ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    D. คนอันตราย ชีวิตอันตราย

    ลำดับตอนที่ #6 : อดีต

    • อัปเดตล่าสุด 22 มี.ค. 49



          วันที่ไม่อยากจะให้มีถึงมากที่วันที่ไม่ต้องการจะตื่นจากฝันอันแสนหวาน ในฝันที่เรื่องนี้จะไม่มีวันเป็นจริง วันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่ อาซาซึกิ จิโตเสะจะสามารถเก็บของสำคัญยิ่งในชีวิตของเค้าไว้กับตัวได้ อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่อาจคาดเดา
                  จิโตเสะทำใจบอกน้อสาวไปแต่เพียงว่าวันนี้ให้ไปกับเค้าหน่อยไม่ได้บอกรายละเอียะดอะไรให้ฟังนอกเหนือจากนั้น
       ทั้งพี่ชายและน้องสานั่งกินข้าวกันอยุ่สองคนตามปกติที่ผ่านมาตลอด 3 ปี

                  แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผิดแปลกไปจากเดิม

         มือเช้ามักจะป็นเวลาที่ชายหนุ่มผมดำมีความสุขมากที่สุดแต่ว่าวันนี้ไม่ใช่ เพราะทุกวันชายหนุ่มผมดำจะสนุกสุดเหวี่ยงไปกับการแกล้งน้องสาวแต่วันนี้กลับเงียบ  เงียบเกินไปจนโยคุนึกว่าพี่ชายกินยาแล้วลืมเขย่าขวดถึงใบหน้าจะไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆออกมาแต่มันแสดงออกมาอย่างชัดเจนทางสายตา
             
          ดวงตาสีดำราวราตรีคู่นั้นเต้มไปด้วยความหมาดกลัวที่กัดกินจิตใจอย่างรวดเร็วและไม่อาจจางหายไปได้ง่ายๆวันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้อยุ่ร่วมกับน้องสาว
          
          จิโตเสะพยายามไม่สบตากับโยคุเพราะไม่อยากให้นางมาเป็นกังวลเรื่องของเค้าถึงจะพยายามปกปิดขนาดไหนแต่เด็กหญิงก็รู้สึกได้ว่ากำลังจะเกิดเรื่องร้ายแรง 
          ช้อนตักอาหารในมือของทั้งสองคนแทบจะไม่ได้ทำหน้าที่ของมันคือตักอาหารใส่ปากแถมยังถูกยัดเยียดหน้าที่ใหม่ให้อีกอย่างนั้นก็คือมันถูกกวาดไปทั่วจานเพื่อเขี่ยอาหารเล่นเพราะไม่มีใครอารมณ์กิน
      
          "ทำไมไม่กิน " จิโตเสะเริ่มเปิดบทสนทนาในยามเช้าอันตึงเครียด โยคุตวัดสายตาขึ้นไปมองคนที่ไม่ได้ดูตัวเองเลยว่าก็ไม่ได้ต่างกันนักหรอก
       
         " พี่ก็เหมือนกันนั้นแหละ " น้องสาวย้อนเข้าให้
      พี่ชายแทบจะใบ้กิน  คงจะหาเรื่องส่งท้ายกันไม่ได้แล้วซินะ
    วันนี้อาหารดูจะไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยเพราะว่าไม่มีใครอยากกิน
          โยคุไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับงานของพี่ชายเลยแม้แต่เรื่องเดียวและไม่เคยคิดจะถามแม้ในใจจะอยากรู้ยิ่งพี่บอกว่าจะพาไปที่ทำงานยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่แต่ก็จำเป็นต้องเก็บความรู้สึกดีใจนั้นเอาไว้เนื่องจากว่าเห็นท่าทางที่ไม่ค่อยสุ้ดีของผู้เป็นพี่ เด็กน้อยเคยคิดเสมอว่างานของพี่ชายนั้นเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับตัวนางเองมาก
                เคยคิดฝันด้วยซ้ำว่าจะได้ทำงานเดียวกับพี่
    พอไปบอกเปรยๆให้พี่ชายฟังเค้าก็หัวเราะอย่างขบขันราวกับฟังเรื่องตลกก็ไม่ปาน แถมท้ายด้วยประโยคจี้ใจดำและกวนโมโหอย่างที่สุด
                       
