คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [SPACIAL] มนต์รักวันฝนพรำ
CHAN SUNG X JUN HO
มนต์รักวันฝนพรำ [Rainy Day]
++++++++++++++++++++
สองหนุ่มยืนมองพี่และเพื่อนที่พากันจูง เอ่อ ที่ถูกคือ ลากออกไปตาปริบๆ ก่อนที่จะหันกลับมามองหน้ากันอย่างงงๆ
“ป่ะ เล่นบาสกัน”หนึ่งหนุ่มร่างสูงเอ่ยด้วยท่าทีออดอ้อน
“ก็ไปสิ”อีกหนุ่มที่ร่างเล็กปราดเปรียวกว่าพยักหน้ายิ้มแย้ม
ณ สนามบาสกลางแจ้งแห่งหนึ่ง
หลังจากวางสัมภาระข้าวของแล้ว ชานซองก็เปิดเป้ ควักลูกบาสออกมาและหันมาบอกอย่างร่าเริง
“เล่นตัวต่อตัวนะ”
“ตามใจ”จุนโฮที่ตอนแรกร่าเริงเป็นปกติ ตอนนี้สีหน้าเริ่มจืดเจื่อนลง เมื่อตระหนักได้ว่าบาสเป็นกีฬาที่ตนเองไม่ถนัดเอามากๆ ที่ตามมา เพียงเพื่อหวังเอาใจเจ้าเด็กเอาแต่ใจแค่นั้นเอง เห็นที วันนี้งานหนักแล้วล่ะ
“เออ ใช่”ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จู่ๆชานซองก็ตะโกนออกมา ทำเอาจุนโฮสะดุ้งตกใจเผลอปล่อยลูกบาสหลุดมือ “ถอดเสื้อดีกว่า”เจ้าตัวหมายถึงเสื้อกันหนาวที่สวมทับเสื้อแขนยาวอีกที ว่าแล้วก็จัดแจงถอดและยัดเก็บใส่เป้
“จะเล่นยังอ่ะ”จุนโฮถาม ใจอยากรีบๆเล่น รีบๆกลับ
“แล้วนายไม่ถอดเหรอ”
“ข้างในเป็นเสื้อกล้าม แล้วมันก็หนาวด้วยอ่ะ ฉันใส่ดีกว่า”จุนโฮมองเสื้อยืดสีแดงสดของตน
“อืม”มักเนพยักหน้าเข้าใจ
ในขณะที่เกมกลางสนามกำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด เบื้องบน ท้องฟ้าเริ่มมีม่านเมฆบดบัง ส่งสัญญาณถึงสายฝนที่กำลังก่อตัวอยู่อย่างเงียบสงบ ลมเย็นพัดเอื่อย ไม่ได้ทำให้อุณหภูมิของสองหนุ่มลดลง แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะเหลือเสื้อผ้าน้อยชิ้นก็ตาม
“อา เหนื่อยๆ........แต่รู้แล้วล่ะ”ชานซองนอนแผ่หลากลางสนาม เมื่อหมดครึ่งแรกโดยที่สกอร์ไม่ได้นับ
“รู้อะไร”จุนโฮที่สวมแค่เสื้อกล้ามสีขาวเดินหมดแรงมาหยุดยืนข้างๆ
“ก็รู้แล้ว ว่านายเล่นบาสห่วยมาก”ชานซองหัวเราะร่วน “เอ๊ะ เหงื่อนายป่ะเนี่ย” ร้องถาม เมื่อรู้สึกถึงหยดน้ำกระทบใบหน้า ซึ่งบังเอิญพอดีที่จุนโฮยืนค้ำอยู่ด้านบน
“เฮ้ย เปล่า”หนุ่มตาหยีที่ตีสีหน้าโหดในตอนแรกเปลี่ยนเป็นฉงน เพราะเขาเองก็รู้สึกเหมือนมีน้ำหยดใส่ศีรษะเหมือนกัน “อา ฝนตก”
ทันทีที่รับรู้ ทั้งคู่รีบวิ่งไปที่กองกระเป๋า จุนโฮสวมเสื้ออย่างรวดเร็ว ด้านชานซองก็ดึงเสื้อคลุมออกมา ยัดลูกบาสเก็บเข้าไป ก่อนจะโยนเสื้อสีดำนั้นให้เพื่อนสวม
“ใส่เร็ว”
“อือ”เรนน้อยหยิบร่มที่พกไว้เสมอช่วงอากาศแปรปรวนขึ้นมากางหลังสวมเสื้อเสร็จ เขาพยายามชูมือสูงๆ เพื่อเพื่อนจะได้เข้าร่มได้
“เอามานี่ เดี๋ยวถือให้”
“.............”
