ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chronicle of Siren

    ลำดับตอนที่ #9 : 8th Record: Wings

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ย. 51


       นี่ก็คือ...ความฝันเหรอ?

       เปราะบาง...อ่อนแอ...เด็กคนนี้ยังไม่สมบูรณ์นี่นะ

       เสียงใครกัน? ไม่ใช่สิ...สิ่งนั้นเหมือนเป็นอีกความคิดนึงมากกว่าเสียง

       ไม่มีเวลาแล้ว พันธนาการกำลังจะถูกปลด ความฝันแห่งนิรันตกาล จะให้แตกสลายไปอย่างนี้ไม่ได้

       ความฝัน? พันธนาการ? หมายความว่าไงกัน?

       วัฏจักรแห่งชะตากรรมที่บิดเบี้ยว เสียงของผู้สะกดสำคัญมากในการควบคุมมัน กางปีกออกมาสิ...

       ปีก? นั่นน่ะ...หมายความว่าไงเหรอ?

     

       28 พฤษภาคม UA 57 นอกชั้นบรรยากาศโลก


       "เอียงยานลงไปทางซ้าย เร็ว!" อุมิโกะออกคำสั่ง

       "รับทราบ" ดิมิคัสโยกคับบังคับอย่างแรง คลื่นความร้อนจึงทำให้เกราะชั้นนอกของเซฟาลอสเสียหายบ้างเท่านั้น

       "วารีจัง!"

       "ไม่เป็นไรค่ะ! ความเสียหายแค่นั้นไม่มีปัญหากับการเข้าสู่บรรยากาศ!"

       "ยิงมิสไซล์นำวิถีระยะสั้นแล้วใช้เลเซอร์ต่อต้านอากาศยานป้องกันพวกปลาซิวปลาสร้อยไว้! ตอนนี้เราใช้แมสไดรเวอร์ไม่ได้ซะด้วย..."

     


       "แก!" เรย์ไฟเตอร์ฟาดดาบใส่ศัตรู หุ่นยนต์รูปร่างเหมือนมนุษย์แต่มีขนาดใหญ่กว่าเรย์ไฟเตอร์กว่าเท่าตัว ดาบที่แกว่งออกไปถูกแขนของศัตรูป้องกันไว้ได้โดยเกิดความเสียหายเพียงรอยไหม้เล็กน้อยเท่านั้น อิทซึกิรีบดึงเครื่องหลบลำแสงที่ยิงจากหัวได้ฉิวเฉียด

       "ก็รู้ว่าพวกซีเวลคงไม่ยอมให้เราไปถึงโลกได้ง่ายๆ แต่ไอ้นี่มันซูเปอร์โรบ็อทชัดๆ ใช้ของแบบนี้นี่ผิดคาดเลย..." เรย์ไฟเตอร์ดึงปืนแสงจากฮาร์ดพ้อยน์ของบูสเตอร์วิง แต่ลำแสงสลายไปก่อนถึงเป้าหมายเพราะสนามพลังบางอย่าง

       "ไหวรึเปล่าน่ะ อิทซึกิ?" มาร์คถามขณะที่ตัวเองก็ช่วยยิงไม่ให้ศัตรูอื่นเข้าใกล้เซฟาลอส

       "ทำงานตัวเองไปเถอะน่า!"

       "พูดแบบนั้นแปลว่าเต็มกลืนสินะ"

       "ไอ้พวกนี้ไม่เลวนี่นา...ปืนนั่นแรงกว่าเรดเดอร์สามเท่าได้มั้ง" คีธหลบลำแสงปืนใหญ่ของกันเนเมอร์พร้อมใช้ปืนกลป้องกันตัวจากชาล็อก แล้วใช้ปืนแสงยิงสวนทำลายกันเนเมอร์ไปสามเครื่อง

       "เปิดทางให้แล้วนะ รุ่นพี่!"

       "อ้ะ เข้าใจแล้ว!" เทียนหลงเร่งความเร็วสไตรเกอร์แล้วใช้ปืนอนุภาคยิงใส่ศัตรูขนาดยักษ์ คราวนี้ลำแสงทะลวงสนามพลังไปได้ แต่ก็ยังไม่สามารถทำลายศัตรูอยู่ดี

       "อึดชะมัด ระวังข้างหลังโว้ย!" อิทซึกิเตือนเทียนหลง แต่ไม่ทันชาล็อกที่พุ่งเข้าระเบิดตัวเองใส่เรย์สไตรเกอร์ ปีกบูสเตอร์วิงด้านหลังหัก

       "เทียนหลง!?"

