสักนิด ส่วนคนร่วมแผนการอย่างคูฮาคุเพียงยักไหล่ กล่าวเสริมไม่กี่คำ เป็นเพียงพยานที่บิชามอนเลือกซื้อนาฬิกาแปลก ๆ นี้กลับไป

               "แล้วฮาคุจังไม่อยากได้สักเรือนเหรอครับ"เขาพยักเพยิด ปกติเธอเป็นคนตื่นสายจะตายหากไม่มีเท็งงุหนุ่มช่วยปลุก บางทีเธออาจจะโผล่หน้ามาให้เห็นก็คงตอนบ่ายแทนที่จะเป็นตอนสาย ๆ แทน คูฮาคุส่ายหน้า ไม่คิดจะเพิ่มยอดขายให้กับร้านนาฬิกาที่พนักงานถูมือต้องการเสนอขายเต็มแก่ น่าเสียดายที่เด็กสาวเลือกปิดโอกาสก่อนพนักงานจะพุ่งเข้าหาเสียอีก

               "มีไปทำไม ยังไงคาเสะก็เป็นคนปลุกฉันอยู่ดี"


               ความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงนั้นทำให้เขาหลุดหัวเราะ ก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายกล่าว บางทีหากคูฮาคุเลือกซื้อนาฬิกาจริง เท็งงุนั่นอาจจะปัดนาฬิกาทิ้งจนตกแตกไปเลยก็ได้ แต่มันก็เป็นแค่ความคิดขำ ๆ ที่บิชามอนคิดเล่น ๆ ไม่ได้เอาจริงเอาจังนัก ระหว่างทางดูของอื่น ๆ ก็แวะกินจุกจิกไปเรื่อยจนเขากับคูฮาคุเลือกที่จะไม่ทานอาหารกลางวันเพราะในกระเพาะอาหารคงเต็มไปด้วยขนมกับของหวาน

               บิชามอนชะงักเมื่อเด็กสาวหยุดเดินแล้วแวะเข้าร้านค้าแห่งหนึ่ง เป็นร้านแรกที่เด็กสาวสนใจจนยอมก้าวเท้าเข้าเอง เพราะก่อนหน้าล้วนเป็นเขาที่แวะเวียนเข้าไม่หยุดจนสองมือเต็มไปด้วยถุงกระดาษจากร้านค้าต่าง ๆ สักพักคูฮาคุก็เดินออกมาพร้อมกับถุงกระดาษเล็ก ๆ เขาเลิกคิ้วก่อนเอ่ยถามเมื่อเห็นว่ามันถูกห่อประหนึ่งของขวัญ


               "ของใครเหรอครับ ?"

               "หือ—เมงุมิน่ะ"คำตอบที่พอคาดเดาได้หลุดออกจากปากเธอ เด็กหนุ่มร้องว้าวในใจ เพิ่งตระหนักได้ว่าจริง ๆ แล้วญาติเขาก็ชอบทำตัวมีซัมติงกับฟุชิงุโระอยู่เหมือนกัน แม้รูปแบบความสัมพันธ์บิชามอนไม่สามารถนิยามได้ว่าเป็นแบบไหน แต่ก็คงเป็นแม่เหล็กที่พยายามดูดเข้าหากันกระมัง ทว่าแม่เหล็กอย่างฟุชิงุโระคงจะดูดเข้าหายากเสียหน่อย

               "ขอให้สมหวังนะครับ"

               "—ฮะ ?"





               Talk with คนแต่ง

               มือชงอันดับหนึ่งคือบิชามอนคุงเองแหละ คิกคิก เพิ่งรอดพ้นจากวัคซีนเข็มสามค่ะ ก็เกือบขิตอยู่เหมือนกันตอนฉีดเสร็จ—แค่ก สมัยวัยเด็กบ้านเกียวคุโระนี่ค่อนข้างหม่น ๆ พอควรเลยค่ะ อยู่กับการเลี้ยงดูและการลำเอียงแบบเห็น ๆ เพราะงั้นบิชามอนรวมถึงหลานคนอื่นเลยไม่ชอบขี้หน้าฮาคุจังสักเท่าไร แต่ถามว่าฮาคุสนมั้ย ก็ไม่อยู่ดี

               คสพ.ระหว่างบิชามอนกับฮาคุคือพัฒนาเหมือนกัน ตอนแรกก็เกลียดเค้าและ สักพักก็แบบเออ ๆ ไม่ชอบเฉย ๆ ก็ได้ ตอนนี้คือเป็นไอน้องชายให้เฉยเลย งง

               อือ คิดว่าจะเปิดฟิคใหม่ล่ะ เป็นฟิคไยบะค่ะ ฟิคอบอุ่นเอาไว้แก้ช้ำจากอนิเมะที่นับวันก็ยิ่งดาร์คเรื่อย ๆ ;-; ลองชิมได้นะคะ ยังไม่กำหนดคู่และคิดว่าเลือกไม่ได้ด้วยค่ะว่าจะคู่ใคร (ฮา)


    (จิ้มรูปได้เลยค่ะ)
               แอคงาน (@hourizuha)

                ถ้าชอบก็อย่าลืมให้กำลังใจ กดเฟบนิยายเรื่องนี้พร้อมคอมเม้นด้วยนะคะ จะได้ไว้อ่านตอนนั่งแต่งนิยาย ♡´・ᴗ・`♡
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×