ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chronicle of Siren

    ลำดับตอนที่ #8 : 7th Record: Red Planet - Part 2

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ย. 51


       27 พฤษภาคม UA 57 สาขาย่อยของเวลด้าอิเล็กทรอนิกส์ อาณานิคมเดลฟี ดาวอังคาร

       แม้จะถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดเซฟาลอสก็พร้อมออกเดินทางอีกครั้ง และออเดอร์ฯก็ทุ่มกำลังในการโจมตีครั้งนี้เต็มที่

       "อย่าคิดว่าจะผ่านไปได้ง่ายๆนะ!!" ปืนแสงของเรนิสยิงทำลายฮอรุสที่บุกเข้ามา หน้าที่ของเธอก็คือช่วยคุ้มกันเซฟาลอสจนกว่าจะพร้อมออกยาน

       "อีกสิบห้านาที" เสียงวารีเรียกมาจากคอมมิวนิเคเตอร์

       "วารีจัง สถานการณ์นอกชั้นบรรยากาศล่ะ?" อุมิโกะถาม

       "กองยานที่12กำลังเปิดทางให้พวกเราอยู่ค่ะ! มีศัตรูฝ่าแนวป้องกันด้านSESมาได้แล้วค่ะ!"

       "ให้แองเจิ้ลไปสนับสนุน แล้วก็ให้สไตรเกอร์ไปรับไว้เป็นแนวหลังด้วย ส่วนที่เหลือให้อยู่ตำแหน่งเดิมก่อน กำลังของเวลด้าล่ะ?"

       "รับศึกหนักพอสมควรค่ะ แต่พอจะรับมือได้"

       "ให้ชั้นไปช่วยมั้ยคะ?" เสียงติดต่อจากห้องควบคุมของฟอร์ซเบรคเกอร์

       "เงียบไปเลย ถ้าออกไปเองถูกทิ้งไว้ที่นี่จริงๆด้วย"

       "โว้ย!!! ตอนพรรณนี้ดันออกไปลุยไม่ได้นี่มันน่าอึดอัดชะมัด!" อิทซึกิตะโกน เขาต้องรอออกไปคุ้มกันเซฟาลอสหลังจากไปถึงอวกาศแล้วตอนนี้จึงได้แต่รอเฉยๆ

       "แองเจิ้ลถึงเซฟาลอส เห็นศัตรูแล้วค่ะ AMรุ่นใหม่สองเครื่องค่ะ!"

       "อะไรกัน ไม่ใช่เคอเบรอสแต่เป็นนางฟ้านั่นหรอกเรอะ?" มัลลิแกนเปิดฉากด้วยการยิงเรลกันแต่เรนิสหลบได้

       "ฝีมือดีขึ้นนี่นา แต่จะสู้ดาบของโอซิริสได้รึเปล่า!"

       "ร้อยโทมัลลิแกนคะ ทางนี้ให้ชั้นจัดการเองเถอะค่ะ" โอซิริสอีกเครื่องติดต่อมา

       "ก็ได้ ฝากด้วยล่ะ สิบเอก" มัลลิแกนเร่งเครื่องผ่านเรนิสไปได้ ปีกท่อขับดันของแองเจลิก้าแม้จะทำให้บินบนดาวอังคารได้แต่น้ำหนักของมันก็ทำให้ความคล่องตัวลดลงอยู่ดี โดยเฉพาะเมื่อเรนิสไม่ชินกับการต่อสู้ใต้แรงโน้มถ่วงแบบดาวเคราะห์ การเคลื่อนไหวจึงไม่คล่องแคล่วเท่าไร เด็กหญิงรีบหันปืนเตรียมยิงให้ร่วงแต่ถูกโอซิริสอีกเครื่องโจมตีซะก่อน มีดสั้นที่อีกฝ่ายขว้างออกมาระเบิดหลังจากที่กระทบกับแองเจลิก้า ปืนซึ่งโดนซัดเข้าไปถึงกับพังไม่มีชิ้นดี

       "อาวุธทำลายเกราะสินะ ถ้ามีดนั่นเจาะเกราะเข้ามาได้รับรองพังทั้งกระบิ" ไอคอมวิเคราะห์

       "ศัตรูเป็นรุ่นเดียวกับตัวเมื่อกี้ แต่อุปกรณ์ต่างกันนิดหน่อยสินะ..." โอซิริสที่อยู่ตรงหน้าไม่มีปีกแต่เป็นบูสเตอร์ขนาดใหญ่กว่าปกติแทน ศัตรูกระโดดด้วยความเร็วสูงพร้อมกับซัดมีดออกมาอีกชุด เรนิสยกแขนขึ้นป้องกันตัว เสียงระเบิดดังอย่างต่อเนื่องซึ่งถ้าไม่ใช่เกราะที่ทนทานเป็นพิเศษของแองเจลิก้าก็คงพังไปแล้ว

       "เพิ่งเคยเจอAMใช้อาวุธขว้างแบบนี้แหละ..."