       "อึก...ไม่เป็นไรครับ...แย่ล่ะ ท่อขับดันหลักพังด้วย..." น้ำเสียงที่ตอบกลับมาบอกว่าเทียนหลงบาดเจ็บพอสมควร

       "เวรแล้ว!?" อิทซึกิใช้เรย์ไฟเตอร์เร่งเครื่องกระแทกศัตรูอย่างแรง ทำให้คลื่นความร้อนที่ยิงออกมาไม่โดนเรย์สไตรเกอร์ อิทซึกิยกโล่ขึ้นกันแขนขนาดใหญ่มีนิ้วเป็นเล็บทู่ๆที่ทุบลงมาได้แต่แรงกระแทกก็ทำเอาโล่บุบเสียรูป

       "หนอย...หลังๆนี่ไฟเตอร์เจอศัตรูโหดขึ้นเรื่อยๆเลยแฮะ" อิทซึกิเร่งเครื่องเพื่อรักษาระยะ สงสัยว่าตัวเองจะสู้กับศัตรูระดับนี้ไหวหรือเปล่า?

     


       "กองยานคุ้มกันล่ะ?" อุมิโกะถาม

       "ท่าจะแย่กว่าพวกเราอีกค่ะ" วารีตอบจากข้อมูลที่มิกะแสดงบนมอนิเตอร์

       "รายงานจากอาณานิคมต่างๆ ดูเหมือนว่าสหพันธ์ซีเวลจะทำสงครามเต็มรูปแบบแล้วล่ะค่ะ อาณานิคมที่L5ขาดการติดต่อไปแล้ว" มิกะรายงาน

       "พอจมยานรบได้ก็ไม่ระเบิดตัวเองอีก พวกมันตั้งใจทำศึกยืดเยื้อแล้วสินะ" อุมิโกะขบริมฝีปาก

     


       "มาช่วยแล้วค่า!" เรติน่ายิงมิสไซล์ต่อต้านAMใส่ศัตรูสองนัดช่วยให้อิทซึกิถอยออกมาได้ก่อนถูกชก

       "เรติ! เธอรีบพาสไตรเกอร์หนีไปก่อน!" อิทซึกิเปลี่ยนมาใช้ปืนกล แม้จะแทบทำอะไรเกราะหนาๆของศัตรูไม่ได้ แต่ก็ช่วยรบกวนการเคลื่อนไหวได้บ้าง

       "รับทราบค่ะ" เรติน่ากดให้ฟอร์ซเบรคเกอร์ยื่นตะขอล็อกใต้ลำยานออกมาแล้วเกี่ยวกับเรย์สไตรเกอร์พาบินกลับไปทางเซฟาลอส

       "เบรคเกอร์ถึงเซฟาลอส พาสไตรเกอร์กลับมาแล้วค่ะ!"

       "เรดเดอร์ช่วยคุ้มกันสองคนนั้นด้วย" อุมิโกะออกคำสั่ง

       "ค่ะ...! แย่แล้วค่ะ กัปตัน! แองเจลิก้าจะออกไปแล้วค่ะ!?"

     


       "ไปกันเถอะ...ปีกของชั้น..."

       "ยังสวมชุดคนไข้อยู่เลยค่ะ" วารีติดต่อมาทางหน้าจอย่อย เด็กหญิงอยู่ในสภาพเหม่อลอย การไม่ใส่ไฟลท์สูทหมายถึงการที่ร่างกายต้องรับแรงกดจากการบังคับAMด้วยความเร็วมากกว่าปกติ

       "ออกจากห้องพยาบาลเมื่อไหร่กันน่ะ! ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!" อุมิโกะสั่ง

       "พวกคุณ...จะตายที่นี่ไม่ได้..."

       "ท่าทางเหมือนละเมออยู่เลยค่ะ กัปตัน เอ๋! แองเจลิก้าหายไปจากโรงเก็บแล้วค่ะ!?"

       "ไปอยู่นอกยานแล้วค่ะ" มิกะบอก

       "...โอเวอร์สจัมป์เหรอ?" อุมิโกะตะลึง

     


       "ไม่ได้ติดตั้งแบ็คแพ็ค การขับเคลื่อนลดลงจากปกติเหลือ40%" ไอคอมรายงาน

       "...ของแบบนั้น...ไม่ต้องใช้หรอก..."

