ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Jujutsu Kaisen fiction - คนสวยขา ( megumi x oc )

    ลำดับตอนที่ #11 : 10 - เท็งงุเดียวดาย

    • อัปเดตล่าสุด 16 ต.ค. 64





    Jujutsu Kaisen fiction - คนสวยขา
    - megumi x oc 




               บางครั้งช่วงเวลาก็เล่นตลกกับเราเสมอ , การอยู่ในห้องอุดอู้กับอิตาโดริใช่ว่าจะแย่นัก มองดูกองขนมที่ถูกขนมาโดยอาจารย์เรือมสีขาวแล้วก็ช่วยให้เธอมีกระจิตกระใจในการฝึกอยู่นิดหน่อย การฝึกเริ่มแรกคงเป็นการปรับร่างกายให้ชินก่อนจะเข้ากระบวนฝึกซ้อมแบบจริง ๆ จัง ๆ และนั่นเป็นครั้งแรกที่คาเสะเห็นเธอมีรอยช้ำตามตัวเยอะขนาดนี้

               อันที่จริงมันคงไม่เยอะขนาดนี้หรอก

               ถ้าหากร่างกายเธอดีกว่านี้

               จากการดูแลและด้วยสภาพแวดล้อมก่อนที่จะเข้ามาอยู่ในสังคมวงการไสยเวทพวกนี้ คูฮาคุเป็นเพียงเด็กธรรมดาที่แม่ไม่ค่อยสน พ่อไม่ค่อยยุ่ง การออกกำลังกายแบบเป็นบ้าเป็นหลังหรือการมีพละกำลังที่เยอะจนเหมือนกอริลล่าของอิตาโดริจึงเป็นเรื่องที่ไกลตัวเด็กสาวจนเธอไม่คิดจะยุ่งเกี่ยว ทว่าในตอนนี้ไม่เหมือนสมัยก่อนและนั่นเป็นครั้งแรกที่โกโจออกความเห็นกับสภาพร่างกายของเธอ

               ร่างกายเธอผอมเกินไป เรียกได้ว่าการยืนทรงตัวให้เดินได้เหมือนปกติก็แทบจะปรบมือให้อยู่แล้ว ทักษะอ่อนตัวหรืออย่าพูดถึงเลย แค่ยืดแตะปลายเท้าคูฮาคุยังแตะไม่ได้สักปลายนิ้ว กล้ามเนื้อก็อย่าถามหาคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายอย่างเธอเลย นั่นทำให้โกโจสรุปออกมาได้อย่างสั้นกระชับแต่ก็แทงใจจนหากเป็นคนอื่นคงไม่แคล้วคิ้วกระตุก

               เรียกได้ว่า ร่างกายเธอปวกเปียกมาก

               เริ่มตั้งแต่พื้นฐานที่ต้องออกหมัด เพราะคูฮาคุไม่ค่อยมีแรง การต่อยจึงไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก ดังนั้นโกโจจึงจำต้องหาอุปกรณ์เสริมให้กับเด็กสาวอีกอย่าง คืออุปกรณ์ไสยเวท นอกจากจะต้องฝึกต่อสู้แล้วคูฮาคุจึงต้องฝึกการใช้อาวุธเพิ่มอีกเพื่อหาอาวุธที่เหมาะกับตัวเองนับว่าสาหัสยิ่งนัก สิ่งแรกที่ยูจิเห็นคือสภาพสะโหลสะเหลของเพื่อนร่วมชั้นปีที่เดินเข้ามา


               "ไหวไหมฮาคุ"เขาโผล่หน้าไปถาม แสงสีจากโทรทัศน์สะท้อนบนร่างกาย มือยังคงไม่เคลื่อนออกจากตุ๊กตาที่อาจารย์ให้มา ดวงตาสะท้อนร่างคนที่เข้ามาใหม่กำลังเดินลากเท้าก่อนจะมานั่งแปะด้านข้างเขา ดวงตาสีอาร์กติกสะท้อนเรื่องราวบนหน้าจอโทรทัศน์ ลมหายใจพรูออกแสดงความอ่อนล้า