       "มันใช้ยากนะ ทั้งคำนวนแรงและวิธีการซัด แต่ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ระดับชั้นก็สบาย ฮ่าๆๆ"

       "เงียบไปเลย ไอ้ขี้โม้ ตอนนี้เราเสียเปรียบอยู่นะ ว้าย!" อีกฝ่ายฉวยโอกาสเข้าประชิดพร้อมกับใช้มีดแสงฟันใส่ปีกข้างหนึ่งก่อนถอยออกไปด้วยความเร็วสูง

       "ท่อขับดันหลักหมายเลข2เสียหาย ปลดแบ็คแพ็คทิ้งเลยมั้ย?"

       "ไม่ได้ กำลังขับเคลื่อนพื้นฐานของแองเจลิก้าสู้มันไม่ได้แน่ ปรับสมดุลย์เครื่องสิ" เธอรู้สึกว่าเมื่อครู่อีกฝ่ายจงใจไม่สังหารเธอ

       "มีฝีมือแค่นี้เหรอ?" ศัตรูส่งสัญญาณติดต่อมา เป็นเสียงที่เธอเคยได้ยินมาก่อน

       "คุณ...ชาล็อต?"


       "ไอ้พวกกระจอก! ให้เคอเบรอสออกมาดีกว่าน่า!" มัลลิแกนยิงใส่เรย์สไตรเกอร์ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากเซฟาลอสสักเท่าไหร่

       "เหวอ! เร็วเป็นบ้าเลย!" เทียนหลงพยายามเล็งยิงแต่ความเร็วของโอซิริสก็อยู่เกินระดับฝีมือของเขา

       "ไม่ให้ผ่านไปง่ายๆหรอก!" เอ็กโซดบินตามมาช่วยยิงโอซิริส

       "ชิ! เจ้ารุ่นใหม่นั่นเรอะ?" มัลลิแกนควบคุมเครื่องหลบการโจมตีของเอ็กโซด

       "หลบได้เรอะน่ะ?"

       "แค่อาวุธดีกว่าอย่าได้ใจไป!" มัลลิแกนดึงดาบออกมาพร้อมพุ่งใส่เอ็กโซด

       "ฮ่า!" โซลใช้พลาสม่าชาร์จเจอร์ที่หมัดของเอ็กโซดต้านดาบแสงของโอซิริสไว้ได้

       "สนับพลังงานเรอะ?"

       "เจ้านี่ให้ผมจัดการเอง! คุณเทียนหลงไปช่วยทางอื่นเถอะครับ!"

       โซลเตะใส่ลำตัวของโอซิริส

       "บ้าน่ะ ที่ขาก็มีเรอะ?!" มัลลิแกนตกใจเมื่อเห็นระบบแสดงความเสียหายของเครื่อง

       "อย่างนายไม่มีทางทำอะไรเอ็กโซดได้หรอกน่า!" โซลใช้หมัดชกใส่โอซิริสอีกครั้ง ความร้อนจากพลาสม่าชาร์จเจอร์ทำให้เกราะส่วนหัวแตกกระจาย เมื่อกล้องหลักเสียหาย ภาพที่ฉายบนจอก็ปรับเป็นกล้องเสริมที่ลำตัวทันทีซึ่งเป็นมุมที่ควบคุมยากกว่าพอสมควร

       "แย่ล่ะ!" มัลลิแกนถอยออกมาตั้งหลัก ร้อยโทหนุ่มเริ่มรู้สึกแล้วว่าระดับสมรรถนะของศัตรูนั้นสูงกว่าโอซิริสมาก แทบเรียกได้ว่าเหมือนเป็นอาวุธที่สร้างด้วยวิทยาการที่เหนือกว่าเป็นเท่าตัว

       "พวกไดเรกเตอร์สร้างของแบบนี้ได้เชียวเรอะ?"

