คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : อดีต
วันที่ไม่อยากจะให้มีถึงมากที่วันที่ไม่ต้องการจะตื่นจากฝันอันแสนหวาน ในฝันที่เรื่องนี้จะไม่มีวันเป็นจริง วันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่ อาซาซึกิ จิโตเสะจะสามารถเก็บของสำคัญยิ่งในชีวิตของเค้าไว้กับตัวได้ อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่อาจคาดเดา
จิโตเสะทำใจบอกน้อสาวไปแต่เพียงว่าวันนี้ให้ไปกับเค้าหน่อยไม่ได้บอกรายละเอียะดอะไรให้ฟังนอกเหนือจากนั้น
ทั้งพี่ชายและน้องสานั่งกินข้าวกันอยุ่สองคนตามปกติที่ผ่านมาตลอด 3 ปี
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผิดแปลกไปจากเดิม
มือเช้ามักจะป็นเวลาที่ชายหนุ่มผมดำมีความสุขมากที่สุดแต่ว่าวันนี้ไม่ใช่ เพราะทุกวันชายหนุ่มผมดำจะสนุกสุดเหวี่ยงไปกับการแกล้งน้องสาวแต่วันนี้กลับเงียบ เงียบเกินไปจนโยคุนึกว่าพี่ชายกินยาแล้วลืมเขย่าขวดถึงใบหน้าจะไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆออกมาแต่มันแสดงออกมาอย่างชัดเจนทางสายตา
ดวงตาสีดำราวราตรีคู่นั้นเต้มไปด้วยความหมาดกลัวที่กัดกินจิตใจอย่างรวดเร็วและไม่อาจจางหายไปได้ง่ายๆวันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้อยุ่ร่วมกับน้องสาว
จิโตเสะพยายามไม่สบตากับโยคุเพราะไม่อยากให้นางมาเป็นกังวลเรื่องของเค้าถึงจะพยายามปกปิดขนาดไหนแต่เด็กหญิงก็รู้สึกได้ว่ากำลังจะเกิดเรื่องร้ายแรง
ช้อนตักอาหารในมือของทั้งสองคนแทบจะไม่ได้ทำหน้าที่ของมันคือตักอาหารใส่ปากแถมยังถูกยัดเยียดหน้าที่ใหม่ให้อีกอย่างนั้นก็คือมันถูกกวาดไปทั่วจานเพื่อเขี่ยอาหารเล่นเพราะไม่มีใครอารมณ์กิน
"ทำไมไม่กิน " จิโตเสะเริ่มเปิดบทสนทนาในยามเช้าอันตึงเครียด โยคุตวัดสายตาขึ้นไปมองคนที่ไม่ได้ดูตัวเองเลยว่าก็ไม่ได้ต่างกันนักหรอก
" พี่ก็เหมือนกันนั้นแหละ " น้องสาวย้อนเข้าให้
พี่ชายแทบจะใบ้กิน คงจะหาเรื่องส่งท้ายกันไม่ได้แล้วซินะ
วันนี้อาหารดูจะไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยเพราะว่าไม่มีใครอยากกิน
โยคุไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับงานของพี่ชายเลยแม้แต่เรื่องเดียวและไม่เคยคิดจะถามแม้ในใจจะอยากรู้ยิ่งพี่บอกว่าจะพาไปที่ทำงานยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่แต่ก็จำเป็นต้องเก็บความรู้สึกดีใจนั้นเอาไว้เนื่องจากว่าเห็นท่าทางที่ไม่ค่อยสุ้ดีของผู้เป็นพี่ เด็กน้อยเคยคิดเสมอว่างานของพี่ชายนั้นเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับตัวนางเองมาก
เคยคิดฝันด้วยซ้ำว่าจะได้ทำงานเดียวกับพี่
พอไปบอกเปรยๆให้พี่ชายฟังเค้าก็หัวเราะอย่างขบขันราวกับฟังเรื่องตลกก็ไม่ปาน แถมท้ายด้วยประโยคจี้ใจดำและกวนโมโหอย่างที่สุด
