ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    D. คนอันตราย ชีวิตอันตราย

    ลำดับตอนที่ #8 : อาเดลไฮด์

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ค. 49


      
        " ร้อยผลึกน้ำแข็ง !!! "

    เสียงเล้กๆแต่ดังก้องไปทั่วโสตประสาทนั้นมาพร้อมกับลมหนาวที่เย็นยะเยือก
     แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้จิโตเสะตกใจได้เท่ากับยามที่เค้าเห็นร่างของเจ้าของเสียงหลังจากควันไอเย็นจางลง

         น้องสาวของเค้ายังดูเหมือนเดิมเว้นแต่ว่าท่าทางและสิ่งที่อยู่ในมือของนาง
     ชายหนุ่มจำได้ว่าเค้าไม่ได้เห็นน้องสาวถืออาวุธอะไรออกจากบ้านมา
        แต่ตอนนี้แขนข้างขวาของน้องสาวถูกรัดพันด้วยโซ๋สีเงินไล่ตั้งแต่บ่าไปจนถึงข้อมือเป็นกำไลที่แตกออกมาเป็นโซ่อีก 5 เส้นเชื่อมกับแหวนที่นิ้วทั้ง 5 
      
      เพียงแค่นี้เค้ายังตกใจแทบช็อคยิ่งมองไปเห็นภาพตรงหน้าที่มันแปลกไปอีก

     เพลิงนรกเบื้องหน้าที่เกือบจะคร่าชีวิตเค้าไม่มีให้เห็นอีกต่อไปแล้ว
    อากาศโดยรอบที่เล่นเอาผิวหนังเกือบจะไหม้ถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง
       ไอเย็นเกะไปทั่วบริเวณพ้นดินถูกฉาบด้วยธารน้ำแข็งสีฟ้าใส

      ราชันย์เพลิงโลกันต์ที่เผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างถูกหยุดการเคลื่อนไหวด้วยสิ่งีท่เรียกว่า  ' ร้อยผลึกน้ำแข็ง '

      " เรียบร้อยแล้วขอรับ ท่านพี่ " โยคุถอนหายใจเฮือกแล้วกหันมายิ้มให้พี่ชาย
      ที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะแสดงอกาการออกไปอย่างไรดี ทำได้แต่ยิ้มแห้งให้กับน้องสาวเท่านั้น

         " ขอชื่นชมแล้วกันนะว่าดิ้นรนได้ดีทีเดียว " นึกว่าเรื่องมันจะจบไปแล้วแต่เมื่อยามที่ได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง
       เลือดอุ่นๆในกายก็พลันกลายเป็นเย็นเชือบ ดวงตาสีฟ้าใสตวัดกลับไปมองคู่ต่อสู้ที่ยังไม่สิ้นพลัง
       แขนขวาถูกยกขึ้นมาตั้งการ์ดรอรับ โซเงินเกิดการเปลี่ยนแปลงไปแหวนที่นิ้วชี้เริ่มส่งโซ่ออกมาอีก 1 เส้น ปลายเส้นโซ่ติดใบมีดของกริชเอาไว้เหมือนลูกตุ้ม ดวงตาของโยคุแข็งกร้าวยามมอง เท็นริว

         .....ใครก็ตามจะมาทำร้ายพี่ข้าไม่ได้ทั้งนั้น!!....

    ชายหนุ่มผมขาวปรายตามามองเด็กน้อยอย่างดูถูก
       แต่เมื่อเห็นใบหน้าของโยคุถนัดตา ดวงตาสีทองก็ฉาบประกายของความตกใจขึ้นมาทันที

      " เจ้า..... " เหมือนคำพูดทั้งหมดจะหายไปหรือว่าถูกกลืนลงไปคอไปหมด
    เท็นริวในตอนนี้เหมือนเป็นใบ้กิน ร่างทั้งร่างรู้สึกเย็นวาบยิ่งกว่าสัมผัสของน้ำแข็งโดยรอบซะอีก
      ราชันย์เพลิงโลกันต์ถูกสลายไปทันที เท้าแตะบนพื้นน้ำแข็งเบาๆพร้อมด้วยสายตาที่จับจ้องอยู่ที่พี่น้องคู่นั้น
     
      " แล้วเราจะได้เจอกันอีกอย่างแน่นอน จิโตเสะ " เค้าเอ่ยเบาๆก่อนจะหายไปพร้อมกับสายลมที่พัดมาอีกระลอก

                      ........................................