นายตัวเล็กแอบยิ้มกับตัวเอง และนึกของคุณฟ้าฝนที่เป็นใจ ให้เขาไม่ต้องเหนื่อยเล่นบาสอีกต่อไป ขัดกันกับคนถือร่ม ที่หน้าบูดบึ้งเล็กๆ เพราะยังคงอยากสนุกกับกีฬาโปรดต่อ จุนโฮสอดแขนเข้าควงแขนอีกฝ่ายอย่างร่าเริง (เป็นวิธีที่ทำให้ไหล่ไม่ชนกัน และเปียกน้อยลงทั้งคู่) ก่อนที่ทั้งสองจะก้าวเท้าออกเดิน
.................................................
หลังจากที่เดินมาตามทางได้สักพัก ฝนเม็ดเล็กก็เริ่มหนาขึ้น กระทั่งว่าถึงขี่คอกันกางร่มก็เปียกได้ -*- แล้วยังโชคร้าย ที่สนามบาสแห่งนี้ห่างไกลตึกรามบ้านช่องพอสมควร ทั้งคู่ทำได้แค่เร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุด เพื่อผ่านทุ่งนากว้างมีเห็ดตับเต่าขึ้นอยู่รายรอบ (เว่อร์ซะ) และระหว่างทาง ชานซองก็เริ่มงอแง
“หิวอ่ะ หิ๊ว”เสือยักษ์บ่น
“แหม หิวเป็นคนเดียวดิ่”ตัวเล็กจิกกลับบ้าง หน้าบึ้งตึงตั้งแต่ฝนเริ่มลงเม็ดหนัก พลัน ดวงตาเล็กรีก็เหลือบเห็น........
“อา...”ชานซองเองเช่นกัน ที่เห็นสิ่งนั้น ร่างสูงวิ่งถลาเข้าหาร้านTokแบบลืมตาย (ลืมคนข้างๆด้วย)
“ผมเหมาหมดฮะ”
.....................................
แม่ค้าเก็บร้านกลับบ้านไปแล้ว จึงช่วยไม่ได้ที่สองหนุ่มจะต้องกินไปเดินไป แต่ว่ามันก็ไม่ถนัดนัก ที่ต้องกินอะไรท่ามกลางสายฝนแบบนี้
“นี่ เราเข้าไปหลบในนั้นก่อนไหม แล้วฝนซาค่อยกลับกัน”จุนโฮที่รำคาญท่าสะบัดน้ำของคนข้างๆ ชี้นิ้วไปที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ
“โอเค”
และทั้งคู่ก็ยัดตัวเองเข้ามาในตู้จนได้ อย่างทุลักทุเลเล็กน้อย แต่ว่าก็สบายกว่ากลางสายฝนล่ะนะ
“กินมั่งดิ่”คงไม่ใช่ชานแน่ที่พูดประโยคนี้ เพราะชานซองยังไม่ได้หยุดปากเลยตั้งแต่ซึ้อTok bok kiมา
“............”มือใหญ่ยื่นป้อนอาหารใส่ปากเพื่อน สลับกับกินเอง เพียงแค่ไม่นาน เสบียงชั่วคราวก็หมดลง
“อา หิวน้ำ”ชานซองครางหงิง
“อื้อ”จุนโฮเองก็อดคล้อยตามไม่ได้ แต่ว่าไม่ได้ทำท่าทางจะเป็นจะตายแบบเจ้าตัวใหญ่หรอกนะ
“นี่...”ชานซองมองหน้าเพื่อนนิ่ง ถามคำถามโง่ๆออกมา “ฉันกินน้ำฝนได้ไหมอ่ะ”
“หือ”จุนโฮ(พยายาม)เบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน “จะบ้าเหรอ กินได้ที่ไหน”
“อื้อ”ชานซองมวดคิ้วขัดใจ จนจุนโฮต้องส่ายหน้ากับอาการราวเด็กห้าขวบ เออ แบบนี้น่ะมันน่ารัก ถ้าเขาเองจะเป็นคนทำ ไม่ใช่ไอ้มักเน่ควายนี่ทำ (หลงตัวเองอยู่นะ พ่อคน Natural)
“นี่ ถ้านายจะทำท่าแบบนี้ ไปทำกับพวกพี่ๆไป กับฉันน่ะไม่ได้ผลหรอก รำคาญ”ใจร้าย