       "เอ่อ...ปืนก็ไม่มีนะ" เสียงสังเคราะห์จากคอมพิวเตอร์อ่อยลง

       "...หาเอาแถวนี้ก็ได้" แองเจลิก้ายื่นมือไปทางเรย์สไตรเกอร์ที่กำลังเข้าไปในยาน

       "ฮะ...เฮ้! ฝีมือเรนิสเหรอน่ะ!" เทียนหลงอุทานเมื่อปืนอนุภาคลอยไปทางแองเจลิก้า

       "เชื่อมระบบ...เสร็จสิ้น"

       "ศัตรูมาจากด้านหลังแน่ะ!" ไอคอมเตือน

       "รู้แล้ว..." แองเจลิก้าจัมป์หายไป ชาล็อกที่พุ่งเข้าไปชนกันเองจนระเบิด ลำแสงจากปืนอนุภาคยิงทำลายกันเนเมอร์สี่เครื่องทันทีที่แองเจลิก้าโผล่มาก่อนจะหายไปอีก เพียงชั่วครู่ แองเจลิก้าก็จัมป์ไปทั่วสนามรบ ลำแสงของปืนอนุภาคก็ยิงจากทิศทางต่างๆราวกับตาข่ายแสงทำลายหุ่นรบของสหพันธ์ซีเวลจนแทบราบคาบ

       "เยาะ...ยอดไปเลย..." เรติน่าอ้าปากค้าง

       "ชิ...ลูกเล่นแบบนั้นมันขี้โกงชัดๆ" คีธบ่น

       "เธอเป็นอะไรไปน่ะ?" ไอคอมถาม

       "...เหลืออีกตัวเดียว ถอยมาทางนี้ค่ะ อิทซึกิซัง"

       "เข้าใจล่ะ" เรย์ไฟเตอร์ถีบใส่ศัตรูเพื่อเร่งความเร็วตัวเองไปทางแองเจลิก้า ศัตรูขนาดใหญ่นั้นตามมาโดยสนามพลังเพิ่มกำลังจนมองเห็นได้

       "มันจะชนเราแน่ะ! หลบเร็วๆ!" ไอคอมเตือน แต่เรนิสเพียงแต่เล็งปืนไปทางศัตรู ก่อนที่ฮาร์ดพ้อยน์ด้านหลังจะกระจายแสงออกมา

       "อะไรน่ะ?" แทบทุกคนแปลกใจกับภาพที่เห็น

       "ปีกนางฟ้า...ของแองเจลิก้า?" วารีหลุดปากออกมา

       "เป็นพลังงานที่ไหลออกมาจากแองเจลิก้าค่ะ แต่พลังระดับนั้นมันเกินกว่าเตาปฏิกรณ์หลายเท่าเลย" มิกะรายงาน

       เรนิสกดไก ลำแสงที่เจิดจ้ากว่าทุกครั้งถูกยิงออกมา ปืนอนุภาคของเรย์สไตรเกอร์ถึงกับหลอมละลายจากพลังงานที่เกินกว่าปกติ แต่ก็หลังจากที่ศัตรูแตกสลายไปกลางคลื่นพลังงานมหาศาลนั่นแล้ว

       "ล้อเล่นน่า! ทีเดียวเลย!" อิทซึกิแทบไม่อยากเชื่อภาพที่เห็น

       "ไม่ตลกเลยนะ...มีอะไรจะอธิบายมั้ย คุณผู้ดูแล?" อุมิโกะหันไปหาอิริน่าที่อ้าปากค้างกับภาพบนจอ

       "ไม่รู้ค่ะ ที่เดดาลัสก็ไม่เคยมีข้อมูลแบบนี้เลย"

       "...นี่ไม่ใช่เวลาตกใจนะคะ...รีบไปโลกเถอะ" เสียงเรนิสดังจากคอมมิวนิเคเตอร์

       "จริงสิ! วารีจัง สภาพของเซฟาลอสลงโลกได้มั้ย?"

       "ไม่มีปัญหาค่ะ ความเสียหายเล็กที่ได้รับใช้ฟิล์มกันความร้อนได้"

       "เรียกAMทุกลำกลับมาในเซฟาลอส ตั้งเส้นทางสู่โลก ซิดนีย์!" อุมิโกะสั่ง

       "เข้าใจแล้วค่ะ มิกะ เตรียมการเข้าสู่บรรยากาศ! เส้นทางเคลียร์...ฟิล์มกันความร้อนเรียบร้อย...ทุกอย่างไม่มีปัญหา..." เซฟาลอสเปลี่ยนเส้นทางลงไปใกล้กับโลก เกราะและฟิล์มพิเศษช่วยป้องกันความร้อนสูงที่เกิดจากการเสียดสีกับบรรยากาศ

       "เริ่มเข้าบรรยากาศโลกแล้ว ทุกคนเป็นไงบ้างคะ?" วารีถามไปทางโรงเก็บหุ่น

       "ท่าทางซี่โครงเทียนหลงไม่หักก็ร้าวล่ะ พาไปปฐมพยาบาลแล้ว" หลิงตอบกลับมา

       "เรนิสล่ะคะ?"