               "เหมือนโดนถีบไปตายอีกรอบ"

               เด็กหนุ่มหัวเราะ เขยิบเหลือพื้นที่บนเก้าอี้ "มาดูหนังกับฉันดีกว่า"


               อาจเพราะอยู่กันแค่สองคนและคาเสะไม่ได้อยู่ด้วย เธอจึงปล่อยตัวมากกว่าปกติ อย่างน้อยยูจิก็เห็นด้านที่ไม่เคยเห็นและนิสัยที่ไม่ค่อยดีของเจ้าตัวที่เก็บไว้กับตัวเองมาตลอดหลายปี คูฮาคุเป็นคนที่ชอบกินขนมมากกว่าข้าว ดังนั้นเลยไม่แปลกหากถุงขนมจะหมดเร็วกว่าส่วนอื่น ประกอบกับนิสัยที่ไม่สนใครที่ได้มาจากประสบการณ์หล่อหลอมทำให้เธอไม่คิดจะสนใจเสียงโหยหวนของเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่ได้กินขนมสักชิ้น

               ส่วนคาเสะ—คูฮาคุไม่เห็นเขาเลยหลังจากที่คุยกันวันนั้น หลังจากตื่นขึ้นมาก็พบเพียงความว่างเปล่า ต่อให้ลองเรียกก็ไม่มีแม้แต่เส้นขนให้ได้เห็น มันเคยเป็นแบบนี้อยู่บางครั้งที่คาเสะมักจะหายไป หากไปไม่นานเขาจะบอกว่าไปบินเล่นเพื่อคลายเครียด หากหายไปนานเขาก็มักจะอ้างธุระที่คูฮาคุไม่เคยรับรู้ว่าคือสิ่งใด

               ไม่ อันที่จริงเธอไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับเขาต่างหาก

               นอกจากตำนานที่เคยเล่าขานต่อกันมา กับคลุกคลีอยู่ด้วยกันมาหลายปี นอกเหนือจากนั้นคูฮาคุไม่เคยรู้อะไรเลย แน่นอนว่าการถามมันคงง่ายทว่าเธอไม่อยากยุ่ง บางทีการที่ชายหนุ่มไม่ต้องการให้รู้ก็คงเป็นสิ่งที่ดี คูฮาคุคิดเช่นนั้น อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องวุ่นวาย , ดวงตาสีอาร์กติกกะพริบ พยักหน้ากับตัวเองเรื่องเท็งงุที่มักจะเร่ร่อนไปทั่ว


               "โอ๊ย อย่ายกเท้าขึ้นมาสิ !"ยูจิหันกลับมาแหวใส่เธอเมื่อเห็นว่าเด็กสาวด้านข้างยกเท้าทั้งสองขึ้นมา เตรียมนอนบนโซฟาทั้งที่ปกติแค่นั่งกันสองคนก็เบียดกันจะตายอยู่แล้ว ทว่าประเด็นเขาไม่ใช่พื้นที่บนโซฟาหรืออะไรทั้งนั้น แต่เป็นการที่ฝ่าเท้าทั้งสองข้างไปโดนตุ๊กตาตัวปัญหาจนหลุดมือเขา หากจับช้ากว่านี้สักเสี้ยววิ เกรงว่าคงได้เกิดสงครามมวยให้ดูแทนหนังบนจอทีวี

               "นายก็ขยับตุ๊กตาไปสิ"เด็กสาวหรี่ตา ไม่สนทีท่าอะไรทั้งนั้นก่อนจะยืดตัวนอนปล่อยขาห้อยลงกับพนักแขนโซฟา ศีรษะแทบจะชนกับตักอิตาโดริ ถึงอีกฝ่ายจะเป็นคนเชิญชวนมาดูหนังทว่าพอดูไปได้สักพักคูฮาคุก็ต้องขอยอมแพ้ เส้นเนื้อเรื่องที่สมกับเป็นหนังเกรดซีที่อาจารย์รวบรวมหามาให้เด็กหนุ่มเรือนผมสีชมพู

