ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chronicle of Siren

    ลำดับตอนที่ #4 : 3rd Record: Twisted Fate

    • อัปเดตล่าสุด 6 ส.ค. 51


       สถานีวิจัยเดดาลัส เดิมทีเป็นหนึ่งในสถานีวิจัยนอกโลกในแถบดาวเคราะห์น้อยรุ่นแรกๆ แต่หลังจากที่การขยายอาณานิคมของมนุษย์ได้ครอบคลุมไปถึงดาวพฤหัสจึงมีความสำคัญในฐานะจุดแวะพักของยานที่เดินทางไปดาวพฤหัสด้วย ที่นี่จึงเป็นพื้นที่ที่มีการคุ้มกันหนาแน่นทีเดียว

       "ยินดีต้อนรับสู่เดดาลัส พันตรีอุมิโกะ ฟุจิวาระ ชั้นได้ยินเรื่องของเธอสมัยอยู่อคาเดมีแล้ว แต่ไม่เคยคิดว่าเธอจะมาให้พบถึงเดดาลัสนี่นะ" ชายวัยกลางคนท่าทางเหมือนนักวิชาการกล่าวทักทายอุมิโกะ ดวงตาคมกริบหลังแว่นทำให้เธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่น่าไว้ใจนัก ขณะนี้หญิงสาวอยู่ในห้องทำงานของผู้บังคับการของสถานีเดดาลัสแห่งนี้ ส่วนเซฟาลอสและAMประจำยานก็ได้รับการบำรุงรักษาอย่างเต็มที่ครั้งแรก

       "ยังไงก็ขอโทษที่มารบกวนนะคะ ท่านพลเอกโทมัส ไคลน์"

       "คิดซะว่าเป็นการตอบแทนที่พาไซเรนมาส่งก็แล้วกัน"

       "ไซเรน?" หญิงสาวเลิกคิ้ว

       "โค้ดเนมของเด็กคนนั้นน่ะ ชื่ออะไรแล้วนะ..."

       "เรนิส มิวส์น่ะเหรอคะ?"

       "อ้อ...ใช่ ท่าทางไม่ค่อยพอใจเลยนะ พันตรีฟุจิวาระ มีปัญหากับ...การทดลองของเรารึไง?"

       "ใช่ค่ะ แต่สถานการณ์ในขณะนี้ ชั้นไม่มีสิทธิ์จะว่าอะไรคุณหรอก" อุมิโกะแปลกใจนิดๆที่อีกฝ่ายพูดตรงๆแบบนี้

       "เข้าใจอย่างนั้นก็ดี" รอยยิ้มปรากฏบนหน้าของโทมัส

       "ว่าแต่เมื่อสองอาทิตย์ก่อน พวกเธอยังอยู่ที่วีนัสริงก์เลยไม่ใช่รึ ทำไมตอนนี้ถึงมาอยู่อีกฟากของระบบสุริยะได้ล่ะ?" ด้วยเทคโนโลยีในขณะนี้ พวกเธอควรจะใช้เวลาเดินทางเกินครึ่งปี

       "เรื่องนั้นเป็นความลับสุดยอดค่ะ ชั้นจะรายงานต่อคณะกรรมการสูงสุดของไดเร็กเตอร์เท่านั้น"

       โทมัสใช้สายตาแข็งกร้าวจ้องอุมิโกะ แต่เธอก็ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มนิดๆและแววตาอันแจ่มใส ไร้ซึ่งความสะทกสะท้าน

       "สายตาไม่เลวนี่นา ที่ว่าเคยใช้ยานฝึกซ้อมทำลายปืนใหญ่รุ่นต้นแบบของออเดอร์ได้ คงจะไม่ใช่เรื่องหลอกลวงสินะ..." โทมัสหันเหสายตาตัวเองไปยังมอนิเตอร์บนโต๊ะ สายตาขู่ขวัญเมื่อครู่กลายเป็นแววตาตื่นเต้น

       "ขอบคุณที่ชมค่ะ"

       "ช่างเถอะ เมื่อกี้เธอบอกว่าไม่พอใจที่เราปฏิบัติกับไซเรนใช่มั้ยล่ะ?"

       "จะถามกี่ครั้ง ชั้นก็ยืนยันเหมือนเดิมค่ะ"

       "ดี...เพราะชั้นมีข้อเสนอให้เธอพิจารณาดูน่ะ"

    10นาทีให้หลัง
     
    สะพานเดินเรือ ยานเซฟาลอส

       "ออลไรท์! พวกเราจะออกเดินทางไปที่ดาวอังคารทันทีที่การซ่อมบำรุงเรียบร้อย ขอให้ทุกคนเตรียมพร้อมด้วย!" อุมิโกะประกาศกลางสะพานเดินเรือซึ่งสมาชิกบนยานรวมตัวกันอยู่

       "ได้เสียเซ่!! ดาวอังคารน่ะถิ่นชั้นเลยนะเฟ้ย!! อิทซึกิทุบมือตัวเอง

       "พอถึงที่นั่นก็ไปสาขาย่อยของเวลด้าที่ดาวอังคาร จัดการซ่อมจัมเปอร์ให้มันเรียบร้อยซะ"

