ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผู้อาศัยอยู่สองโลก

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1 สู้เพื่อหญิงสาว

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ย. 67


    หนึ่งเดือนผ่านไปนับจากเหตุการณ์ที่เขาสังหารอสรพิษทมิฬ หลังจากที่ไป่หยางได้รับเคล็ดวิชาฟื้นฟูลมปราณ เขาทุ่มเทเวลาทั้งหมดในการฝึกฝน เพื่อให้เชี่ยวชาญในวิชาใหม่นี้ อาศัยเวลาและความอดทน สุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมพลังลมปราณได้ลึกซึ้งกว่าเดิม ทำให้การฟื้นฟูและฟื้นกำลังของเขารวดเร็วยิ่งขึ้น

    ในวันหนึ่ง ขณะที่ไป่หยางเดินสำรวจป่าลึกเพื่อออกล่าอาหาร เขาได้พบกับสัตว์ปีกป่าตัวหนึ่งที่มีขนาดใหญ่พอเหมาะ เขาจัดการมันด้วยความรวดเร็ว และย่างมันอยู่ท่ามกลางแสงแดดที่ส่องผ่านยอดไม้ลงมาเป็นประกายอ่อน ๆ ไอหอมของเนื้อย่างลอยตลบอบอวล บรรยากาศรอบตัวสงบเงียบ มีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านใบไม้เบา ๆ ให้ได้ยิน

    แต่แล้ว ความสงบสุขนี้ก็ถูกทำลายลงอย่างฉับพลัน เสียงคำรามแผดก้องขึ้นจากป่าลึกเบื้องหน้า มันไม่ใช่เพียงเสียงคำรามธรรมดา แต่เป็นเสียงแหลมต่ำที่แฝงไปด้วยความเกรี้ยวกราดและดุร้าย นั่นเป็นเสียงของสัตว์อสูรที่กำลังคุกคามอยู่ใกล้ ๆ ไม่นานนัก เสียงกรีดร้องของหญิงสาวก็ดังขึ้นท่ามกลางเสียงคำรามนั้น ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดและกดดัน

    ไป่หยางเงยหน้าขึ้น สายตาเฉียบคมของเขามองไปยังทิศที่มาของเสียง กริชในมือข้างหนึ่งหยุดชะงักชั่วขณะ เขาสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่ซ่อนอยู่ในเสียงกรีดร้องนั้น หญิงสาวที่อยู่ในอันตรายอาจกำลังเผชิญกับสัตว์อสูรที่เขายังไม่เคยพบ

    เขาตัดสินใจทิ้งทุกอย่างในทันที ดับไฟที่กำลังย่างเนื้อไว้แล้วรีบตรงไปยังต้นเสียง หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความมุ่งมั่นและความเป็นห่วง เร่งฝีเท้าอย่างไม่ลังเล พลางสัมผัสถึงอากาศรอบตัวที่เปลี่ยนไป กลิ่นอายอันเย็นยะเยือกที่บ่งบอกถึงการมีอยู่ของสัตว์อสูรทำให้เขาตื่นตัว

    เมื่อไป่หยางเข้าใกล้ถึงแหล่งที่มาของเสียง เขาเห็นภาพที่ทำให้ต้องหยุดฝีเท้าเล็กน้อย หญิงสาวในชุดที่ขาดรุ่งริ่งและดูบอบบางยืนอยู่กลางป่าลึก สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เธอกำลังหลบหนีสัตว์อสูรรูปร่างสูงใหญ่ที่ยืนขวางอยู่เบื้องหน้า สัตว์อสูรนั้นมีขนสีดำหนาและดวงตาแดงฉาน ราวกับมันกำลังเตรียมพร้อมจะโจมตีเธอทุกเมื่อ