       "...เชื่อเค้าเลย พอกลับเข้ามาก็หลับปุ๋ยไปแล้วแน่ะ"


       หลายชั่วโมงให้หลัง นอกชายฝั่งซิดนีย์ ออสเตรเลีย ศูนย์บัญชาการ United Earth Military

       "นี่ๆๆ คุณหลิง นี่คือทะเลใช่มั้ยคะ? โหย...มองไม่เห็นอีกฝั่งเลยนะเนี่ย...ว้าย! มีAMอยู่ในน้ำด้วย! ยานรบก็มีแน่ะ สวัสดีค่า!!" เรนิสโบกมือพลางส่งเสียงด้วยความตื่นเต้น ศูนย์บัญชาการของUEMเป็นเหมือนเกาะเคลื่อนที่กลางทะเล ไม่ว่าจะมองไปจากด้านไหนของเกาะก็เห็นทิวทัศน์ของมหาสมุทรได้อย่างชัดเจน

       "นั่นเค้าเรียกว่าเรือดำน้ำต่างหาก..." หลิงมองเรนิสที่ลิงโลดเกินเหตุด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อว่าเป็นคนเดียวกับที่แทบทำลายหน่วยรบของซีเวลด้วยตัวคนเดียว

       "นี่ เธอจำเรื่องบนนั้นไม่ได้จริงๆเหรอ?"

       "ก็บอกแล้วไงคะว่าไม่น่ะ ชั้นยังเสียดายที่ไม่ได้เห็นโลกเป็นสีน้ำเงินด้วยตาตัวเองเลยนะเนี่ย" ท่าทางของเรนิสไร้พิรุธ ถ้าไม่ใช่จำไม่ได้จริงๆก็โกหกเก่งมาก

       "น้องเรนิสท่าทางถูกใจทะเลจริงๆเลยนะคะ" วารีมาหาทั้งสองคน

       "ตกลงว่า?" หลิงหมายถึงเรื่องของเซฟาลอส

       "จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ให้ลูกเรือช่วยงานที่นี่ไปจนกว่าจะศึกษาเซฟาลอสเสร็จค่ะ เห็นว่าคงใช้เวลาสองสัปดาห์เป็นอย่างเร็วนะคะ"

       "ฟู่...สรุปได้ว่าคำสั่งตั้งหน่วย8ของกัปตันเกรแฮมไม่ถูกยกเลิกสินะ" หลิงรู้สึกโล่งอก ยังไงเธอก็รู้สึกผูกพันธ์กับยานลำนี้ไม่น้อย

       "ค่ะ คนที่มีงานพิเศษแล้วแน่ๆก็คุณอิทซึกิกับคุณมาร์ค สองคนนี้อีกสี่วันก็จะไปช่วยหน่วยเทอร์ราการ์ดที่5 เขตปกครองนาปัวมิเบีย แอฟริกาใต้น่ะค่ะ"

       "ขอเดานะ คำสั่งย้ายนี่มาจากผบ.วิคเตอร์ใช่มั้ย?" หลิงถาม

       "ค่ะ คุณอิทซึกินี่ทิฐิแรงจริงๆ"

       "เดี๋ยวค่ะ มีนักบินต้องไปกันแค่สองคนเหรอคะ?" เรนิสยกมือพูดแทรกขึ้นมา

       "น้องเรนิสจะไปด้วยเหรอคะ?"

       "ค่ะ อยู่ที่นี่ชั้นก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนักหรอก"

       วารีมองเรนิสอย่างไม่แน่ใจ ก่อนถอนใจเบาๆ

       "เฮ้อ...งั้นก็รีบไปทำเรื่องเลยนะ ยื่นให้เสร็จวันนี้เลยดีที่สุด" วารีปลง ยังไงก็คงห้ามเด็กคนนี้ไม่ได้

       "เข้าใจแล้วค่ะ ว่าแต่คนอื่นๆจะมีใครไปไหมนะ?"

       "คุณคีธอาจจะไปนะ คุณเทียนหลงเข้าโรงพยาบาลอยู่ คุณเรติน่าก็คงไปนั่นล่ะ ส่วนคุณโซลก็ถูกควบคุมตัว..."

       "เอ๋? ทำไมล่ะคะ?"

       "จริงสิ พวกเรายังไม่ได้บอกเธอสินะ...นายโซลน่ะ..."