" ไม่มีทางหรอกน่าเด็กดื้ออย่างเจ้าน่ะ "
คำพูดในวันนั้นทำให้โยคุถึงกับเลือดขึ้นหน้า แทบต่อยกันบ้านแตก
" ไปกันได้รึยัง " โยคุเอ่ยถาม
เมื่อพอออกจาบ้านพี่ชายก็ไม่ยอมทำอะไรเลยนอกจากยืนตากลม
" นี่..นี่พี่จิโตเสะ ! " น้องสาวตะโกนใส่พี่ชายอย่างเหลืออด
" หา..เมื่อกี้ว่าไงนะ " จิโตเสะสะดุ้งเฮือกเหมือนคนชักกระตุ้ก
หลุดออกจาภวังค์ความเหม่อลอยในทันทีชายหนุ่มผมดำก้มลงมองน้องสาวและถามว่าเมื้อครู่พูดอะไร โยคุไม่ได้ตอบในทันที มือเท้าสะเอวอย่างหงุดหงิดในพฤติกรรมพิลึกพิลั่นของผู้เป็นพี่
ก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วตอบว่า " ไปกันรึยัง "
ประโยคนั้นเน้นทุกคำเพื่อให้แน่ใจว่าพี่ชายได้ยินชัดเจน จิโตเสะพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะถอนหายใจแบบเดียวกับคนที่พึ่งทำใจได้
" ตามมาก็แล้วกัน " ชายหนุ่มเอ่ยเบาๆพลางกระโดดสูงขึ้นบนต้นไม่อย่างไม่รอช้า
" อ้าว! รอด้วยซิ " โยคุตะโกนแล้วรีบตามไป
จิโตเสะไม่คิดจะหันไปมองน้องสาวหรือห่วงว่าจะตกต้นไม้รึเปล่า
...ถ้าแค่นี้ยังทำไม่ได้ก็ไม่ต้องไปทำอะไรกินแล้ว...
ชายหนุ่มพูดโยคุแบบนี้เสมอตั้งแต่จำความได้สิ่งที่จิโตเสะสอนให้เด็กน้อยก็คือ การต่อสู้ ใช้อาวุธ การเคลื่อนไหวที่จำเป็น และความรู้ความอ่านที่พอจะสอนให้ได้ ถึงปากจะบอกว่าไม่อยากให้น้องสาวทำงานแบบเดียวกับตัวเองแต่เค้ากลับยสอนน้องเสียทุกอย่างที่จะเป็นประโยชน์ในทางนี้และทำให้น้องตัวเองเด่นกว่าคนือ่นถ้าเข้าทำงาน จึงไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงเลยว่านางจะตกต้นไม้หรือเปล่า สองพี่น้องมุ่งลงสู่ทางใต้ที่เคยอาศัยมาตลอดชีวิต
2 ชั่วโมงหมดไปกับการเดินทาง
แสงแดดยามสายเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆจนความร้อนเริ่มคืบคลานและแสงแดดแยงตาจนแสบจาโยคุหันไปมองพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างๆกัน
โชคยังดีที่ชุดของโยคุใส่เป็นเสื้อแขนสั้นกับกางกงยีนส์ขายาวสีอ่อน แต่จิโตเสะนี่สิชีวิตนี้ใส่แต่สีดำจริงๆ แขนยาวก็ยาวสีดำก็ดูดแสงแต่ทำไมพี่ชายถึงไม่ยอมบ่นออกมาเลยซักคำเดียว
แค่ใส่แค่นี้โยคุเองก็เหงื่อแตกแล้ว
" จะถึงรึยัง " เด็กหญิงถามโดยพยายามทำเสียงให้ดูเหนื่อยมากที่สุดแสดงถึงความอยากพักไม่อยากให้พี่รู้ว่าตัวนางกำลังเป็นห่วงว่าตัวพี่ชายนั้นจะเป็นลมไปเสียก่อนจะถึงที่หมาย
" ถึงเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น " จิโตเสะตอบอย่างไม่ใส่ใจ
โยคุบ่นอุบอิบอย่างหงุดหงิดในคำตอบที่กวนๆของชายหนุ่มแต่คนพี่ก็ไม่ได้หันมาว่าอะไรเป็นพิเศษในหัวของชายชุดดำมีเรื่องอื่นให้ต้องคิดอีกมากและสำคัญกว่าเรื่องนี้อีกด้วย ควาสมเครียดซัดกระหน่ำเข้าสุ่จิตใจอย่างไม่หยุดยั้ง เรื่องนี้ดูจุดสุดท้ายไม่ออกจริงๆ
