ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Jujutsu Kaisen fiction - คนสวยขา ( megumi x oc )

    ลำดับตอนที่ #12 : 11 - ข้อสงสัย

    • อัปเดตล่าสุด 16 ต.ค. 64





    Jujutsu Kaisen fiction - คนสวยขา
    - megumi x oc 




               เหนื่อยมาก

               สำหรับคนที่ไม่เคยออกกำลังกาย การโดนจับออกมาให้ยืดแขนยืดขาหรือการออกแรงเพียงแค่ไม่กี่นาที คูฮาคุก็แทบอยากจะเบ้หน้าใส่อาจารย์ผมขาวที่ยิ้มสนุกสนาน บางทีถ้าเป็นไปได้โกโจอาจจะได้ยินเสียงกรีดร้องจากเด็กสาวก็ได้ แต่นั่นอาจจะเป็นอย่างสุดท้ายที่เธอคงทำหากเขายังไม่ปล่อยให้พักในเวลานี้

               มุมปากชายหนุ่มเรือนผมสีขาวยกยิ้มน่าหมั่นไส้เมื่อเห็นสภาพอเนถอนาถของเด็กสาว ใจคิดอยากจะแกล้งต่ออีกสักหน่อยทว่าเมื่อดูสีหน้าและแววตาที่จ้องเขม็งมาทุกวินาที หากสายตาคูฮาคุสามารถเปลี่ยนเป็นเลเซอร์ได้ หัวของโกโจคงไม่อยู่รอดถึงตอนนี้ สุดท้ายก็ได้แต่จำยอมต่อสภาพอันแสนน่าสงสาร เมียงมองเด็กสาวที่นอนหอบอย่างหมดสภาพด้วยความตลกขบขัน


               "พักสิบห้านาทีแล้วกันเนอะ"

               "สามสิบ"

               "ยี่สิบ—ขาดตัวห้ามต่อรองเพิ่มนะครับ"ดวงตาสีอาร์กติกของเด็กสาวแอบกรอกวนเมื่อได้ยินคำขาดจากคนสอน เมื่อได้พักอย่างใจอยากเขาก็เห็นเธอนอนนิ่ง ๆ ไม่แม้แต่จะขยับอะไรเลยสักนิดเดียว เห็นดังนั้นโกโจจึงหย่อนตัวนั่งด้านข้าง พลางเอ่ยคำถามที่อยากรู้ "ฮาคุจังเห็นคาเสะมาตั้งแต่ตอนไหนงั้นเหรอ ?"

               คนโดนถามขมวดคิ้ว เหล่ตามองด้วยสายตาเฉยชา "ตั้งแต่เด็ก"

               "รวมถึงคำสาปด้วย ?"

               "ก็คงงั้น"คูฮาคุไม่อาจให้คำตอบที่แน่ชัดได้กับคำตอบพวกนี้—ความทรงจำสมัยเด็กใช่ว่าจะจดจำได้แม่นขนาดนั้น มีเพียงแค่ความรู้สึกเบาบางที่เคยกดย้ำว่ารู้จักกันมาเนิ่นนานแล้ว ส่วนคำสาปพวกนั้นรู้ตัวอีกทีก็มองเห็นเสียได้โดยไม่รู้ว่าเป็นตอนไหน มองจากภายนอกแล้วชีวิตของเด็กสาวช่างไม่แน่นอนเสียนี่กระไร

               หรือบางทีเพราะเธอไม่อยากจดจำกันแน่นะ ?

               "ผมเองก็ไม่อยากจะละลาบละล้วงหรอกนะแต่ก็อดอยากรู้ไม่ได้น่ะ"คำพูดดูวกวนแต่ก็มีเพียงความหมายเดียว ชายหนุ่มเท้าคาง แย้มริมฝีปากเอ่ยเชื่องช้า "ทำไมผมถึงได้กลิ่นคำสาปจากเธอกันนะ ?"