       "ไง...ถ้าไม่อยากตายล่ะก็ถอยไปซะดีกว่า" โซลขู่

       การต่อสู้ของทั้งสองถูกขัดจังหวะด้วยแรงสะเทือนอย่างรุนแรงจากอาคารแห่งหนึ่ง


       "อ๋า!!" มีดระเบิดถูกซัดออกมาอีกชุด ปีกที่เสียหายอยู่แล้วหักกระเด็น

       "ความเสียหายเกินจะใช้การได้แล้ว ปิดการทำงานของท่อขับดันหลัก กำลังขับเคลื่อนลดลงมาเหลือ66%" ไอคอมรายงาน กำลังขับเคลื่อนที่ลดลงทำให้เธอต้องลงมาบินเลียดพื้นแทน

       "ตั้งใจสู้หน่อยสิ!" ชาล็อตพุ่งเข้าในระยะประชิดอีกครั้ง แต่คราวนี้เรนิสไวพอจะจับข้อมืออีกฝ่ายได้ทัน

       "ท่าทางมีดซัดมันจะหมดแล้วล่ะ แสดงผลของการฝึกพิเศษเชือดมันเลย ยายเปี๊ยก!"

       "...ไม่ได้"

       "ว่าไงนะ!?"

       "คุณชาล็อตไม่ใช่คนเลวอะไรนี่นา มันต้องมีวิธีอื่นสิ!"

       "เชอะ อ่านนิทานก่อนนอนมากไปมั้ง แม่หนู!" ชาล็อตดึงมีดแสงอีกเล่มออกมาแทงใส่ส่วนหัวของแองเจลิก้า

       "กล้องหลักพังแล้วล่ะ! แว้กกกก!!!" โอซิริสถีบลำตัวแองเจลิก้าล้มลง ภาพหน้าจอที่เรนิสมองเห็นขณะนี้มาจากกล้องเสริมและมีมุมมองที่แคบกว่ามาก

       "ไม่ใช่คนเลวเลยไม่อยากสู้งั้นเหรอ? เธอมันไม่เหมาะจะเป็นนักบินจริงๆด้วยสินะ"

       "อะไรนะคะ?"

       "เธอน่ะมันพวกใจสู้ครึ่งๆกลางๆ ถึงไม่ถูกชั้นฆ่าวันนี้ก็คงถูกยิงตายสักวันจนได้"

       "ทำไมล่ะ? ทำไมชั้นต้อง..."

       "ลุกขึ้นมาแล้วหยิบมีดของเธอซะ ไม่งั้นก็ออกจากหุ่นตัวนั้นแล้วไปไกลๆ! นักบินที่ฆ่าคนอื่นไม่ได้มันก็ขยะดีๆนั่นล่ะ!"

       "ไม่นะ...ไม่ใช่...ชั้นไม่ใช่ขยะนะ!"

       ท่อขับดันของปีกเสริมส่งแรงให้แองเจลิก้าลุกขึ้นพร้อมเข้าโจมตีทันที

       "เลือกสู้ตายแล้วสินะ เข้ามาเลย!" แสงจากมีดแสงสองเล่มปะทะกันทำให้กล้องเสริมของแองเจลิก้าพร่า แต่เรนิสก็เดาทางของมีดอีกเล่มได้ถูกต้องจึงป้องกันไว้ได้เช่นกัน

       "ชั้น...ไม่ใช่...ขยะ! ไอคอม ใช้ฟุลซิงโคร!"

       "หา? สภาพแบบนี้น่ะนะ?"

       "ใช้ฟุลซิงโคร!" เธอตะโกนสุดเสียง

       "ออลไรท์"

       Synchronize rate 100%
       Power output - MAX
      
    Limit timer 0.30

       "อะไรน่ะ จู่ๆกำลังก็เพิ่มขึ้น?" ชาล็อตตกใจที่มีดแสงของตัวเองต้านของอีกฝ่ายไม่ได้ แขนข้างหนึ่งถูกตัดขาดทันที

       "อ๊าาาา!!!!" เรนิสบังคับให้แองเจลิก้ากอดโอซิริสไว้พร้อมกับที่ปีกหลักซึ่งเมื่อครู่หยุดทำงานจะส่งเสียงคำราม พาAMทั้งสองพุ่งขนอาคารหลังหนึ่งด้วยกำลังสูงสุด ปีกข้างที่เสียหายอยู่แล้วระเบิดจากการใช้งานเกินกำลัง

       "อึ๊ก!" เรนิสรู้สึกเจ็บเมือนถูกกรีดที่ด้านหลัง เธอสั่งปลดแบ็คแพ็คที่พังแล้วออกไป

       "ชิ...ไหล่หลุดแล้วมั้ง..." ชาล็อตกัดฟันเช็กสภาพของโอซิริส คงต้องสละเครื่อง แต่ท่าทางว่าอีกฝ่ายจะคลั่งไปซะแล้ว หมัดโลหะของแองเจลิก้ากระแทกใส่ส่วนหัวของโอซิริส ครอบแก้วบังเซนเซอร์แตกกระจาย

       "เป็นอะไรรึเปล่า สิบเอก?!" โอซิริสของมัลลิแกนบินมาช่วย แองเจลิก้ากระโดดหลบกระสุนเรลกันด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง

       "ความเร็วขนาดนั้น เครื่องจักรไม่น่าทำได้นี่นา" โซลที่ตามมาถึงกับอึ้ง ความคล่องแคล่วของแองเจลิก้าแทบไม่ต่างจากมนุษย์

       "เหวอ!" มัลลิแกนพลาดท่าถูกแองเจลิก้าเข้าประชิดได้ แองเจลิก้าถึงกับมีกำลังกระชากแขนข้างหนึ่งของโอซิริสขาดคามือ

       "เจ้านี่มันสัตว์ประหลาดชัดๆ!"