       "ที่นี่ทำไม่ได้เหรอครับ?" โซลแสดงความสงสัย

       "เครื่องยนต์ของเซฟาลอสเป็นโมเดลใหม่ของเวลด้าน่ะ แถมติดตั้งจัมเปอร์เข้าไปด้วยยิ่งซับซ้อนเข้าไปอีก" หลิงตอบแทน

       "แล้วหลังจากนั้นก็กลับโลกกันซักทีสินะ" ร้อยโทมาร์ค กาแลนด์ ชายหนุ่มผมทองสั้นผู้สวมแว่นกันแดดพูดขึ้นบ้าง

       "ชักคิดถึงบ้านแล้วล่ะ..." ลูกเรือคนหนึ่งคราง

       "ใช่แล้วล่ะ แล้วก็มีอีกเรื่องนึง" อุมิโกะสูดลมหายใจลึกๆ

       "ตั้งแต่วันนี้ไป พลทหารเรนิส มิวส์จะเป็นสมาชิกของยานเซฟาลอสอย่างเป็นทางการ!"

       "อะไรนะ!?" เสียงตะโกนอย่างไม่ได้นัดหมาย

       "เดี๋ยวก่อน...ยายนั่นจะมารับตำแหน่งอะไรเรอะ?" อิทซึกิถาม

       "ก็นักบินไง"

       "คิดอะไรอยู่เหรอครับ กัปตันอุมิโกะ?" โซลถามต่อ

       "จริงอยู่ว่าสมาชิกของยานลำนี้ไม่ปกติเท่าไหร่ แต่มันก็น่าจะมีขอบเขตบ้างน้า..." มาร์คว่า

       "เงียบแล้วก็ฟังก่อนสิ คือว่าชั้นรับเด็กคนนั้นขึ้นยานในฐานะนักบินก็จริง แต่จะให้ออกรบรึเปล่ามันอีกเรื่องนะ..." อุมิโกะยิ้มเจ้าเล่

       "อย่างน้อยอยู่กับพวกเราก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกพวกนักวิทยาศาสตร์โรคจิตเอาไปทำอะไรต่อใช่มั้ยล่ะ ยายนั่นขึ้นยานมาแล้วพวกนายจะเก็บไว้เล่นแต่งตัวตุ๊กตาหรือเอาไปเป็นแบบเขียนนิยายอีโรติกโลลิคอนหรือยังไงก็ตกลงกันเอาเอง"

       ในหัวคนๆนี้มีเรื่องอะไรบ้างเนี่ย? ลูกเรือที่ไม่สนิทกับอุมิโกะสงสัย

       "แล้วถ้าเดดาลัสส่งคนมาคอยคุมเด็กคนนั้นล่ะคะ?" วารีถามบ้าง

       "กฏข้อที่หนึ่ง บนยานลำนี้ชั้นใหญ่ที่สุด ถ้ามันเรื่องมากนักชั้นจะจับขังเดี่ยวซักสามวันแล้วโยนทิ้งเป็นขยะอวกาศซะเลย ไว้ค่อยรายงานว่าเป็นอุบัติเหตุแล้วกัน"

       ความเงียบที่ยากจะบอกบรรยากาสปกคลุมทุกคนอยู่ครู่ใหญ่

       "เป็นอันตกลง งั้นชั้นกลับไปคุมการซ่อมยานล่ะนะ" หลิงออกจากห้องไปก่อน แล้วทุกคนจึงทยอยกันออกไป

       "ชั้นมีพลาโมที่ต่อค้างอยู่ล่ะ" อิทซึกิตรงไปห้องตัวเอง

       "จะว่าไป...ฉันก็มีนิยายที่อ่านค้างไว้นี่นะ" มาร์คออกไปบ้าง

       "...คุณเทียนหลงล่ะ?" โซลหันรีหันขวาง

       "เดินออกไปฟิตเนสเงียบๆแล้วล่ะค่ะ ส่วนคุณดิมิคัสไปหาอะไรกินที่โรงอาหาร" เสียงมิกะตอบแทน

       "เอาน่าๆ ถึงจะบอกให้เตรียมพร้อมไว้ แต่จนกว่ายานจะออกก็พักให้สบายละกัน ชั้นก็ว่าจะนั่งวาดCGรออยู่ที่นี่แหละ" อุมิโกะบอกทั้งสองคน

       "พอเด็กคนนั้นขึ้นยานมาก็ช่วยเก็บไฟล์ไว้ลับๆด้วยนะคะ" วารีเตือน

       "ทำไมยะ? เธอคิดว่าชั้นวาดภาพธรรมดาไม่เป็นรึไง?"

