ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
เด็กหนุ่มหน้าใสคนหนึ่งกำลังกลับบ้านโดยหอบข้าวของพะรุงพะรังเดินไปตามทางแคบเล็กๆของเซ็นทรัลปาร์คในเมืองใหญ่อย่างมหานครนิวยอร์กหรือที่เรียกกันว่าBig Apple ด้วยความทุลักทุเล
ข้าวของที่ว่าส่วนใหญ่ก็คืออาหารสารพัดจำนวนเยอะแยะ จำนวนมากขนาดเลี้ยงคนจรจัดได้ถึง6-7คนเลยทีเดียว ดูๆแล้วอาจจะเป็นภาพแปลกตาสำหรับผู้คนทั่วไป แต่คนที่อยู่แถวนี้กลับพบเห็นบ่อยจนชินตาไปซะแล้ว...
“Al! Where are you going?” /แอล นั่นนายจะไปไหนน่ะ?/เสียงทักทำให้เขา ชะงักเท้าที่กำลังเดินไปอีกฝั่งของถนนแล้วหันกลับมามองคนทักก่อนจะเดินต่อไป -- -- อุเคียว คือ ชื่อของฉันเฟ้ย!ไม่ใช่แอล!!!! -- --
“My home, of course. And my name is Ukyo not Al” /ก็กลับบ้านฉันสิ แล้วก็ชื่อฉันคืออุเคียวไม่ใช่แอล/ เขาตอบเสียงเรียบโดยไม่ได้หันไปมองซักนิดว่าคนที่พูดเป็นใคร
“I know. I know, but it calls easy than U or something.” /ฉันรู้น่า ฉันรู้ แต่มันเรียกง่ายกว่าอุ..อะไรซักอย่างเนี่ย/วิคตอเรีย สาวสวยลูกครึ่งอังกฤษพูด เธอสะบัดผมสลวยสีบลอนด์เงินจนเด็กหนุ่มแสบตาไปพักใหญ่
“And sounds cutes better!”/และก็ฟังดูน่ารักกว่าตั้งเยอะ/โรเร็ตส์ เพื่อนสาวผิวสีชาวอเมริกันอีกคนที่มีรูปร่างเพรียวสวยพูดเสริม แถมยังกล้าขนาดเดินมาเกาะแขนของเขาซะแน่น
“I don’t like it.” /ฉันไม่ชอบนี่/ เขาหันมาตอบทันที แล้วก็พยายามใช้มือข้างที่ไม่ได้ถือของแกะมือของโรเร็ตส์ออกจากแขน -- --นี่ชื่อมันฉันนะ-- --
“We loved it!” /แต่เราชอบมากนี่!/ สองสาวเถียง คราวนี้วิคตอเรียเดินมาเกาะแขนด้วยอีกคน ส่วนมือของโรเร็ตส์ที่เพิ่งแกะออกไปสำเร็จก็หันมาเกาะแขนอีกข้างของเขาอีก -- -- โธ่เว้ย! ฉันก็หนักเป็นนะเฟ้ย!แค่ถือธรรมดาก็หนักจะตายอยู่แล้ว นี่พวกเธอจะมาเกาะมาถ่วงให้มันได้อะไรขึ้นมาเนี่ย? -- --เด็กหนุ่มอุทธรณ์ในใจ
