ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาวใช้สุดสวย กับ เจ้าสุดเนื้อหอม

    ลำดับตอนที่ #11 : ความกลุ้มใจ และเลขาคู่ใจ

    • อัปเดตล่าสุด 6 ธ.ค. 48


    ตอนที่ 11 ความกลุ้มใจ และเลขาคู่ใจ



    +++++++++++++บริษัท โซมะ++++++++++++++



    ในห้องทำงานของรองประธานผู้จัดการ  

           เคียวชิโร่กำลังนั่งมองออกไปทางหน้าต่าง โดยที่สมองและจิตใจไม่ได้อยู่กับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ก็ไม่ได้หมายถึงมันไม่ทำงาน เพราะตอนนี้ ในสมองของเคียวชิโร่กำลังคิดเรื่องของยูริ คนรักของเค้าเพียงคนเดียว กับฮิโรกิ เพื่อนสนิทที่รักที่สุดของเค้าเช่นกัน  และคิดหาวิธีในง้อยูริให้กลับมารักกันเหมือนเดิมโดยที่ประสาทสัมผัสของเค้าไม่ทำงาน ถึงขนาดมีคนเข้ามาแล้วยืนมองตัวเองอยู่ ได้ซักแล้ว จนกระทั่งคนที่ยืมมองอยู่นั่นเริ่มทนไม่ได้



    “นี่ คุณเคียวชิโร่ค่ะ” เรียกไปก็สะกิดร่างสูงไปอยู่หลายที จนกระทั่งคนที่ถูกเรียกรู้สึกตัว  



    “อ้าวคุณเอมิ มีอะไรเปล่าครับ แล้วเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรฮะ” เคียวชิโร่เมื่อได้สติปุป ก็ถามไม่หยุดเลย



    “เข้ามาซักพักแล้วค่ะ ที่เข้าเนี่ยก็เพราะมีเอกสาร ที่ต้องการให้คุณเคียวเซ็นอนุมัติด่วนนะค่ะ” พูดไป ก็ยื่นเอกสารให้เคียว  



    “หรอครับ” เคียวพูดพร้อม รอรับเอกสารจากเลขา  



    “คุณเคียวค่ะ อย่าหาว่าชั้นยุ่งเลยนะค่ะ ชั้นขอถามอะไรหน่อย” เอมิ เลขาของเคียวชิโร่พูดขึ้นขณะที่เคียวกำลังอ่านเอกสารในมือ



    “ครับ ว่ามาสิครับ” เคียวพูดไป แต่หน้าก็ยังไม่เงยขึ้นมามองหน้าเลขา  



    “ตอนนี้คุณทะเลาะอะไรกับ คุณยูริรึเปล่าค่ะ” เอมิถามขึ้น อย่างรู้ทัน



    “..........” พอเอมิถามจบเคียว ถึงกับเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ พร้อมนึกในใจว่า รู้ได้อย่างไงวะ  



    “คุณไม่ต้องมาทำหน้าตกใจ ถ้าดิฉันไม่รู้หรืออ่านสีหน้าคุณไม่ออก ดิฉันก็ไม่มีหน้ามาทำงานเป็นเลขาคุณได้หรอกค่ะ” เอมิพูด



    “เออ ขอโทษครับ หน้าผมมันฟ้องขนาดนั้นเลยหรอครับ” เคียวถามขึ้นอย่างสงสัย พร้อมกับเซ็นเอกสารในมือ



    “ค่ะ ถึงไม่แสดงออกมาตรงๆ ดิฉันก็รู้ค่ะ เพระดิฉันทำงานกับคุณมานานพอสมควรแล้ว” เอมิพูด เพราะเมื่อก่อนเธอเข้ามาทำงานในน้าที่เลขาของประธานบริษัทได้ซักประมาณ 2-3 ปี ต่อมาเมื่อเคียวชิโร่เข้ามาทำงาน พ่อของเคียวชิโร่หรือท่านประธาน ก็ให้เธอมาทำงานกับเคียว เพราะแบ่งเบา และเคยสอนเรื่องๆ ในบริษัทให้เคียวชิโร่ เพราะท่านเองก็ไม่ได้อยู่ที่บริษัทตลอดเวลา เลยให้เอมิเป็นเลขาของเคียวตั้งแต่ตอนนั้น จนถึงปัจจุบัน เลยทำให้เอมิรู้แทบจะรู้ทุกเรื่องของเคียวชิโร่



