ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Jujutsu Kaisen fiction - คนสวยขา ( megumi x oc )

    ลำดับตอนที่ #10 : 09 - ความลับของเรา

    • อัปเดตล่าสุด 16 ต.ค. 64


    Jujutsu Kaisen fiction - คนสวยขา

    - megumi x oc 


     

               ยามตระหนักได้ถึงข้อผิดพลาด เมื่อนั้นก็สายเกินกว่าจะรู้ตัว , เขาเคยคิดว่าอย่างไรความลับที่อุตส่าห์แอบซ่อนไว้จะไม่มีทางเปิดเผยได้ ทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นจะเป็นเพียงแค่ความฝันตื่นหนึ่งของนาง เป็นเพียงฝันร้ายที่หากเขาคอยปลอบโยนก็จะเลือนหาย ทว่าชายหนุุ่มกลับคิดง่ายเกินไปราวกับลืมเลือนตัวตนที่กำลังสนุกสนานในร่างของเด็กสาว

               ลืมว่ามีใครอีกคนที่กำลังฉีกยิ้มอยู่ใต้ความมืด

               ดวงตาสีอาร์กติกหลุบมอง สีหน้าแสดงออกอย่างชัดแจ้งว่ายุ่งยากเพียงใดต่อความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นภายในอก คูฮาคุไม่ได้เร่งรีบขนาดต้องการเอาคำตอบในทันที เธอเพียงถอนหายใจแล้วหลบเลี่ยงสภาพน่าอึดอัดนี้ด้วยการรับเสื้อผ้าจากหญิงสาวที่ดูเหมือนจะชื่ออิเอะอิริมาสวมใส่

               เสื้อตัวใหญ่หลวมโพรกมองความแตกต่างระหว่างเด็กหนุ่มกับเด็กสาวได้ในทันที โกโจหัวเราะออกมาเต็มเสียงเมื่อเด็กสาวโผล่หัวขึ้นมา คอเสื้อกว้างขนาดจนเห็นลาดไหล่ ดวงตาสีอาร์กติกของชายหนุ่มพลันเข้มขึ้นตวัดไปทางชายที่กำลังหัวเราะ สายตาเข้มข้นพร้อมปีกสีดำที่แผ่ปิดเรือนร่างคูฮาคุ ขณะที่โกโจเพียงยักไหล่อย่างหรรษา


               “แล้วจะทำยังไงต่อจากนี้เหรอ”อิตาโดริเอ่ยถาม เขาคิดว่าการที่ตัวเองกลับมาจากความตายนั้นเป็นเรื่องน่าทึ่ง แต่หากได้บอกเพื่อนฝูงคงน่าทึ่งมากกว่า ทว่าเมื่อได้ยินคูฮาคุเอ่ยเรื่องศพตัวเอง เขาก็คงคิดได้ทางเดียวว่าอย่างไรความจริงที่เขายังไม่ตายก็คงต้องถูกเก็บเงียบพอ ๆ กับศพปลอมที่คูฮาคุุสร้างขึ้น

              “เรื่องของพวกเธอในตอนนี้เป็นความลับน่ะ”คนเป็นอาจารย์จรดนิ้วชี้แนบกับริมฝีปาก รอยยิ้มสนุกสนานกับแววตาที่ไม่อาจคาดเดาทำให้ความประทับใจเธอยังไม่เพิ่มขึ้นเลยสักนิด ละความสนใจจากบทสนทนาพลางเกาะแกะชายหนุ่มเท็งงุเสียแทน ด้วยเรี่ยวแรงที่ไม่ค่อยมีทำให้เด็กสาวจำต้องเกาะหลังเท็งงุดั่งลูกลิง

              ใบหน้าเด็กสาวโผล่พ้นซอกคอคาเสะ เอ่ยถามเสียงเรียบ “แล้วเรื่องที่พักจะไม่ลำบากเหรอคะ ?”