       "เปล่าค่ะ แต่พอวาดภาพธรรมดาซักสองสามภาพ กัปตันก็จะบ่นว่า 'น่าเบื่อจังเล้ย' จากนั้นก็เป็นต้องวาดรูปติดเรทแทนทุกที"

       "มันเรื่องของชั้นย่ะ! พวกนายสองคนออกไปพักกันได้แล้วไป๊! ไม่งั้นเป็นโดนช่วยห้องครัวอาทิตย์นึงแน่!"

       "คร้าบ" โซลดึงมือวารีออกมาจากห้อง

       "ไปกันซะที..." อุมิโกะเปิดมอนิเตอร์ย่อยพร้อมสั่งรันโปรแกรม

       "นั่นมันปูมการเดินทางนะคะ" มิกะบอก

       "ถ้าบอกให้ทุกคนไปพักแล้วกัปตันนั่งทำงานอยู่มันไม่ดีใช่มั้ยล่ะ เธออย่าไปบอกใครแล้วกัน"

    โรงเก็บหุ่น ยานเซฟาลอส

       "งั้นพวกนี้ก็เป็นอุปกรณ์เสริมของแองเจลิก้าสินะ" หลิงตรวจสอบอุปกรณ์ที่วิศวกรของเดดาลัสขนขึ้นมา

       "ครับ รายละเอียดทั้งหมดอยู่ในรายการนี้น่ะครับ"

       "อืม..." หลิงพลิกดูรายการ อุปกรณ์ของแองเจลิก้าเป็นแบบใหม่ล่าสุดซึ่งAMส่วนใหญ่ของกองทัพยังไม่สามารถใช้ได้

       "ฮาร์ดพอยแบบIG-1000Xเหรอ งั้นก็ใช้กับเรย์ไม่ได้สินะ"

       "ครับ อุปกรณ์และอาวุธทั้งหมดของแองเจลิก้าถูกออกแบบมาเป็นพิเศษน่ะครับ"

       "งั้นเหรอ?" หลิงกลับไปสนใจรายการอุปกรณ์ในมืออีกครั้ง

       "แล้วถ้าเอาอุปกรณ์รุ่นเก่ามาใช้กับแองเจลิก้าจะได้มั้ย?"

       "ตั้งแต่HP-04กับIG-600ขึ้นไปก็ใช้ได้ไม่มีปัญหาครับ"

       "ของพวกนี้ชั้นบันทึกข้อมูลไว้หมดแล้วนะ สงสัยอะไรก็ถามมาได้เลย" ไอคอมโม้

       "ไม่ล่ะ"

       "ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกผมขอตัวล่ะนะครับ ฝากแองเจลิก้าด้วยนะครับ"

       "ไว้ใจได้เลย" หลิงตอบกลับไป


    ใกล้ๆกันนั้นเอง วารีกับโซลนั่งในห้องควบคุมมองแผนที่อวกาศสามมิติที่คอมพิวเตอร์ของเอ็กโซดฉายออกมา

       "แล้วก็...ดาวดวงนี้จริงๆแล้วกลายเป็นซูเปอร์โนวาไปตั้งแต่เมื่อร้อยปีก่อน แต่กว่าแสงของมันจะหายไปจากโลกก็อีกซักหนึ่งพันห้าร้อยปีน่ะครับ" โซลชี้ให้ดูที่ดาวดวงนึง

       "ซับซ้อนจังเลยค่ะ"

       "ครับ ถ้าไม่มีXช่วยผมก็คงไม่รู้เรื่องเหมือนกัน คุณพ่อท่านทุ่มเททั้งชีวิตกว่าครึ่งให้งานนี้ แต่ก็ยังเหลืออะไรที่ต้องเพิ่มเติมอีกเยอะเลยล่ะครับ"

       "คุณโซลคิดจะทำแผนที่นี้ต่อเหรอคะ?"

       "ครับ แต่สถานการณ์ตอนนี้มันไม่อำนวยเลยน้า..." โซลกดปิดแผนที่

       "อย่าท้อถอยสิคะ ชั้นเองไม่ค่อยรู้เรื่องนัก แต่ก็รู้ว่านี่เป็นงานที่ยิ่งใหญ่มากๆเลยล่ะ"

       "ขอบคุณครับ คุณวารี แต่ตอนนี้...ผมกังวลเกี่ยวกับโลกของคุณแม่มากกว่าความฝันของคุณพ่อน่ะครับ"

       "ชั้นเข้าใจค่ะ" ความรู้สึกเศร้าที่สัมผัสได้ทำให้วารียกมือขึ้นแตะหน้าอกตัวเอง

       "เพราะที่นั่นก็คือโลกของชั้นเหมือนกัน"

    สะพานเดินเรือ

       "เจ้าหน้าที่จากเดดาลัสขอเข้ารายงานตัวค่ะ กัปตัน" มิกะเตือนอุมิโกะ

       "อา...ให้เข้ามาได้" อุมิโกะกดปิดสวิตช์มอนิเตอร์ย่อย

       เรนิสเข้ามาแสดงความเคารพต่ออุมิโกะ ตอนนี้เด็กหญิงสวมชุดแขนยาวสีชมพูที่มีเสื้อกั๊กแขนสั้นทับไว้อีกชั้นนึงกับกระโปรงสั้น ดูน่ารักขึ้นเป็นกอง

       "อ้าว? ไม่มีผู้ปกครองมาด้วยหรอกเรอะ?"