เมื่อรายงานตัวเสร็จสรรพน้องคนนี้จะยังอยู่เคียงข้างเค้าต่อไปอีกรึเปล่าสถานะการเป็นหลานของผู้บังคัญบัญชาใหญ่อาจจะช่วยทำให้มันดีขึ้นได้ก็จริงแต่มันก็มีข้อเสียที่ร้ายแรงและน่าปวดใจอยู่
นั้นก็คือเมื่อเป็นเช่นนี้นางจะอยู่ในฐานะและชนชั้นที่สูงกว่าเค้าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ไม่ถึง 1 ในร้อยที่จะยอมให้ผู้สูงศักดิ์อยู่อย่างใกล้ชิดกับคนที่มีฐานะต่ำกว่า
ตัวเค้าจะรับได้จริงๆนะหรือเมื่อมีคำบัญชาออกมา
สมองพยายามคิดหาวิธีร้อยแปดพันเก้าที่น่าจะทำให้ได้ตัวน้องสาวของเค้ากลับคืนมา
กึก ! ความรู้สึกเสียสันหลังนั้นทำให้ดวงตาคู่สวยของชายหนุ่มเบิกโพลงด้วยความตกใจ
" โยคุ ! " เสียงตะโกนเรียกชื่อตนเองดังลั่นทำให้เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือก แต่ยังไม่ได้ทันถามว่าเรยีกทำไมเสียดังพี่ชายก็คว้าข้อมือเด็กหญิงแล้วคว้าเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนอย่างแรงร่างกายของโยคุกระแทกอย่างแรงเข้ากับแผนออกกว้างของจิโตเสะจนชายหนุ่มถึงกับจุกไปชั่วขณะ แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาต่อว่าใคร
ตูม!! บริเวณที่น่าร่างของคนทั่งคู่ยืนอยู่ก็เกิดระเบิดขึ้นในทันทีที่จิโตเสะคว้าโยคุออกมาได้ทันเวลาไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุเนื่องจากควันของเศษดิน เศษหินและใบไม้ต้นหญ้าท่ฟุ้งกระจายเพราะแรงระเบิด
แรงลมจากการจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวนั้นพัดผ่านใบหน้าไปอย่างรุนแรงจนทำให้เส้นผมสีดำที่หวีไว้เรียบร้อยลู่ลงมาปรกใบหน้าดวงตาสีดำฉายแววแงความโกระเกรี้ยว อะไรกันมีใครกำลังจ้องเอาชีวิตเค้ากับน้องสาวอย่างนั้นเหรอ
" พี่..." โยคุยังคงอยู่ในอ้อมแขนของพี่ชายนางเอ่ยเรียกจิโตเสะเบาๆ
ร่างกายของเด็กน้อยเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของร่างสูงก็ดูจะเล็กลงไปถนัดตดวงตาสีฟ้าผลึกน้ำแข็งฉายส่องแววถึงความสงสัยแต่ไม่ใช่แววหวาดกลัวที่คนทั่วไปพึงมี
จิโตเสะวางเด็กน้อยผมน้ำตาลทองลงเบาๆไม่ได้สนใจกับคำเรียกนั้น
" รออยู่นี่นะ เดี๋ยวพี่กลับมา " ชายหนุ่มผมสีดำหันมาออกคำสั่งด้วยน้ำเสยีงจริงจังกว่าปกติจนน่าขนลุกอย่างกลัวเกรง จิโตเสะผละจากโยคุและเร่งฝีเท้าวิ่งไปในทิศทางที่เกิดระเบิดเมื่อครู่ปล่อยน้องสาวทิ้งไว้ให้ยืนอย่คนเดียว
คิ้วของโยคุมุ่นเข้าหากันอย่างสงสัยระคนหงุดหงิดที่พี่ชายทิ้งเอาไว้แบบนี้
อะไรกันตั้งแต่เช้าแล้วถามอะไรพี่ชายก็ไม่ยอมตอบให้กระจ่างหรือเข้าใจ
แล้วทีตอนนี้ยังสั่งให้อยู่เฉยๆอีก เด็กหญิงไม่เข้าใจถึงพฤติกรรมอันแปลกประหลาดของพี่ชายในวันนี้เลยจริงๆ
แต่ดูถ้าว่าคนเป็นพี่จะลืมอะไรบางอย่างที่สำคัญมากๆไปอย่างหนึ่ง....