     


       "โซล แอร็อต คุณบอกว่าคุณเป็นอดีตกองกำลังอาสาของดาวทรอน นั่นก็คือคุณเองก็เป็นประชากรคนหนึ่งของคลัสเตอร์ซีเวลด้วยสินะ"

       "...ครับ ถึงทรอนจะต่อต้านการชี้นำของรูเคียซัลฟ์ แต่ก็ยังเป็นสมาชิกของสหพันธ์อยู่ดี" โซลตอบเจ้าหน้าที่ของไดเร็กเตอร์ ถึงจะไม่ชอบการสอบสวนแบบนี้โดยเฉพาะแสงจ้าๆของห้อง แต่เมื่อคิดถึงสถานะของตนแล้ว การถูกระแวงก็ไม่แปลกอะไร โซลจึงยอมรับได้

       "รูเคียซัลฟ์ที่ว่าเป็นคอมพิวเตอร์ศูนย์กลางของสหพันธ์สินะ ทำไมถึงได้เชื่อในสมองกลขนาดนั้น?"

       "สำหรับชาวซีเวลแล้ว รูเคียซัลฟ์ไม่ใช่สมองกลครับ...ผู้กอบกู้ต่างหาก" โซลยิ้มเศร้าๆ

       "เจ้านั่นน่ะมาจากไหนก็ไม่ทราบ แต่ชาวซิเบเรียไปเจอมันในอวกาศเมื่อประมาณ...ถ้าเป็นเวลาของที่นี่ก็คงซัก100ปีก่อนได้มั้ง เพราะข้อมูลที่อยู่ในรูเคียซัลฟ์ วิทยาการของซีเวลก้าวหน้าชนิดย่นการพัฒนานับร้อยปีลงมาไม่ถึงชั่วอายุคน"

       "แต่นั่นก็ยังไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้มันกลายเป็นพระเจ้านี่นา"

       "ไม่หรอกครับ ที่สำคัญคือรูเคียซัลฟ์เคยเตือนเรื่องภัยพิบัติที่สามารถล้างอารยธรรมซีเวลมาแล้วสองครั้ง ห่าฝนอุกกาบาตในปีสหพันธ์ที่34 แล้วก็ซูเปอร์โนวาของทารูรินในปี 79 และที่ชาวซีเวลรอดมาได้ก็ด้วยคำชี้แนะของรูเคียซัลฟ์"

       "อย่างนี้นี่เอง เจ้านั้นเลยเป็นผู้ชี้นำชีวิตของสหพันธ์ไปเลยสินะ" เจ้าหน้าที่กล่าวด้วยเสียที่มีแววประชดเจืออยู่เล็กน้อย

       "ครับ ที่สำคัญคือเมื่อห้าปีก่อน เดเรียน แอร็อตกับครอบครัวเดินทางกลับทรอนพร้อมข้อมูลที่ได้จากการสำรวจอวกาศเกือบสามสิบปี และในนั้นก็มีข้อมูลของดาวดวงนี้ โลก อยู่ด้วย และนั่นเป็นที่มาของคำทำนายถึงภัยพิบัติครั้งใหม่ของรูเคียซัลฟ์...มนุษย์โลก"

       "เดี๋ยวก่อน มันไม่ไร้เหตุผลไปหน่อยเหรอ! ทำไมเผ่าพันธุ์ที่อยู่ห่างไกลนับพันปีแสงถึงเป็นภัยคุกคามกับซีเวลได้ล่ะ?"

       "ตลอดช่วงเวลาที่เดเรียนสำรวจอวกาศ มีบันทึกการพบร่องรอยของอารยธรรมนอกคลัสเตอร์ซีเวลบนดาวเคราะห์กว่า10ดวง แต่ที่ยังไม่ล่มสลายอยู่นอกคลัสเตอร์ซีเวลก็เหลือเพียงดาวดวงนี้เท่านั้น แม้ว่าดาวเคราะทั้งหมดจะอยู่ห่างไกลกัน แต่ทั้งหมดมีบรรพบุรุษร่วมกัน" โซลเว้นช่วงเล็กน้อยก่อนพูดต่อ

       "แต่ที่สำคัญที่สุด ก็คืออารยธรรมในคลัสเตอร์ซีเวลก็มีที่มาจากเผ่าพันธุ์นี้เช่นกัน"

       "หมายความว่า?!" สีหน้าเจ้าหน้าที่ที่สอบสวนเปลี่ยนไป

       "ครับ พูดง่ายๆก็คือ ทั้งชาวซีเวลและมนุษย์โลกเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน สืบเชื้อสายมาจาก...ถ้าให้พวกคุณเรียกก็คงเป็นโปรโตซาเปียนล่ะมั้ง"

       "บ้าน่ะ!"

       "ฟังดูเป็นไปไม่ได้สินะครับ และนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้รูเคียซัลฟ์ระแวงโลกนี้ก็ได้ แต่ถึงยังไง ใช่ว่าทั้งซีเวลจะยอมทำตามคำสั่งโจมตีโลกของรูเคียซัลฟ์หรอก...ทรอนที่นึงล่ะ"

       "ขออภัยถ้ามันฟังดูเหมือนไม่ไว้ใจนะ แต่ทำไมทรอนถึงเลือกต่อต้านคำสั่งของรูเคียซัลฟ์ล่ะ?"