       "กำลังขนเครื่องใช้ทั้งหมดมาไว้ในยานน่ะค่ะ จะให้พามามั้ยคะ?"

       "ไม่ต้องหรอก ไว้เสร็จแล้วค่อยมารายงานตัวก็ได้"

       "เรนิส~~~" เสียงเรียกยาวดังพร้อมกับที่ประตูยานเปิดออก ผู้หญิงผมยาวใส่แว่นท่าทางมีความรู้วิ่งเข้ามากอดเรนิส

       "ใจร้ายจัง ทิ้งชั้นมารายงานตัวคนเดียวได้ไงง่ะ?"

       "นี่ผู้ปกครองเธอเรอะ?" อุมิโกะถามด้วยความแปลกใจ พร้อมสังเกตเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้แต่งเครื่องแบบของกองทัพโลก เป็นพลเรือนสินะ

       "ใช่ค่ะ" เรนิสตอบด้วยสีหน้าละเหี่ยใจ

       "อ่ะ ขออภัยค่ะ! ดิชั้นอิริน่า เวสต์ฮิล เป็นผู้ดูแลเรนิสค่ะ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ"

       "พันตรีอุมิโกะ ฟุจิวาระ ผู้บัญชาการของเซฟาลอสยินดีต้อนรับค่ะ" อุมิโกะตอบ

       "...อุมิโกะ...ฟุจิวาระ...คุณคือลูกสาวของนายพลซาบุโร่ ฟุจิวาระเหรอคะ?"

       "ค่ะ แต่ไม่ต้องเกรง--"

       "ว้าย~~~ ขอลายเซ็นหน่อยค่ะ! วีรกรรมของคุณสมัยอยู่อคาเดมี่น่ะดังสุดๆไปเลยนะคะ! เพื่อนๆที่มหา'ลัยบอกว่าคุณเป็นวีรสตรีแห่งยุคเลยล่ะค่ะ!" อิริน่ายื่นกระดาษกับปากกาให้ด้วยท่าทางตื่นเต้นสุดขีด

       "สงบสติหน่อยค่ะ คุณอิริน่า" เรนิสกระตุกแขนเสื้ออิริน่า ท่าทางละเหี่ยใจยิ่งชัดเจนขึ้นอีก

       "เอ่อ...ขออภัยค่ะ" อิริน่ารับลายเซ็นจากอุมิโกะ

       "งั้นชั้นขอตัวไปเก็บของต่อนะคะ เอ่อ...ว่าแต่จะให้พวกเราพักห้องไหนล่ะคะ?"

       "มีห้องพักแบบส่วนตัวมีเหลือซักห้าห้องได้มั้ง คุณกับเรนิสจังเลือกกันไปคนละห้องแล้วกัน"

       "หา? ไม่ต้องถึงกับให้พักห้องนายทหารหรอกค่ะ ขอห้องรวมแบบปกติก็พอ"

       "นั่นห้องปกติแล้วล่ะ เวลด้าออกแบบยานลำนี้ให้ลูกเรือมีสภาพจิตใจเต็มร้อยน่ะ อะไรต่อมิอะไรก็เลยหรูกว่าปกติซักหน่อย พอดีตอนนี้ลูกเรือเราไม่เต็มทีมด้วย เลยมีห้องส่วนตัวเหลือเฟือ"

       "เอ่อ...แล้ว...ยานลำนี้เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆคงจะไม่มีผีสินะคะ?"

       "อะไรนะ?" อุมิโกะงง

       "ช่วยหาห้องคู่ให้ทีเถอะค่ะ ไม่งั้นตอนนอนคุณอิริน่าได้มาขอนอนเบียดชั้นแหงๆ" เรนิสแทรก อุมิโกะเริ่มสงสัยแล้วว่าใครจะมาดูแลใครกันแน่

    สองชั่วโมงให้หลัง

       "ฮ้าว! ยังหลับไม่เต็มอิ่มเลยนะเนี่ย" ลูกเรือคนหนึ่งนั่งงัวเงียอยู่ที่เก้าอี้พลปืน เซฟาลอสออกจากสถานีเดดาลัสได้ซักพักนึงแล้ว

       "ไปนอนต่อก็ได้นะ คงไม่มีศัตรูโผล่มาทักทายระหว่างที่อยู่ในเขตควบคุมของเดดาลัสหรอก" ดิมิคัสแนะ

       "ไม่ล่ะ ขอเป็นกาแฟซักถ้วยดีกว่ามั้ง"

       "...กาแฟนะคะ" เสียงน้อยๆพูดอย่างข่มอารมณ์

       "งั้นผมขอชาดีกว่า เอาชาฝรั่งนะครับ" ดิมิคัสว่าบ้าง

       "ชั้นเอาเค้กช็อกโกแล็ต ขอที่หน้าช็อกโกแล็ตหนาๆน่ะนะ เอามาซักสองชิ้นก็พอ" อุมิโกะสั่งต่อไป

       "...คุณวารีล่ะคะ"

       "ไม่ล่ะจ้ะ" วารีมองตามเรนิสที่วิ่งออกไปจากสะพานเดินเรือ พลางนึกย้อนไปถึงบทสนทนาก่อนหน้านี้...