คิดหรือว่าน้องสาวคนนี้จะยอมเชื่อฟังทำตามง่ายๆ แต่ไหนแต่ไรมาถ้าพี่ชายออกคำสั่งโดยไม่มีเหตุผลที่หนูน้อยรับฟังได้และน่าสงสัย โยคุไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะปฏบัติตาม
(ถึงสุดท้ายจะเกิดเรื่องแย่ๆตลอดก็เถอะ)
เด็กหญิงเร่มออกวิ่งไปในทิศทางเดียวกันกับที่พี่ชายวิ่งไปหลังจากที่คิดว่าน่าจะทิ้งระยะห่างพอสมควร
ตามสองข้างทางที่วิ่งผ่านไปต้นไม้ที่ขึ้นสูงบดบังแสงแดดนั้นเหลือเพียงแต่ตอไม้ที่หักพังเศษฝุ่นยังคงปรากฏให้เห็นแต่บางตาพอที่จะทำให้เห็นทางข้างหน้า เส้นทางที่จำเป็นต้องเดินผ่านในที่สุดก็มาถึงที่หมายดวงตาสีฟ้าใสสะท้อนภาพของพื้นที่ ที่เคยเป็นฝื่นป่าแต่ตอนนี้กลับโล่งราวทะเลยทราย
ร่างของจิโตเสะปรากฏให้เห็นห่างจากจุดที่โยคุยืนอยู่ค่อนข้างไกล และเค้ากำลังมองดูบางอย่างอยู่
เด็กหญิงเลื่อนสายตาไปมองสิ่งที่พี่ชายกำลังจับจ้องอยู่
ร่างนั้นสูงใหญ่ผิดปกติจากคนธรรมดารูปร่างนั้นดูออกง่ายว่าเป็นชายหนุ่มผมยาวสีขาวสยายยุ่งเหยิงแต่ก็ไม่ถึงกับฟูตัดกับผิวสีคล้ำบนใบหน้า ดวงตาสีทองเป็นประกายราวกับปีศาจนั้นดูน่าหวาดหวั่นจนก้าวขาไม่ออก
ตั้งแต่สันจมูกจนถึงคอถูกปกปิดด้วยผ้าสีขาวแต่ก็ยังพอมองเห็นโครงหน้าได้อยู่เสื้อคลุมสีขาวคอเหลี่ยมมีซิบรูดปิดตั้งแต่หน้าอกจนถึงเอว แต่ชายนั้นยาวระพื้นและสวมกางเกงขายาวจนกองระพื้นแทบจะปิดรองเท้าหนังขาวจนมิด
ไม่จำเป็จต้องมีใครมาอธิบายให้โยคุที่กำลังจ้องอยู่ฟังก็พอจะเดาเรื่องได้ว่า คน คนนี้คือตัวการที่เล่นงานนางและพี่อย่างไม่ต้องสงสัย
ชายทั้ง 2 ยืนประจัญหน้ากัน คนคู่นั้นดูเหมือนจะเรียกได้ว่ามนุษณ์ที่ตรงข้ามกัน ทั้งสีผม สีผิว สีสันของเสื้อผ้าต่างกันดดยสิ้นเชิง
" แหม่..นึกว่าใครจิโตเสะคุงเองเหรอเนี่ย "
ชายชุดขาวเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงสนิทสนมราวกับว่ารู้จักมักคุ้นกันมานานแล้ว
โครงใบหน้าที่อยู่ใต้ผ้าปิดสีขาวนั้นดูเหมือนกำลังยิ้มกว้างอยู่
" ข้าเองก็นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้า...เท็นริว " จิโตเเอ่ยตอบน้ำเสียงแม้จะไม่แสดงถึงความรู้สึกรู้สาใดๆแต่คนฟังที่รู้นิสัยกันดีรู้แน่อยู่แล้วว่ากว่าจะเอ่ยออกมานั้นมันต้องเค้นออกมาอย่างยากลำบากขนาดไหน