“My name is Ukyo!!!!”/ชื่อของฉันคืออุเคียวเฟ้ย!!!/เขาว้ากลั่น -- -- ยัยพวกนี้ชักจะเกินไปแล้ว! คิดจะเปลี่ยนชื่อเขาก็เปลี่ยนกันได้ง่ายๆแบบเลยน่ะเหรอ!-- --
“Calm Down.”/ใจเย็นน่า../เสียงทุ้มห้าวของชายหนุ่มที่ดังแทรกเสียงแหลมๆของสองสาวช่างตื้อพร้อมๆกับน้ำหนักของมือใหญ่ที่วางลงบนบ่า นั่นทำให้เขายอมหุบปาก ราล์ฟเพื่อนสนิทของเขา หนุ่มอเมริกันแท้100%ผู้มีผมสีทองนัยน์ตาสีคาราเมลและผิวละเอียดสีน้ำนมเป็นคนพูด
“Do you show up in my places tonight?”/จะมาที่บ้านฉันคืนนี้ไหมคะ?/วิคตอเรียเป็นคนถามขึ้น
“We have a little party and I want you to come.” /พวกเราจะมีปาร์ตี้กันนิดหน่อย แล้วฉันก็อยากให้นายมามากๆด้วย/โรเร็ตส์ถาม มือของเธอที่เกาะแขนเขาอยู่บีบเบาๆเป็นเชิงอ้อนวอน
“Should I?”/จำเป็น?/เขาสวนเสียงเย็นชา พลางปรายตาไปยังมือของเธอทั้งสองเป็นเชิงว่าปล่อยได้รึยัง?ฉันหนักนะโว้ย!-- -- ขืนไปบ้านสองคนนี่ไม่อยากคิดว่าจะโดนทำอะไรบ้าง? คิดแล้วสยอง~! -- --“Where is Daniel?”/แล้วแดเนียลล่ะไปไหน?/ เขาถามถึงพื่อนสาวอีกคน เธอเป็นผู้หญิงที่สนิทกับเขาที่สุดเลยก็ว่าได้
“In da party already.” /ก็อยู่ในปาร์ตี้แล้วน่ะสิ/วิคตอเรียเป็นคนตอบ
“We want you to join us. Come on!” เราอยากให้นายมาด้วยนะ/เสียงแหบห้าวอีกเสียงดังขึ้น เจอิลเพื่อนชายอีกคนเป็นคนพูด นัยน์ตาเซ็กซี่สีน้ำเงินเข้มภายใต้ผมสีดำหยักศกที่ตกลงมาปรกหน้าผากทำให้เขาเกือบใจอ่อน แต่ถ้าไม่นับน้ำหนักมือที่วางลงบนบ่าอีกข้างล่ะก็นะ-- -- นี่พวกมันไม่คิดว่าเขาจะหนักกันเลยใช่ไหม? ถึงได้พากันมาเกาะตัวเขากันเต็มไปหมดน่ะห๊ะ!-- --เด็กหนุ่มคิด
ก็คิดดูสิตอนนี้สองสาวเกาะแขนเขาคนละข้างกับอีกสองหนุ่มมาเกาะบ่าอีกคนละข้าง นี่ยังไม่นับข้าวของเต็มอ้อมแขนที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับมันดี และดูเหมือนไอ้เพื่อนสองตัวนั่นมันจะตั้งใจแกล้งเขาซะด้วย...