       "ว่าไงนะคะ?!"

       "ตำแหน่งของเธอก็คือนักบินสำรอง ชัดเจนมั้ย? ก็อย่างที่บอกไป ฝีมือของเธอตอนนี้ชั้นคงให้ออกรบไม่ได้"

       "หมายความว่า จะให้หนูเรนิสฝึกฝีมือจนเก่งซะก่อนเหรอคะ?" อิริน่าถาม

       "ใช่เลย ถึงชั้นจะเป็นกัปตันของยานลำนี้ แต่การจะให้ใครได้ร่วมทีมต้องผ่านประชามติของเหล่าผู้กล้าที่ไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายข้างนอกซะก่อน ตามขนบธรรมเนียมและประเพณีอันดีงามของระบอบประชาธิปไตย อันหมายถึง-"

       "กัปตันคะ" วารีหยุดอุมิโกะที่เริ่มเข้ารกเข้าพง

       "โทษที สรุปสั้นๆก็คือเธอจะออกรบได้ก็ต่อเมื่อพวกอิทซึกิคุงอนุญาตน่ะ"

       "...เข้าใจแล้วค่ะ" เรนิสรับคำ แม้จะดูไม่พอใจอยู่บ้าง

       "คุณผู้ดูแลก็ไม่มีปัญหาใช่มั้ยคะ?" อุมิโกะถามอิริน่าที่กำลังอึ้งอยู่

       "แจ๋วดิ๊!!" อิริน่าตะโกนลั่น

       "หมายความว่าจะให้เรนิสฝึกขับAMกับนักบินอาชีพจริงๆใช่มั้ยคะ? สุดยอดเลยล่ะ! ตอนอยู่ที่เดดาลัสเธอฝึกแต่กับโดรนจนการเคลื่อนไหวแข็งทื่อไปแล้วล่ะค่ะ ถ้าให้ฝึกกับนักบินมีฝีมือล่ะก็ต้องเก่งขึ้นสิบเท่าแน่ๆเลยล่ะ!"

       "อ่า...นะ ถ้าเก่งขึ้นจริงๆก็คงให้ออกรบจริงได้ล่ะ... อีกอย่างนึง ระหว่างที่ยังเป็นนักบินสำรอง เพื่อไม่ให้เสียเวลาเปล่า ให้พลทหารเรนิสรับหน้าที่เบ๊ เอ๊ย พนักงานบริการประจำสะพานเดินเรือไปพลางๆ"

       เรนิสทำท่าจะเถียงแต่ถูกอิริน่ากอดไว้พร้อมเอามืออุดปากซะก่อน

       "ดีเลยค่ะ! ตอนอยู่เดดาลัส พอฝึกคุมหุ่นเสร็จ ก็มีแต่ต้องต้องตรวจเช็กโน่นเช็กนี่ขนานใหญ่จนชั้นกลัวว่าเธอจะกลายเป็นหุ่นไปซะเองแล้วล่ะ ถ้าให้ทำงานนี้คงสื่อสารกับคนด้วยกันได้ดีขึ้นบ้าง"

       "ก็ได้ๆ! ว่าแต่งานพนักงานบริการนี่ต้องทำอะไรบ้างล่ะคะ?" เรนิสดิ้นหลุดจนได้

       "แค่เสิร์ฟน้ำกับขนมก็พอมั้ง" วารีแนะ

       "เฮ้ย! เอาถูพื้นกับเก็บถ้วยชามด้วยสิ!" อุมิโกะโวย

       "ใช้งานหนักเกินไปก็ไม่มีเวลาฝึกฝีมือสิคะ"

       "น้ำค่ะ" เรนิสยื่นแก้วน้ำให้วารีที่กำลังคิดเพลินๆ

       "ขอบใจนะ" วารีรับแก้วน้ำมา เธอวางแก้วที่เย็นเฉียบไว้ใกล้ๆ อิริน่าจ้องเค้กของอุมิโกะตาไม่กะพริบ

        "ขอโทษนะครับ ปกติผมดื่มชาจะใส่น้ำผึ้งน่ะ" ลูกเรือคนหนึ่งยกมือบอก

        "เฮ้ๆ อย่าเรื่องมากนักสิ" อุมิโกะรามลูกเรือ ถึงจะเป็นคนให้เด็กหญิงทำหน้าที่นี้เอง แต่เธอก็รู้สึกว่าการให้จัดการเรื่องหยุมหยิมทั้งหมดมันจะเกินไป

       "ไม่เป็นไรค่ะ มันหน้าที่ชั้นนี่นา มีใครจะเอาอะไรพิเศษอีกไหมคะ?" เรนิสถามคนอื่นๆ

       "นี่ๆ ขอเค้กแบบที่กัปตันกินด้วยสิ" อิริน่าว่า

       "ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ" เด็กหญิงกลับไปที่คาเฟ

       "เป็นเด็กที่รับผิดชอบดีนะ" ดิมิคัสออกความเห็น

       "คุณผู้ดูแลคะ น้องเรนิสเค้าอายุเท่าไหร่คะ?" วารีถาม

       "เอ๋? ในฐานข้อมูลไม่มีเหรอคะ?"