               "นอนตรงนี้เดี๋ยวก็ปวดหลังหรอก"

               "นอนตรงพื้นก็ไม่ต่างกันเท่าไรหรอก"


               อิตาโดริถอนหายใจ คร้านจะเถียงกับคนที่กำลังนอนอยู่ มองอีกฝ่ายที่ค่อย ๆ ปิดตาดำดิ่งสู่ความมืดโดยไม่สนสิ่งใดอีกต่อไป เพียงแค่ละสายตาเพียงชั่วครู่ ตุ๊กตาในมือก็ขยับเหมือนรู้ตัวจนบางครั้งเขาก็อยากจะบีบมันให้แตกไปเลยถ้าหากไม่ติดว่าเป็นของผู้อำนวยการ ดวงตาสีน้ำตาลแดงมองหน้าตุ๊กตาพร้อมกระซิบเสียงแผ่วเมื่อเห็นว่าตุ๊กตายังคงดีดดิ้นเตรียมต่อยกับเขาพลางส่งพลังไสยเวทเพื่อให้มันสงบลง


               "เบา ๆ สิ เดี๋ยวเธอก็ตื่นหรอก"


               เชื่อเถอะว่าตุ๊กตามันโง่ นอกจากพลังไสยเวทแล้วมันก็ไม่รู้เรื่องหรอก , เขาบ่นกับตุ๊กตาตัวปัญหาในใจก่อนจะหันกลับมาให้ความสนใจกับหนังตรงหน้าแทน—แต่ดูเหมือนความสนใจเขาจำเป็นต้องมาแบ่งปันให้กับใครอีกคนที่อยู่ในตัวด้วยเมื่อความรู้สึกในอกเริ่มประหลาดแปรเปลี่ยนไป หลายครั้งที่ยูจิสงสัยเกี่ยวกับตัวตนสุคุนะว่าเกี่ยวข้องอะไรกับคูฮาคุ

               ช่วงแรกสุคุนะกวนประสาทเขาจะตาย ขนาดตอนนอนยังไม่เลิกรา ทว่าพอเจอหน้าคูฮาคุก็เงียบลงเหมือนมีอะไรปิดปาก ความรู้สึกต่อมาคงเป็นความประหลาดใจและตกใจกระมัง หลังจากนั้นสุคุนะค่อนข้างสงบปากขึ้นเยอะจนบางทีเขาก็อยากรู้ว่าเพราะอะไร แต่จะให้คิดอย่างไรก็ไม่อาจทำให้อิตาโดริรับรู้ได้ว่าระหว่างสุคุนะกับคูฮาคุเกิดสิ่งใด

               ต่อให้เขาถามสุคุนะ , อีกฝ่ายก็ไม่ตอบ

               ไม่สิ

               เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกสุคุนะกำลังหลบอะไรบางอย่างอยู่



    ♡´・ᴗ・`




               สายลมพัดกรรโชก ดุจอารมณ์โกรธเกรี้ยวที่แสดงออก , ชายหนุ่มหรี่ตามองด้วยความไม่ชอบใจนัก จะผ่านประตูนี้ไปแต่ละครั้งขนปีกเขาล้วนพังไม่มีชิ้นดี กว่าจะจัดแต่งให้กลับมาสวยเหมือนเดิมก็ใช้เวลามากโข แต่กระนั้นก็ต้องผ่านไป ลมหายใจพ่นออกบางทีเขาคงติดนิสัยเกียจคร้านจากคูฮาคุมาแล้วกระมัง

               สองปีกกระพือพาร่างฝ่าเข้ามรสุมพวกนั้น เรือนผมสีครีมถูกพัดปลิวไสวจนไม่เหลือทรง ดวงตาสีอาร์กติกหรี่มองอีกครั้งหลังพ้นมรสุมลมพวกนั้นจนหมดสิ้น เหลือบมองขนปีกด้วยความอาลัยที่บางส่วนหลุดร่อนออกไป ก่อนหันกลับไปมองเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยป่าสนสีเขียว อันเป็นที่อยู่ของเท็งงุอีกหลายตนและไดเท็งงุ