“No, thanks. My dad, He said he want to talk something important to me tonight. So, Tonight I can’t go out. But maybe next times I will”/ไม่ล่ะ ขอบใจนะแต่พ่อฉันเขาบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยน่ะ ดังนั้นคืนนี้คงไม่ได้ออกไปไหน ไว้คราวหน้าละกันอาจจะไปนะ/เด็กหนุ่มปฏิเสธ และสะบัดตัวจนพ้นจากการเกาะกุมทั้งมวล-- --จริงๆแล้วเขาก็แหลไปงั้นแหละ...เจ้าพ่อบ้าน่ะไม่โผล่หน้ากลับบ้านมาจะเดือนอยู่แล้ว เขาแค่ขี้เกียจออกจากบ้านวันนี้เฉยๆ กะว่าจะนอนเล่นดูหนังที่เพิ่งเช่ามาหมาดๆเต็มอ้อมแขนนี่ให้เปรมไปเลยต่างหาก-- --
“Okay. Don’t forget. You promise me already.”/โอเค อย่าลืมล่ะ นายรับปากฉันแล้วนะ/โรเร็ตส์พูดขึ้น
“Yeah Can I reject you before? Hah?”/จ้า..เคยไม่ทำรึไงเล่า?/อุเคียวพูดพลางพยักหน้าหงึกๆ
“Do you need a hand?”/นายอยากได้คนช่วยรึเปล่า?/ราล์ฟพูดเรียบๆตามนิสัยหนุ่มขรึมอย่างเขา
“Yes, your stuffs look very heavy. Let me help you.”/ใช่ของนายดูหนักชะมัดเลย ให้ฉันช่วยนายถือเถอะ/เจอิลพูดพร้อมกับแย่งของบางส่วนมาถือไว้เรียบร้อย-- --เฮ้ย!นั่นมันถุงใส่หนังที่ฉันเช่ามานี่หว่า-- ---อุเคียวตาตั้ง
“No, thank you. I can handle them”/ไม่เป็นไร ฉันถือเองไหว/เขาว่าดึงถุงคืนมาแล้วถอนใจเฮ้อ-- --ขืนให้พวกนายถือขึ้นบ้านไป ที่ฉันแหลไปความก็แตกน่ะสิ!-- --
“So, see ya.”/งั้นก็...แล้วเจอกัน/ราล์ฟกับเจอิลพูดพร้อมกับเดินจากไป
“See ya, baby”/แล้วเจอกันนะที่รัก/สองสาวเอ่ยพร้อมกับเดินมาหอมแก้มเขาคนละข้าง -- --อึ๋ย~! ใครเป็นที่รักของพวกเธอกันน่ะ?-- --
“See you next time.”/แล้วเจอกัน/เขาว่าพลางใช้มือข้างที่ว่างถูแก้มตัวเองอย่างลวกๆแล้วเริ่มออกเดินต่ออย่างไม่แม้แต่จะคิดว่าเรื่องที่โม้ไว้อาจจะเกิดขึ้นจริงๆก็ได้....
จริงๆแล้วสองสาวนั่นก็เป็นเพื่อนที่ไม่เลวเท่าไหร่ ถ้าเพียงแต่พวกเธอจะเลิกจีบเขาแล้วหันมามอบมิตรภาพแบบปกติให้ซะที น่าแปลกชะมัดทั้งราล์ฟแล้วก็เจอิลต่างเป็นหนุ่มฮอตของโรงเรียนทั้งคู่ หล่อขนาดนั้นกลับไม่จีบมาจีบเขาที่เพียรปฏิเสธเช้าปฏิเสธเย็นทำไม?ผู้หญิงพวกนี้..พูดได้คำเดียวว่าแปลก.....
ไมใช่แค่สองคนนั้นพวกผู้หญิงที่โรงเรียนอีกพอสมควรที่หลงผิดมาจีบเขา ทำไมกันนะ?
ระหว่างที่กำลังคิดอยู่เท้าก็พามาหยุดหน้าบ้านซะแล้ว...........
ระหว่างที่กำลังคิดอยู่เท้าก็พามาหยุดหน้าบ้านซะแล้ว...........
ทำไมไฟเปิด?...รึว่า...ขโมยขึ้นบ้าน?!........................
อุเคียววางของไว้หน้าบ้านแล้วก็เอื้อมมือจับลูกบิด พอขยับมือนิดเดียวประตูก็เปิดออกอย่างง่ายดาย...
ประตูไม่ได้ล็อค..จำได้ว่าเขาล็อคตั้งแต่ตอนออกจากบ้านไปโรงเรียนเมื่อเช้าแล้วนี่หว่า....
เขารีบรวบของเข้าไปวางในบ้านอย่างรวดเร็ว...แล้วทันใดนั้นก็มีเสียงดังกุกกักมาจากในครัว...ที่ซึ่งเขาไม่ค่อยได้ย่างก้าวเข้าไปในช่วงหลายอาทิตย์นี้........