               มันดูเป็นข้อสงสัยที่บ้ามากสำหรับเขา

               "ไม่รู้สิ"

               แต่กับเธอ ราวกับมันเป็นเพียงเรื่องปกติ


               เกียวคุโระ คูฮาคุ , ในมุมมองของตัวเองยอมบอกเสมอว่าเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาที่ไม่ได้วิเศษวิโส เป็นเพียงคนเฉยเมยที่ไร้เพื่อนคบ ทว่าสำหรับคนภายนอกล้วนมองว่าเธอแปลกประหลาด โกโจก็เช่นเดียวกัน ในคราแรกที่พบหน้ากลิ่นของคำสาปยังคงไม่ชัดเท่าตอนนี้ เขาเพียงนึกว่าแถวบ้านเธอคงมีคำสาปป้วนเปี้ยนอยู่เท่านั้น ทว่าในวันนี้ทุกอย่างเริ่มเด่นชัด ความคิดในตอนแรกของเขาล้วนผิดถนัดเมื่อแท้จริงแล้วกลิ่นคำสาปล้วนมาจากตัวเด็กสาวเอง

               แต่เธอไม่เหมือนคำสาป , นั่นคือสิ่งที่เขาสงสัย

               พยายามคิดว่าอาจเพราะคูฮาคุเป็นร่างทรง กลิ่นคำสาปอาจจะมาจากการปนเปื้อนตอนทรงร่าง—แต่นั่นก็เหมือนกับการหลอกตัวเอง เขารู้ว่าอย่างไรแค่คำสาปรอบตัวก็ไม่มีทางโผล่มาให้เด็กสาวเห็นตราบใดที่เท็งงุตนนั้นยังคงอยู่เคียงข้าง การทรงร่างเด็กสาวก็ดูเป็นเพียงฝันหวานเท่านั้น ดังนั้นเพราะอะไร กลิ่นคำสาปจึงติดตัวเด็กสาวแน่นเสียขนาดนี้

               และต่อให้โกโจครุ่นคิดมากเพียงใด

               ก็ไร้ซึ่งคำตอบที่ต้องการ


               "เจ้าซ้อมเสร็จแล้วหรือ"เสียงนุ่มทุ้มของคนคุ้นเคยทำให้เด็กสาวเปิดตามองอย่างเชื่องช้า ใบหน้าขาวซีดของเท็งงุกับดวงตาสีอาร์กติกที่สะท้อนกันและกัน คาเสะขมวดคิ้วสีหน้าดูไม่ได้ ตวัดตามองใส่อาจารย์ผมขาวที่เพิ่งผิวปากเดินออกจากห้องหลังจากฝึกซ้อมเสร็จเรียบร้อย ก่อนหันกลับมามองสภาพอนาถของเด็กสาวที่นอนแผ่หอบหายใจดูเวทนา

               "ไม่คิดจะตอบข้าหน่อยเหรอ"เขาหย่อนตัวนั่งลงด้านข้างเด็กสาว ปีกสีดำใหญ่เทอะทะเคลื่อนมาด้านหน้า ปลายขนนกคลอเคลียใบหน้าหยอกล้อเด็กสาว หัวคิ้วเด็กสาวกดลงอย่างไม่ชอบใจ ทว่าสภาพตัวเองก็ใช่ว่าจะดีนัก แค่จะเค้นเสียงตอบคาเสะ คูฮาคุยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ผลจากการฝึกซ้อมนั้นน่าปวดหัวเหลือเกิน

               "มือ"ดวงตาสีอาร์กติกหรี่ลง ยอมยื่นมือตัวเองไปทางด้านหน้าให้เด็กสาวได้กอบกุม ก่อนจะถูกให้กางมือออกโดยเด็กสาว ปลายนิ้วคูฮาคุจรดลงกลางฝ่ามือเขียนขึ้นเป็นอักษรได้คำว่า เหนื่อย สั้น ๆ ง่าย ๆ แต่เขาเข้าใจถึงความลำบากของเธอที่ต้องเผชิญ แม้แต่เขาที่มองก็อยากจะหักขายาว ๆ ของคนสอนนั่นทีนึงด้วยซ้ำ