    “ครับ แล้วทำไมคุณเอมิ ถึงรู้ว่าผมกำลังทะเลาะอยู่ยูริละครับ” เคียวถามในสิ่งที่ตนสงสัยอีกอย่าง  



    “เพราะมีอยู่อย่างเดียวหรือคนเดียวเท่านั้น ที่สามารถทำให้คุณเป็นอย่างนี้ได้” เอมิตอบคำถาม  



    “หมายความว่าไงครับ ผมไม่เข้าใจ”  



    “เมื่อหลายวันก่อน คุณเข้ามาทำงานด้วยสีหน้าที่แจ่มใส และเป็นอย่างมาก คุณเดินมาพร้อมกับถุงกล่องข้าว และกระติกน้ำในมือ แต่พอวันต่อมาหลังจากวันหยุดของคุณ คุณกลับมีสีหน้าแบบ...เออ....บนโลกไว้ทั้งใบคนเดียว อะไรประมาณนั้น จนถึงเมื้อกี้ ไม่สิเดี๋ยวนี้ด้วย” เอมิพูดแบบอ่านอออกว่าเคียวกำลังเคียวอะไร และเป็นอะไร



    “ผมเป็นอย่างนั้นเลยหรอครับ แล้วไงต่อครับ” เคียวพูดขึ้น  



    “ใช่ค่ะ แล้วคนที่สามารถทำให้คนอย่างคุณเป็นอย่างนี้ได้ คงมีแต่ยูริ คนเดียว” เอมิพูด



    “คุณนี่เก่งจริงๆ ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว” เคียวออกปากชมเอมิ  



    “แล้วคุณพอจะเล่า ให้ดิฉันฟังได้ไหมค่ะ” เอมิถาม



    “เออ.......คือว่ามันเป็นอย่างนี้ครับ................” เคียวลังเลอย่างสักพักก่อนที่จะตัดสินใจเล่าให้เอมิฟัง



    “จากที่ดิฉันได้ฟังแล้วนะค่ะ ดิฉันคิดว่าคนผิดเต็มๆ เลยละค่ะ” เอมิออกความคิดเห็น



    “นั่นผมรู้แล้วครับ แต่ผมไม่รู้จะทำอย่างไง” เคียวพูด



    “ดิฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหมค่ะ” เอมิพูดขึ้น  



    “ได้สิครับ เชิญ”เคียวพูด



    “คุณรู้แล้วรึยังค่ะ ว่าผิดตรงไหน”  



    “ผิดตรงที่ไม่เชื่อใจเค้าใช่ไหมฮะ” เคียวพูด



    “ใช่ค่ะ”



    “แต่พอผมจะขอโทษ ยูริเค้าก็ไม่ฟังผมเลยนิฮะ” เคียวพูด



    “ผู้หญิงอย่างคุณยูรินะ ต้องการการเชื่อใจจากคุณมากที่สุด แต่คุณกลับไม่เชื่อใจเค้า แล้วคุณอย่างปล่อยให้มีมือที่สามเข้ามาอีก ดิฉันว่ามันอยากนะค่ะ ถ้าคุณอยากให้กลับมาเหมือนเดิม.....” เอมิพูดออกมาตรงๆ เพราะตนก็พอรู้นิสัยของยูริมาบ้าง แต่พูดอย่างไม่ทันจบก็ถูกเคียวแซกขึ้นมา



    “นั่นผมรู้แล้วฮะ” ด้วยเสียงที่ค่อยข้างดัง



    “คุณเคียวค่ะ คุณอยากกลับไปคืนดีกลับคุณยูริรึเปล่า” เอมิถาม



    “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว” เคียวพูด



    “ถ้าอย่างนั้น คุณช่วยนั่งฟังอย่างเงียบๆ ก่อนได้ไหมค่ะ หรือรอให้ ดิฉันพูดจบก่อน”เอมิพูด