       "จงเคารพทุกชีวิตในอวกาศ มันเป็นคำสาบานที่ชาวทรอนทุกคนให้ไว้ก่อนออกเดินทาง แต่สำหรับผม...ดาวดวงนี้เป็นบ้านเกิดของคุณแม่น่ะสิครับ"

     

       "ให้ช่วยมั้ย?" อิทซึกิเข้ามาคุยกับวารีและเรนิสที่กำลังช่วยกันยกของเข้าห้องพักชั่วคราว

       "ขอบคุณค่ะ คุณอิทซึกิ" ทั้งสองคนตอบ

       "ไม่เป็นไรน่า ถ้าปล่อยให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆสองคนขนของแบบนี้ แม่ชั้นมาเข้าฝันอบรมยกใหญ่แหง ว่าแต่ทำไมพวกเธอมาพักด้วยกันล่ะเนี่ย?"

       "ถ้าให้อยู่กับคุณอิริน่าก็ไม่ใช่พักงานสิคะ ต้องเช็กโน่นเช็กนี่ทุกวันน่ะ" วารีตอบ

       "ก็จริงนะ"

       "ว่าแต่คุณอิทซึกิมีเรื่องกับผบ.วิคเตอร์อีกแล้วสินะคะ"

       "ตาแก่นั่นดีแต่สร้างปัญหาล่ะน่า" อิทซึกิมีท่าทางฮึดอัดทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น

       "ค่ะๆ...เฮ้อ" วารึถอนใจ รู้ว่าอิทซึกิไม่ค่อยอยากพูดเรื่องนี้

       "เอาล่ะ ชั้นอยู่ถัดไปอีกสามห้องนะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยอีกก็ไปบอกละกัน" อิทซึกิใช้นิ้วโป้งชี้ไปทางกำแพงด้านนึงหลังจากที่วางสัมภาระ ก่อนจะออกจากห้องไป

       "ผู้บัญชาการวิคเตอร์ ฟอน บราวน์ มีอะไรกับคุณอิทซึกิเหรอคะ?" เรนิสทนสงสัยไม่ไหว

       "เป็นพ่อลูกกันน่ะค่ะ" วารีตอหน้าตาเฉย แต่เรนิสเบิ่งตาด้วยความตกใจ

       "หา..."

       "แต่จะไปคุยเรื่องนี้กับคุณอิทซึกิน่ะระวังนะคะ เห็นว่าสมัยอยู่อคาเดมีคุณอิทซึกิเคยโดนลงโทษเพราะชกคนที่แซวว่าสอบติดเพราะใช้เส้นด้วย จริงๆแล้วสองคนนั่นไม่ถูกกันเลยล่ะค่ะ คุณอิทซึกิอยู่กับแม่สองคนจนเข้าอคาเดมีโน่น ส่วนผบ.วิคเตอร์เป็นคนตรงเผงจนน่ากลัวเลยด้วย ถ้าเคยเห็นสองคนนั่นคุยกันรับรองว่าน้องเรนิสต้องเครียดแทนแน่เลย" วารียกมือคลึงขมับประกอบคำพูด

       เสียงเคาะประตูเบาๆขัดจังหวะทั้งสองคน

       "ใครกันนะ?" วารีเปิดประตูออก ชายวัยกลางคนไว้หนวด ท่าทางเป็นมิตรทักทายเธอทันทีที่เห็นหน้า

       "สายัณสวัสดิ วารีจัง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ"

       "ผู้บัญชาการซาบุโร่ ฟุจิวาระ!" เรนิสอุทาน ก่อนยกมือทำความเคารพ

       "อ้อ! แม่หนูคือเรนิส มิวส์สินะ ไม่ต้องเป็นทางการหรอก เรียกชั้นว่าลุงซาบุก็ได้"

       "เอ่อ..ค่ะ เป็นเกียรติที่ได้รุ้จักนะคะ...ลุงซาบุ" เรนิสพูดตะกุกตะกักเพราะเกร็ง

       "ฮะๆๆ! เห็นเธอแล้วคิดถึงอุมิโกะตอนเด็กๆจริงๆ สมัยก่อนเด็กคนนั้นเรียบร้อยกว่านี้ตั้งเยอะ ยิ่งโตยิ่งเหมือนแม่ว่ะ..."