      ร่างสูงใหญ่ในชุดสีขาวเดินเร่งฝีเท้าไปตามทางเดินหินอ่อนสีเทาเข้มเกือบดำ
    คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันอย่างคนมีโมโห ครรลองสายตามองไปเพียงเบื้อหน้าเท่านั้น
       ไม่ได้สนใจแม้แต่ผู้คนที่เดินสวนกับเค้าแล้วก้มลงทำความเคารพ
    เท็นริวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูสีดำสนิทสลักด้วยท้องฟ้าในคืนจันทร์เสี้ยว

      " นี่มันเรื่องบ้าไรกัน !!! "

    ชายหนุ่มกระแทกประตูเปิดออกอย่างแรงจนเสียงดังสนั่นก้องไปทั่ว
    แต่ว่าเสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวนั้นนั้นสะท้อนดังจนกลบได้หมด
    เจ้าของเส้นผมสีขาวหอบหนักจนควันลมหายใจออกมาเป็นสีขาว
    ดวงตาสีทองเปล่งประกายมองไล่ไปยังบุคคลต่างๆภายในห้องตั้งแต่ผู้รับใช้ไป
    จนถึง....................

     บัลลังค์อันมืดมิดที่อยู่เหนือทุกคน เท็นริวเดินไปข้างหน้าโดยไม่ได้สนใจที่จะปิดประตู อารมณ์ของชายหนุ่มเริ่มขุ่นมัวมากขึ้นไปทุกขณะที่เดินเข้าไปใกล้บัลลังค์นั้น

      " ว่าไง ! ..........ท่านจักรพรรดิ " เท็นริวกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงแดกดัน

      " เจ้าพูดเรื่องอะไรเท็นริว " 

    คำพูดที่ตอบกลับมานั้นราบเรียบไร้อารมณ์จนถึงขนาดทำให้คนฟังแทบจะคลั่ง
     เท็นริวก้มหน้าลงมือแกร่งทั้ง 2 ข้างกำหมัดแน่น ไม่ว่าเมื่อไหร่เสียงนี้ก็น่าโมโหทุกครั้งที่ได้ยิน

     " ก็เรื่องที่ท่านใช้ให้ข้า ไปฆ่าเด็กคนนึงยังไงเล่า !! " 

    ชายหนุ่มคำราม ดวงตาสีทองช้อนตวัดขึ้นมอง ผู้ที่ยืนอยู่เหนือหัว
    ดวงตาสีฟ้าใสที่จ้องสบกลับมานั้นไร้แววแห่งความร่าเริง มีเพียงแต่ความเยือกเย็นและเด็ดเดียวราวน้ำแข็งในยามเหมันต์ฤดูที่เพียงแตะต้องก็ต้องทุกข์ทรมานด้วยความเจ็บปวดที่เย็นไปจนถึงกระดูก

       ผู้ที่ได้ชื่อว่าจักรพรรดิลุกขึ้นจากบัลลังค์ ร่างสูงนั้นดูมีอำนาจที่ไม่ว่าใครที่ต่างมองก็ต้องสะท้าน
      ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ดูอายุไม่มากเท่าไหร่เช่นนี้จะมีอำนาจมากมายจนเรียกได้ว่าจักรพรรดิ
       ดวงหน้าคมเข้มนั้นมีเค้าละม้ายคล้ายกับเท็นริว ต่างกันเพียงสีของดวงตาและเส้นผมที่เป็นสีเขียวเข้มยาวถึงกลางหลังที่มัดรวบไว้ที่ท้ายทอยอย่างเรียบร้อย
      จักรพรรดิหนุ่มมองคนเบื้องล่างเค้าด้วยใบหน้าที่สงบนิ่งไม่แสดงถึงสิ่งอันใด

        " แล้วเจ้าทำสำเร็จรึเปล่า " เท็นริวถึงกับเงียบไป
    เพียงเท่านั้นคนที่เอ่ยคำถามก็ทราบแล้วว่าคำตอบมันคืออะไร

      " ไร้ฝีมือ " จักรพรรดิหนุ่มพูดอย่างดูถูกและมองคน คนนั้นอย่างเหยียดหยาม 

     " อย่ามาพูดแบบนี้กับข้านะ ! แค่เด็กคนเดียวไม่ครณามือข้าหรอกน่า ! "