" ดีใจแฮะ ที่ยังจำกันได้ ไทนริวเอ่ยกลั้วหัวเราะ
" ข้าไม่ทางลืมเจ้าได้หรอก..เท็นริว รับรอง " เสียงของชายหนุ่มผมดำนั้นแฝงลึกไปด้วยวี่แววแห่งความโกรธกริ้วเมื่อเจอหน้าคนที่เคยรู้จัก ผู้รับฟังพยักหน้าหงึกอย่างเห็นด้วย
" นั้นสินะ..เรื่องคราวนั้นมีใครบ้างน้า...." คิ้วสีขาวขมวดเข้าหากันอย่างครุ่นคิด นิ้วมือทั้งหาของชายชุดดำเริ่มกำเข้าหากันแน่นขึ้นเรื่อยๆ
" ออ...มีพ่อเจ้า แม่เจ้าแล้วก็...."
" หุบปาก! " เสียงตะโกนนั้นดังลั่นพอที่จะได้ยินไปถึงบนแผ่นฟ้า มือที่กำหมัดนั้นกำแน่นขึ้นจนเห็นเป็นสีเลือดอยู่จางๆ
จิโตเสะกัดฟันกรอดหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยิรมณ์ความแค้นที่หนัหนาสาหัส
ชายผิวคล้ำสะดุ้งเล็กน้อยแววตาเริ่มแสดงความรำคาญเมื่อถูกขัดจังหวะการพูดถึงความหลังที่ดูจะหอมหวานในความทรงจำ
" อะไรกันๆหงุดหงิดไปได้ข้าก็แค่หวังดีช่วยให้เจ้ารำลึกได้ถึงความอ่อนแอของตัวเองไง " เท็นริวแก้ตัวด้วยคำบอกเล่าที่เจือด้วยความสมเพชเวทนา
" แล้วนี่มันอะไรกันเจ้าจะตามจองล้างจองผลาญข้าไม่เลิกเลยรึไง" ชายชุดดำลดเสียงลงพยายามข่มอารมณืไม่ให้แสดงออกถึงความโมโหเกินจำเป็น
คนผมขาวขมวดคิ้วราวกับว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่คนตรงหน้ากำลังพูด
" ใครมาจองล้างจองผลาญเจ้ากัน " คราวนี้คนที่ต้องขมวดคิ้วกลายเป็นจิโตเสะแทนเสียแล้ว
" ข้าเพียงแต่รับคำสั่งมาให้เก็บเด็กบางคนเท่านั้นเอง.....พูดแล้วก็นึกถึงบางอย่างขึ้นได้ ไอ้เด็นนั่นไปไหนแล้วล่ะเนี่ย " เท็นริวพูดพลางมองไปรอบๆ
ประโยคที่ได้ยินเล่นเอาผู้ที่ฟังอยู่ทุกคำพูดเข่าอ่อนเกือบทรุดลงไปกองกับพื้น เด็กบางคนในละแวกนี้จะมีใครอีกนอกจากโยคุ
ปฏิกริยาอาการเงียบของคนที่ยืนอยู่ฟั่งตรงข้ามทำให้ชายหนุ่มผมขาวสะกิดใจถึงอะไรบางอย่าง ดวงตาสีทองหรี่เล็กและกลับมามองที่จิโตเสะอย่างเจ้าเล่ห์
ริมฝีปากเหยียดยิ้มภายใต้การปกปิดเหมือนกับนึกวิธีแกล้งคนออก
" หรือว่า..." เท็นริวเริ่มพูดดวงตาสีดำสนิทฉายซึ่งแววแห่งความกำวลอย่างรุนแรง