       "ชั้นสงสัยว่าจะใส่ข้อมูลผิดน่ะค่ะ"

       "สิบสี่ค่ะ"

       "ยายเปี๊ยกสูงไม่ถึงเมตรครึ่งนั่นน่ะนะ?" อุมิโกะถามต่อ

       "เด็กคนนั้นหยุดสูงมาสี่ปีแล้วล่ะค่ะ"

       "เอ๋?"

       "คิดว่าคงจะรู้อยู่แล้วนะคะว่าร่างกายของเรนิสน่ะ ผิดจากคนธรรมดาอยู่ไม่น้อย" อิริน่าขยับแว่น

       "นาโนมาชีน..." วารีพึมพำ

       "ค่ะ เด็กคนนั้นได้รับการปลูกถ่ายนาโนมาชีนหลังจากเซลในร่างกายเสื่อมสภาพอย่างผิดปกติตั้งแต่ตอนอายุแปดขวบ หลังจากนั้นการเติบโตของเธอก็ช้าลง จนกระทั่งหยุดสนิทเมื่อซักสองปีที่แล้วนี้เอง"

       "นี่เป็นการทดลองของเดดาลัสเหรอ?" อุมิโกะตัดสินใจถามตรงๆ

       "ไม่เชิง มันเป็นความผิดพลาดน่ะค่ะ การปลูกถ่ายนาโนมาชีนก็เพื่อช่วยชีวิตของเธอไว้เป็นการเฉพาะหน้า พูดตรงๆก็คือเดดาลัสไม่ได้วางแผนเรื่องนี้ไว้หรอก"

       "สรุปได้ว่าร่างกายส่วนหนึ่งของเด็กคนนั้นเป็นนาโนมาชีน" ดิมิคัสออกความเห็น อิริน่าพยักหน้านิดๆเป็นการยอมรับ

       "ถ้าถามเธอเรื่องไซเรน เธอจะบอกมั้ย?" อุมิโกะรุกต่อไป

       "ได้ยินคำๆนั้นมาจากไหนเหรอคะ? แต่เสียใจด้วยค่ะ ไม่ใช่ว่าไม่อยากบอกหรอกนะคะ แต่ชั้นเองก็แทบไม่รู้ข้อมูลเบื้องลึกต่างหาก เดดาลัสเลยส่งมาเป็นผู้ดูแลเรนิสไงคะ"

       "เอาแค่เท่าที่รู้ก็ได้"

       "อือ...เท่าที่ชั้นรู้ก็คือ เรนิสน่ะเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถใช้งานระบบNCSได้น่ะค่ะ คนธรรมดาถึงจะเชื่อมระบบประสาทกับNCSได้ แต่ก็ไม่สามารถควบคุมแองเจลิก้าได้หรอกค่ะ แล้วก็เห็นตัวเล็กๆแบบนั้นแต่เธออดทนมากกว่าคนธรรมดาไม่น้อยเลยนะคะ เท่าที่ชั้นรู้เธอทนแรงจีได้มากกว่านักบินAMทั่วๆไปซะอีก"

       "แล้ว...มีเด็กคนอื่นในโครงการณ์นี้อีกรึเปล่า?"

       "มาแล้วค่ะ" เรนิสเข้าห้องขัดจังหวะบทสนทนาพอดี เธอเดินไปเสิร์ฟให้แต่ละคนจนครบ

       "คุณวารี ไม่ดื่มน้ำเหรอคะ?" เด็กหญิงสังเกตเห็นแก้วน้ำที่เอามาให้ไม่ได้พร่องไปแม้แต่น้อย

       "เย็นไปนิดจ้ะ โอเปอเรเตอร์อย่างพี่น่ะ ถ้าเสียงเสียก็ใช้ไม่ได้หรอกนะ"

       "งั้นชั้นไปเอามาให้ใหม่นะคะ"

       "ไม่ต้องหรอก ตั้งไว้ซักเดี๋ยวก็ใช้ได้แล้วล่ะ"

       "แต่ว่า"

       "น้องเรนิสยังมีหน้าที่อื่นนี่นา พวกคุณอิทซึกิน่ะพักกันที่บล็อก4Cน่ะนะ ไปขอให้ช่วยฝึกซิมูเลเตอร์ให้ก็แล้วกัน"

       "อิทซึกิ...หมายถึง เคอเบรอส ร้อยโทอิทซึกิ คายามะน่ะเหรอคะ?" อิริน่าเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย

       "ใช่ค่ะ"

       "กรี๊ด!!! ไปเร็วเรนิส! ไปขอลายเซ็นกัน!!" อิริน่าลากเรนิสออกไป วารีมองตามไปด้วยรอยยิ้ม

       "ท่าทางเธออยากให้เด็กคนนั้นได้ออกไปรบจริงๆเลยนะ" อุมิโกะพูดขึ้น

       "เห็นความตั้งใจของเค้าแล้วนี่คะ ถ้าพวกคุณอิทซึกิยอมรับเด็กคนนั้นได้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะแกล้งเค้าหรอก"

       "พวกเดียวกันนี่นะ" อุมิโกะถอนใจเบาๆ

       "เอ๋?"