               สำหรับเท็งงุแล้ว ไดเท็งงุคือหัวหน้าที่ต้องคอยรับใช้และติดตาม เป็นมือและเท้าเมื่ออีกฝ่ายสั่งลงมา หลายครั้งที่คำสั่งทำให้มือพวกเขาเปื้อนเลือดแต่ก็ใช่ว่าจะขัดขืนได้—และใช่ คาเสะไม่พึงชอบไม่ใช่คำสั่งแต่คงเป็นตัวตนของไดเท็งงุปัจจุบัน 

               หากไม่ติดว่าเป็นธุระสำคัญเขาคงนั่งอยู่ในห้องใต้ดินแล้วเฝ้ามองคูฮาคุต่อไป ยามก้าวเข้าอาณาเขตเขาก็ได้ยินเสียงและกลิ่นของเท็งงุตนอื่นด้วย มีหลายตนเข้ามาทักทายพร้อมซักถามความเป็นอยู่ที่ห่างหายไปเกือบร้อยกว่าปีได้ คาเสะเพียงพยักหน้าไม่ก็ส่งเสียงตอบรับในลำคอเท่านั้น เขาดูเป็นพวกสันโดษเมื่อมองจากภาพลักษณ์ภายนอก

               เรือนผมสีครีมนมตัดซอยสั้นแทบกลืนไปกับสีผิวขาวผ่อง ดวงตาสีอาร์กติกดุจอัญมณีเม็ดงาม คาเสะมักทำหน้านิ่งเฉยเสมอภาพลักษณ์จึงดูขาวสะอาดตัดกับปีกสีดำขลิบ รูปร่างผอมบางมีเพียงมัดกล้ามตรงแขนเท่านั้นจากการถือพัดขนนกอันเป็นอาวุธที่ได้มา ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนไหนเขาล้วนแสดงออกด้วยท่าทางเช่นนี้เสมอ


               "ครานี้เจ้ากลับมาหาไดเท็งงุงั้นหรือ ?"

               "ข้ามาตามบัตรเชิญเท่านั้น"หากไม่ติดว่ามีบัตรเชิญส่งถึงให้เขาก็ไม่อยากจะคิดย่างกรายมาที่แห่งนี้แน่นอน ชายหนุ่มบินพาไปยังเรรือนญี่ปุ่นขนาดใหญ่อันเป็นสถานที่อยู่ของไดเท็งงุกับเท็งงุตนอื่นที่ใกล้ชิด คาเสะเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีงานเลี้ยงในตอนนี้ เท่าที่จำได้ยังไม่ถึงวันเลี้ยงฉลองวันเกิดของไดเท็งงุด้วยซ้ำ

               "นั่นสินะ อย่างเจ้าคงไม่น่าคิดจะมาที่นี่แน่ ๆ"

               "ข้าก็ไม่อยากมานัก"


               ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไดเท็งงุไม่ค่อยดีสักเท่าไรนัก แม้ว่าจะเป็นเรื่องไม่ค่อยสมควรเพราะว่าเท็งงุทุกตนล้วนอยู่ภายใต้คำสั่งของไดเท็งงุเสมอ เขาจึงถือว่าเป็นผู้ทรยศก็ไม่ปาน แต่นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องราวภายในที่เก็บไว้แต่ระดับเท็งงุชั้นสูง ซึ่งเขาเองก็คิดว่าไดเท็งงุคงไม่คิดจะปล่อยเรื่องราวพวกนั้นให้ใครได้รับรู้กันง่าย ๆ

               ดวงตาสีอาร์กติกสะท้อนมองเรือนญี่ปุ่นที่ไม่ได้เหยียบมาเกือบร้อยปี สภาพยังคงสวยใหม่แม้ว่าจะเก่าแก่มากแล้วก็ตาม ชายหนุ่มเดินตามหลังข้ารับใช้ กวาดสายตามองด้วยความรู้สึกนิ่งเรียบ แค่เหยียบย่างมาที่แห่งนี้ก็รู้สึกขยะแขยงแล้ว คาเสะเพียงต้องการจัดการธุระให้เสร็จแล้วรีบกลับไปหาเด็กสาวเท่านั้น นอกเหนือจากคูฮาคุแล้วเขาล้วนไม่คิดจะสนใจ