“ใจร้าย”ใช่ ถูกชานซอง แต่อย่าเพิ่งร้องไห้นะ “นายอยากให้ฉันทำแบบไหนล่ะ”
ราวกับสวิตช์สั่งได้ มักเนตัวสูงยกมือขวาขึ้นท้าวผนังด้านที่ร่างเล็กยืนอยู่ ส่วนมือซ้ายโอบรอบเอวบางของอีกฝ่ายไว้หลวมๆ แต่ว่าก็ยังเป็นสัมผัสที่ทำให้รู้สึกหวั่นไหวอยู่ดี ในความรู้สึกของจุนโฮ
“เป็นอะไรไปน่ะ”จุนโฮนึกอยากจะหัวเราะ แต่ว่ากลับขำไม่ออก เมื่อแววตาของชานซองที่มองมา มันจริงจัง เกินกว่าครั้งไหนๆ
“อยากได้แบบไหนล่ะ”คนที่เคยน่ารัก น่าเอ็นดู เมื่อถึงคราวเอาจริง ก็ทำให้ใจสั่นได้เหมือนๆกัน จุนโฮนึกแล้วก็ทำได้แค่หลบสายตา
“นี่ พอได้แล้ว”คนตัวเล็กกระซิบ ขณะที่มองปลายเท้าของตน และจู่ๆ ก็ต้องสะดุ้งสุดแรง เมื่อใบหน้าของอีกฝ่าย ซุกซบลงมาที่บ่า “ชานซอง”จุนโฮร้องอย่างตกใจ
“อยู่เฉยๆเหอะน่า”เพียงแค่นั้น แต่ว่าชานซองเองก็ไม่ได้ทำอะไรที่มันเกินความคาดหมาย เขาแค่ซบลงมา และค้างนิ่งอยู่อย่างนั้น เนิ่นนาน กว่าที่จะเอ่ยคำพูดออกมาได้
“นายคิดว่าฉันปัญญาอ่อนล่ะสิ แต่ฉันน่ะ ไม่ได้เป็นแบบที่นายคิดนะ”ชานซองเสียงอู้อี้ แบบที่ฟังเเล้วรู้เลยว่าร้องไห้อยู่ “ฉันแค่อยากให้นายยิ้มได้ ก็แค่นั้น แต่ถ้ามันทำให้นายรำคาญ...”
“ฉันขอโทษ”จุนโฮสวนขึ้นมา มือเล็กโอบรอบบ่ากว้างอย่างอ่อนโยน “ฉันไม่ได้รำคาญนายหรอก ฉันแค่อิจฉาน่ะ”
ชานซองขยับตัวออกห่าง เพื่อมองคนตรงหน้าให้เต็มตา เพราะไม่เชื่อหูกับคำพูดนั้น
“นายเป็นที่รักของทุกคน เพราะความเป็นธรรมชาติของนาย แต่กับฉัน ต่อให้พยายามแค่ไหน ก็ได้แค่ยิ้ม บางที การยิ้ม มันก็เหนื่อยนะ”
“แต่ฉันรักรอยยิ้มของนาย”ชานซองบอกซื่อๆ
“อือ...”จุนโฮยิ้มจนตาหยี ก่อนจะเอื้อมมือเช็ดน้ำตาให้คนตัวโต และขยี้ผมหนามนั่นแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยว
“แล้วตกลง ฉันกินน้ำฝนได้ใช่ไหม”อะไรของมัน แมนได้แค่แป๊บเดียว ก็กลับมาเป๋อต่อละ คราวนี้จุนโฮพยักหน้า
“ได้สิ”
“เย้”
เด็กน้อยในร่างชายหนุ่มออกไปกระโดดโลดเต้นกลางสายฝนอย่างร่าเริง โดยมีเพื่อนรักมองออกมาผ่านบานกระจก จุนโฮยิ้มให้กับความน่ารักแสนธรรมชาติ ทำไมฉันถึงยอมให้นายทำอย่างนั้นน่ะเหรอ ก็เพราะ...
“ฉันรักนาย...ชานซอง”
..................................จบ.................................
อารมณ์ชั่ววูบมากๆๆๆๆๆ
ทั้งๆที่ตอนหลังคิดว่า แทคชานน่าจะเหมาะกว่า แต่ว่า รอยยิ้มของจุนโฮ เป็นต้นกำเนิดเรื่องนี้เลย
อย่าถือสาคนแต่งเลยนะ มันแบบว่า สนองความต้องการส่วนตนจริงๆ 555+
ความคิดเห็น