              “ฮาคุจัง—ให้ฉันอุ้มดีกว่าไหม , เรื่องที่พักน่ะไม่ต้องกังวลหรอก”เขากล่าวอย่างช่วยไม่ได้ในประโยคแรกเมื่อเห็นท่าทางทุลักทุเลในการปีนป่ายร่างเท็งงุ ทว่ายามเอ่ยจบก็ต้องได้รับสายตาทิ่มแทงเสียแทน แน่นอนว่าไม่ใช่ใครนอกจากคาเสะที่กอดอก สายตาดั่งกระสุนปืนกราดไปทั่วห้อง

              “ถ้าเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จเรียบร้อยก็ไสหัวไปได้แล้วโดยเฉพาะนาย ซาโตรุ”อิเอะอิริเอ่ย เธอดูอารมณ์เสียนิดหน่อยประกอบกับรอยคล้ำใต้ตาที่บ่งบอกว่าอดนอนมาหลายวันติดทำให้สภาพอารมณ์แทบเหวี่ยงเหมือนพายุ บ่นพึมพำถึงศพที่ไม่ได้ผ่าด้วยเสียงเฉื่อยชากลับทำให้ใครหลายคนยิ้มแห้ง


              เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมต้องเป็นความลับ กระทั่งความจริงที่ว่าเธอกับยูจิมีชีวิตอยู่นั้นยังห้ามแพร่งพราย ดังนั้นเลยต้องย้ายที่อยู่จากตอนแรกอยู่บนพื้นดินได้รับอากาศดี ๆ กลับกลายมาอยู่ชั้นใต้ดินอันแสนอุดอู้เสียแทน แม้จะดูทะมึนทึบไปบ้างแต่ก็เย็นอาจเพราะว่ามันอยู่ใต้ดิน อากาศเลยชื้นกว่าข้างบน , ดวงตามองอาจารย์ที่กำลังอธิบายเนื้อหาที่ต้องเรียน พลางหันไปมองยูจิที่แดดิ้นอยู่บนพื้นเนื่องจากเขานั้นไม่อาจใช้วิชาคุณไสยได้

              ความจริงแล้วเธอก็อยากลองใช้กระสุนวงจักรเหมือนกัน


              "แต่ของฮาคุจังแย่กว่ายูจินิดหน่อย เพราะฮาคุจังไม่สามารถใช้พลังไสยเวทได้"เนื้อความทำให้อิตาโดริขมวดคิ้ว หันมองเด็กสาวที่ดูไม่เดือดร้อน นั่งถอนขนนกจนคาเสะต้องเอ่ยดุเสียงเข้ม ขณะที่โกโจจะเป็นคนเฉลย “ก็เพราะว่าฮาคุจังคือร่างทรงยังไงล่ะ !”

              “ร่างทรง ?”

              “เรื่องนั้นให้เจ้าตัวอธิบายดีกว่านะ”

              "ถ้าบอกว่าพลังไสยเวทมาจากความรู้สึกด้านลบ สำหรับฉันที่เป็นร่างทรงที่ต้องให้ความรู้สึกว่างเปล่าตลอดเวลาเลยไม่อาจดึงพลังไสยเวทมาใช้ได้"สองมือยังคงระบายด้วยการดึงขนปีก พลางอธิบายต่อ "ฉันกับยูจิแตกต่างกัน นายมีไอ้นั่นอยู่ในร่างแต่ฉันเป็นร่างทรง ถ้าไม่ได้ทรงร่างฉันก็แค่มนุษย์โง่ ๆ ที่รอความตายอย่างโง่ ๆ นั่นแหละ"

              “โอ้ เหมือนจะเข้าใจนิดนึงแหะ”เด็กหนุ่มลูบคาง ดวงตาฉายแววกระจ่างแต่ก็แอบฉงนต่อข้อสงสัยที่เกิดขึ้น “อย่างนี้ถ้าฮาคุเป็นร่างทรง ก็แปลว่าสุคุนะสามารถใช้ร่างฮาคุได้น่ะสิ”