               ใช่ นอกจากนางแล้วเขาล้วนไม่สนใจ


               "ข้านึกว่าเจ้าจะปฏิเสธบัตรเชิญพวกนั้นเสียอีก"เสียงหัวเราะดังหลังม่าน แสงเทียนที่ขยับตามทิศลมพริ้วไหว มองผ่านจนเห็นเงาตะคุ่ม ปีกขนาดใหญ่ที่กำลังขยับ คาเสะนั่งลงบนเบาะที่จัดเตรียมไว้ให้ มองกาน้ำชาที่จัดวางไว้ตรงหน้า พอหันมองรอบห้องก็ล้วนมีแค่เขาที่อยู่เพียงตนเดียว ไม่สิ สองตน

               "ข้าเพียงจัดการธุระเท่านั้น"กาน้ำชาถูกเท ดวงตาสีอาร์กติกมองควันที่ลอยออกมา "ท่านมีธุระอะไรก็ว่ามาเถิด"

               "ข้าได้ข่าวคราวมาบ้างว่านางไปอยู่ที่โรงเรียนไสยเวท คำสาปเช่นนางอยู่ผิดที่ผิดทางเช่นนั้นจะไม่โดนปัดเป่าหรือ"ถ้วยชายกค้างไว้ยามได้ยินประโยคเสียดสี ดวงตาสีอาร์กติกฉายแววเย็นชา อากาศในห้องเริ่มร้อนขึ้นจนคนในม่านส่งเสียงหัวเราะคิกคัก ดูรื่นหูนักยามออกมาจากปากชายหนุ่มผู้ลึกลับ

               "ข้าคิดว่าเรื่องนี้คงไม่ใช่ธุระของเรา โปรดกล่าวธุระของท่านมาเถิด"

               "รีบร้อนไปไย นาน ๆ ทีเราจะได้ร่วมสนทนา"เสียงของเขาเรียบเรื่อยแฝงหยอกล้อ "แต่อย่างที่ข้ากล่าว คำสาปเช่นนางปล่อยให้เดินเล่นในนั้นนาน ๆ ระวังจะโดนปัดเป่าไม่รู้ตัวนะ"

               "แล้วท่านคิดว่าข้าจะปล่อยนางง่าย ๆ หรือ ?"


               ฝั่งที่อยู่หลังผ้าม่านแค่นยิ้มเยาะต่อความอวดดีที่แสดงออกมา ทั้งที่เป็นเพียงแค่เท็งงุตนหนึ่งแต่กลับกล้าทรยศออกจากหมู่มวลพี่น้อง ปีกขนาดใหญ่เริ่มขยับ เส้นขนนกเริ่มพลิ้วไหวราวกับกำลังตื่นตัว เรือนผมสีดำเข้มเคลื่อนลงมาจนปรกเสี้ยวใบหน้า ผ้าม่านขยับเปิดออกจนเห็นเงาวูบไหวด้านใน แต่ละก้าวที่เขากำลังก้าวลงมานั้นชวนแข็งค้างกับบรรยากาศกดดันหนักหน่วง ยกเว้นเพียงผู้ทรยศที่กำลังจิบชาด้วยความนิ่งสงบ

               ไดเท็งงุนั้นรูปงาม—ไม่อาจกล่าวผิดได้เมื่อมันเป็นข้อเท็จจริงที่เห็นได้ผ่านตาเปล่า ควรจะบอกว่าเท็งงุทุกตนนั้นล้วนรูปงามอยู่เป็นนิจอยู่แล้ว ทว่าเพื่อความเกรงขามจึงต้องสวมหน้ากากทับอีกหน , ดวงตาสีอาร์กติกเงยมองไร้ซึ่งความเกรงกลัวดั่งเท็งงุปกติ เรือนผมยาวสีดำเข้มดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย ดวงตาเรียวสีของป่าไม้กำลังหรี่ลงเต็มไปด้วยความสนุกสนา ใบหน้าเรียวคมกับริมฝีปากยกยิ้มแต่งแต้มสีสันบนใบหน้า