               "วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง"

               'คำสาป—เขาพูดถึงคำสาป'

               "คนนั้นหรือ ?"น้ำเสียงกดต่ำลงยามมองตัวอักษรที่ถูกเขียนขึ้นด้วยปลายนิ้วของเด็กสาว ดวงตามืดบอดลงชั่วขณะเมื่ออ่านมันเข้าใจ เขาอาจจะระแคะระคายมากขึ้นนั่นคือสิ่งที่ยุ่งยากเมื่อเธอก้าวเข้ามาสู่โลกฝั่งนี้ คาเสะรู้ว่าเมื่อตั้งแต่ตอนที่เธอได้พบตัวตนนั้นที่อยู่ด้านใน ความลับก็ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป บางสิ่งก็ย่อมเผยออกทีละนิด

               และเธอเป็นคนฉลาด

               "บางทีคงต้องให้โมโมะช่วยแล้วกระมัง"ชื่อที่เคยตั้งถูกเปรยออกมาจนคูฮาคุเบ้หน้าเมื่อได้ยิน แต่ถ้าหากให้พูดแล้วตอนนี้เกรงว่าจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายจริง ๆ เห็นสีหน้ายับยู่แล้วชายหนุ่มจึงหัวเราะ ใช้ปลายปีกจิ้มกลางหน้าผาก ฝ่ามือหนากอบกุมมือเธอไว้ เป็นเพียงไออุ่นเดียวที่เธอได้รับ


               ดวงตาสีอาร์กติกทอประกาย หลุบมองฝ่ามือบอบบางของเด็กสาวที่กำลังโอบอุ้ม , คาเสะอยากจะถนอมเธอมากให้เท่ากับที่เธอเคยถนอมเขา ยอมรับเขา โอบกอดเขาเมื่อวันที่มืดมน ปรารถนาจากห้วงลึกในจิตใจที่ยังคงมีอยู่สำหรับปีศาจ  วาดหวังให้เธอมีความสุขดั่งชีวิตที่ผ่านมา ได้ลิ้มรสกับการเป็นคนปกติเหมือนสมัยก่อน

               แต่เมื่อเธอยอมก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโลกฝั่งนี้ หลอมรวมกันจนไม่สามารถแยกกลับมาเป็นแบบเดิมได้อีก สิ่งที่คาเสะจำเป็นต้องทำคือปกป้องและปกปิด อย่าให้ใครได้ล่วงรู้ความลับอีกอย่างของคูฮาคุ ทว่าความลับย่อมไม่มีในโลก ต่อให้ชายหนุ่มจะฝืนต่อชะตานี้มากเพียงใด ก็ต้องมีเล็ดลอดออกมาอยู่ดี 

               แม้กระทั่งคูฮาคุยังรู้

               ว่าตัวเองเป็นคำสาป



    ♡´・ᴗ・`




               วันนี้อาจารย์ไม่อยู่ , ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสักนิดหากเขามีธุระติดพัน หากไม่มีเนี่ยสิถึงจะแปลก คูฮาคุคิดว่าเขาคงไม่ได้กินเงินเดือนดี ๆ แบบนี้ถ้าไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง และหากเขาอยู่ฝึกซ้อมให้เธอบ่อยเกินไป ใครจะไปรู้ว่าจะไปสะดุดใจใครบ้างให้จุดประกายความสงสัย ถึงจะพูดแบบนั้นก็ตามทว่าสิ่งเดียวที่ทำให้คูฮาคุตั้งใจมากที่สุดก็คงเป็น