    ภาพของหญิงสาวคนนั้นชัดเจนในใจ เธอมีใบหน้ารูปไข่ที่ดูอ่อนหวานแต่เต็มไปด้วยความตกใจและความหวาดกลัว คิ้วเรียวของเธอขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ดวงตาสีเข้มเป็นประกายแต่สั่นระริก เธอมีเส้นผมยาวสีดำที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อย ปลิวสยายไปตามแรงลมขณะวิ่งหนี ท่าทางของเธอดูอ่อนโยนและบอบบาง ทว่าภายใต้ความหวาดกลัวนั้นยังแฝงด้วยความมุ่งมั่นบางอย่างราวกับว่าเธอมีเหตุผลที่จะต้องรอดพ้นจากเงื้อมมือของสัตว์อสูรตัวนั้นให้ได้

    ชุดที่เธอสวมใส่เป็นชุดผ้าบางสีอ่อน มีรอยขาดเล็กน้อยจากการวิ่งหลบหนีในป่า ขับให้เห็นความงามธรรมชาติของเธอแม้จะอยู่ในสภาพอิดโรย ผิวของเธอขาวซีดราวกับไม่ได้สัมผัสแดดมาเนิ่นนาน นั่นยิ่งทำให้ไป่หยางรู้สึกอยากปกป้องเธอจากอันตรายตรงหน้า

    ในขณะนั้น เสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นในใจของไป่หยาง >“คำเตือน: ระดับของคุณไม่คู่ควรกับการต่อสู้กับอสรพิษทมิฬตัวนี้ รีบหนีไปโดยเร็วที่สุด! พลังแตกต่างกันจนมากเกินไป” แต่ไป่หยางเขาไม่ฟัง

    เมื่อไป่หยางเห็นหญิงสาวที่กำลังตกอยู่ในอันตรายจากอสรพิษทมิฬ เขารู้ว่าต้องรีบช่วยเธอ ถึงแม้ว่าเสียงเตือนจากระบบจะบอกว่าเขาไม่ควรสู้กับอสูรตัวนี้ แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยเธอให้ตกอยู่ในอันตรายได้ เขาจึงตัดสินใจเข้าช่วยเธอ

    “หลบไป!” เขาตะโกนก่อนจะพุ่งเข้าไปขวางหน้าหญิงสาว ร่างสูงใหญ่ของอสรพิษทมิฬโผล่ออกมาจากพงหญ้า ชูคอจังงก้า เคี้ยวทั้งสองข้างยาวงอกออกมาล้นปาก ราวกับว่ามันสามารถกัดทะลุทะลวงได้ทุกยิ่งอย่าง และแผ่เกล็ดดำมันวาวอย่างน่ากลัว ดวงตาแดงฉานจ้องมองมายังเขาด้วยความหิวโหย

    ไป่หยางสบตากับหญิงสาวชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะก้าวออกไปเบื้องหน้า ถืออาวุธในมือแน่น สายตาแข็งกร้าวบ่งบอกถึงการพร้อมต่อสู้เพื่อปกป้อง หญิงสาวเหลือบมองไป่หยางด้วยแววตาที่มีความหวังอันริบหรี่ ขณะที่เขาพุ่งเข้าสู่สนามรบในป่าลึกเพื่อเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรตัวนั้น

    เสียงคำรามของอสรพิษทมิฬดังขึ้นอย่างน่ากลัว ราวกับว่าโลกทั้งใบกำลังสั่นสะเทือนเมื่อมันเริ่มเคลื่อนที่เข้าหาไป่หยาง การกระทำของมันรวดเร็วและว่องไว จนทำให้ไป่หยางต้องใช้สัญชาตญาณและความรวดเร็วในการตอบสนอง เขาตั้งใจที่จะไม่ให้หญิงสาวต้องตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง

    “ต้องหาทางหยุดมัน!” ไป่หยางคิดในใจ ขณะที่เขายกกริชขึ้นเตรียมพร้อม สายตาจดจ่อไปที่อสูรตรงหน้า มันขยับตัวอย่างช้า ๆ โดยใช้กำลังของมันเพื่อสร้างความกลัวให้แก่เหยื่อ

