ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Jujutsu Kaisen fiction - คนสวยขา ( megumi x oc )

    ลำดับตอนที่ #16 : 15 - หลงรักคุณไปแล้วล่ะ

    • อัปเดตล่าสุด 20 มี.ค. 65





    Jujutsu Kaisen fiction - คนสวยขา
    - megumi x oc 




               "เธอวางแผนงั้นเหรอ !?"เสียงทุ้มที่เริ่มไล่เสียงสูงลอดออกมาจากริมฝีปาก ยูจิก้มมองคนที่ประคบน้ำแข็งตรงข้างแก้มปนรู้สึกผิดเล็กน้อยเมื่อร่องรอยเหล่านั้นล้วนมาจากเขา "ทำไมไม่บอกฉันเล่า"

               "จะหลอกคนอื่นก็ต้องหลอกคนใกล้ตัวก่อนสิ"รอยยิ้มเบาบางวาดบนใบหน้า ดูน่าหมั่นไส้แม้รอยยิ้มเหล่านั้นจะดูว่างเปล่าเกินควร จุนเปหันมองซ้ายขวา ไม่รู้ว่าจะห้ามใครก่อนดีระหว่างยูจิที่อยากยีหัวเด็กสาว กับคูฮาคุที่เหมือนจะยั่วอารมณ์แบบไม่รู้ตัว เด็กหนุ่มเหลือบมองถุงน้ำแข็งที่เริ่มเปียกแฉะ จึงตัดสินใจหาทางรอดให้ตัวเองทันที

               "เดี๋ยวฉันไปเอาถุงน้ำแข็งมาเปลี่ยนให้นะ"

               "งั้นฮาคุที่อยู่ข้างฉันตอนนั้นก็คือผีน่ะสิ !"

               คูฮาคุรู้สึกได้ยินเสียงอะไรหักข้างหู พอหันมองจึงเข้าใจ "ไม่ใช่ผี"

               "นั่นไม่ได้ช่วยให้ฉันใจชื้นเลย"เด็กหนุ่มเบ้ปาก ท่าทางเหมือนเด็กน้อยก่อนจะร้องเสียงโอดโอยเมื่อเผลอขยับตัวมากเกินไปจนโดนแผล เด็กสาวถอนหายใจ เธอเอาเท้าลงจากเบาะเพื่อให้เขานั่งนิ่งเงียบ ๆ ดวงตาสีอาร์กติกเบนมองรอบข้าง ทุกอย่างเหมือนเดิมทั้งแผ่นซีดีที่กองจนรกรุงรัง หรือแม้แต่เจ้าตุ๊กตาหน้าโง่ที่กำลังหลับแบบไม่สนใคร

               "น้ำแข็งมาแล้วล่ะ"

               และสมาชิกใหม่อีกหนึ่ง


               สำหรับคูฮาคุแล้ว ภารกิจที่เธอทำจบลงตั้งแต่เจอหน้าคำสาปเรือนผมสีฟ้าหม่นแล้ว เพราะตั้งแต่ให้คาเสะเข้ามาอยู่ในร่าง ทุกประสาทสัมผัสล้วนดับสนิทราวกับคนตายแล้ว เธอไม่รู้ตัวและไม่รู้สึก แน่นอนว่าพอได้การควบคุมกลับมา สิ่งแรกที่ทำให้เด็กสาวร้องซี้ดได้ก็คงเป็นแผลตรงแก้มที่โดนต่อยเริ่มช้ำเสียแล้ว 

               อย่างที่สองที่เหมือนจะน่ายินดีก็คงเป็นสมาชิกใหม่ของปีหนึ่งอย่างโยชิโนะ จุนเป , หลังจากเล่าแผนการที่เธอตลบหลังทั้งคำสาปกับคนรอบข้างทำเอานานามิถอนหายใจ พลางเข้าใจว่าเหตุใดก่อนหน้านี้อิจิจิทำตัวแปลกไป อาจเพราะคำขอร้องของเด็กสาว หรืออะไรบางอย่างที่บังคับ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแย่เมื่อเหตุการณ์คราวนี้นอกจากจะไม่มีการสูญเสียแล้วก็ยังได้สมาชิกเพิ่มอีกหนึ่ง