              ถึงจะเป็นคำถามแบบลวก ๆ แต่ก็ทำให้โกโจต้องครุ่นคิด

              “เรื่องของร่างทรงมีน้อยมากจนผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เคยมีบันทึกอยู่แต่ดูเหมือนจะถูกทำลายไปแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้หรอกนะครับ”

              “ไม่ได้หรอก”เสียงทุ้มต่ำของเท็งงุเปรยออกมา กล่าวอย่างหนักแน่นราวกับให้คำสัญญา สองมือพยายามจับเด็กสาวให้หยุดเล่่นกับปีกตนก่อนที่ขนจะร่วงไปมากกว่านี้ “หากข้ายังอยู่ข้างกายนาง ต่อให้เป็นราชาคำสาปหรือว่าสิ่งไหนข้าก็ไม่ยินยอมให้ใช้ร่างกายฮาคุได้ตามใจชอบ”

              “ก็ตามนั้นแหละนะ—ฮาคุจังต้องฝึกการต่อสู้แทน ผมขอฝากยูจิเป็นคู่มือให้ด้วยนะ”อาจารย์ว่าพลางจัดตารางฝึกซ้อมให้ นอกจากยูจิจะต้องเป็นคู่มือให้เธอแล้ว เวลาที่เหลือเขาต้องทุ่มกับการดูหนัง “ส่วนผมจะฝึกการต่อสู้พื้นฐานให้ฮาคุจังให้เอง แต่ก็ต้องฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอด้วยนะ”


              เมื่อแจกแจงรายละเอียดการฝึกเสร็จเรียบร้อย เธอก็ได้พักผ่อนหนึ่งวันขณะที่อิตาโดริเริ่มฝึกจากการดูหนังเพื่อคงสภาพพลังไสยเวทเลย ดูกองแผ่นซีดีมากมายที่อาจารย์สรรหามาบางทีคูฮาคุอาจจะได้เจอเด็กหนุ่มในลุคหนุ่มแว่นก็ได้ แม้จะลองจินตนาการแล้วจะไม่เข้ากับเบ้าหน้าเขาก็ตาม

              ดวงตาสีอาร์กติกละจากหน้าจอหันไปทางชายหนุ่มที่กำลังยืนเงียบ สะท้อนใบหน้าอันเย็นชาและห่างเหินของเท็งงุ รอคอยอย่างเงียบงันก่อนคาเสะจะเริ่มขยับตัว แต่ละก้าวที่กำลังเหยียบย่ำไม่ได้เร็วหรือช้าจนเกินไป ทว่าในความรู้สึกของคูฮาคุนั้นกลับเร็วอย่างน่าแปลกประหลาด ราวกับรู้ตัวอีกทีก็ถูกหิ้วด้วยมือข้างเดียวแล้วย้ายไปยังอีกห้องเพื่อเคลียร์ปัญหา


              “ปกตินายไม่เคยหิ้วฉันแบบนี้”

              “เจ้าเองก็ไม่เคยดึงปีกข้าเยอะขนาดนี้เช่นเดียวกัน”ปีกสีดำขยับแสดงให้บางส่วนเว้าแหว่งไปอย่างน่าเกลียด หากเป็นผู้อื่นที่กระทำ เขาจะไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะสร้างพายุแล้วพาคนผู้นั้นให้ตกขอบโลกไป “นั่งดี ๆ แล้วเลิกเกาะแกะปีกข้าเสียฮาคุ”

              “ถ้านายตอบคำถาม ฉันก็จะเลิกยุ่ง”

              “แล้วที่ข้าพาเจ้ามานี่ไม่ใช่ว่าจะเพื่อจัดการปัญหาแล้วตอบคำถามเจ้าหรอกหรือ —ดูเหมือนเจ้าจะแสดงอารมณ์ออกมามากเกินไปแล้วนะ”สังเกตจากแววตาที่พบระลอกคลื่นทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้ว สิ่งที่ตามมาทำให้คาเสะอยากจะถอนหายใจหรือไม่ก็หาวิธีไหนก็ได้ให้เธอลืมเรื่องราวนั้นไป