    ไป่หยางระวังตัวอย่างมาก ในใจเขารู้ดีว่านี่คือการต่อสู้ที่มีเดิมพันสูง แต่ความกลัวไม่อาจบั่นทอนความกล้าหาญของเขาได้ เขารู้ว่าตนมีภารกิจที่สำคัญกว่านั้น นั่นคือการปกป้องหญิงสาวที่เขาพบ โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้

    “ฉันจะไม่ยอมแพ้!” เขาตะโกนออกไปอีกครั้งก่อนที่จะพุ่งตัวเข้าใส่สัตว์อสูร ดวงตาแดงฉานของมันฉายแววอาฆาต ขณะที่มันเตรียมพุ่งเข้ามาที่เขา

    ไป่หยางกระโดดหลบไปด้านข้างพร้อมกับคว้ากริชในมือให้แน่น ก่อนที่จะฟันเข้าไปที่ขนของอสูรด้วยพลังทั้งหมดที่เขามี เสียงแหลมของเหล็กที่เฉือนเข้ากับเกล็ดทำให้เขารู้สึกถึงความแข็งแกร่งของมัน ในขณะที่อสูรตวัดหางเพื่อหวังจะโจมตีเขา ไป่หยางได้กระโดดหลบ ขณะที่อยู่กลางอากาศหางอันเร็วดั่งสายฟ้าของสัตว์อสูรฟาดเข้ามาอีกครั้ง เขารู้ดีว่าครั้งนี้คงไม่รอดแน่ เขารีบยกอาวุธขึ้นมาป้องกันไว้ แต่ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรนั้นมีมากเกินไป หางของมันฟาดไปที่การป้องกันของไป่หยางจนทำให้อาวุธที่มีอยู่ในมือพังในทันที และตัวเขาก็กระเด็นไปหลายสิบเมตร รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่าง

    “อา...” ไป่หยางกัดฟันเพื่อบังคับตัวเองให้ลุกขึ้นมาได้ เขารู้ว่าเขาต้องรีบฟื้นตัวและกลับเข้าสู่การต่อสู้ เขามองไปยังอสูรที่อยู่ข้างหน้า มันกำลังขยับตัวพร้อมกับหายใจเข้าออกอย่างหนัก เสียงคำรามที่ดังก้องทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง

    หญิงสาวยืนอยู่ห่างออกไป สายตาของเธอเต็มไปด้วยความกังวล “เจ้าเป็นอะไรหรือไม่” เธอตะโกนเรียกเขา แต่ไป่หยางไม่ได้ตอบ เขายืนขึ้นอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ ขณะที่อสูรเริ่มมีท่าทีจะโจมตีอีกครั้ง

    ไป่หยางพยายามรวบรวมพลังภายในให้กลับมา เขากำหนดจิตใจให้มุ่งมั่น ตั้งท่าหมายจะใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีในการต่อสู้ครั้งนี้

    เขาใช้เท้าเหยียบพื้นแน่นเพื่อสร้างแรงผลัก ก่อนที่จะพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเรียกพลังลมปราณออกมาในทุก ๆ ก้าว สายตาของเขาจดจ่อไปที่จุดอ่อนของอสูร 

    การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป โดยมีไป่หยางที่ไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บปวด หลายครั้งต่อหลายครั้งที่ไป่หยางถูกโต้กลับ เขาได้ตระหนักรู้ได้ว่าเขาสู้เจ้านี่ไม่ได้เลยสักนิด เขาได้ริเริ่มแผนที่จะหนี โดยไม่ให้สัตว์อสูรตัวนี้ตามทัน ไป่หยางหยิบยาที่ได้จากระบบขึ้นมากินและหันไปคุยกับหญิงสาวว่า "เราไม่สามารถชนะมันได้ในตอนนี้เราต้องรีบหนีก่อน" ไป่อย่างได้หันไปคุยกับหญิงสาวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดราวกับกว่าเขาหมดหนทางจะสู้กลับ ทั้งมีดและดาบที่เขาเคยมีกลับพังอย่างไม่มีชิ้นดี

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×