               ถึงโยชิโนะจำเป็นต้องได้รับการปูพื้นฐานใหม่สักหน่อย ทำความเข้าใจโลกฝั่งนี้อีกนิด หรือสานสัมพันธ์กับอาจารย์แปลก ๆ อีกคนก็เถอะ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกแย่ หากให้เทียบกันแล้วสภาพแวดล้อมที่นี่ยังดีกว่าโรงเรียนเก่าเขาเสียอีก แน่นอนว่ารวมถึงเพื่อนร่วมชั้นปีที่เข้ากันได้ดี (แค่อิตาโดริคนเดียว) 

               โดยรวมแล้ว จุนเปรู้สึกพอใจกับที่แห่งนี้มากกว่า

               เพราะมีนักเรียนเข้ามาใหม่ อาจารย์เรือนผมสีขาวพิสุทธิ์จึงออกอาการตื่นเต้นดีใจ จัดปาร์ตี้ต้อนรับด้วยการทำหม้อไฟ—ซึ่งส่วนใหญ่ก็พึ่งพาเงินของโกะโจและฝีมือทำอาหารของอิตาโดริกับจุนเปที่พอเป็นลูกมือได้ คูฮาคุเลือกที่จะไม่เสี่ยงเอาตัวเองไปทำให้เรื่องยุ่งยากกว่าเดิม จึงได้รับหน้าที่ฉีกผักโยนใส่หม้อไฟแทน

               พูดแล้วก็น่าเศร้า ประสบการณ์ทำหม้อไฟของเด็กสาวจะบอกว่าไร้ประสบการณ์ก็ย่อมได้ แม้ปกติในครอบครัวอื่นจะฉลองปีใหม่ด้วยการทำหม้อไฟหรืออะไรสักอย่าง แต่สำหรับครอบครัวเกียวคุโระที่หากเมื่อไรถึงวันเทศกาลก็ยกครอบครัวไปบ้านใหญ่ กินอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันในตอนเช้า พอตกบ่ายเหล่าผู้ใหญ่ก็ประชุมอะไรบางอย่าง ส่วนลูกหลานหากไม่แยกทางใครทางมันก็มักจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันบ้างตามประสา

               ไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวที่จะมีปาร์ตี้เล็ก ๆ หลังกลับบ้านใหญ่ , แค่แม่ไม่หลุดด่าหรืออารมณ์ร้อนใส่เธอก็ดีแค่ไหนแล้ว และคูฮาคุก็ไม่ได้คาดหวังว่าบ้านตัวเองจะมีกิมมิคเล็ก ๆ อย่างการที่ฉลองเทศกาลแบบพร้อมหน้าพร้อมตา หรือการที่ฉลองเมื่อเหล่าลูก ๆ ทำคะแนนสอบได้ดีเหมือนบ้านอื่น แม้ว่าตอนไปบ้านใหญ่แต่ละครั้งบิชามอนพยายามจะพาเธอหนีเที่ยวเพื่อไปกินหม้อไฟกันสองคนก็เถอะ


               "ลูกชิ้นอร่อยมากเลย"คำชมจากปากอาจารย์ทำให้เด็กหนุ่มเรือนผมสีชมพูยืดอก ดวงตาสีอาร์กติกก้มมองน้ำเดือดปุดที่มีลูกชิ้นลอยตุ้บป่อง มีบางชิ้นที่ดูปั้นไม่ค่อยกลมเท่าไรนักแต่ก็ดีสำหรับมือใหม่ ซึ่งคูฮาคุพอเดาได้ว่าใครเป็นคนทำ และรสชาติก็ไม่ได้แย่เลย เรียกได้ว่านอกจากเนื้อที่กำลังแหวกว่ายในหม้อไฟ ก็มีลูกชิ้นเนี่ยแหละที่พวกเขาเลือกจะคีบกิน

               "เธอไม่กินผักเหรอ"ใบหน้าของจุนเปหันมองเด็กสาวที่กินเงียบ ๆ มาตั้งนานแล้ว "เอามาให้ฉันกินก็ได้นะ"