       "เรนิส ได้ยินผมหรือเปล่า?" โซลรู้สึกเป็นห่วง

       "ชั้นไม่ใช่ขยะนะ!" หมัดของแองเจลิก้าชกส่วนหัวของโอซิริสจนเละ


       Limit timer 0.13

       "เป็นอะไรไป ตั้งสติไว้สิ!" โซลควบคุมเอ็กโซดให้เข้าไปจับแองเจลิก้าออกมา

       "ชั้นไม่ใช่...คุณโซล?" ท่าทางเรนิสจะควบคุมตัวเองได้อีกครั้ง

       "โล่งอกไปที เมื่อกี้เธอยังกะคนบ้า" โซลถอนใจ

       "ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงค่ะ ไอคอม ปิดฟุลซิงโคร"

       "ออลไรท์"

       "อึก!" เรนิสรู้สึกหน้ามืดพร้อมกับที่ระบบถูกตัด

       "เป็นอะไรมั้ยน่ะ?"

       "...ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ชั้น...ทนได้"

       "เซฟาลอสถึงบริงเกอร์ พาแองเจิ้ลกลับมาเถอะค่ะ เราจะออกยานกันแล้ว"

       "รับทราบ" เอ็กโซดดึงแองเจลิก้าบินไปทางเซฟาลอส

       "ขอโทษที่เป็นภาระนะคะ" เรนิสพึมพำเบาๆ


       "ชิ! สุดท้ายก็ปล่อยให้มันรอดไปจนได้ แถมยังทำโอซิริสพังอีก" มัลลิแกนบ่นตามเซฟาลอส ทั้งคู่ได้รับการช่วยเหลือจากฮอรุสของลูกทีม

       "กับศัตรูระดับนั้น รอดมาได้ก็ดีแล้วนะคะ" ชาล็อตปลอบใจ

       "...ก็คงจริง...อย่าเพิ่งตายล่ะพวกแก! คราวหน้าชั้นจะฆ่าให้เกลี้ยงยานเลย!!" มัลลิแกนตะโกนใส่เซฟาลอสที่บินสู่ชั้นบรรยากาศ

       "แต่ในอวกาศก็มีพวกเราขวางอยู่นะครับ ถึงจะมีกองยานเปิดทางให้ก็คงหนีไปไม่ได้ง่ายๆ" นักบินฮอรุสออกความเห็น

       "ไม่รู้สิ ชั้นว่ายานลำนั้น มีอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะเลยล่ะ" ชาล็อตตอบ มัลลิแกนสังเกตสีหน้าลูกทีม คิดไปเองหรือเปล่านะว่าเธอมีท่าทางสบายใจผิดปกติ


       "ตรวจสอบระดับแรงโน้มถ่วง...พวกเรากลับสู่อวกาศได้แล้วค่ะ กองยานที่12ต้านศัตรูไว้ได้แต่แนวป้องกันถูกเจาะเข้ามาสองจุดค่ะ!" วารีรายงาน

       "บอกให้กองยานที่12ช่วยตั้งรับไว้นะ ไม่ต้องเปิดแนวป้องกันของศัตรูก็ได้"

       "เอ๋? แบบนั้นแล้วเราจะกลับไปโลกได้ยังไงล่ะคะ?" อิริน่าสงสัย

       "เดี๋ยวก็รู้ ให้ไฟเตอร์ เทรซเซอร์ แล้วก็เบรคเกอร์ ช่วยกันคุ้มกันเซฟาลอสไว้ เครื่องอื่นๆเป็นไงบ้าง?" อุมิโกะถามวารี

       "เอ็กโซดพร้อมรบในทันทีค่ะ สไตรเกอร์เติมเชื้อเพลิงกับกระสุนแล้วก็กลับไปได้ ส่วนแองเจิ้ลต้องใช้เวลาซ่อมแซมสักพัก"

       "เวลาที่จะใช้จัมป์ล่ะ?"