              “ทำไมความทรงจำฉันบางช่วงถึงขาดหาย ?”มันเป็นคำถามแรกที่คูฮาคุเลือกมาหลังจากขบคิดอยู่นาน มันเป็นคำถามพื้นฐานที่เธอต้องการรู้ ดวงตาสีอาร์กติกต่างจดจ้องกันและกัน เนิ่นนานมากพอจนเขาเริ่มเห็นสิ่งที่ผิดแปลก ดวงตาสีอาร์กติกเฉดเดียวกันของเด็กสาวเริ่มแซมสีม่วงเบาบาง 

              “ข้าเป็นคนผนึกมันเอง ความทรงจำพวกนั้นมีแต่ทำให้เจ้าบอบช้ำ ความรู้สึกไม่มั่นคง—และไม่สามารถเป็นแก้วที่สมบูรณ์แบบได้”เขากล่าวแช่มช้า ท้ายประโยคตอกย้ำหน้าที่ที่เธอกำลังแบกไว้บนบ่า “ดูเจ้าในตอนนี้สิ เริ่มเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว”

              ฝ่ามือหนาประคองใบหน้า , จดจ้องสีม่วงในดวงตาของเด็กสาว

              “ตั้งแต่เมื่อไร”

              “ตั้งแต่เจ้าร้องไห้ครั้งแรก ตั้งแต่เจ้าจมน้ำจนกายเย็นซีด ตั้งแต่เจ้าร้องเรียกหาข้าอย่างเต็มปาก—ขอเพียงแค่เจ้าเรียกข้าอีกครั้ง ข้าจะทำให้เจ้าไม่ต้องจดจำความหวาดกลัวนี้อีกต่อไป”น้ำเสียงนุ่มนวลราวกับผู้ใหญ่หลอกล่อเด็กน้อยให้ยอมกินยาขม ดวงตาสีอาร์กติกสะท้อนเพียงใบหน้าเด็กสาว กระจ่างใสราวกับผืนน้ำที่นิ่งสงบ เฉกเช่นกิริยาที่ไหลลื่นดุจสายน้ำ

              “เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่เคยทำให้เจ้าเสียใจ”

              ราวกับปีศาจที่กำลังล่อลวงด้วยคำหวาน

              “แม้แต่ความรู้สึกในตอนนั้น นายก็จะทำให้มันหายไปใช่ไหม ?”เธอเอ่ยถาม คูฮาคุไม่ชอบใจเลยเวลาความรู้สึกแปลก ๆ กำลังตื่นอยู่ในอก ความหวาดกลัวที่คืบคลานเข้ามาอย่างเชื่องช้าเมื่อความทรงจำเริ่มกลับมา สิ่งที่เคยลืมหายสลักลึกฝังแน่น ราวกับย้อนกลับไปเป็นเด็กน้อยที่ยังคงตกค้างด้วยอารมณ์เศร้าหมอง

              “ทุกอย่างจะหายไปแล้วกลายเป็นเพียงฝันตื่นหนึ่งของเจ้า”สองมือชายหนุ่มประคองใบหน้าเด็กสาว ขอเพียงนางเอื้อนเอ่ยเหมือนอย่างเคย เขาจะทำให้ทุกอย่างกลับกลายเป็นเหมือนเดิม เพียงแค่ขานชื่อที่นางเคยตั้งให้ในวันนั้น ดวงตาสีอาร์กติกที่เคยเหมือนกันเริ่มอาบย้อมด้วยสีม่วงราวกับกำลังโดนกัดกินทีละนิดจากข้างใน