               เธอได้พักผ่อน

               นี่มันดียิ่งกว่าอะไรจนมุมปากเด็กสาวยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีอาร์กติกเคลื่อนมองเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายมาแล้วครั้งหนึ่งที่กำลังฝึกซ้อมอยู่เหมือนเดิม ช่วงนี้อิตาโดริไม่โดนต่อยบ่อยเหมือนตอนแรกทำให้ใบหน้าเขาดีขึ้นเยอะต่างจากตอนแรกที่มีรอยฟกช้ำเต็มใบหน้าพอ ๆ กับเธอ ถึงแม้ตอนนี้จะมีแต่เธอที่มีรอยช้ำคนเดียวก็เถอะ

               นั่นหมายถึงเมื่อสิบนาทีก่อนล่ะนะ

               คูฮาคุตีหน้ามึนพร้อมหันซ้ายขวามองรอบข้างด้วยอาการงุนงง ไม่ต่างจากยูจิที่ชี้นิ้วสับสนหลังโดนลักพาตัวด้วยกันทั้งคู่ เธอผู้โดนหิ้วคอเสื้ออีกแล้วกำลังแกว่งเป็นลูกตุ้มนาฬิกาต่อหน้าคำสาป อาจารย์บอกว่าครั้งนี้เป็นการเรียนนอกสถานที่ครั้งแรก แต่สิ่งที่ทำให้เด็กสาวสนใจคงเป็นการยืนบนผืนน้ำโดยไม่ล่วงลงไปต่างหาก

                จากตอนแรกที่เธอได้วันหยุดมา คิดจะนอนพักผ่อนเสียหน่อย แต่แล้วคนที่ออกไปทำธุระดันกลับมาแถมยังโดนหิ้วมาอยู่กลางทะเลสาบอีก , ดวงตาสีอาร์กติกมองคำสาปที่มีรูปร่างภูเขาไฟ ก่อนมองรอบข้างเพื่อหาเท็งงุ เมื่อไม่เห็นร่างของชายหนุ่มเหมือนเคยหรือสายลมที่พัดผ่านเหมือนปกติทำให้คูฮาคุแสดงสีหน้าบิดเบ้

               เขาหายไปอีกแล้ว


               "ไอ้เด็กนั่นมันเป็นใคร เอามาเป็นโล่เรอะ"

               "โล่เหรอ ไม่ใช่สักหน่อย"อาจารย์ว่าตอบกับคำสาปประหนึ่งเล่นเกมตอบคำถาม "ก็บอกแล้วไงว่าพวกเขามาฝึกงาน ฉันกำลังสอนเด็กสองคนนี้อยู่ อย่าถือสาเลย ต่อสู้ให้สุดกำลังเถอะ"

               "พาตัวถ่วงมาเอง โง่เขลาจริง ๆ"คูฮาคุเมินเสียงเล็กจ้อยของคำสาป ถึงจะรู้สึกสนใจกับสติสัมปชัญญะของคำสาปตรงหน้าที่สามารถพูดคุยได้ แต่มันก็แค่นั้นและอีกอย่างถึงฝั่งนั้นว่าเธอเป็นคนโง่เง่า คูฮาคุกลับคิดว่าคำสาปภูเขาไฟนั่นโง่เง่ามากกว่า ถึงจะยังไม่เคยเห็นระดับพลังของโกโจเลยสักครั้งก็เถอะ

               เป็นแค่คำสาปแท้ ๆ

               ชายหนุ่มผมขาวโบกมือ "ไม่เป็นไรหรอก ก็เพราะว่าแกกระจอกมากนี่นา"


               ดวงตาสีอาร์กติกหรี่มองคำสาปที่กำลังระเบิดอารมณ์ออกมาเมื่อโดนดูถูก ไฟที่พวยพุ่งออกมาทำให้ผืนน้ำที่ยืนอยู่สั่นกระเพื่อม เธอก้าวถอยหลังเมื่อรับรู้อุณหภูมิที่ร้อนสูงเกินไป ก่อนจะสัมผัสได้ถึงฝ่ามือที่ดันกลางหลัง เป็นอาจารย์ที่ยิ้มนิดยิ้มหน่อยเหมือนปกติราวกับว่าเคยชินกับเรื่องพวกนี้เสียแล้ว