ไอ้โจรโง่เอ๊ย! ...บุกบ้านใครไม่บุกดันผ่าบุกมาบ้านเขาที่พ่อตัวดีส่งไปร่ำเรียนการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก...รนหาที่ตายชัดๆ...เขาคิดขณะที่เท้าก็ค่อยๆย่องเดินอย่างเงียบกริบไปยัง...ต้นเสียง....ห้องครัว
ทันทีที่โผล่หน้าเข้าไปเขาก็เห็นชายคนหนึ่งกำลังค้นตู้เย็นที่ว่างเปล่าของเขาอยู่...
เด็กหนุ่มเดินย่างสามขุมเข้าไปหาผู้บุกรุกด้วยใบหน้าอำมหิตชนิดว่าสาวไหนมาเห็นคงถอยกรูดไม่อยากเข้ามายุ่งกับเขาไปอีกนาน....
“แกคิดยังไงมาปล้นบ้านฉัน...ห๊ะ!?ไอ้ชั่ว!”พอพูดจบอีกฝ่ายหันกลับมากำปั้นก็พุ่งเข้าอัดเต็มหน้า พอคู่ต่อสู้ล้มเขาก็รีบซ้ำทันที...ด้วยเท้า
เจ้าโจรผู้น่าสงสารพยายามอ้อนวอน..
“It’s me.”/นี่ฉันเอง/
“So what? I don’t care. You die!!!!!!!!!!!!!!!”/แล้วไง?ฉันไม่สน แกตาย!!!!!!!!!!!!!/อุเคียวพูดพลางกระหน่ำลูกเตะอย่างเมามัน
ผู้บุกรุกร้องโอดโอยอย่างน่าสงสาร...จนในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวโพล่งออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่น
“อุเคียว...”
“ห๊ะ! แกเป็นคนญี่ปุ่นเหรอ? แล้วรู้ชื่อฉันได้ไง?อ๋อ..นี่แกคงแอบสืบข้อมูลเพื่อมาปล้นมานานแล้วสินะ!” เด็กหนุ่มโวยวายเป็นภาษาญี่ปุ่นอันเป็นภาษาบ้านเกิด แล้วหยุดการกระทืบลงชั่วคราวด้วยความลืมตัว
“ต้องรู้สิในเมื่อชื่อนี้ ผมเป็นคนตั้งเอง”ผู้บุกรุกเอ่ยอย่างสะอึกสะอื้นทั้งๆที่อยู่ในสภาพน่วม
“จะบ้ารึไง!? ชื่อนี่พ่อฉันเป็นคนตั้งเว้ย!”อุเคียวว้ากใส่พร้อมๆกับเตรียมยกเท้ายันหน้าผู้บุกรุกที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาด้วยน้ำตาคลอเต็มหน้า..........
“เฮ้ย! พ่อ!!!???”เขาร้องทันทีที่เห็นหน้าอีกฝ่าย
หลังจากที่รีบขอโทษขอโพยแล้ว เขาก็พยุงพ่อบังเกิดเกล้าที่น่วมไปด้วยน้ำมือ(และน้ำทีน)ของลูกสุดที่รักอย่างเขาให้มานั่งร้องไห้ซิกๆได้สบายๆบนโซฟาใหญ่ในห้องนั่งเล่น
“พ่อไม่ได้ส่งลูกไปเรียนการต่อสู้เพื่อมาทำร้ายพ่อแบบนี้นะ..ฮือ!"