              ขอแค่เรียกชื่อเขาเท่านั้น


              “ทำให้มันหายไปทีคาเสะ


              มุมปากเท็งงุพลันยกยิ้มยามได้ชื่อถูกเรียกขานจากเด็กสาว ใบหน้าชายหนุ่มโน้มเข้าใกล้ กล่าวคำว่าราตรีสวัสดิ์ด้วยเสียงอ่อนหวานก่อนจะประทับริมฝีปากบนหน้าผากเนียนของเธอ หนึ่งจูบนั้นเนิ่นน่านสลักลึกไว้ปิดทุกความทรงจำที่เคยกัดกินนางไว้ภายใน กระทั่งเปลือกตาเด็กสาวปิดลง จบลงด้วยความเงียบที่ลอยทั่วห้อง

              ร่างของเด็กสาวถูกประคองไว้อย่างดี จัดแจงท่านอนเพื่อไม่ให้เธอนั้นขบเมื่อยยามตื่น ฝ่ามือวางบนเรือนผมพลางลูบอย่างอ่อนโยน กิริยาท่าทางถูกเก็บซ่อนไว้ภายใต้ความนิ่งเรียบ ขับกล่อมเธอด้วยความเงียบ หวนนึกถึงอดีตที่เคยผิดพลาดทำให้เขาเอ่ยเอื้อนออกมาอย่างไร้จุดหมาย


              “ข้าจะไม่ทำให้มันเกิดขึ้นอีก”

     

    ♡´・ᴗ・`

     

              ผ่านมาหลายวันแล้วนับตั้งแต่ไปที่ตระกูลใหญ่ , บิชามอนได้รับคำถามระหว่างขากลับมากมายจากคุงิซากิ บรรยากาศขนลุกของสุสารตระกูลเกียวคุโระยังคงทำให้เด็กสาวสั่นอยู่แม้จะอยู่บนรถเตรียมเดินทางกลับแล้วก็ตาม แน่นอนว่าเขาพอคาดเดาคำถามที่มาจากปากเพื่อนสาวได้แน่นอนอยู่แล้ว


              “ทำไมถึงมีชื่อคูฮาคุอยู่เยอะแยะ”

              นั่นก็เป็นคำถามแรกสำหรับเขาวัยห้าขวบเหมือนกัน

              “ผมได้ยินจากคุณปู่น่ะครับว่าหากในตระกูลมีลูกสาวคนแรกให้ตั้งชื่อคูฮาคุ”เด็กหนุ่มเอ่ยอย่างยิ้ม ๆ ด้วยความโศกเศร้าที่กัดกิน ทำเอาคุงิซากิเงียบปากเมื่อเห็นท่าทีหม่นหมองระยะประชิด “ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าทำไม แต่ดูเหมือนจะเป็นกฎของตระกูลที่ต้องทำตาม”

              “แบบนี้มันไม่สับสนเหรอ”

              “เพราะว่าตระกูลเกียวคุโระมีแต่ผู้ชายทำให้ไม่ได้สับสนมากขนาดนั้นครับ บางรุ่นเองก็มีแต่ผู้ชายล้วน”เด็กสาวขมวดคิ้ว ครั้นจะถามต่อก็โดนเบรกผ่านสายตาเด็กหนุ่มอีกคนที่คิดว่าคงไม่คิดจะสนใจ บรรยากาศเงียบลงเมื่อไร้เสียงพูดคุยเช่นเดิม ปล่อยให้ใครหลายคนตกตะกอนความคิด

              และร้องไห้ภายในใจ


              สีหน้าเด็กหนุุ่มนับว่าไม่ค่อยดีนัก—ถ้าหากให้พูดอย่างตรงไปตรงมาก็เหมือนศพที่เตรียมฝังลงดินไปเลย รอยยิ้มเหือดแห้งราวกับทะเลทรายและแววตาที่ดับสูญไปเมื่อได้รับความจริง แม้จะมีรอยยิ้มประดับใบหน้าแต่ก็รู้ว่าฝืนทนอยู่ ไม่มีประกายอย่างที่เคยเป็น และไม่มีแสงสว่างในชีวิตอีกแล้ว