               "นายเองก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ"คูฮาคุว่ายิ้ม ๆ เลือกโยนผักทั้งหลายที่ได้มาจากอาจารย์ผมขาวกำลังฮึดฮัด แม้ว่าตัวเองจะเป็นคนฉีกผักเหล่านี้เองก็เถอะ ส่วนอิตาโดริก็บ่นไม่ต่างกันเมื่อเห็นพฤติกรรมไม่กินผัก หวนคืนสู่วันวานที่เขาต้องรับหน้าที่กินผักแทนเด็กสาว ถึงจะไม่เต็มใจก็เถอะ แต่จะให้เห็นเธอนั่งเขี่ยข้าวไปมาก็ใช่เรื่องอีก

               "อย่าเลือกกินสิฮาคุจัง"

               "โยชิโนะอยากกินต่างหาก อาจารย์เองก็ไม่ควรขัดขวางความต้องการเด็กนะคะ"คนด้านข้างเธอหลุดขำเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้รอดพ้นหูใครหลายคนที่นั่งอยู่ด้วย ยิ่งเป็นอาจารย์ที่โดนตอกกลับก็ทำหน้าบู้บี้ราวกับบอกให้รับรู้ว่ากำลังงอนอยู่ อีกอย่างที่จุนเปพึ่งรับรู้จากเด็กสาวก็คงเป็นนิสัยกวนประสาทหน้าตาย

               "อาจารย์ ~ แล้วเมื่อไรเราจะได้เจอคนอื่นสักทีล่ะครับ"

               สมาชิกใหม่กะพริบตา "คนอื่นเหรอ ?"

               "อืม—ยังมีอีกสามคนน่ะ"เด็กสาวยักไหล่ ความสนใจของอิตาโดริตกไปอยู่ที่คำตอบของอาจารย์ ทำให้คูฮาคุคว้าโอกาสในการกวาดเนื้อใส่ชามตัวเอง แอบแบ่งให้คนด้านข้างนิดหน่อยถือว่าเป็นการตอบแทนที่อีกฝ่ายยอมกินผักแทนให้ ขณะเดียวกันก็ฟังบทสนทนาที่ยิ่งพูดก็ยิ่งไหลออกนอกทะเลไปไกลกว่าเดิม

               เด็กสาวถอนหายใจ

               เธอไม่น่าคาดหวังคำตอบจากเขาเลย



    ♡´・ᴗ・`




               คูฮาคุไม่ชอบเรื่องยุ่งยาก หรือแม้แต่เรื่องที่ทำให้ตัวเองต้องลำบาก หลายคนรู้ดีรวมถึงคนรอบข้างที่สังเกตพฤติกรรมเธอ , ดวงตาสีอาร์กติกก้มมองกล่องเหล็กที่อาจารย์เอามาให้ ความคิดที่จะเอาตัวเองยัดลงกล่องถูกปาทิ้งทันทีเมื่ออาจารย์หนุ่มอ้าปาก แค่เห็นเธอก็เดาความคิดที่กลั่นกรองจนออกมาเป็นคำพูดเขาได้แล้ว รวมถึงท่าโพสน่าอายพวกนั้นอีกด้วย

               เด็กสาวทิ้งตัวนั่งข้างชายหนุ่มลูกครึ่งที่ดูปกติที่สุดในพวกผู้ใหญ่ที่เธอเจอมา นานามิยังคงพลิกหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ ตัดขาดรอบข้างอย่างชัดเจน และเธอก็ไม่ถามด้วยว่าทำไมถึงไม่คิดจะห้ามความคิดของรุ่นพี่ตัวเองสักหน่อย เพราะหากเป็นตัวเองแล้วนอกจากเธอจะไม่ห้าม คูฮาคุคงไม่เหวี่ยงตัวเองกลับมาในวงการพวกนี้ที่มีเรื่องวุ่นวายคอยอยู่เสมอทุกลมหายใจนั่นแหละ

               คาเสะก้มมอง พัดอันใหม่ที่มาจากไหนไม่รู้กางออก ลวดลายดอกไม้แผ่สยายเต็มตา ดวงตาสีอาร์กติกเฉดเดียวกันสะท้อนร่างของอิตาโดริที่พยายามยัดตัวเองเข้ากล่องนั่นอย่างเอาเป็นเอาตาย ทั้งที่จริง ๆ แล้วพวกเธอสองคนไม่ตายก็นับว่าปาฏิหาริย์ชวนน้ำตาไหลแล้วไม่ใช่หรือไง เกรงว่าการทำเซอร์ไพร์สแบบนี้ นอกจากจะไม่ได้น้ำตาคงได้อย่างอื่นมาแทนมากกว่า