               ก่อนจะโดนปัดทิ้งโดยคนมาใหม่ , ผิวน้ำกระเพื่อมอีกครั้งแต่มาจากแรงลมจากการกระพือปีก เรือนผมสีครีมนมกับดวงตาสีอาร์กติกที่เหมือนกัน ปีกขนกาห่อหุ้มร่างกายเด็กสาวไว้ราวกับเป็นคำขอโทษก่อนจางหาย รอบคอคูฮาคุปรากฏรอยสีเหลืองพาดบนลำคอ อากัปกิริยาเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับบรรยากาศรอบข้าง

               โจโกะหรี่ตามอง สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปจากเด็กสาว รวมถึงตัวตนที่เหมือนจะรู้สึกถึงแต่ก็ไม่ ทว่าความรู้สึกพวกนี้ถูกปัดทิ้งเมื่อเจอคำเหยียดหยามจากปากของชายหนุ่มเรือนผมสีขาวพิศุทธิ์ แค่นั้นก็มากพอแล้วที่ทำให้อารมณ์ของคำสาปพุ่งสูงขึ้น อาณาเขตถูกกางออกตามเป้าหมายของผู้ใช้

               มือปัดเส้นผม คาเสะในร่างเด็กสาวหรี่ตาอยากจะทำให้คำสาปตรงหน้าหายไปเต็มที แต่ก็โดนคัดค้านโดยชายหนุ่ม เพียงเพราะต้องการให้มันกางอาณาเขต บอกว่าเป็นการเรียนรู้ได้อย่างไม่อายปาก เขามองรอบข้างที่เปลี่ยนแปลงไป พื้นผิวหรือลาวาที่โผล่พ้นปะทุขึ้นเดือดจนเกิดเป็นฟอง 


               "นี่มันอะไรกัน"

               "นี่คือการกางอาณาเขต ใช้พลังไสยเวทรวมกับอาคมสร้างอาณาเขตตามกำเนิดขึ้นมาบนบริเวณโดยรอบ"สองเท้าพาหลบลาวาที่ปะทุเพื่อไม่ให้โดนร่างเด็กสาว พลางฟังคำอธิบายด้วยอาการเบื่อ "ที่พวกเธอเจอที่สถานพินิจเป็นอาณาเขตตามกำเนิดที่ยังไม่สมบูรณ์ ไม่ได้ใส่อาคมเข้าไป"

               "กางอาณาเขตต้องใช้พลังไสยเวทมหาศาล แต่ก็ได้ประโยชน์ที่สมน้ำสมเนื้อ"น้ำเสียงใจเย็นที่เอื้อนเอ่ยสำหรับคาเสะที่ฟังแล้วน่าหงุดหงิดไม่น้อย เพราะเขามัวแต่โอ้เอ้ "ข้อแรกคือยกระดับพลังด้วยปัจจัยแวดล้อม"

               ครานี้คาเสะรีบอธิบายต่อด้วยความเบื่อเต็มทน "ข้อสอง หากเจ้าใส่อาคมในอาณาเขตของเจ้า ต่อให้โจมตีแบบไหนก็โดนแน่นอน"

               "เอ๋ ~ คาเสะคุงอยากช่วยผมสอนขนาดนั้นเลยเหรอ"

               "เพราะเจ้ามันชักช้าต่างหากล่ะ"เสียงจิปากดังขึ้น มองชายหนุ่มที่หัวเราะแล้วค่อยอธิบายต่อเกี่ยวกับอาณาเขต เรื่องการหลบหนีที่ไม่ควรแนะนำอย่างยิ่ง ส่วนอย่างที่สองที่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดแต่ก็เสี่ยงด้วยเช่นกัน คาเสะเหลือบมองคนด้านข้างที่กำลังถอดผ้าปิดตาออก เผยดวงตาสีสวยที่กำลังส่องประกาย

