ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ใจที่ไม่ยอมรับ
....อะไรกันวะจำไว้เลยนะยามี่...กริมจอว์คิดอย่างแค้นใจ
ถึงความจริงจะนึกแค้นยามี่แต่ใจริงแล้วมันก็แค้นทั้งสองคนนั้นแหละ
แต่เออร์ควีโอล่าโกรธน้อยกว่าหน่อย(ไม่หน่อยละ) และที่แค้นยามี่ก็มีเหตุผลสำคัญอยู่อีกอย่าง
วันนั้นทั้งวันหลังจากที่เออร์ควีโอล่าและยามี่หายตัวไปทำงานไอเซ็นนอกกลุ่มอารันก้าร์แล้ว
พี่น้องทั้ง 20ตนที่เหลือก็หาเรื่องแก้เบื่อทำตามปกติจนกว่าจะมีสั่งงานของหัวหน้าไอเซ็น(ฮาเร็ม ออฟ ไอเซ็นแท้ๆ)
งานอดิเรกของกริมจอว์ก็คงไม่พ้นนอนกลางวันเหยียดยาวที่ห้องโถงใหญ่สังเกตุได้จากทรงผมที่ดูเหมือนเพิ่งจะตื่นนอนเป็นประจำ
ภาพที่ทุกตนเห็นจนคุ้นตาก็คงเป็นภาพร่างของอารันก้าร์ลำดับ 6 ที่หลับอย่างสบายทั้งที่ยังคิ้วขมวดอยู่นั้นเอง แต่วันนี้เห็นทีจะไม่ใช่
เวลานี้เป็นครั้งแรกที่กริมจอว์ไม่หลับ นอนพลิกไปพลิกมา คิ้วขมวดผูกโบว์เข้าหากันอย่างหงุดหงิดดูแล้วไม่น่ามีใครกล้าเข้าใกล้
จนอารันก้าร์ฟันแหลมนามดีรอยด์ที่นั่งอยู่ข้างๆเริ่มรำคาญ
" แกเป็นอะไรของแกวะ กริมจอว์ คิดถึงไอ้หน้าซีดนั้นจนนอนไม่หลับเลยรึไง "
คนที่ถูกบอกว่ากำลังคิดถึงใครบางคนอยู่รีบพุดลุกขึ้นมานั่งทันที มือข้างหนึ่งกำขึ้นมาเหมือนจะชกแต่ไม่ชก
" พูดอะไรระวังปากหน่อย ทำไมข้าต้องคิดถึงไอ้หน้าอ่อนนั้นด้วยวะ ! "
กริมจอว์ขึ้นเสียงที่แม้ชีวิตกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายก็ยังหัวเราะ หึๆ
" ล้แล่นเว้ย ก็รู้อยู่น่า " หนุ่มฟันแหลมพูดแก้ต่างให้ตัวเอง
" ถ้าอีกครั้งฟันแกหลุดหมดปากแน่ " คนที่มีลำดับสูงกว่าพูดขู่แล้วกลับไปลงนอนหันหลังอย่างไม่อยากมองหน้าใคร
....รึว่าจะจริงอย่างที่มันว่า... กริมจอว์เพล่อคิดเรื่องี่ทดีรอยด์พูดล้อเล่น
ใบหน้าที่ดูบูดบึ้งอยู่ตลอดเวลานั้นดูคลายลงเมื่อนึกถึงภาพของหนุ่มผิวขาวนั่น
....บ้าน่า...คิดเองแล้วก็ปฏิเสธเอง ชายผมยุ่งรีบเปลี่ยนไปคิดเรื่องทันทีก่อนที่สมองจะคิดอะไรมากไปกว่านี้
ขณะที่พยายามข่มตาให้หลับ เรื่องอะไรจะไปยอมรับเรื่องี่เง่าพรรณนั้นกัน
เวลาที่ผ่านไปทำให้กริมจอว์ดูกระซับกระส่ายมากขึ้นเรื่อยๆ ...เมื่อไหร่จะกลับมาซะทีวะ..
ระหว่างที่คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยเปื่อยนั้นเสียงประตูบานใหญ่ก็เปิดออก
คนที่กำลังนอนอยู่พุดลุกขึ้นนั่งเป็นเรื่องปกติของหลายๆคนที่จะสังเกตุเป้าสายตาที่พึ่งเข้ามามากกว่า
ยาม่อยู่ในสภาพที่น่าจะพูดได้ว่าดูไม่ได้แขนข้างขวาหายไปเลือดโฉกและเหงื่อไหล่โทรมกาย
เมื่อเห็นภาพนั้นกริมจอว์ก็รีบมองไปทางเออร์ควีโอล่าในทันที ความรู้สึกโล่งใจปรากฏขึ้นในหัวแทบจะทันทีเกือบๆไปแล้วที่จะถอนหายใจออกมา
เมื่อเห็นชายหนุ่มผิวซีดอยู่ในสภาพปกติครบ 32 จนดูเหมือนไร้รอยขีดข่วน
" รายงานมาซิ เออร์ควีโอล่า ต่อหน้าเราพี่น้องทั้ง 22 ตนนี้แหละ "
คำสั่งเอ่ยออกมาเมื่อผู้ถูกสั่งให้ไปสังเกตุการณ์ทั้งสอง มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเหล่าอารันก้าร์
ผู้ถูกสังขวักตาของตนเองออกมาและบีบจนแตกละเอียด การรับรู้เรื่องราวต่างๆผ่านไปด้วยดีแม้ว่าช่วงกลางจะมีการกัดกันอยู่เงียบๆเล็กน้อย
(ไปดูในสปอยด์นะครับ)
เออร์ควีโอล่าที่ไม่ค่อยจะเสวนากับใครนักในกลุ่มตัวเองเท่าไหร่นักจึง เมื่อจบเรื่อง
ชายหนุ่มผมสีดำจึงเดินออกไปจากห้องเกือบจะในทันที อารันก้าร์ที่เหลือยังคงนั่งกันอยู่ในห้อง
ถึงยังไม่ยอมลุกไปไหนแต่ดวงตาก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่เจ้าหนุ่มยอมสันโดษไป
" อ้าว จะไปไหนวะ กริมจอว์ " ดีรอยด์คนเดิมเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ
เมื่อจู่หนุ่มผมฟ้าก็ลุกขึ้นยืนเร่งฝีเท้าเดินออกไป
แม้ดีรอยด์จะเอ่ยถามดังขนาดไหนแต่ดูถ้าแล้วอารันก้าร์ลำดับ 6 จะไม่ได้สนใจฟัง
แถมด้วยพวกพ้องรอบข้างเองก็ดูจะหมางเมินคนอื่นไม่สนใจใครนอกจากตัวเอง
ยกเว้นเพียงคนหนึ่งผู้นำสูงสุดของกลุ่มอารันก้าร์ที่มองเห็นทุกอย่าง
ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางๆอย่างสนุกสนาน ...เอาแล้วไงละ กริมจอว์..