               เด็กหนุ่มอีกคนหันมองเธอราวกับขอความเห็น แน่นอนว่าคูฮาคุเลือกจะส่ายหน้าอย่างเชื่องช้าตอบกลับไป จุนเปขำเบา ๆ กับกิริยาท่าทางของอีกฝ่าย พอเห็นว่าตัวเองเป็นรายต่อไปก็รีบส่ายหน้าเหมือนเด็กสาวทันที , สรุปมีเพียงอิตาโดริที่ถูกล่อลงกล่องโดยโกะโจเพียงคนเดียว และคูฮาคุกล้าบอกเลยว่าการเดินเข้าไปแบบปกติดูจะเรียกน้ำตาได้กว่าการยัดตัวเองใส่กล่องเสียอีก


               "โมโมะบอกบิชามอนยัง ?"

               "เหอะ เจ้าก็รู้ว่าอย่างไรเจ้านั่นก็คงไม่มีทางบอกให้หมดสนุกหรอก"กลับกันคงเฝ้าดูอย่างสนุกสนานประหนึ่งผู้ชมเชียวล่ะ เท็งงุแอบค่อนขอดในใจ เด็กสาวเลิกคิ้ว ถ้าว่าตามที่คาเสะพูดก็คงไม่ผิดนัก สำหรับจิ้งจอกเก้าหางอะไรจะสนุกไปกว่าการเห็นคนที่กำลังทนทุกข์เพราะไม่รู้อะไรเลย เรื่องนี้บิชามอนก็ตกเป็นเหยื่ออีกแล้ว

               "ช่วงนี้เจ้าต้องระวังตัวมากขึ้นด้วย ดูเหมือนเจ้าเองก็โดนตกเป็นเป้าหมายแล้วตอนนี้"คาเสะว่าเสียงเครียด กล่าวตามตรงแล้วตั้งแต่เขาเผยตัวในเหตุการณ์นั้นไปก็คงทำให้พวกมันรับรู้ไม่น้อยว่าเธอก็พิเศษเช่นเดียวกัน ถึงจะสาบานกับตัวเองแค่ไหนว่าจะปกป้อง ทว่าเขาก็รู้ตัวดีว่ามันอาจจะเกิดความผิดพลาดเฉกเช่นก่อนหน้าที่เคยเกิดขึ้นเพราะเจ้านายตัวน้อยที่มักจะดื้อไม่รู้เวลา

               ส่วนตอนนี้ คูฮาคุหันกลับมาเวทนาตัวเองแทน


               เช้าวันนี้ดูน่าตื่นเต้นและน่ารอคอยมากขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อวันนี้เป็นวันที่เธอสามารถเหยียบบนผืนดิน เงยหน้ามองฟ้าสีครามแบบไม่ต้องหลบซ่อนอีกแล้วกระมัง เหลือบมองกล่องเหล็กที่ด้านในบรรจุอิตาโดริไว้ถูกเคลื่อนไปด้านหน้าด้วยฝีมืออาจารย์ที่ต้องการเล่นอะไรที่พิเรนทร์ ๆ ดูจากอาการลันล้าออกนอกหน้า ไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้จะเรียกน้ำตาได้จริงหรือไม่

               ดวงตาสีอาร์กติกเคลื่อนมองสะท้อนเด็กหนุ่มอีกคนที่กำลังจัดเครื่องแต่งกาย ดูเก้อกระดากเล็กน้อยกับยูนิฟอร์มใหม่ที่เพิ่งได้มาหมาด ๆ เขาเงยหน้ามองเมื่อรับรู้ว่าถูกใครสักคนจ้องอยู่ ดวงตาสีน้ำตาลหม่นปนเขียวจ้องกลับมา สะท้อนซึ่งกันและกันพอดี คูฮาคุพยักพเยิดไปทางด้านหน้าที่กำลังโดนทิ้งห่างโดยอาจารย์ เขาพยักหน้า เดินตามหลังเด็กสาวทันที