               "กางอาณาเขต—พรมแดนไร้เขต"


               คาเสะก็ไม่อยากจะยอมรับนักหรอกแต่เมื่อได้เห็นอาณาเขตที่ชายหนุ่มกาง นับว่าเป็นการกางอาณาเขตที่ทรงพลังมาก แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่อยากยอมรับมากที่สุดคงเป็นการหิ้วเขาไว้ราวกับแมวเหมียวอย่างนี้ต่างหาก , ปลายเท้าแตะพื้นดินหลังปลดอาณาเขต ใจนึกอยากเตะตัดขาสักหนแต่ก็เกรงว่าคงโดนเด็กสาวว่าในภายหลัง

               ทุกอย่างเกือบไปได้สวยแล้วหากไม่ติดว่ามีผู้บุกรุกเพิ่มอีก คาเสะจิปากเมื่อเห็นว่าอาจารย์นักเรียนคู่นี้ล้วนหลงเคลิ้มไปกับกลิ่นดอกไม้จำต้องตบหน้าไปคนละที (แน่นอนว่าสำหรับไอเด็กผมขาวนั่นต้องแรงเป็นพิเศษ) พอละสายตาเพียงแค่ครู่เดียวไอเด็กโง่อิตาโดริก็ถูกเหวี่ยงไปมากลางอากาศ


               "อาจารย์—ผมไม่เป็นไร รีบตามเจ้านั่นไปครับ"คำพูดอวดดีชวนทำให้เขาหัวเราะ พอเห็นว่าปลายทางคือปากนรกจึงเอ่ยขอความช่วยเหลือ "ขอโทษพูดผิด ช่วยด้วย !"

               "เจ้าโง่พวกนั้นหนีไปหมดแล้ว"มองทิศทางที่คำสาปตัวใหม่วิ่งเข้ามาช่วยแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว เขากรอกตาเมื่อเห็นท่าทางเด็กหนุ่มที่กำลังก้มตัวกราบขออภัย ก่อนจะยอมคืนการควบคุมให้กับคูฮาคุ แถบลำคอหายไปเช่นเดียวกับคาเสะที่ปรากฏร่างอยู่ด้านข้าง มือยกพัดป้องปากมองคนสองคนที่สนทนา

               ก่อนกลับมาให้ความสนใจกับเด็กสาวอีกครั้ง "อ๊ะ ฮาคุจังกลับมาแล้วเหรอ ~ จะเปลี่ยนตัวทั้งทีก็ช่วยบอกผมหน่อยสิ"

               "เรื่องนั้นจำเป็นด้วยเหรอคะ ?"คูฮาคุเลิกคิ้ว ใครจะมีบอกล่ะว่าจะเปลี่ยนตัวตอนนี้ "อาจารย์ ขอดูตาอีกครั้งหน่อยสิ"

               "หืม ไม่ให้ดูหรอกน้า"


               ทุกอย่างเหมือนจะจบโดยง่ายหากไม่มีคำสาปตนอื่นมาช่วยเหลือเสียก่อน , ดวงตาสีอาร์กติกหรี่มองแสงเจิดจ้าของหน้าจอโทรทัศน์และเงาร่างของเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งดู ดูเหมือนการออกไปทัศนศึกษาการปัดเป่าคำสาปนอกสถานที่จะไม่ได้ช่วยให้เธอหรือเขาผ่อนคลายเลยสักนิด เอาเข้าจริงแล้วนอกจากการสามารถยืนบนผิวน้ำได้ เธอก็แทบไม่ได้สนใจอะไรเลยรวมถึงคำสาปด้วย