       "ไปคุยกันที่คาเฟ่ไหมคะ?" วารีเสนอ

       "ไม่ต้องหรอก ชั้นแค่มาขอบคุณพวกเธอทุกคนน่ะ"

       "ขอบคุณ?" เรนิสสงสัย

       "ที่ช่วยอุมิโกะมาจนถึงตอนนี้น่ะนะ ผู้บัญชาการจะประสพความสำเร็จได้ก็ต้องมีลูกเรือที่ดีด้วย และพวกเธอก็เป็นลูกเรือชั้นยอด ต้องขอบคุณจริงๆ"

       "ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราก็มาถึงนี่ได้เพราะกัปตันเหมือนกัน" วารีตอบอย่างจริงใจ

       "จริงสิ เรนิสจังเอาไปนะ คิดว่าเป็นของขวัญก็แล้วกัน" ซาบุโร่ยื่นตุ๊กตาหมีให้

       "โห...ขอบคุณมากค่ะ...นุ่มจัง" เรนิสอึ้งไปครุ่หนึ่งก่อนรับไปกอดไว้ วารีมองด้วยความเอ็นดู ถึงจะชอบพูดว่าเธอไม่ใช่เด็กแล้ว แต่เรนิสก็ยังมีจิตใจแบบเด็กๆอยู่ดี

       "ผบ.คะ จริงๆแล้วซื้อให้กัปตันสินะคะ" วารีกระซิบเบาๆไม่ให้เรนิสได้ยิน

       "คือว่า...ถึงให้ไป อุมิโกะก็คงบอกว่าเธอไม่ใช่เด็กแล้วน่ะนะ แต่สำหรับคนเป็นพ่อแม่ ลูกก็เป็นเด็กเสมอนั่นล่ะ" ซาบุโร่ไม่ปฏิเสธ

       "แต่กัปตันไม่ชอบของน่ารักอยู่แล้วนี่คะ"

       "ฮะฮ่าฮ่าฮ่า! ก็ใช่นะ แต่พอคิดถึงของขวัญให้ผุ้หญิงชั้นก็นึกออกแต่ตุ๊กตาน่ะนะ รู้มั้ย? ตอนจีบแม่ของอุมิโกะชั้นยังใช้ตุ๊กตาเลย" ซาบุโร่หัวเราะชอบใจ

       "เอาล่ะ พักผ่อนให้สบายนะ ทั้งสองคน ชั้นจะไปเยี่ยมอิทซึกิคุงต่อ" ซาบุโร่ออกไปพร้อมปิดประตูให้

       "แหม...เรื่องนั้นฟังมาจากกัปตันตั้งแต่สมัยเรียนแล้วล่ะค่ะ" วารีพูดเบาๆตามไป

       "เป็นคนที่อบอุ่นดีนะคะ" เรนิสว่าขณะอุ้มตุ๊กตาไปวางบนเตียง

       "เห็นแบบนั้น แต่ท่านเป็นนายพลที่มีคนเชื่อฟังมากนะคะ เรียกว่ากัปตันรับเลือดคุณพ่อมาเต็มๆเลย"

       "แล้วพ่อกับแม่พี่วารีล่ะคะ?"

       "พี่อยู่กับคุณยายมาตั้งแต่เด็กค่ะ แต่ตอนนี้ท่านเข้าโรงพยาบาล โทรศัพท์ไปหาหมอบอกว่าคุยด้วยไม่ได้ด้วยซ้ำ"

       "อะ...ขอโทษนะคะ"

       "ไม่เป็นไรค่ะ พี่ไม่เคยบอกเรนิสนี่นา" วารียิ้มให้

       "ชั้น...ก็ไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่เหมือนกันค่ะ" เรนิสมีสีหน้าสลดลงทันที

       "เมื่อก่อนชั้นก็มีพี่น้องนะคะ แต่ตอนนี้เหลือชั้นคนเดียว...ทั้งที่มีคนเก่งกว่าตั้งเยอะ"

       "น้องเรนิส..."

       "ถึงยังงั้น...ชั้นก็เป็นคนที่รอดมาได้...รอดมาได้คนเดียวเพราะการเสียสละของคนอื่น"

       "อย่าพูดแบบนั้นสิ เธอก็ยังมีพวกเราอยู่นี่นา" วารีปลอบ

       "นั่นสินะคะ ชั้นไม่ใช่ขยะ ชั้นยังมีประโยชน์กับทุกคนนี่นา" เรนิสยิ้มออกมาได้

     

     

       ห้องทำงานผู้บังคับบัญชา

       "กลับจากทักทายพวกนั้นแล้วเหรอ?" ชายวัยกลางคนผมสีดอกเลาถามซาบุโร่ที่เพิ่งเข้ามา ใบหน้าเคร่งเครียดจ้องไปยังจอคอมพิวเตอร์ที่แสดงข้อมูลต่างๆไม่มีหยุด