              เกียวคุโระ บิชามอน กำลังเป็นเช่นนั้น

              ตกต่ำจนสภาพแทบดูไม่ได้ ไม่ต่างจากตุ๊กตาพัง ๆ ที่กำลังถูกชักใยให้เดินต่อไปอย่างฝืนทน , ดวงตาสีน้ำเงินเข้มพลันเบือนหนีไปทางเด็กสาวอีกคนที่ถูกเหวี่่ยงไปมาโดยรุ่นพี่แพนด้า การเตรียมพร้อมสำหรับงานสานสัมพันธ์ทำให้พวกเขาต้องฝึกซ้อม อย่างคุุงิซากิที่กำลังโดนเหวี่ยงจนสภาพเละ หรือแม้แต่บิชามอนที่ต้องฝึกคนเดียวเพราะไม่มีใครสามารถเข้าใจความสามารถของเขา

              สิ่งแรกที่น่าตื่นตกใจก็คงเป็นการเผยร่างของทามาโมะ—จิ้งจอกเก้าหางที่มีแต่ในตำนาน ขับขานด้วยความหวาดกลัวต่อพลังอำนาจและเสน่ห์อันยากจะถอนตัว สำหรับเด็กปีหนึ่งที่เคยได้ยินมาจากปากบิชามอนแล้วไม่ต้องกังวลมากนักแม้ตอนเจอครั้งแรกจะคุงิซากิจะตกหลุมพรางเสน่ห์ของจิ้งจอกไปแล้ว ส่วนปีสองที่รู้ทีหลังคงบอกได้ว่าสภาพน่าอนาถกว่านั้นก็ได้

              ทุกอย่างกำลังดำเนินไปข้างหน้า ฟุชิงุโระคิดว่ามันดีแล้วแต่ก็แอบรู้สึกแปลก ๆ ต่อความรู้สึกของตัวเอง เขาได้แต่ให้ความสำคัญของสัญญาสุดท้ายระหว่างอิตาโดริ และมอบไออุ่นครั้งสุดท้ายให้กับร่างกายอันเย็นชืดของคููฮาคุพร้อมกับน้ำตาหยดแรกที่ไม่คิดว่าจะไหล  ทั้งที่คิดว่าสามารถก้าวเดินและปล่อยมันไปได้แต่ฟุชิงุโระกลับไม่สามารถทำตามความคิดนั้นได้เลย


              “มีอะไรเหรอทามาโมะ”เด็กหนุ่มผมยาวเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าจิ้งจอกที่กำลังฝึกให้กับตัวเองนั้นหยุดลง คิ้วงามขมวดเข้าหากันอย่างผิดสังเกต ใบหน้าพลันแหงนมองราวกับหาบางสิ่ง ใบหูสามเหลี่ยมขยับตามสัญชาติญาณก่อนริมฝีปากจะบิดโค้งจนต้องกางพัดปกปิดต่อความผิดปกติที่แสดงออก

              “ไม่มีอะไร ข้าแค่เพิ่งนึกได้ว่ามีอะไรต้องไปทำ”

              “ตอนนี้งั้นเหรอ ?”

              “อาจจะเป็นหลังสอนเจ้าเสร็จ”ใบหน้างดงามของจิ้งจอกหันกลับมา ดวงตาเรียวสีอำพันหลุบมองคู่พันธสัญญาตัวเองพลางบ่นอุบอิบถึงเวลาที่ตนต้องมาคอยสอน “พลังข้าก็ให้ยืมแล้วเหตุใดข้าจำเป็นต้องมาสอนเจ้าแปลงกายเช่นนี้อีก นับว่าไม่คุ้มจริง ๆ”

              “เพราะคุณไม่อยากให้ผมตาย คุณก็เลยยอมสอนไม่ใช่เหรอ”

              ทามาโมะหัวเราะ หุบพัดในมือลง

              “เพราะข้าต้องการเพลิดเพลินกับเจ้าต่างหาก”