               พร้อมกับปีกสีดำที่ใหญ่กว่าเท็งงุตนอื่น


               "ไม่คิดว่าท่านจะยอมออกมาให้ยลเห็น"เขากล่าวไร้ซึ่งความตื่นเต้นที่มีต่อรูปลักษณ์ตรงหน้า หากให้เทียบกันแล้วเขาย่อมเคยพบเห็นไดเท็งงุมาหลายหนจนมีภูมิต้านทาน แม้ว่าหลายร้อยปีมานี้ไดเท็งงุจะเก็บตัวจนเท็งงุที่เพิ่งเกิดใหม่ไม่เคยเห็นหน้า ขณะที่คนโดนเหน็บแหนมนั้นกลับทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม ถ้วยน้ำชาที่เย็นชืดไปแล้วถูกยกขึ้นมาซดจนหมดแก้ว

               "เพราะข้าอยากเห็นว่าสภาพเจ้าเป็นเช่นไรต่างหาก"มุมปากเขายกยิ้ม ดวงตาสีเขียวสะท้อนอีกฝ่ายเต็มสายตา "นึกว่าจะแย่กว่านี้เสียอีก ดูเหมือนนางจะเลี้ยงดูเจ้าดีเกินไปกระมัง"

               "ข้าไม่ได้มาเพื่อฟังท่านพูดเรื่องไร้สาระ"

               "ความใจเย็นที่ควรพึงมีดูเหมือนจะเลือนหายไปแล้วสินะ ใช่สิ—เจ้าออกไปตั้งร้อยกว่าปีแล้วนี่"ดวงตาเหลือบมอง เมื่อเห็นไร้ท่าทีการตอบโต้ก็นึกถอนหายใจเมื่อไร้เรื่องสนุก ก่อนกล่าวต่อ "ใกล้วันครบรอบข้าแล้ว ไม่คิดจะให้ของขวัญแก่ข้าหน่อยเหรอ"

               "เพิ่งรู้ว่าท่านมีสิ่งที่ปรารถนา"คาเสะกล่าวอย่างเหน็บแหนมและไม่ไว้หน้า หากเท็งงุตนอื่นได้ยินบทสนทนาคงไม่แคล้วไล่ฟาดคาเสะให้ตายไปข้าง แต่สิ่งที่เขากล่าวล้วนเป็นความจริงทั้งนั้น หากเพียงแค่ไดเท็งงุจ้องมอง สิ่งของเหล่านั้นย่อมตกมาอยู่ในมือเขาได้อย่างง่ายดาย หรือต่อให้เพียงแค่พูดเปรย ไม่กี่วันก็ได้มาอยู่ในเรือนให้ยลโฉม

               "แน่นอนว่าข้ามี อย่างเช่นนาง"เขายกยิ้มทันทีที่พูดจบ ได้ยินเสียงปริแตกของถ้วยชาแล้วก็อยากจะหัวเราะต่อสภาพอันน่าสังเวชของเท็งงุตรงหน้า "ถ้าหากเจ้ายอมให้นางมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก นางก็คงไม่ต้องดิ้นรนขนาดนี้"

               "แล้วท่านก็ทำให้นางหวาดกลัวอย่างนั้นหรือ ? สิ่งที่ท่านทำในตอนนั้นข้ายังจำได้นะ"เพราะความผิดพลาดในอดีตของเขาทำให้นางอยู่ในเหตุการณ์อันตรายเสมอ คาเสะยังคงจำได้ว่าตอนนั้นคูฮาคุหวาดกลัวเพียงใดต่อสิ่งที่เกิดขึ้น หากเขาช้ากว่านี้เกรงว่าการพาให้เด็กสาวกลับมาใช้ชีวิตปกติคงเป็นไปไม่ได้ แม้จะทำให้ลืมเลือนไปแล้วแต่คาเสะยังคงจดจำได้เสมอ