       "13นาทีกับ34วินาทีค่ะ"

       "อีกนิดเดียว...พยายามเข้า"


       "จะมาจากทางไหนก็หนีความเร็วของฟอร์ซไม่ได้ง่ายๆหรอก!" เรติน่ายิงมิสไซล์ต่อต้านAMใส่ฮอรุสที่ฝ่าแนวป้องกันของพันธมิตรมาได้

       "เฮ้ อย่าออกไปพ้นระยะล่ะ!" อิทซึกิเตือน เรย์ไฟเตอร์ยิงฮอรุสตกไปอีกสองเครื่อง

       "เด็กใหม่อีกคนน่ะ ช่วยยิงคุ้มกันดีๆล่ะ" มาร์คช่วยประสานงาน

       "รู้แล้วน่า!" คีธ ฮันเตอร์ สมาชิกใหม่อีกคนพูดเสียงแข็ง ก่อนเร่งเครื่องออกจากเซฟาลอสแล้วยิงทำลายศัตรูทีละตัว

       "หมอนั่นลุยหนักจัง ยังกะมีอะไรผลักดันอยู่ยังงั้น..." โซลออกความเห็น

       "อีก5นาที...ไฟเตอร์กับเอ็กโซดช่วยไปคุ้มกันด้านพื้นที่Nด้วย" วารีส่งสัญญาณ

       "รับทราบ"

       "เบรคเกอร์กับเรดเดอร์ พวกคุณออกไปไกลไปแล้วนะ กลับเข้ามา"

       "ค่า!"

       "...รู้แล้ว" คีธตอบอย่างไม่สบอารมณ์

       "คีธ อย่าทำเย็นชากับพวกรุ่นพี่สิ" เรติน่าเตือนเพื่อนร่วมทีมด้วยระบบสื่อสารแบบเลเซอร์

       "มาก่อนไม่ได้หมายความว่าเก่งกว่าหรอกนะ"

       "ไม่ใช่เก่งหรือไม่เก่งสักหน่อย เราควรเคารพรุ่นพี่นะ"

       "เชอะ..."


       "กัปตันคะ เรนิสขอ-"

       "บอกไปเลยว่ายังไงก็ไม่ให้ออกไป ไม่มีคำว่าแต่"

       "ค่ะ ดูเหมือนว่าศัตรูชะลอการบุกลง แต่ตั้งแนวป้องกันยันกับกองยานที่12แทนแล้วค่ะ"

       "ให้มันตั้งไป เดี๋ยวได้เห็นความก้าวหน้าของเทคโนโลยีแน่" รอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฏบนหน้าอุมิโกะ

       "ทุกคนกลับมาที่เซฟาลอสได้แล้วค่ะ! มิกะ!" วารีสั่งตรวจสอบระบบอย่างรวดเร็ว

       "ระดับแรงโน้มถ่วง ระดับพลังงาน สนามพลัง ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ รอคำสั่งปฏิบัติการอยู่" เสียงมิกะก้องไปทั่วสะพานเดินเรือ แผงควบคุมตรงหน้าอุมิโกะเปิดออก

       "โอเวอร์สจัมเปอร์...ทำงาน!" อุมิโกะเสียบกุญแจดอกที่สองบนแผงควบคุม


       "อ๊ะ!" เรนิสรู้สึกถึงแรงบิดจากรอบๆตัว...แล้วทุกอย่างก็เป็นความมืดมิด


       7นาทีให้หลัง จุด Lagrange 1

       หลังจากเกิดคลื่นแรงโน้มถ่วงที่ทำให้ดูเหมือนอวกาศบิดเบี้ยว เซฟาลอสก็ปรากฏจากสุญญากาศว่างเปล่า

       "โอเวอร์สจัมป์เรียบร้อย ยืนยันตำแหน่งของอาณานิคมเซเลเน...พวกเราอยู่ใกล้จุดL1ตามข้อมูลที่ป้อนให้มิกะเลยค่ะ" วารีรายงาน

       "ติดต่อฐานเซเลเนว่าพวกเรามาถึงแล้ว แหม ตอนนี้พวกที่ดาวอังคารทำหน้าแบบไหนกันนะ? ฮะๆๆๆๆ!" อุมิโกะหัวเราะอย่างสะใจ

       "กัปตันคะ มีเรื่องที่โรงเก็บหุ่นค่ะ! เรนิสสลบไปแล้ว!"

       "ฮะๆๆ...หา?"