       "ก็ไอ้การทำงานแบบมิสเพอเฟ็ค มุ่งมั่นตั้งใจสุดๆแบบนี้น่ะ เหมือนเธอสมัยอยู่อคาเดมีเปี๊ยบเลยนี่นา"

       "ฮึๆ จะว่าไป ตอนนั้นกัปตันก็ให้ชั้นไปซื้อเค้กช็อกโกแล็ตเหมือนกันนะคะ"

       โซลพลิกดูหนังสือ การผจญภัยของอาเธอร์ แฮร็อด เล่มสาม ที่มาร์คให้ยืมอ่าน (การผจญภัยของอาเธอร์ แฮร็อด เป็นชุดนิยายยอดนิยม เนื้อหาเกี่ยวกับนักลงทุนชาวอังกฤษเชื้อสายยิวและการดำเนินธุรกิจในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ) ห้องพักในเซฟาลอสนับว่าสบายและเป็นส่วนตัวไม่น้อย ถ้ามีห้องน้ำในตัวด้วยโซลคงจะคิดว่ากำลังอยู่ในยานโดยสารชั้นหนึ่ง หนังสือชุดนี้มาร์คให้ยืมมาเพื่อให้ศึกษารสนิยมของผู้คนในปัจจุบันและเหตุการณ์ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่21 ถึงยังงั้นชายหนุ่มก็พบว่าตนมีเรื่องที่ไม่เข้าใจอยู่ไม่น้อยและตัดสินใจว่าการไปถามรายละเอียดกับเจ้าของหนังสือน่าจะดีกว่าเก็บไว้งงคนเดียว

       "โดนหลอกแล้ว" อิทซึกิที่ยืนข้างซิมูเลเตอร์เครื่องหนึ่งพูด นับเป็นเรื่องผิดปกติเพราะคนๆนี้ใช้ซิมูเลเตอร์แทนเครื่องเล่นวิดิโอเกมส์และไม่เคยยอมดูเฉยๆ นอกจากอิทซึกิแล้วโซลยังเห็นมาร์คและหญิงสาวผมเปียใส่แว่นอีกคน

       "บู่!! สู้กับเด็กแค่นี้ใช้เวลาเป็นนาที!!" อิทซึกิตะโกนใส่ชายหนุ่มในเสื้อเครื่องแบบกองทัพโลกสีเทาอ่อนของนายสิบที่ออกมาจากซิมูเลเตอร์อีกเครื่อง

       "เธอมาฝึกนะครับ ไอ้การซัดแบบชุดเดียวจอดของคุณจะไปมีประโยชน์อะไร?" ตอนนี้โซลถึงเห็นเรนิสออกมาจากซิมูเลเตอร์

       "พอแค่นี้เหรอคะ?"

       "รีบเกินไปก็ไม่ดีนะครับ นั่งสงบจิตใจแล้วรอให้มิสเตอร์โปรเฟสชั่นแนลของพวกเราวิเคราะห์การต่อสู้เมื่อครู่ซะก่อนดีกว่า" สิบโทลี เทียนหลงหยิบแว่นขนาดเล็กขึ้นมาสวม

       "ทำอะไรกันอยู่น่ะครับ?" โซลเข้าไปถาม

       "ค่ายฝึกพิเศษสุดโหดนรก" อิทซึกิตอบหน้าตาย

       "เห็นว่ากัปตันจะให้ไปรบจริงก็ต่อเมื่อพวกเรายอมรับฝีมือเธอได้น่ะครับ เธอก็เลยมาขอให้พวกเราฝึกให้" เทียนหลงแก้

       "แล้วเจ้าอิทซึกิมันก็อยากแกล้งเด็ก เลยตอบตกลงไปเรียบร้อย" มาร์คเหน็บพร้อมกับจัดการให้หน้าจอหลักแสดงภาพย้อนหลังการต่อสู้เมื่อครู่

       "ฮ่าๆๆ ขอยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบาน"

       "อายซักหน่อยก็ดีนะครับ" บนหน้าจอก็คือแองเจลิก้าที่ไล่โจมตีสไตรเกอร์อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีลำแสงที่เข้าเป้าซักนัด

       "ดูให้ดีนะ" มาร์คเรียกความสนใจจากเรนิส

       "ด้านสมรรถนะของเครื่อง ทั้งความเร็วและระบบนำร่องของสไตรเกอร์ด้อยกว่าแองเจลิก้าก็จริง แต่อย่างที่เห็นว่าการโจมตีของเธอไม่เข้าเป้าเลย..." ภาพบนจอดำเนินต่อไป ตอนนี้สไตรเกอร์เริ่มโต้กลับแล้ว แองเจลิก้าหลบมิสไซล์และปืนกลได้ แต่ไม่รอดจากปืนอนุภาคที่ยิงตามมา

       "ตอนแรกเธออาจจะคิดว่าหลบการโจมตีของเทียนหลงมันได้บ้าง แต่ตอนนี้ได้มองจากข้างนอกแล้ว เห็นอะไรมั้ย?"