                          " ไม่มีทางหรอกน่าเด็กดื้ออย่างเจ้าน่ะ " 

      คำพูดในวันนั้นทำให้โยคุถึงกับเลือดขึ้นหน้า แทบต่อยกันบ้านแตก
       
       " ไปกันได้รึยัง " โยคุเอ่ยถาม
    เมื่อพอออกจาบ้านพี่ชายก็ไม่ยอมทำอะไรเลยนอกจากยืนตากลม

       " นี่..นี่พี่จิโตเสะ ! " น้องสาวตะโกนใส่พี่ชายอย่างเหลืออด

        " หา..เมื่อกี้ว่าไงนะ " จิโตเสะสะดุ้งเฮือกเหมือนคนชักกระตุ้ก

        หลุดออกจาภวังค์ความเหม่อลอยในทันทีชายหนุ่มผมดำก้มลงมองน้องสาวและถามว่าเมื้อครู่พูดอะไร โยคุไม่ได้ตอบในทันที มือเท้าสะเอวอย่างหงุดหงิดในพฤติกรรมพิลึกพิลั่นของผู้เป็นพี่
       
          ก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วตอบว่า " ไปกันรึยัง "
    ประโยคนั้นเน้นทุกคำเพื่อให้แน่ใจว่าพี่ชายได้ยินชัดเจน   จิโตเสะพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะถอนหายใจแบบเดียวกับคนที่พึ่งทำใจได้
               
             " ตามมาก็แล้วกัน " ชายหนุ่มเอ่ยเบาๆพลางกระโดดสูงขึ้นบนต้นไม่อย่างไม่รอช้า
            
              " อ้าว! รอด้วยซิ " โยคุตะโกนแล้วรีบตามไป

           จิโตเสะไม่คิดจะหันไปมองน้องสาวหรือห่วงว่าจะตกต้นไม้รึเปล่า

        ...ถ้าแค่นี้ยังทำไม่ได้ก็ไม่ต้องไปทำอะไรกินแล้ว...
     
       ชายหนุ่มพูดโยคุแบบนี้เสมอตั้งแต่จำความได้สิ่งที่จิโตเสะสอนให้เด็กน้อยก็คือ  การต่อสู้ ใช้อาวุธ การเคลื่อนไหวที่จำเป็น และความรู้ความอ่านที่พอจะสอนให้ได้    ถึงปากจะบอกว่าไม่อยากให้น้องสาวทำงานแบบเดียวกับตัวเองแต่เค้ากลับยสอนน้องเสียทุกอย่างที่จะเป็นประโยชน์ในทางนี้และทำให้น้องตัวเองเด่นกว่าคนือ่นถ้าเข้าทำงาน       จึงไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงเลยว่านางจะตกต้นไม้หรือเปล่า   สองพี่น้องมุ่งลงสู่ทางใต้ที่เคยอาศัยมาตลอดชีวิต
                      
                               2  ชั่วโมงหมดไปกับการเดินทาง
     
          แสงแดดยามสายเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆจนความร้อนเริ่มคืบคลานและแสงแดดแยงตาจนแสบจาโยคุหันไปมองพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างๆกัน

            โชคยังดีที่ชุดของโยคุใส่เป็นเสื้อแขนสั้นกับกางกงยีนส์ขายาวสีอ่อน แต่จิโตเสะนี่สิชีวิตนี้ใส่แต่สีดำจริงๆ แขนยาวก็ยาวสีดำก็ดูดแสงแต่ทำไมพี่ชายถึงไม่ยอมบ่นออกมาเลยซักคำเดียว
                        
                       แค่ใส่แค่นี้โยคุเองก็เหงื่อแตกแล้ว
      
            " จะถึงรึยัง " เด็กหญิงถามโดยพยายามทำเสียงให้ดูเหนื่อยมากที่สุดแสดงถึงความอยากพักไม่อยากให้พี่รู้ว่าตัวนางกำลังเป็นห่วงว่าตัวพี่ชายนั้นจะเป็นลมไปเสียก่อนจะถึงที่หมาย
        
             " ถึงเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น " จิโตเสะตอบอย่างไม่ใส่ใจ
    โยคุบ่นอุบอิบอย่างหงุดหงิดในคำตอบที่กวนๆของชายหนุ่มแต่คนพี่ก็ไม่ได้หันมาว่าอะไรเป็นพิเศษในหัวของชายชุดดำมีเรื่องอื่นให้ต้องคิดอีกมากและสำคัญกว่าเรื่องนี้อีกด้วย  ควาสมเครียดซัดกระหน่ำเข้าสุ่จิตใจอย่างไม่หยุดยั้ง  เรื่องนี้ดูจุดสุดท้ายไม่ออกจริงๆ

          เมื่อรายงานตัวเสร็จสรรพน้องคนนี้จะยังอยู่เคียงข้างเค้าต่อไปอีกรึเปล่าสถานะการเป็นหลานของผู้บังคัญบัญชาใหญ่อาจจะช่วยทำให้มันดีขึ้นได้ก็จริงแต่มันก็มีข้อเสียที่ร้ายแรงและน่าปวดใจอยู่
       นั้นก็คือเมื่อเป็นเช่นนี้นางจะอยู่ในฐานะและชนชั้นที่สูงกว่าเค้าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ไม่ถึง 1 ในร้อยที่จะยอมให้ผู้สูงศักดิ์อยู่อย่างใกล้ชิดกับคนที่มีฐานะต่ำกว่า
            ตัวเค้าจะรับได้จริงๆนะหรือเมื่อมีคำบัญชาออกมา
      สมองพยายามคิดหาวิธีร้อยแปดพันเก้าที่น่าจะทำให้ได้ตัวน้องสาวของเค้ากลับคืนมา

           กึก ! ความรู้สึกเสียสันหลังนั้นทำให้ดวงตาคู่สวยของชายหนุ่มเบิกโพลงด้วยความตกใจ
     
          " โยคุ ! " เสียงตะโกนเรียกชื่อตนเองดังลั่นทำให้เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือก แต่ยังไม่ได้ทันถามว่าเรยีกทำไมเสียดังพี่ชายก็คว้าข้อมือเด็กหญิงแล้วคว้าเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนอย่างแรงร่างกายของโยคุกระแทกอย่างแรงเข้ากับแผนออกกว้างของจิโตเสะจนชายหนุ่มถึงกับจุกไปชั่วขณะ  แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาต่อว่าใคร

               ตูม!! บริเวณที่น่าร่างของคนทั่งคู่ยืนอยู่ก็เกิดระเบิดขึ้นในทันทีที่จิโตเสะคว้าโยคุออกมาได้ทันเวลาไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุเนื่องจากควันของเศษดิน เศษหินและใบไม้ต้นหญ้าท่ฟุ้งกระจายเพราะแรงระเบิด
     
            แรงลมจากการจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวนั้นพัดผ่านใบหน้าไปอย่างรุนแรงจนทำให้เส้นผมสีดำที่หวีไว้เรียบร้อยลู่ลงมาปรกใบหน้าดวงตาสีดำฉายแววแงความโกระเกรี้ยว  อะไรกันมีใครกำลังจ้องเอาชีวิตเค้ากับน้องสาวอย่างนั้นเหรอ
     
         " พี่..." โยคุยังคงอยู่ในอ้อมแขนของพี่ชายนางเอ่ยเรียกจิโตเสะเบาๆ
      
          ร่างกายของเด็กน้อยเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของร่างสูงก็ดูจะเล็กลงไปถนัดตดวงตาสีฟ้าผลึกน้ำแข็งฉายส่องแววถึงความสงสัยแต่ไม่ใช่แววหวาดกลัวที่คนทั่วไปพึงมี
     
            จิโตเสะวางเด็กน้อยผมน้ำตาลทองลงเบาๆไม่ได้สนใจกับคำเรียกนั้น
      
         " รออยู่นี่นะ เดี๋ยวพี่กลับมา " ชายหนุ่มผมสีดำหันมาออกคำสั่งด้วยน้ำเสยีงจริงจังกว่าปกติจนน่าขนลุกอย่างกลัวเกรง   จิโตเสะผละจากโยคุและเร่งฝีเท้าวิ่งไปในทิศทางที่เกิดระเบิดเมื่อครู่ปล่อยน้องสาวทิ้งไว้ให้ยืนอย่คนเดียว