       "ตามหลักการแล้ว โอเวอร์สจัมป์ก็ใช้ระนาบมิตินอกเหนือจากสามมิติที่เราคุ้นเคยกันเป็นทางลัด ซึ่งอายตนะของพวกเราจะไม่สามารถรับรู้มิตินั้นได้ทำให้เหมือนเป็นการวาร์ปน่ะครับ" โซลอธิบายการทำงานของโอเวอร์สเปซจัมป์

       "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่เรนิสสลบล่ะคะ?" วารีถาม

       "เด็กคนนั้นเพิ่งใช้โหมดฟุลซิงโครของNCS ร่างกายยังฟื้นไม่สมบูรณ์ค่ะ แต่ก็ไม่น่าสลบไปได้หรอก" อิริน่าออกความเห็น

       "คงต้องยอมรับว่าเป็นผลกระทบจากการจัมป์ล่ะครับ แต่มันเกิดขึ้นได้ยังไงผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน" โซลยอมรับด้วยสีหน้ากลุ้มใจ

       "บางทีนะ..." อุมิโกะแทรก

       "เด็กคนนั้นอาจจะรับรู้สิ่งที่พวกเราไม่เห็นและไม่มีวันจินตนาการถูกก็ได้...เฮ้อ!"

     

       โรงอาหาร ยานเซฟาลอส

       "ยายนั่นเป็นไงบ้าง?" เรย์ทีมสองคนกับเรติน่าถามอิทซึกิทันทีที่เข้ามา

       "หมอตรวจแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ก็ยังไม่ฟื้นเหมือนกัน"

       "...เฮ้อ!" สามหนุ่มถอนหายใจพร้อมกัน

       "เห็นยายอุมิโกะว่าเราจะแวะที่เซเลเนก่อน ถ้าพรุ่งนี้เรนิสยังไม่ฟื้นก็ค่อยคิดกันอีกทีว่าจะเอายังไงน่ะ"

       "ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ แต่ให้เด็กคนนั้นลงจากยานจะดีกว่ามั้ง" คีธที่นั่งโต๊ะใกล้ๆแทรก

       "นายว่าไงนะ?" อิทซึกิรู้สึกไม่พอใจ

       "ก็พอจะเข้าใจนะครับว่ายานลำนี้มีของพิลึกๆอยู่เยอะ แต่อาวุธที่มีปัญหาอยู่เรื่อยก็ควรโละทิ้งนะครับ"

       "เด็กคนนั้นไม่ใช่อาวุธสักหน่อย!"

       "โอ้! งั้นก็ขออภัยก็แล้วกันนะครับ รุ่นพี่" คีธลุกขึ้นออกจากห้องไป

       "อย่าคิดว่าไว้ผมทรงเอลวิสแล้วจะปากเสียได้ตามใจนะเฟ้ย!" อิทซึกิตะโกนไล่หลังไป

       "เห็นว่าที่โดนย้ายมาที่นี่เพราะขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาน่ะค่ะ เป็นคนเก่งแต่แหกแผนบ่อยๆ" เรติน่าว่า

       "เดี๋ยวนะ ยานลำนี้เป็นสถานดัดนิสัยตั้งแต่เมื่อไหร่?" อิทซึกิถาม

       "แหม คงจะแค่บังเอิญล่ะค่ะ"

     

       เซเลเน อาณานิคมแห่งแรกในอวกาศซึ่งตั้งอยู่ ณ ตำแหน่ง Lagrange 1 และเป็นอาณานิคมใหญ่ที่สุดจนกระทั่งมนุษย์ได้ตั้งรกรากบนดาวอังคาร ตั้งแต่ปีUA 50 เซเลเนได้กลายเป็นฐานยุทโธปกรณ์สำคัญในอวกาศของกองทัพโลก แม้จะยังมีพื้นที่อยู่อาศัยของพลเรือนอยู่ก็ตาม

       "อย่างช้าสุดก็คือพรุ่งนี้เที่ยง พวกเราต้องกลับโลก" อุมิโกะบอกทุกคนหลังจากติดต่อกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไดเร็กเตอร์แล้ว

       "ถ้าเรนิสยังไม่ฟื้นก็ต้องพาไปทั้งแบบนี้ล่ะค่ะ" วารีบอกเสียงเศร้า

       "พวกนั้นเห็นยายนั่นเป็นชิ้นส่วนAMล่ะมั้ง" หลิงประชดอย่างหงุดหงิด

       "แล้วก็...พอไปถึงโลก เซฟาลอสคงถูกเอาไปศึกษาสักระยะ พวกเราก็คงถูกแยกย้ายไปประจำที่ต่างๆกันอีก เป็นอันยุบหน่วยรบอิสระที่8ได้" อุมิโกะบอกต่อ

       "ไม่จริงนะ เพิ่งเจอรุ่นพี่แท้ๆต้องแยกกันอีกแล้วเหรอ?" เรติน่าครวญ

       "ถึงร้องไห้ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกย่ะ...สรุปได้ว่าเซฟาลอสจะเป็นยานของพวกเราจนถึงพรุ่งนี้ ใครสลักชื่อไว้ในห้องพักก็รีบจัดการลบให้เรียบร้อยล่ะ แค่นั้นแหละ แยกย้ายกันไปได้" อุมิโกะจ้ำเดินออกไปก่อน ปล่อยให้คนอื่นๆยืนนิ่ง

       "เดี๋ยวสิ อุมิโกะ" อิทซึกิตามมาคนเดียว

       "มีปัญหาอะไรยะ?" อุมิโกะตอบโดยไม่หันไปมอง

       "เธอนั่นแหละ เป็นอะไรมั้ย?"