       "เหลือเทียนหลงคุงที่เข้าโรงพยาบาลเพราะซี่โครงเดาะน่ะ หนุ่มๆสาวๆผ่านมาได้ขนาดนั้น เผลอๆจะเก่งกว่าพวกเราตอนอายุเท่ากันเสียอีกนะ วิคเตอร์"

       "สงครามตอนนี้ ถ้าเหลิงจนประมาทก็ไม่รอดหรอก" วิคเตอร์ตอบด้วยสีหน้าเย็นชา

       "ก็จริง แต่กำลังใจนิดๆหน่อยๆให้ได้ผ่อนคลายบ้างก็ไม่เป็นไรหรอกน่า"

       "ดูเหมือนว่าเราจะเสียจุดL5ไปแล้วนะ" วิคเตอร์เปลี่ยนหัวข้อ

       "ที่L4ก็แย่เหมือนกัน สายรายงานว่าพวกออเดอร์ก็เสียหายพอดู ประธานสิงหนาถให้ติดต่อเจรจาสงบศึกกับพวกออเดอร์อยู่ แต่กว่าจะรู้เรื่องก็คงอีกนาน" ซาบุโร่ตอบ

       "หึ ตามที่นายโซล แอร็อตบอก ศัตรูของเราเป็นเป็นพันธมิตรของดาวเคราะสามดวง ส่วนพวกเรามีหนึ่ง แต่ยังสุ้กันเองไม่หยุด ที่พวกมันบอกว่าเราเป็นภัยต่อจักวาลคงไม่ไกลความจริงนักหรอก"

       "อืม แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่จะงอมืองอเท้ารอให้พวกมันมาฆ่านี่นะ"

       "ไม่ใช่แน่นอน ตราบที่พวกเรายังอยู่ ไอ้พวกต่างดาวอย่าหวังว่าจะทำอะไรได้ตามใจชอบเลย...."

     

       ห้องพักของอิริน่า ฟรานเธียร์

       "อย่างนี้นี่เอง ตอนนั้นเรนิสไม่ได้เปิด NCS ด้วยซ้ำ" อิริน่าเปิดดูข้อมูลการใช้งานของไอคอมเพื่อเขียนรายงาน

       "นั่นก็คือ แองเจลิก้ายังมีความลับที่ชั้นไม่รู้อีกเยอะ"

       "ตอนนี้ที่เดดาลัสจะเป็นไงบ้างนะ" ไอคอมถาม

       "จากข่าวที่อ่านมา สถานีอวกาศที่อยู่เลยวงโครจรดาวอังคารไปไม่ถูกโจมตีด้วยซ้ำ"

       "แปลกแฮะ พวกมันคิดว่าสถานีอวกาศชั้นนอกไม่มีค่าควรแก่การโจมตีล่ะมั้ง"

       "คิดว่านะ" อิริน่าใช้ความคิด โปรเจ็กท์ไซเรน...จะว่าไปก็เป็นโครงการณ์ที่สำคัญที่สุดของสถานีเดดาลัส การวิจัยยาวนานกว่าสิบปี แต่มีสิ่งที่เธอรู้เพียงน้อยนิด

       ตอนที่ใช้โอเวอร์สจัมป์เดินทางมาโลก เซฟาลอสปรากฏที่จุด L1หลังจากที่หายไปเป็นเวลา7นาที 50 วินาที แต่ตัวเธอเองรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปเพียงครู่เดียวเท่านั้น แม้นาฬิกาและอุปกรณ์ต่างๆจะยืนยันได้ว่าเวลาบนยานผ่านไปพอๆกับในความเป็นจริง แต่โปรแกรมบุคลิกภาพของไอคอมกลับบอกไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นแม้ข้อมูลการทำงานจะเป็นปกติก็ตาม

       หมายความว่า มีอะไรเกิดขึ้นในห้วงมิตินั้น ที่พวกเธอไม่อาจเข้าใจ แต่"ไซเรน"สัมผัสได้อย่างนั้นเหรอ?

       อิริน่าหยุดเขียนรายงาน ในใจสงสัยว่าจุดหมายของเดดาลัสที่สร้างเรนิสขึ้นมาคืออะไรกันแน่?

       "ว่าแต่ไม่เอาชั้นไปเก็บเรอะ?" ไอคอมถาม

       "ไม่ล่ะ ขี้เกียจเดินไปมา"

       "คึๆๆๆ ตอนอยู่บนยาน ยายมิกะเล่าเรื่องผีให้ฟังเป็นสิบเรื่องแน่ะ คืนนี้จะเล่าให้ฟังนะ"

       "อย่านะ!"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×