พ่อบอกพลางใช้นิ้วเรียวสวยปาดน้ำตาที่ยังไหลไม่หยุดจากนัยน์ตาโตๆหวานๆคู่นั้น ที่เขาแทบไม่อยากเชื่อว่าคนหน้าตาน่ารักขนาดนี้ ทั้งนัยน์ตาโตๆสีน้ำตาลที่คลอไปด้วยน้ำตาตลอดเวลาหวานจนน้ำตาลเรียกพี่ จมูกเล็กๆแต่ก็โด่งเป็นสันได้รูปที่แดงเพราะการร้องไห้อย่างหนัก ริมฝีปากบางสีสดที่ยังสั่นระริก ผิวแก้มที่ใสขาวเหมือนน้ำนมแต่ตอนนี้กำลังแดงก่ำ นี่ยังไม่รวมหุ่นผอมบางที่สูง172cm. จะเป็นผู้ชาย แถมยังสิริอายุปาไปตั้ง38ปีแล้วด้วย แต่ที่ไม่อยากจะเชื่อที่สุดก็คือคนๆนี้จะเป็นพ่อคนแล้ว...พ่อของเขาเอง....
“พ่อเลิกร้องไห้ได้แล้ว หนูขอโทษ”เขาพูด ถ้ากับพ่อแม่และคนในครอบครัวเขาได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กให้ใช้คำนี้แทนตัวเอง...
“พ่อไม่ร้องก็ได้...แต่..แต่มันเจ็บนี่...”ผู้พ่อพยายามพูดด้วยปากที่ยังสั่นระริกที่แตกจากการโดนชกเมื่อกี๊
“ดีขึ้นรึเปล่า?”เด็กหนุ่มวิ่งไปเอาน้ำแข็งในตู้เย็นมาประคบแก้มที่ยังบวมตุ่ยของผู้เป็นพ่อ
“อะ...อือ”พ่อ หรือเรียวอิจิ อาคาทสึกิพยักหน้าหงึกๆ
“ดีแล้ว...งั้นบอกหนูหน่อยว่าทำไมพ่อถึงทำตัวลับๆล่ออยู่ในครัวน่ะฮึ?”อุเคียวถามด้วยความงง
“ก็พ่อตั้งใจว่าจะทำข้าวเย็นให้ลูกกินน่ะสิ เลยเดินมาหาของกินในครัวแต่มันไม่มีเลยอ่ะ”พ่อทำปากยื่นอย่างงอนๆ “ไม่รู้ว่าวันๆลูกได้กินอะไรมั่งเนี่ย?”
เขาต่อว่าด้วยความเป็นห่วงชีวิตความเป็นอยู่ของลูกคนเล็กยามที่ตนไม่อยู่บ้าน
แต่พอเห็นแบบนี้อย่างน้อยก็ไม่ต้องห่วงเรื่องขโมยขึ้นบ้าน เพราะถ้ามีขึ้นมาจริงๆลูกตัวดีคงอัดยับไม่เลี้ยง ยังดีที่เจ้าตัวยังไม่ทันเข้าไปหยิบปืนที่เขาให้ไว้ในห้อง
ไม่งั้น......
คนที่จะตายอาจไม่ใช่โจรที่ไหน แต่จะเป็นเขา...ผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้าคนนี้ก็เป็นได้!?
..ยิ่งคิดยิ่งเสียววาบ...
ลูกคนนี้นับวันยิ่งน่ากลัวเหมือนพี่มันและภรรยาสุดที่รักที่เสียไปนานแล้วไม่มีผิด...เขาไม่เข้าใจเลยว่าทั้งที่อุตส่าห์ดีใจว่าลูกคนนี้อุตส่าห์คลอดออกมาได้เค้าหน้าตาเหมือนเขาที่สุดแล้วแต่ทำไมกลับผ่าได้นิสัยแม่มันมาหมดก็ไม่รู้-- --ชายหนุ่มคิดอย่างเศร้าๆก่อนจะโดนขัดด้วยเสียงของท่านลูกบังเกิดเกล้า
“แล้วทำไมพ่อกลับมาบ้านได้ล่ะ?”เขาถาม -- -- เรื่องที่Fakeเอาไว้กลับเพื่อนกลับกลายเป็นจริงซะนี่ -- --
“ก็พ่อมีเรื่องสำคัญจะบอกลูกน่ะ”เคียวยะเอ่ยอย่างจริงจัง
“อะไรล่ะ?พูดมาสิพ่อ”เด็กหนุ่มถาม
“เดี๋ยวๆถ้านานเดี๋ยวหนูขอไปอาบน้ำก่อนนะ”แล้วเขาก็เดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำไปทิ้งให้ผู้เป็นพ่อนั่งเตรียมคำพูดในหัวว่าจะถ่ายทอดให้ลูกคนเล็กผู้หัวดื้อไม่แพ้พี่มันฟังอย่างไรดี...