       "...การโจมตีที่พลาดไปเป็นการหลอกล่อสินะคะ"

       "ใช่ มิสไซล์นั่นไม่ได้หวังผลในการทำลาย แต่มันจำกัดการเคลื่อนไหวของเธอ ทำให้ใช้ปิดฉากได้ง่ายขึ้น"

       "นี่ๆ คิดว่ามาดเจ้ามาร์คเหมือนครูโรงเรียนประถมป่ะ?" อิทซึกิกระซิบถามเทียนหลง

       "เลิกพูดจาไร้สาระเถอะครับ"

       "สรุปก็คือ คงต้องเริ่มกันตั้งแต่กลยุทธพื้นฐาน ถ้าใช้อุปกรณ์ธรรมดาๆจะได้ผลกว่านะ ต่อไปนี้ให้ใช้ข้อมูลของกาเซลในการฝึกแทนแองเจลิก้าก็แล้วกัน" มาร์คสรุป

       "เรนิสไม่เคยคุมหุ่นด้วยระบบธรรมดานะคะ" อิริน่าที่เงียบอยู่นานขัด

       "งั้นก็ต้องฝึกการควบคุมพื้นฐานด้วยสินะ เรื่องนี้ให้เทียนหลงมันรับไปก็แล้วกัน" อิทซึกิว่า

       "อ้าว?" เจ้าตัวงง

       "จริงอยู้ว่ามันเป็นพวกตัวตนจาง แถมฝีมือยังสู้ชั้นกับมาร์คไม่ได้อีก แต่พื้นฐานน่ะแน่นปึ้ก ได้เรียนกับมันก็เหมือนได้หนังสือติวข้อสอบโรงเรียนเตรียมนักบินปีหนึ่งเราดีๆนี่เอง"

       "ชั้นก็เห็นด้วยนะ" มาร์คพยักหน้า

       "...งั้นก็ตกลงครับ แล้วจะเริ่มฝึกเมื่อไหร่ดี พรุ่งนี้เป็นไงครับ?" เทียนหลงตกลง แม้จะสะกิดใจที่อิทซึกิว่าเขาเป็นพวกตัวตนจางก็เถอะ

       "ตอนนี้เลยค่ะ!" เรนิสกลับเข้าไปในซิมูเลเตอร์

       "แหม กะตือรือร้นดีจริงนะ" อิทซึกิออกความเห็น

       "ดีแล้วล่ะ นี่เพิ่งเริ่มต้นเองนี่นา...พอจบระดับพื้นฐานแล้วก็เป็นหน้าที่เราสอนกลยุทธสินะ แต่ว่า..." มาร์คหยุดใช้ความคิด

       "ฝึกกับกาเซลจนเก่งก็ไม่ใช่จะเอาไปใช้กับนางฟ้านั่นได้น่ะสิ" อิทซึกิต่อให้

       "อือ สมรรถนะมันต่างกันเกินไป ถึงจะให้ฝึกด้วยข้อมูลของแองเจลิก้า ถ้าไม่มีAMที่มีสมรรถนะใกล้เคียงกันมาเป็นคู่ซ้อมก็คงไม่ได้ผลเต็มร้อย...เอาเถอะ กว่ายายนั่นจะฝึกพื้นฐานคล่องก็คงอีกซักสองสามวัน ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกทีก็ได้" มาร์คขยับแว่นกันแดดให้เข้าที่

       "อะไรก๊าน? ถ้าเป็นหุ่นเครื่องแรงๆล่ะก็มีคนที่ไหว้วานได้อยู่ตรงนี้แล้วไม่ใช่รึไง?"

       "ก็ได้นะครับ ถ้าผมช่วยได้ก็จะช่วยแล้วกัน" โซลตอบ

       "เฮ้ ตอนแรกชั้นยังนึกว่านายจะปฏิเสธซะอีกนะ" อิทซึกิใช้ศอกกระทุ้งโซล

       "จริงๆแล้วผมก็ไม่อยากเห็นเด็กตัวแค่นั้นมือเปื้อนเลือดหรอกนะครับ" โซลยิ้มเศร้าๆ

       "แต่เมื่อเป็นสมาชิกของทีมเราไปแล้วก็ต้องเลยตามเลย หนทางข้างหน้าของเราน่ะ...ถ้าไม่ยอมเลอะซะบ้างก็ไม่มีทางรอดซะด้วย"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×