               อิตาโดริคิดว่ามันแปลก พอจบการเซอร์ไพร์สที่คิดโดยอาจารย์ นอกจากเพื่อน ๆ เขาจะไม่ร้องไห้ตามที่ชายหนุ่มเคยบอก หนำซ้ำยังดูเหมือนจะโกรธมากกว่า—ดูจากการเตะกล่องของคุงิซากิแล้วก็พอเดาได้ แต่เขาดูคิดผิดไปนิดหน่อยเมื่อเห็นตรงหางตาเด็กสาวเริ่มมีน้ำตาซึม 


               "มีบางอย่างต้องพูดไม่ใช่รึไง"

               และนั่นทำให้อิตาโดริ ยูจิ ยอมจำนน

               "ขอโทษครับที่ยังไม่ได้บอกว่ายังมีชีวิตอยู่"

               "ถ้ายูจิยังอยู่ งั้นก็แปลว่าฮาคุจังยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม ?"ในน้ำเสียงแห้งผากเริ่มเจือความคาดหวัง ยูจิหันมอง ดวงตาสีน้ำตาลสะท้อนเห็นใบหน้าเด็กหนุ่มตัวเล็ก ในรอบหลายเดือนที่เขาเห็นหน้าอีกฝ่าย บิชามอนดูสดใสกว่านี้ และรอยใต้ตาเองก็ไม่ได้คล้ำจนเห็นชัด แววตาอ่อนล้าหรือจะมีให้เห็น ทุกอย่างเหมือนจะดูพลิกผันทันทีเมื่อเขาสูญเสียใครสักคน

               "อ่า—ถ้าพูดถึงฮาคุก็—"


               ยังไม่ทันเอ่ยจบประโยคแต่โดยดี เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นหินเรียกสายตาคนรอบข้างได้ดี , เรือนผมที่ถูกกัดย้อมเริ่มแซมเห็นสีผมดั้งเดิม ใบหน้าเฉยเมยยังคงเหมือนเดิมตั้งแต่ที่รู้จักกัน ดวงตาสีอาร์กติกที่ใครหลายคนต่างเชยชมและตกหลุมรักนั้นไม่ได้ดับมอดลงเหมือนที่ใครบางคนเคยเห็น แม้แต่ริมฝีปากที่เคยซีดเซียวกลับยกยิ้มให้เหมือนเคย

               แววตาของเด็กหนุ่มเกียวคุโระพลันสั่นไหว จากโลกที่เคยกลายเป็นสีดำเหมือนเริ่มถูกย้อมกลับมามีสีทีละนิดด้วยการปรากฏตัวของเธอ แค่นั้นก็มากพอแล้วที่จะดึงแววตาสดใสที่เคยหายไปให้หวนกลับคืนมา มุมปากที่เคยเรียบตรงดั่งไม้บรรทัดเริ่มแย้มยิ้มออกมา กว่าจะทันได้รู้ตัวเขาก็ออกตัววิ่งคว้าเธอมากอดเสียแล้ว เกือบทำเธอล้มหงายหากไม่มีโยชิโนะคอยช่วยเหลือพร้อมกับเสียงหัวเราะของจิ้งจอก

               เป็นครั้งที่สองที่บิชามอนกอดเธอ

               นอกจากความยินดีอันมากล้นของบิชามอนแล้ว ยังคงมีประกายเศษเสี้ยวจากเด็กหนุ่มบ้านฟุชิงุโระ แม้จะเล็กน้อยแต่เธอก็รับรู้ เฉกเช่นเดียวกับคุงิซากิที่ยิ้มออกมาแม้หางตาจะน้ำตาซึม ก่อนแสงสปอร์ตไลท์จะถูกเทให้กับเด็กหนุ่มที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตา คูฮาคุดันตัวบิชามอนออกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเลิกฟูมฟายเสียที ทั้งที่ตัวเองก็เลิกร้องไห้ไปตั้งนานแล้วแท้ ๆ