    “...................” เคียวพยักหน้า  



    “ดีค่ะ ถ้าคุณอยากให้คุณยูริฟังคุณ คุณจะต้องตื้อเท่านั้นค่ะ เพราะผู้หญิงอย่างยูริ แพ้ตื้อทุกคน แต่คุณมีความพยายามให้มากขึ้น และลดทิฐิลงบ้างแล้วบอกขอโทษกับเธอ นั่นแหละค่ที่ดิฉันคิดว่าวิธีนี้เท่านั้น ถึงจะทำให้ยูริยอมยกโทษให้คุณ เข้าใจไหมค่ะ”



    “แต่ผมก็ลองทำแล้วนิฮะ แต่มันก็ไม่สำเร็จ” เคียวพูดอย่างน้อยใจ  



    “นั่นเพราะคุณยังพยายามไม่พอค่ะ” เอมิพูด



    “หมายความว่าไงครับ”  



    “ก็หมายความอย่างที่พูดแหละค่ะ ทิฐิมีให้มันน้อยๆๆ แต่ความพยายาม ความอดทนมีให้มันมากๆๆหน่อยค่ะ”



    “..............” เคียวไม่พูดอะไรเอาแต่คิดในคำพูดทั้งหมด ของเอมิ



    “ถ้าเข้าใจแล้ว ก็ช่วยกลับมาเป็นปกติ ลุยงานตั้งที่อยู่บนโต๊ะนั่นทั้งหมดหรือไม่ก็กลับบ้านไป ทำธุระที่ค้างไว้ให้หมดก่อน” เอมิพูดพร้อมกับหยิบที่ตนถือเข้ามาในตอนแรก กลับที่จะกลับออกไป  



    “.......................” เคียวนั่งเงียบอยู่สักพัก ก่อนที่จะกลับทำงานที่กองเอกสารทั้งหมด ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะจนกระทั่งถึงเวลาบ่ายแก่ไของวันเอมิก็เดินเข้ามาอีกครั้ง พร้อมด้วยกาแฟ และข้าวกล่องในมือ  



    “ทานอาหารด้วยค่ะ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง” เอมิพูดแค่นั้น ก่อนที่จะเดินออกไป



    “.....................” เคียวเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วลุกขึ้นไปทานข้าวที่ตั้งอยู่บนโต๊ะรับแขกแล้ว จนหมดแล้วลุกกลับไปทำงานต่อจนเย็น แล้วกลับบ้านเพื่อ กลับไปทำในสิ่งที่ตนคิดได้ เมื่อตอนสายขๆองวันนี้  



    -----------------------------------+



    เวลาบ่ายๆๆ ของอีกสถานที่หนึ่ง

       วันนี้ยูริไม่ได้ออกไปไหน กับฮิโรกิเหมือนทุกที แต่ยูริออกไปกับมาริโกะ ที่ชวนเธอออกมา เพื่อมาเจอกับเพื่อนที่เคยเรียนอยู่สมัยมัธยมปลายด้วยกัน ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง กลางใจเมือง



    “มาริโกะเนี่ยกลับมาตั้งหลายวัน ไม่โทรมาบอกเลยนะ ถ้าฉันไม่โทรไปหายูริคงไม่รู้หรอก” นามิพูดขึ้นอย่างน้อยใจ  



    “ก็ฉันกลัวว่า พวกเธอๆๆ จะไม่ว่างกันนิ” มาริโกะพูด



    “เห็นพวกเราเป็นอะไรฮะ พวกฉันเป็นเพื่อนเธอ เธอกลับมาทั้งทีพวกเราจะไม่ว่างกันเชียวหรอ” มิยู เพื่อนอีกคนพูดขึ้น