       "จะเป็นอะไรได้ไงยะ? ก็แค่คำสั่งงี่เง่า ไร้สาระ ทำตามเหมือนทุกทีก็หมดเรื่อง"

       "พูดแบบนี้แสดงว่าเธอก็โมโหคำสั่งกลับโลกพรุ่งนี้เหมือนกันล่ะสิ" อิทซึกิเร่งฝีเท้ามาดักหน้า

       "...นี่...เซฟาลอสเป็นยานของพวกเราใช่มั้ย?" อุมิโกะก้มหน้า เสียงอ่อนลงจากปกติ

       "แน่นอน ก็ลุงเกรแฮมฝากไว้กับพวกเรานี่นา และเธอก็เป็นหัวหน้าพวกเราด้วย"

       "...เรนิสจังยังไม่ฟื้นเลย...ทั้งที่รู้ว่าเด็กคนนั้นอาการไม่ดี ทำไมชั้นถึงยังใช้จัมเปอร์นะ? ถ้าชั้นเฉลียวใจหน่อยล่ะก็..."

       "นี่...โทษทีเถอะ"

       "เอ๋? โอ๊ย! ทำอะไรน่ะตาบ้า!?" อุมิโกะถูกดีดหน้าผากเข้าทีนึง

       "ไร้สาระ! ไร้สาระสิ้นดี! ตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าเรนิสจะสลบเพราะโอเวอร์สจัมป์น่ะ อย่าโทษตัวเองกับเรื่องที่ควบคุมไม่ได้สิ" อิทซึกิดุ

       "แต่ว่า-"

       "เธอยังเป็นผบ.พวกเราจนถึงพรุ่งนี้นะ แล้วชั้นก็ไม่อยากฝากชีวิตไว้กับคนที่กำลังจมสู่ความมืดมนด้วย"

       "...จริงสินะ จนกว่าจะถึงโลก ชั้นก็ยังเป็นกัปตันของเซฟาลอส" อุมิโกะสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย

       "ใช่เลย เรนิสจังต้องฟื้นแน่ล่ะ เด็กคนนั้นก็แค่ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยแค่นั้นเอง" อิทซึกิชูนิ้วโป้งให้กำลังใจ

       "งั้นมั้ง...ว่าแต่ที่ทำร้ายผู้บังคับบัญชาเมื่อกี้น่ะ ต้องรับโทษนะ"

      "เฮ้ย! ขี้โกงนี่นา!"

      "ถึงโลกแล้ว ไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์กันสองคนเป็นไง?"

       "เปลี่ยนเป็นบันไดมิวเซียมแทนได้มั้ย?"


       คาเฟ่

       "กัปตันกับคุณอิทซึกิเหรอ? รู้สึกจะเป็นเพื่อนกันตอนเรียนมัทธยมน่ะค่ะ" วารีตอบคำถามเรติน่า

       "งั้นก็คบกันมานานแล้วสิ หมายความว่าทั้งสองคนเป็น...แฟนกันเหรอคะ?"

       "แหม ชั้นก็บอกไม่ได้หรอกค่ะ แต่สองคนนั่นก็สนิทกันมากเลย ตอนเรียนที่วิทยาลัยทหารก็ยังติดต่อกันอยู่เรื่อย"

       "พูดถึงอคาเดมี...วารีอยู่กับกัปตันตอนที่ทำลายกุงนีลด้วยใช่มั้ย?" หลิงที่ดื่มกาแฟเงียบๆแทรก

       "ค่ะ ตำแหน่งโอเปอเรเตอร์เหมือนตอนนี้เลย"

       "กุงนีลนี่อะไรเหรอคะ?" เรติน่าสงสัย

       "ปืนใหญ่ทำลายยานรบของออเดอร์น่ะ รู้สึกจะยิงยานชั้นวอชิงตันตกในนัดเดียวเลยมั้ง พวกออเดอร์เอาไปใช้บุกอคาเดมีที่นิวแมนฮัตตันในวันประกาศสงคราม คงกะจะทำให้พวกเราเสียขวัญ แต่โดนกัปตันเราใช้บูชาแนนห่วยๆยิงทิ้งซะนี่ รู้สึกจะมีอามาคุสะอีกลำ...คุจิระด้วยอีกลำใช่มั้ย?"