               "ข้าเพียงแค่หยอกล้อ การได้เห็นหนูน้อยที่เจ้าอุตส่าห์ฟูมฟักข้าย่อมต้องเอ็นดูอยู่แล้ว"


               ชายหนุ่มยักไหล่ ความรู้สึกผิดในตอนนั้นไม่มีให้เห็นในท่าทางหรือแววตา ดวงตาสีอาร์กติกหรี่มองจับจ้องไปด้วยไอสังหาร ด้วยพลังที่ต่างชั้นระหว่างไดเท็งงุกับเท็งงุทำให้การประลองมีแต่เสียหาย พลังของเขาไม่อาจเทียบเท่าเท็งงุที่เป็นผู้นำได้ , คาเสะถอนหายใจพลางมองไดเท็งงุที่ยังมีท่าทีเล่นทีจริงอยู่ เริ่มขบคิดว่าเหตุใดไดเท็งงุคนก่อนถึงมอบตำแหน่งนี้ให้คนด้านหน้ากันนะ

               ดวงตาสีเขียวป่าสนเหลือบมอง ยอมหยุดกระทำของตนพร้อมเปลี่ยนท่าทาง บรรยากาศเริ่มจริงจังตามรอยยิ้มของชายหนุ่มที่เลือนหายไปจากใบหน้า ความเงียบเริ่มกลืนกินจนได้ยินเพียงเสียงหายใจเข้าออกระหว่างสองตนที่กำลังจ้องกัน ก่อนเป็นไดเท็งงุที่เปิดปาก กล่าวถึงธุระที่ต้องเชิญบัตรเชิญไปยังเท็งงุผู้ทรยศ


               "คำสาปพวกนั้นเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว"


               รวมถึงชะตากรรมข้างหน้าทั้งเขาและคูฮาคุ






               Talk with คนแต่ง

               แง่งๆๆๆๆๆๆ กลับมาแล้วค่ะฮือ หายไปร่วมเดือนเลยคราวนี้ต้องขอโทษจริง ๆ ค่ะ งานการบ้านคืออยากร้องไห้มากงานกลุ่มเต็มไปหมด แถมเพิ่งจัดงานศพด้วย (ญาติเสีย ;-;) กว่าจะดึงตัวเองกลับมาแล้วก็เคลียร์งานเสร็จก็นานเลยค่ะ แล้วคิดว่าช่วงเดือนเก้าอาจจะไม่ได้มาบ่อยมากเพราะสอบทุกอาทิตย์ งานมาทุกวันเลย (ตุย) อาจจะเจอกันตอนเดือนสิบเลยก็ได้ แต่ถ้าเคลียร์งานเสร็จเร็วก็อาจจะได้เจอวันเสาร์ทุกอาทิตย์อะไรงี้

               ตอนนี้ไม่มีคนสวยเรยอุแง มาเปิดปมให้กับสุคุนะและฮาคุสักหน่อย ใครทันอ่านสเปเชียลก่อนหน้าก็คือกรุ้มกริ่ม ตอนช่วงหลังก็คือเน้นด้านบทเท็งงุผู้เลี้ยงดูลูกสาวตัวน้อย (ทิพย์) เป็นเท็งงุเดียวดายที่หลบฝูงมาเพราะตีกับหัวหน้า จริง ๆ หัวหน้าก็มีสเปเชียลเล้ก ๆ อุบอิบไว้แหละ แต่เยอะเกินค่อยตัดเข้าตอนพิเศษแล้วกัน (แอบดีใจในที่สุดเด็กดีก็ยอมเอาหน้านิยายเก่ากลับมาได้ฮือออ)

               แอคงาน (@hourizuha)

                ถ้าชอบก็อย่าลืมให้กำลังใจ กดเฟบนิยายเรื่องนี้พร้อมคอมเม้นด้วยนะคะ จะได้ไว้อ่านตอนนั่งแต่งนิยาย ♡´・ᴗ・`♡
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×