          คิ้วของโยคุมุ่นเข้าหากันอย่างสงสัยระคนหงุดหงิดที่พี่ชายทิ้งเอาไว้แบบนี้
       อะไรกันตั้งแต่เช้าแล้วถามอะไรพี่ชายก็ไม่ยอมตอบให้กระจ่างหรือเข้าใจ
       แล้วทีตอนนี้ยังสั่งให้อยู่เฉยๆอีก เด็กหญิงไม่เข้าใจถึงพฤติกรรมอันแปลกประหลาดของพี่ชายในวันนี้เลยจริงๆ
     แต่ดูถ้าว่าคนเป็นพี่จะลืมอะไรบางอย่างที่สำคัญมากๆไปอย่างหนึ่ง....

          คิดหรือว่าน้องสาวคนนี้จะยอมเชื่อฟังทำตามง่ายๆ แต่ไหนแต่ไรมาถ้าพี่ชายออกคำสั่งโดยไม่มีเหตุผลที่หนูน้อยรับฟังได้และน่าสงสัย โยคุไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะปฏบัติตาม
        (ถึงสุดท้ายจะเกิดเรื่องแย่ๆตลอดก็เถอะ)

            เด็กหญิงเร่มออกวิ่งไปในทิศทางเดียวกันกับที่พี่ชายวิ่งไปหลังจากที่คิดว่าน่าจะทิ้งระยะห่างพอสมควร
     
            ตามสองข้างทางที่วิ่งผ่านไปต้นไม้ที่ขึ้นสูงบดบังแสงแดดนั้นเหลือเพียงแต่ตอไม้ที่หักพังเศษฝุ่นยังคงปรากฏให้เห็นแต่บางตาพอที่จะทำให้เห็นทางข้างหน้า  เส้นทางที่จำเป็นต้องเดินผ่านในที่สุดก็มาถึงที่หมายดวงตาสีฟ้าใสสะท้อนภาพของพื้นที่ ที่เคยเป็นฝื่นป่าแต่ตอนนี้กลับโล่งราวทะเลยทราย
     
          ร่างของจิโตเสะปรากฏให้เห็นห่างจากจุดที่โยคุยืนอยู่ค่อนข้างไกล   และเค้ากำลังมองดูบางอย่างอยู่

               เด็กหญิงเลื่อนสายตาไปมองสิ่งที่พี่ชายกำลังจับจ้องอยู่
    ร่างนั้นสูงใหญ่ผิดปกติจากคนธรรมดารูปร่างนั้นดูออกง่ายว่าเป็นชายหนุ่มผมยาวสีขาวสยายยุ่งเหยิงแต่ก็ไม่ถึงกับฟูตัดกับผิวสีคล้ำบนใบหน้า  ดวงตาสีทองเป็นประกายราวกับปีศาจนั้นดูน่าหวาดหวั่นจนก้าวขาไม่ออก

            ตั้งแต่สันจมูกจนถึงคอถูกปกปิดด้วยผ้าสีขาวแต่ก็ยังพอมองเห็นโครงหน้าได้อยู่เสื้อคลุมสีขาวคอเหลี่ยมมีซิบรูดปิดตั้งแต่หน้าอกจนถึงเอว  แต่ชายนั้นยาวระพื้นและสวมกางเกงขายาวจนกองระพื้นแทบจะปิดรองเท้าหนังขาวจนมิด
     
           ไม่จำเป็จต้องมีใครมาอธิบายให้โยคุที่กำลังจ้องอยู่ฟังก็พอจะเดาเรื่องได้ว่า คน คนนี้คือตัวการที่เล่นงานนางและพี่อย่างไม่ต้องสงสัย
     
          ชายทั้ง 2 ยืนประจัญหน้ากัน คนคู่นั้นดูเหมือนจะเรียกได้ว่ามนุษณ์ที่ตรงข้ามกัน   ทั้งสีผม สีผิว สีสันของเสื้อผ้าต่างกันดดยสิ้นเชิง