               นอกจากคาเสะที่ดูจะนิ่งเงียบ ครุ่นคิดต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนที่เขาได้ข่าวจากไดเท็งงุก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกลุ่มคำสาปนั้นเร็วขนาดนี้ โชคยังดีที่คำสาปตนนั้นยังไม่ได้ฉุกคิดเรื่องของคูฮาคุเร็วขนาดนั้น ดวงตาสีเฉดเดียวกันจึงสงบขึ้นกว่าก่อนหน้า ก่อนจะหยิบถุงหอมที่อุตส่าห์ดั้นด้นไปหาจากจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์นั่น


               "รักษาไว้ดี ๆ ล่ะ"ถุงหอมถูกใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ ดวงตาชายหนุ่มหรี่ลง "ระวังอย่าให้ห่างจากตัว มันจะช่วยกลบกลิ่นนั้นจากเธอ"

               "นานแค่ไหน"

               "อาจจะไม่มาก แต่ก็ยังดีกว่าให้คนนั้นสงสัย"คาเสะเงียบลง มองเด็กสาวที่กะพริบตาและพยักหน้าอย่างเชื่องช้า มองแววตาเฉยชาจากเด็กสาว ฝ่ามือหนาประคองใบหน้า จดจ้องด้วยสายตาสัตย์จริง เน้นย้ำด้วยเสียงนุ่มทุ้มเรียบนิ่ง ทว่าสลักลึกความสำคัญนั้นเอาไว้ ความปรารถนาอันเรียบง่ายถูกเอ่ยออกมา

               "อย่าให้ใครรู้ว่าเจ้าเป็นอะไร"






               Talk with คนแต่ง

               แวบมาลงให้ก่อน ภาษาอาจจะแปกๆหรือทื่อๆก็คืออย่าว่ากันนะ ;-; ห่างไปเกือบเดือนก็คือแทบลืมหมดแล้ว เนื้อหาที่เรียนด้วย อาจจะมาอีกทีวันที่สิบเอ็ดเลยก็ได้เพราะอาทิตย์หน้าน่ะสอบทั้งอาทิตย์ยั่วๆไปเลย ที่แวบมาลงก็คือไม่อยากอ่านหนังสือแล้ว ฮรุก

               โค้ดลับโมโมะคือใคร ? คือจิ้งจอกทามาโมะเองค่ะ ที่เรียกโค้ดลับกันเพราะคาเสะไม่รู้ว่าโกโจจะแอบฟังมั้ย ที่ตั้งโค้ดเป็นโมโมะเป็นเพราะว่าโมโมะคือดอกท้อ (ดอกพีช) เป็นต้นไม้ที่นำเข้าจากประเทศจีนซึ่งเป็นต้นกำเนิดตำนานของจิ้งจอกเก้าหางค่ะ ส่วนที่ว่าทำไมน้องถึงรู้ว่าตัวเองเป็นคำสาป น้องรู้จากตอนที่เจ็ด งานศพของผู้วายชนม์ค่ะ ถึงฮาคุดูจะไม่สนใจตัวเองหรือคนอื่นแต่ก็ถือว่าฉลาดและพอปะติดปะต่อได้อย่างรวดเร็ว

               แต่ก็อาจจะมีความเห็นที่ว่าอ้าว ก็คาเสะลบความทรงจำไปแล้วทำไมน้องถึงยังรู้ล่ะ คือความทรงจำที่คาเสะลบเป็นความทรงจำน้องที่เคยลืมไปค่ะ แต่ความทรงจำที่น้องเห็นหรือว่าอะไรไม่ใช่อันที่เคยลืม แต่เป็นสิ่งที่รับมา ทำให้คาเสะไม่ได้ลบค่ะ (งงมั้ย ;-; ) 

               และคนสวยก็ยังไม่มีบทเช่นเคย (ทรุด)

               แอคงาน (@hourizuha)

                ถ้าชอบก็อย่าลืมให้กำลังใจ กดเฟบนิยายเรื่องนี้พร้อมคอมเม้นด้วยนะคะ จะได้ไว้อ่านตอนนั่งแต่งนิยาย ♡´・ᴗ・`♡
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×