    “ก็ได้ ฉันยอมแพ้แล้ว ฉันขอโทษที่ไม่ได้บอกพวกเธอ ok ไหม” มาริโกะพูด



    “แค่พูดนะไม่พอหรอก ต้องมีการลงโทษ รวมทั้งยูริด้วยที่รู้แล้วไม่บอก” เคนจิ เพื่อนชาย 1 ใน 2 ของกลุ่มพูดขึ้น  



    “ใช่ๆๆ ต้องลงโทษทั้งคู่” เรียวอิจิ เพื่อนชายอีก1 พูดสนับสนุน



    “อ้าวฉันผิดด้วยหรอ” ยูริถามออกมา  



    “ใช่เธอด้วย โทษฐานที่ไปรับมาริโกะคนเดียว แล้วไม่พอ ยังไม่บอกพวกเราด้วย” คิระ เพื่อนหญิงอีกคนพูด พร้อมกับแรงพยักหน้าของทุกคนในกลุ่ม  



    “แล้วจะลงโทษอะไรละ” มาริโกะพูด ในขณะที่พวกในกลุ้มสุ่มหัวกัน เพื่อลงความคิดเห็น



    “พวกเราได้ข้อสรุปแล้ว” นามิพูโเปิดประเด่นอีกครั้ง  



    “วันนี้พวกเธอต้องเลี้ยงข้าวพวกเราทุกคน และ ในวันพรุ่งนี้พวกเธอทั้ง2 คนต้องออกมาเที่ยวกับพวกเราอีกครั้งทั้งวัน” เรียวอิจิพูด  



    “แค่นี้ใช่ไหม” มาริโกะพูด



    “no no no ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้พวกเราตั้งใจเอาว่าจะไปเที่ยวทะเล เธอ2 คนห้ามเบี้ยวเด็ดขาด” คิระพูด



    “โห เยอะจัง แต่แค่นี้ใช่มั้ย” ยูริถามขึ้นบ้าง  



    “ใช่ ทำได้ไหมเอ่ย” มิยูพูดขึ้นบ้าง  



    “...............” ทั้งมาริโกะและ ยูริพยักหน้ารับ  



    “งั้นก็เริ่มเลยนะ น้องๆ” เคนจิ พูดพร้อมกับหันไปหา บ๋อย เพื่อมารอรับรายการอาหาร  



         แล้วทั้งหมดก็ กินกันไปคุยกันไปอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งเย็น และคุยนัดแนะกันเรื่องทีจะเจอกันในวันพรุ่งนี้ว่าจะเจอที่ไหน ซึ่งได้ข้อตกลงว่าจะไปเจอกันที่บ้านของนามิ แล้วค่อยแยกย้ายกันกลับบ้านของแต่ละคน  ระหว่างทางกลับบ้าน  



    “นี่ยูจัง ฉันสงสัยพี่เคียวเค้า อย่างไงก็ยอมยกโทษให้เค้าเถอะนะ” มาริโกะพูดขณะที่นั่งอยู่รถข้างๆ ยูริ



    “ทำไมฉันต้องโทษให้เค้าอะ ในเมื่อฉันไม่ได้โกรธอะไเค้านิ” ยูริพูด



    “อ้าว แล้วทำไมถึงไม่ยอมคุยกับพี่อะ” มาริโกะถามอย่าง งงๆ



    “มันเป็นข้อสัญญา ของฉันกับคุณฮิโรกินะ” ยูริพูด  



    “ข้อสัญญา” มาริโกะทวนคำอย่าง งงๆ  



    “ใช่ แต่อย่าถามตอนนี้เลยนะ เพราะเดี๋ยวมาจังก็รู้เอง” ยูริพูดตัดคำถามที่กำลังจะออกมาจากปากมาริโกะ  



    “อือ แล้วฉันจะรอ” มาริโกะพูด ออกมา  



         หลังจากนั้น ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทำไมบรรยากาศในรถเงียบลง มีแต่เสียงเพลงที่คนขับ เปิดขึ้น เพื่อไม่ให้ในรถเงียบสงัดจนเกินไป ตามคำสั่งของมาริโกะ  จนถึงคฤหาสน์โซมะ  



    ++*+*+**+*+*+*+*+*+**+*+*+**+*

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×