              คุงิซากิถูกบิชามอนแบกกลับห้องไปในทันทีหลังซ้อมเสร็จ การถูกเหวี่ยงแล้วโยนขึ้นฟ้ามันไม่ใช่เรื่องตลก เธอพูดอย่างนั้นก่อนจะทิ้งตัวให้เด็กหนุ่มจิ้งจอกแบกกลับห้องเนื่องจากอยู่ใกล้กัน คำว่าราตรีสวัสดิ์ถูกเอ่ยเมื่อท้องฟ้าเปลี่ยนสีเป็นสีเข้ม ดวงตาสีน้ำเงิินมองตามก่อนเปลี่ยนสายตาไปทางอื่น มองระหว่างสองห้องที่มีเขาคั่นกลางไว้ทำเอารู้สึกอ้างว้างแปลก ๆ เมื่อรู้ดีว่าไม่มีใครอยู่เป็นเจ้าของห้องอีกแล้ว

              เด็กหนุ่มเปิดประตูเข้าไป ความมืดมิดโอบล้อมไว้รอบตัวก่อนจะถูกขับไล่เมื่อแสงไฟติดสว่าง สองเท้าก้าวเข้าห้องก่อนหยุดลงตรงปลายเตียง เขาทิ้งตัวลงพลางเหม่อมองเพดาน ดวงตากะพริบเข้าหากันเชื่องช้า แววตาแสดงถึงความครุ่นคิด ก่อนจะเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า

              ฟุชิงุโระฝัน—มันเป็นฝันที่ดูอย่างไรก็เหมือนสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อไม่นานผ่านมา ดวงตาสีน้ำเงินเข้มต่างสะท้อนเห็นทุกการกระทำ หยดเลือดสีแดงข้นที่ไหลทะลักและอุณหภูมิลดต่ำจนน่าหวาดเสียง ครานี้เขาไม่ได้ส่งยิ้มให้เช่นเคยอย่างที่เคยทำ มีเพียงคำถามคำว่าทำไมวนเวียนอยู่

              ทำไมเขาต้องฝันแบบนี้

              ทำไมเขาต้องมายืนอยู่ตรงนี้

              ทำไมเขาต้องเห็นเพื่อนตาย

              และทำไมเขาถึงเลือกกอดเธอไว้อีกแล้ว


              ทำไมกันนะ ?






              Talk with คนแต่ง

              งุ้ย กลับมาแล้วค่าหลังจากสอบอะไรเสร็จไป พ้มแบบปาดน้ำตา ตกอีกแล้วชีวะจัง แล้วก็ปาดน้ำตาคนสวยอีกหนึ่งกรุบ กอดในฝันทำไม มากอดชีวิตจริงดีกว่ามั้ยเทอ ;-; 

              ส่วนเรื่องความทรงจำของน้องฮาคุจะมีพูดถึงในตอนแยกต่่างหากค่ะ ส่วนที่บุคคลปริศนาทำไมถึงเลือกจะปลดความทรงจำพวกนั้นให้น้องจำได้ เพราะอยากให้น้องจดจำความรู้สึกนั้นเอาไว้ อีกอย่างก็คืออยากให้แตกหักกับคาเสะด้วย แต่ก็นะ พ่อหนุ่มอีกาพ้มจัดการล็อกใหม่แม่งอีกรอบไปเลย จะเห็นได้ว่าน้องอาจจะแสดงอารมณ์ออกมา (ด้วยการดึงปีก) คนอ่านก็คงแบบเอ้า ไรวะ แค่นี้เอง ปมก็จบแล้วเดะแต่จริง ๆ คือเปล่า ยังไม่จบแต่ความทรงจำนั้นอะจบแล้ว 

              แอคงาน (@hourizuha)

               ถ้าชอบก็อย่าลืมให้กำลังใจ กดเฟบนิยายเรื่องนี้พร้อมคอมเม้นด้วยนะคะ จะได้ไว้อ่านตอนนั่งแต่งนิยาย ♡´・ᴗ・`♡

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×