“มาแล้วๆ”อุเคียวในชุดนอนเดินไปเปิดโทรทัศน์และเครื่องเล่นดีวีดีใส่แผ่นแล้วถอยมานั่งลงบนโซฟาเดียวกับพ่อของเขา
“คือที่บริษัทวางแผนจะขยายตลาดออกไปที่ฝั่งเอเชียน่ะ เลยตกลงกันว่าจะไปเปิดสาขาย่อยที่ญี่ปุ่นน่ะ...”เคียวยะเริ่มต้นพูดอย่างเป็นการเป็นงานผิดกับปกติแต่ลูกคนเล็กก็ยังไม่สนใจเท่าที่ควร
“อือ..ก็ดีนี่”อุเคียวว่าตายังคงจ้องเป๋งไปที่จอโทรทัศน์
“แล้วทีนี้ที่บริษัทเขาเห็นว่าพ่อเป็นคนสำคัญในการเปิดตัว.....คือมันก็ดีใช่ไหมล่ะ?”พ่อกล่าวต่อ
“อือ..แล้วยังไงล่ะพ่อ?”เด็กหนุ่มหยิบป๊อปคอร์นข้างตัวมาโยนใส่ปาก คำแล้วคำเล่า........
“ซาเคียวก็ขอย้ายกลับไปบ้านเดิมเราที่ญี่ปุ่นนานแล้วเนอะ อุเคียว”พ่อเริ่มเอ่ยถึงพี่ชายคนโตที่เกิดคิดแผลงๆอยากกลับไปเรียนมัธยมปลายปีสุดท้ายที่ญี่ปุ่นและตอนนี้ก็อยู่ปีหนึ่งมหาลัยโตเกียวได้สำเร็จดังความคาดหมาย
“อือ..ก็นานแล้ว”อุเคียวเออออ พลางเปิดขวดน้ำอัดลมรินใส่แก้วที่เพิ่งเดินไปหยิบมา
“ลูกคิดถึงพี่ชายบ้างรึเปล่า?”ผู้เป็นพ่อหันมาถามด้วยน้ำตาที่คลอขึ้นมาอีกครั้ง
“ก็..คิดถึงสิ”เขายกแก้วขึ้นจ่อริมฝีปาก “แล้วอยู่ๆพ่อถามทำไมน่ะ?”
“พ่อก็คิดถึงพี่ของลูกประจวบกับเรื่องที่ทำงาน...มันเพิ่งตกลงกันได้พอดี..”เคียวยะเริ่มออกแนวบ่นกระปอดกระแปดตามปกติ
“อือ”อุเคียวเออออ เพราะเขากำลังกินน้ำอัดลมอยู่จึงทำได้แต่เสียงอือเท่านั้น
“ดังนั้นเราจะย้ายตามพี่ลูกกลับไปอยู่ญี่ปุ่น~!!!”พ่อบอกด้วยรอยยิ้มกว้าง
พรวดดดดดดดดดดดด.....