     " แล้วทำไมถึงไม่สำเร็จ "

    ดวงตาสีฟ้าแข็งกร้าวขึ้นไปอีก เมื่อเอ่ยขัดกับคำแก้ตัวไร้สาระนั่น

       " ข้าบอกเจ้าหลายครั้งแล้ว ลูกข้า ถ้าเจ้าจมอยู่กับอดีต ก็ไม่อาจจะก้าวไปเบื้องหน้าได้ "

       ผู้เป็นพ่อเดินลงมาจากบัลลังค์อย่างช้าๆเพื่อเข้าหาบุตรชายเพียงคนเดียวของเค้า

      " ข้าสอนเจ้ากี่ครั้ง ทำไมเจ้า........  "

      " เหมือนท่านน่ะเหรอ !! "

     ลูกชายคำรามแล้วเดินถอยห่างจากพ่อของตัวเค้าเอง
    สายตาที่มองผู้เป็นบิดานั้นเหมือนเค้ากำลังมองบางสิ่งที่ไม่ต้องการให้มีอยู่ในโลกใบนี้
     
      " เหมือนท่านที่ลืม อดีตทุกอย่างแล้วทำลายชีวิตข้าอย่างนั้นน่ะเหรอ !!!"

    เท็นริวตวาดก้องก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินอย่างรวดเร็วออกไปจากห้องโถงใหญ่
    ดวงตาของผู้ที่เป็นบุพการีมองบุตรคนเดียวของเค้าไปด้วยความรู้สึกที่สงบนิ่ง
       ในเมื่อไม่อยากจจะฟังเค้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดต่อไป
     เสียแรงเปล่า

        เท็นริวเดินออกมาจากปราสาทที่ก่อสร้างด้วยหินอ่อนสีดำสนิททั้งหลัง
    มันดูหดหู่ไร้ชีวิตชีวาและน่าจะกลืนหายไปกับบรรายกาศโดยรอบ
       
             บรรยายและกลิ่นไอของความตาย

      ที่นี่ยามที่แม้ว่าจะเป็นเวลากลาวันแต่ก็ยังคงมืดมิดไร้แสงอันร้อนแรงแห่งดวงอาทิตยืและแสงนวลตาแห่งจันทรา
     
           สถานที่อันเรียกขานกันว่า  อาเดลไฮด์

       ไร้ซึ่งแสงให้ความสว่างแม้แต่แสงจันทร์นั้นยังเสื่อมสลายไป


     เท็นริวกระโจนเข้าไปในวงชายฉกรรจ์ราว 10 คน
    ขาเรียวเตะกวาดไปใต้ขาของคนพวกนั้นจนล้มไม่เป็นท่า

     
       " ทะ....ทำอะไรน่ะครับ ท่านเท็นริว อั่ก!!....... "


    หนึ่งในคนกลุ่มนั้นกำลังจะลุกขึ้นมาถามอย่างมีมารยาท
    แต่ผู้ที่เป็นถึงเจ้าชายก็ส่งเท้ามาที่ใบหน้าของเค้าอย่างแรง จนถึงคราวต้องสลบ

      
       " ลุกขึ้นมา ถ้าข้าไม่สั่งก็ห้ามล้ม !! " เท็นริวตวาดสั่ง


    ทหารทุกคนทำสีหน้าลำบากใจยิ่งนักแต่ก็จำใจจะต้องทำตามเพราะมันเป็นคำสั่ง
     

     เท็นริวเริ่มลงมืออย่างรุนแรงไปกับทหารองค์รักษ์เพื่อระบายอารมณ์ที่ขุ่นมัว

      " กระจอกจริง "

    หนุ่มผมขาวพูดขึ้นอย่างขัดใจเมื่อเค้าส่งคนสุดท้ายไปนอนกับพื้นด้วยร่างไร้สติเรียบร้อย
      ถึงการกระทำจะไม่ทำให้เค้าอารมณืเย็นลงได้ทั้งหมดแต่ก็พอที่จะทำให้สงบลงได้บ้าง
       องค์ชายแห่งอาเดลไฮด์เดินออกห่างจากตัวปราสาทไปเรื่อยๆ
     สิ่งที่เค้าต้องการมากที่สุดในตอนนี้ก็คืออกไป
    ให้ห่างจากพ่อของเค้าให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้

               .................................................
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×