       "ขนาดนั้นเลย!" เรติน่าอ้าปากค้าง

       "พวกเราโชคดีน่ะค่ะ ถ้าไม่ใช่ว่ามันยิงยอร์คไปก่อนแล้วเรามีกองบินคอยช่วยก็คงไม่รอด" วารีถ่อมตัว

       "แต่นอกจากกัปตันคงไม่มีใครกล้าเอายานฝึกหัดไปสู้แบบนั้นมั้ง"

       "ว่าแต่ไปถึงโลกแล้วคุณหลิงจะทำเรื่องขอประจำการบนเซฟาลอสต่อไหมคะ?" วารีถามบ้าง

       "ได้ก็ดีสิ เตียงยานนี้นุ่มดีออก กัปตันจะคุยกับคุณพ่อให้รึไง?"

       "คุณพ่อ?" เรติน่างงอีก

       "พลเอกซาบุโร่ ฟุจิวาระน่ะ ป๊ะป๋ากัปตันเราเอง" หลิงอวด

       "ผู้บัญชาการระดับสูงของUEMน่ะเหรอคะ?"

       "ไม่ใช่ว่ากัปตันจะใช้เส้นสายค่ะ แต่พวกเราก็มีความดีความชอบพอสมควร ถ้าจะอยู่ต่อก็น่าจะมีโอกาสบ้าง คุณดิมิคัสก็ร่างหนังสืออยู่นะคะ เห็นว่าเพราะเงินเดือนพลขับยานรบแพงกว่ายานขนส่งธรรมดาเป็นไหนๆ"

       "แล้วนายโซลของเธอล่ะ?"

       "ของชั้นซะที่ไหนล่ะคะ" วารีค้อนขวับก่อนพูดต่อ

       "ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเบื้องบนจะทำยังไงกับเค้าค่ะ ถึงคุณโซลดูจะไม่ห่วงเลยก็เถอะ"

       "ทำไมเหรอคะ? คุณโซลเป็นอะไรเหรอ?"

       "โอ๊ะโอ๋...เอาเป็นว่าเธอลืมที่พูดไปก่อนเถอะ เรติน่า ไว้ถึงโลกก็รู้เองแหละ"

       "อ้าว"

       อีกมุมหนึ่งของร้าน

       "แหม ได้ยินแบบนั้นก็ใจหายนะครับ" เทียนหลงเปรยขณะมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง เนื่องจากเป็นอาณานิคมรุ่นเก่า สภาพแวดล้อมจึงแย่กว่าที่อื่นๆ โดยเฉพาะความแออัดของอาคารที่เหมือนกับสลัม

       "ฉัน นาย แล้วก็อิทซึกิ ถ้าถูกย้ายก็คงไปด้วยกันหมดนั่นล่ะ เรย์ทีมมีสามคนนี่นา" มาร์คว่า

       "ไม่ใช่ว่าจะมีคนมาแทนผมเหรอครับ?"

       "มั่นใจในตัวเองหน่อย นายน่ะใช้สไตรเกอร์ได้ดีมากเลยนะ" เขาตบบ่าเพื่อนร่วมทีมเบาๆ

       "ถึงจะเริ่มผลิตเรดเดอร์แล้ว แต่ก็ยังต้องพัฒนาเรย์ทั้งสามเครื่องต่อไปอีกนะ ไดเร็กเตอร์มีแผนปล่อยAMรุ่นใหม่ออกมาอีกเป็นชุดเลย ตอนนี้ก็เริ่มปรับปรุงกาเซลเป็นรุ่นที่สามแล้ว"

       "เพราะสหพันธ์ซีเวลสินะครับ" โซลว่า

       "อืม คิดว่าพวกออเดอร์ก็กำลังเสริมแสนยานุภาพเป็นการใหญ่เหมือนกัน แต่ก่อนเอาไปใช้กับมนุษย์ต่างดาว มันคงเอามาใช้กับเราก่อนน่ะสิ" มาร์คออกความเห็น

       "ว่าแต่ไปถึงโลกแล้ว คุณไม่เป็นไรแน่เหรอครับ คุณโซล?"

       "มาถึงนี่แล้ว กลุ้มไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ คุณเทียนหลง ถึงจะวิตกอยู่บ้างก็ต้องพยายามลืมมันไปน่ะนะ" โซลตอบยิ้มๆ

       "ว่ากันตรงๆแล้ว ผมห่วงเรนิสมากกว่าด้วยซ้ำ"

     


       นี่ก็คือ...ความฝันเหรอ?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×