     " แหม่..นึกว่าใครจิโตเสะคุงเองเหรอเนี่ย " 
     
    ชายชุดขาวเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงสนิทสนมราวกับว่ารู้จักมักคุ้นกันมานานแล้ว
        โครงใบหน้าที่อยู่ใต้ผ้าปิดสีขาวนั้นดูเหมือนกำลังยิ้มกว้างอยู่
     
      " ข้าเองก็นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้า...เท็นริว " จิโตเเอ่ยตอบน้ำเสียงแม้จะไม่แสดงถึงความรู้สึกรู้สาใดๆแต่คนฟังที่รู้นิสัยกันดีรู้แน่อยู่แล้วว่ากว่าจะเอ่ยออกมานั้นมันต้องเค้นออกมาอย่างยากลำบากขนาดไหน
      
        " ดีใจแฮะ ที่ยังจำกันได้  ไทนริวเอ่ยกลั้วหัวเราะ
     
       " ข้าไม่ทางลืมเจ้าได้หรอก..เท็นริว รับรอง " เสียงของชายหนุ่มผมดำนั้นแฝงลึกไปด้วยวี่แววแห่งความโกรธกริ้วเมื่อเจอหน้าคนที่เคยรู้จัก  ผู้รับฟังพยักหน้าหงึกอย่างเห็นด้วย
     
        " นั้นสินะ..เรื่องคราวนั้นมีใครบ้างน้า...." คิ้วสีขาวขมวดเข้าหากันอย่างครุ่นคิด นิ้วมือทั้งหาของชายชุดดำเริ่มกำเข้าหากันแน่นขึ้นเรื่อยๆ
     
       " ออ...มีพ่อเจ้า แม่เจ้าแล้วก็...." 
      
         " หุบปาก! " เสียงตะโกนนั้นดังลั่นพอที่จะได้ยินไปถึงบนแผ่นฟ้า  มือที่กำหมัดนั้นกำแน่นขึ้นจนเห็นเป็นสีเลือดอยู่จางๆ

            จิโตเสะกัดฟันกรอดหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยิรมณ์ความแค้นที่หนัหนาสาหัส
    ชายผิวคล้ำสะดุ้งเล็กน้อยแววตาเริ่มแสดงความรำคาญเมื่อถูกขัดจังหวะการพูดถึงความหลังที่ดูจะหอมหวานในความทรงจำ
      
         " อะไรกันๆหงุดหงิดไปได้ข้าก็แค่หวังดีช่วยให้เจ้ารำลึกได้ถึงความอ่อนแอของตัวเองไง " เท็นริวแก้ตัวด้วยคำบอกเล่าที่เจือด้วยความสมเพชเวทนา

            " แล้วนี่มันอะไรกันเจ้าจะตามจองล้างจองผลาญข้าไม่เลิกเลยรึไง" ชายชุดดำลดเสียงลงพยายามข่มอารมณืไม่ให้แสดงออกถึงความโมโหเกินจำเป็น
       คนผมขาวขมวดคิ้วราวกับว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่คนตรงหน้ากำลังพูด
     
        " ใครมาจองล้างจองผลาญเจ้ากัน " คราวนี้คนที่ต้องขมวดคิ้วกลายเป็นจิโตเสะแทนเสียแล้ว
     
       " ข้าเพียงแต่รับคำสั่งมาให้เก็บเด็กบางคนเท่านั้นเอง.....พูดแล้วก็นึกถึงบางอย่างขึ้นได้ ไอ้เด็นนั่นไปไหนแล้วล่ะเนี่ย " เท็นริวพูดพลางมองไปรอบๆ
         
            ประโยคที่ได้ยินเล่นเอาผู้ที่ฟังอยู่ทุกคำพูดเข่าอ่อนเกือบทรุดลงไปกองกับพื้น เด็กบางคนในละแวกนี้จะมีใครอีกนอกจากโยคุ
     ปฏิกริยาอาการเงียบของคนที่ยืนอยู่ฟั่งตรงข้ามทำให้ชายหนุ่มผมขาวสะกิดใจถึงอะไรบางอย่าง   ดวงตาสีทองหรี่เล็กและกลับมามองที่จิโตเสะอย่างเจ้าเล่ห์
     ริมฝีปากเหยียดยิ้มภายใต้การปกปิดเหมือนกับนึกวิธีแกล้งคนออก
      