เม็ดเหงื่อใสเริ่มปรากฏที่ไรผมไหลลงมาจนถึงใบหน้า
ไม่จำเป็นต้องฟังคำตอบชายชุดขาวกรู้ในทันทีว่าสิ่งที่เค้าคิดคงจะถูกต้อง
" ฮ่าๆๆ! .....ดวงเราสองคนนี่ตัดกันไม่ขาดจริงๆซินะเนี่ย " เท็นริวระเบิดเสียงหัวเราะอย่างอดไม่ได้ มันสะท้อนก้องไปในอากาศอย่างน่าหนวกขูและน่ารังเกียจ
" อยากจะหัวเราะให้ฟ้าผ่า...อะไรกันคิดถึงน้องสาวคนเล็กสุดที่รักมากขนาดต้องไปเก็บเด็กมาเลี้ยงเลยเรอะ " ชายชุดขาวยังไม่ยอมเลิกราเรื่องเก่าๆถูกรื้อฟืนขึ้นมาจากลิ้นชักแห่งความทรงจำที่ไม่ต้องการจะเปิดมันออกมาหรือแม้แต่จะแตะต้องมัน
วูบ....สายลมพัดวูบผ่านใบหน้าของเท็นริวไปจนเค้าสะดุ้งเฮือกความรู้สึกนั้นบอกว่านี่ไม่ใช่ลมธรรมดาหลังจากหดมเวลาไปกับการหัวเราะเท็นริวก็กลับมาจ้องหน้าจิโตเสะอีกครั้ง
ประกายแสงสีฟ้าเริ่มปรากฏให้เห็นจางๆรอบตัวชายหนุ่มผมดำ
ธารวาโยรอบข้างเริ่มหมุนรุนแรงอย่างบ้าคลั่ง
"ถ้าอยากให้ฟ้าผ่านัก...ข้าก็จะสงเคราะห์ให้เอง "
น้ำเสียงนั้นเย็นเยียบราวกับแท่งน้ำแข็งอันแหลมคมในเหมันต์ที่กำลังจะเสียดแทงสู่ร่างรัตติกาลสีดำสนิทที่มองเห็นได้ในดวงตาคู่นั้นวาวโรจน์
ลมรอบข้างดูเหมือนจะกำลังสะท้อนอารมณืที่เดือดดาลราวกับลาวาใภเขาไฟ
ทุกวเลาที่ไหล่ผ่านไปลมนั้นก็ยิ่งจะดูบ้าคลั่งมากยิ่งขึ้นท้องฟ้าเบื้องบนที่เคยกระจ่างใส่แลเห็นดวงตะวันลอยเด่นกลับกลายเป็นสีดำทมึนด้วยทะเลยเมฆสีเทาขรึมเหมือนวันพายุเข้าอย่าง่นาหวาดหวัน
ใบหน้าที่เคยมีเค้าความตกใจและหวาดกลัวกลับเต็มไปด้วยเค้าแห่งโทสะ
รอยยิ้มปรากฏอีกครั้งบนใบหน้าของเท็นริว เหมือนกับว่าตัวเองนั้นกำลังจะได้เจอกับเรื่องสนุกสนาน เสื้อคลุมตัวยาว ทั้งสีขาว และสีดำปลิวไสวไปตามแรงลมที่พาไปอย่างไม่ขัดขืนเผยให้เห็นฝักดาบสีดำไม่ต่างอะไรกับท้องฟ้าที่มองเห็นอยู่มนตอนนี้
มือเรียวคล้ำเลื่อนลงไปแตะที่ด้ามดาบ สำเหนียกถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเริ่มต้น
...............................................................
ยาวหน่อยนะครับเนี่ยผมว่า ขอบคุณสำหรับทุกคะแนนที่ให้มานะครับ
ความคิดเห็น