รอยยิ้มนั้นจืดลงทันทีเพราะลูกคนเล็กได้พ่นน้ำอัดลมใส่เต็มหน้าของเขา
“ไม่!!!!!!!!!”อุเคียวปฏิเสธเสียงแข็ง -- --แล้วพวกเพื่อนของเขาที่นี่ล่ะ?-- --
“ตะ..แต่ลูกไม่คิดถึงพี่ของลูกซาเคียวเหรอ?”พ่อรีบพูดละล่ำละลัก
“คิดถึงส่วนคิดถึง แต่นี่มันชีวิตของหนูนะ”อุเคียวเชิดหน้าหยิบทิชชู่มาเช็ดปากที่เปื้อนแล้วส่งกล่องให้ผู้เป็นพ่อต่อ
“อุเคียวใจร้ายยยย...”พ่อว่าขณะใช้ทิชชู่เช็ดหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำอัดลม
“แล้วไงหนูไม่ยอมเสียเวลาไปปรับตัวที่นั่นหรอกนะ”เขาเถียง -- --จริงๆแล้วคำว่า‘ขี้เกียจ’ถูกนำมาแทนด้วยคำว่า ‘ไม่อยาก’ แล้วจริงๆคนที่ ‘ใจร้าย’ไม่ใช่เขาแต่เป็นพ่อต่างหากล่ะ!!! -- --
“พ่อจำไม่ได้ว่าเลี้ยงลูกให้โตขึ้นเป็นเด็กที่เอาแต่ใจแบบนี้นะ!”พ่อปล่อยโฮ ทิ้งกระดาษชำระลงถังขยะ
“พ่อต่างหากที่เอาแต่ใจ!ภาษาญี่ปุ่นของหนูก็ใช่ว่าจะดีเด่ ยังพูดได้อยู่นี่ก็ดีเท่าไหร่แล้วแต่เรื่องเขียนหนูจะลืมหมดแล้วนะ”เด็กหนุ่มพยายามอธิบายอย่างใจเย็น-- --ใครที่เอาแต่ใจกันแน่?-- --
“เดี๋ยวอยู่ๆไปเดี๋ยวลูกก็ทำได้เองแหละลูกของพ่อเก่งจะตาย”ผู้เป็นพ่อเถียงเข้าข้างตัวเองไปแบบข้างๆคูๆ -- --อย่าทำมาชมหน่อยเลย พูดเหมือนภาษาญี่ปุ่นมันง่ายนักนี่นะถึงเขาจะพูดมาตั้งแต่เด็กก็เถอะ -- --
“แล้วเพื่อนล่ะ?” อุเคียวไม่ยอมแพ้ -- -- ใช่แล้วเพื่อนๆของเขาล่ะจำทำยังไงให้ทิ้งไปดื้อๆแบบนี้น่ะเหรอ? -- --
“ก็หาใหม่สิ ที่นู่นมีเด็กตั้งเยอะแยะไป”เรียวอิจิเองก็ ยังไม่ละความพยายาม -- --ทางบริษัทเตรียมทำเรื่องไปหมดแล้วนี่หน่า -- --
“แต่หนูไม่อยากหาใหม่! หนูรักเพื่อนๆของหนู”เขาเริ่มยัวะ-- --ไอ้เพื่อนเนี่ยอยู่ๆนึกจะให้หา แล้วมันจะหาได้เลยทันทีน่ะเรอะ!-- --
“แต่ยังไงลูกก็ต้องไป...ลูกสาวของพ่อต้องไปกับพ่อ”พ่องัดไม้ตายสุดท้ายคือ ปล่อยโฮให้น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างน่าสงสาร จนเขาต้องส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ -- --พ่อของเขา เคียวยะ อาคาทสึกิ บทจะดื้อไม่ว่าใครก็ห้ามไม่อยู่หรอกแถมยังเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจซะด้วย รู้ว่าเขาแพ้น้ำตาก็บีบน้ำตาบังคับจนในที่สุดเขาก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้ในที่สุดจนได้ -- --
ลืมบอกไปอย่าง‘เขา’ผู้ที่ถูกเจ้าพ่อตัวแสบบีบจนจนมุมและพ่ายแพ้ในการทะเลาะครั้งนี้
‘อุเคียว อาคาทสึกิ’คนนี้...
เป็นผู้หญิง......
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น