               โยชิโนะ จุนเป ถูกแนะนำเป็นนักเรียนใหม่ของปีหนึ่งที่ต้องปรับพื้นฐานอีกเยอะ คนอื่นให้ความสนใจพอควรเมื่อปีนี้เป็นปีแรกที่ปีหนึ่งเยอะขนาดนี้ ขณะเดียวกันคูฮาคุก็สังเกตเด็กปีสองที่มีกันอยู่สามคน ก่อนเบนสายตาไปหาเด็กหนุ่มเรือนผมสีรัตติกาล ใบหน้าที่เคยสะกดสายตาเธอนั้นดูเหมือนจะหมองลง สังเกตจากใต้ตาแล้วเขาก็แทบไม่ต่างจากบิชามอนเท่าไร

               ครั้งแรกที่เห็นเธอ , ฟุชิงุโระ เมงุมิ รู้สึกเหมือนถูกดึงออกมาจากฝัน

               ฝันที่เคยหลอกหลอนภาพเหตุการณ์ในวันนั้นถูกทำลายเป็นเศษซากทันทีที่เธอโผล่มา เขาสำรวจทุกอย่าง ทั้งใบหน้า ริมฝีปาก หรือแม้แต่ท่าทางที่แสดงออก ทุกอย่างกลายเป็นความจริง เธอยังอยู่—ตอกย้ำลงมาจนเกิดประกายเศษเสี้ยวในแววตา ความรู้สึกด้านชาในตอนนี้เริ่มหลอมละลายลง หัวใจด้านซ้ายของเขาที่เคยคิดว่าตายไปพร้อมกับเหตุการณ์ในวันนั้นเริ่มเปลี่ยนแปลง


               "ว่าไงคนสวย"

               อกด้านซ้ายที่เริ่มเต้นถี่ขึ้น พร้อมกับเสียงกระซิบที่คุ้นเคย

               "กลับมาแล้วนะ"ฝ่ามือบางวางทาบกลางแผ่นหลังเด็กหนุ่ม ตบเบา ๆ สองสามทีเป็นการยืนยัน เห็นท่าทีนิ่งค้างก็ชวนรู้สึกหัวเราะอยู่หรอก ทว่าเมื่อสบกับดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่ก้มมอง ริมฝีปากที่กำลังอ้าออกเพื่อพูดแกล้งก็จำยอมต้องปิดสนิท—จดจ้องเนิ่นนานก่อนจะเป็นฝ่ายละสายตาออกเมื่อยืนยันกับตัวเองได้

               พร้อมกับตอบรับด้วยเสียงนุ่มทุ้ม

               "อืม ยินดีต้อนรับกลับ"

               แท้จริงแล้ว , ฟุชิงุโระ เมงุมิได้ร่วงหล่นลงจมจ่อมความรู้สึกนั้นมานานแล้ว

               มันก็แค่เป็นการร่วงหล่นแบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

               สำหรับการ หลงรักใครสักคน .





               Talk with คนแต่ง

               ปิดเทอมแล้วค่า ฮุเร่ (´꒳`)  ในที่สุดก็ได้เจอหน้ากันครบแล้ว เย่ อย่างที่บอกค่ะว่าเราจะแต่งแค่ถึงตอนเจอหน้ากัน เพื่อเป็นการรอซีซั่นสองที่ไม่รู้จะออกตอนไหน ระหว่างนี้เราจะเขียนตอนพิเศษเพื่อแจกแจงความสัมพันธ์ของแต่ละคน อดีตบางอดีตที่อาจจะเขียนในเนื้อเรื่องหลักไม่พอ บิชามอนคุงน้ำตาแตกไปแล้วตอนนี้ ส่วนคนสวยก็คือไม่แผ่ว ถึงจะคิดกับตัวเองในใจก็เถอะ ฮรุก

               ส่วนตอนนี้กำลังคิดอยู่ค่ะว่าจะเปิดเรื่องคิเมทสึดีมั้ย (ฮา) แต่คิดว่าต้องทำใจดูภาคล่าสุดให้ได้ก่อน (πーπ)ดูอนิเมะกี่เรื่องก็งอกพล็อตทุกเรื่องเลยตัวชั้น

                แอคงาน (@hourizuha)

                ถ้าชอบก็อย่าลืมให้กำลังใจ กดเฟบนิยายเรื่องนี้พร้อมคอมเม้นด้วยนะคะ จะได้ไว้อ่านตอนนั่งแต่งนิยาย ♡´・ᴗ・`♡
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×