        " หรือว่า..." เท็นริวเริ่มพูดดวงตาสีดำสนิทฉายซึ่งแววแห่งความกำวลอย่างรุนแรง
     
        เม็ดเหงื่อใสเริ่มปรากฏที่ไรผมไหลลงมาจนถึงใบหน้า
    ไม่จำเป็นต้องฟังคำตอบชายชุดขาวกรู้ในทันทีว่าสิ่งที่เค้าคิดคงจะถูกต้อง
     
       " ฮ่าๆๆ! .....ดวงเราสองคนนี่ตัดกันไม่ขาดจริงๆซินะเนี่ย " เท็นริวระเบิดเสียงหัวเราะอย่างอดไม่ได้ มันสะท้อนก้องไปในอากาศอย่างน่าหนวกขูและน่ารังเกียจ
      
    " อยากจะหัวเราะให้ฟ้าผ่า...อะไรกันคิดถึงน้องสาวคนเล็กสุดที่รักมากขนาดต้องไปเก็บเด็กมาเลี้ยงเลยเรอะ " ชายชุดขาวยังไม่ยอมเลิกราเรื่องเก่าๆถูกรื้อฟืนขึ้นมาจากลิ้นชักแห่งความทรงจำที่ไม่ต้องการจะเปิดมันออกมาหรือแม้แต่จะแตะต้องมัน
     
        วูบ....สายลมพัดวูบผ่านใบหน้าของเท็นริวไปจนเค้าสะดุ้งเฮือกความรู้สึกนั้นบอกว่านี่ไม่ใช่ลมธรรมดาหลังจากหดมเวลาไปกับการหัวเราะเท็นริวก็กลับมาจ้องหน้าจิโตเสะอีกครั้ง
           
               ประกายแสงสีฟ้าเริ่มปรากฏให้เห็นจางๆรอบตัวชายหนุ่มผมดำ
    ธารวาโยรอบข้างเริ่มหมุนรุนแรงอย่างบ้าคลั่ง
     
        "ถ้าอยากให้ฟ้าผ่านัก...ข้าก็จะสงเคราะห์ให้เอง "

           น้ำเสียงนั้นเย็นเยียบราวกับแท่งน้ำแข็งอันแหลมคมในเหมันต์ที่กำลังจะเสียดแทงสู่ร่างรัตติกาลสีดำสนิทที่มองเห็นได้ในดวงตาคู่นั้นวาวโรจน์
      ลมรอบข้างดูเหมือนจะกำลังสะท้อนอารมณืที่เดือดดาลราวกับลาวาใภเขาไฟ 
      
            ทุกวเลาที่ไหล่ผ่านไปลมนั้นก็ยิ่งจะดูบ้าคลั่งมากยิ่งขึ้นท้องฟ้าเบื้องบนที่เคยกระจ่างใส่แลเห็นดวงตะวันลอยเด่นกลับกลายเป็นสีดำทมึนด้วยทะเลยเมฆสีเทาขรึมเหมือนวันพายุเข้าอย่าง่นาหวาดหวัน
       
           ใบหน้าที่เคยมีเค้าความตกใจและหวาดกลัวกลับเต็มไปด้วยเค้าแห่งโทสะ
      
          รอยยิ้มปรากฏอีกครั้งบนใบหน้าของเท็นริว เหมือนกับว่าตัวเองนั้นกำลังจะได้เจอกับเรื่องสนุกสนาน เสื้อคลุมตัวยาว ทั้งสีขาว และสีดำปลิวไสวไปตามแรงลมที่พาไปอย่างไม่ขัดขืนเผยให้เห็นฝักดาบสีดำไม่ต่างอะไรกับท้องฟ้าที่มองเห็นอยู่มนตอนนี้

       มือเรียวคล้ำเลื่อนลงไปแตะที่ด้ามดาบ สำเหนียกถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเริ่มต้น


    ...............................................................

    ยาวหน่อยนะครับเนี่ยผมว่า ขอบคุณสำหรับทุกคะแนนที่ให้มานะครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×