.....อะไรกันวะเนี่ย จู่ๆก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเฉยๆ เจ้าเป็นอะไรงั้นเหรอ เออร์ควีโอล่า...
คนที่เดินตามออกมาตะโกนในใจอย่างอารมณ์เสียเป็นห่วงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกทั้งๆที่ไม่อยากเลย
พลางมองหาชายหนุ่มผมดำที่เดินนำมาก่อนหน้านี้ไม่นานนัก
กึก... ชายหนุ่มผิวสีซีดขาวหยุดกึกการทรงตัวเพื่อยืนนั้นดูย่ำแย่ลงอย่างมาก
แขนขานั้นรู้สึกไร้เรี่ยวแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในหัวนั้นรู้สึกหมุนขว้างไม่หยุด
...อะไรกันแค่โดนแรงกดดันวิญญาณแค่นั้นเราไม่น่าจะเหนื่อยได้ขนาดนี้นี่นา...
เออร์ควีโอล่าไม่มีแม้แต่แรงที่จะทรงตัวให้ยืนตรงอยู่ได้ร่างกายที่อ่อนล้าถูกพลักดันให้ใช้กำแพงข้างๆเป็นเครื่องประคองตัวไม่ให้ทรุดลงไป
ฝ่ามือสีขาวถูกเลื่อนขึ้นมาดันหน้าผากที่เริ่มจะมีเหงื่อไหล่ซึมออกมาราวกับว่ามันจะทำให้อาการมึนหัวลดลงได้บ้าง
...กลับไปที่ห้องแล้วพักหน่อยดีกว่า...ชายหนุ่มคิด
แต่เค้าก็คงคิดได้แค่นั้นเมื่อภาพตรงหน้าเริ่มเลือนรางทุกสิ่งทุกอย่างดูพร่ามัวไร้รูปร่าง
และแล้วทั้งหมดก็หายไปเพราะถูกกลืนกินด้วยความมืด ความรู้สึกสุดท้ายก็คือมีใครบางคนวิ่งเข้ามารับร่างบางๆของเค้าไว้ไม่ให้ล้มกระแทกพื้น
พร้อมกันนั้นก็ร้องเรียกชื่อเค้าออกมาเพราะอะไรไม่รู้เออร์ควีโอล่ารู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินเสียงนั้น
ไม่รู้ว่ามันเป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่กริมจอว์มารับชายหนุ่มผมดำไว้ได้ทัน
" เออร์ควีโอล่า " กริมจอว์ตะโกนเรียกชื่อคนในอ้อมแขนดังลั่นอย่างตกใจ
แต่คนที่เรียกนั้นดูแล้วไม่น่าจะตอบกลับมาได้เลย
ดวงตาของชายหนุ่มผมดำปิดสนิท ในที่สุดคนเรียกก็หยุดความพยายามที่ไร้ผลนั้น
" ช่วยไม่ได้ " กริมจอว์พึมพำก่อนที่จะอุ้มร่างที่ตอนนี้ทั้งไร้สตทั้งอ่อนแรงขึ้นมา
ชายหนุ่มรู้ดีอยู่แล้วว่าร่างของคนที่อุ้มอยู่นั้นไปทางไหนจึงเลือกเดินไปทางนั้น
แขนทั้งสองข้างที่อุ้มร่างบางอยู่นั้นดูราวกับว่าจะไม่ยอมปล่อยให้ไปไหนทั้งนั้น
เหมือนกับว่าสิ่งที่เค้ากำลังอุ้มอยู่นั้นเป็นของสำคัญอย่างยิ่งยวดที่จะเสียไปไม่ได้
ถึงความจริงจะนึกแค้นยามี่แต่ใจริงแล้วมันก็แค้นทั้งสองคนนั้นแหละ
แต่เออร์ควีโอล่าโกรธน้อยกว่าหน่อย(ไม่หน่อยละ) และที่แค้นยามี่ก็มีเหตุผลสำคัญอยู่อีกอย่าง
วันนั้นทั้งวันหลังจากที่เออร์ควีโอล่าและยามี่หายตัวไปทำงานไอเซ็นนอกกลุ่มอารันก้าร์แล้ว
พี่น้องทั้ง 20ตนที่เหลือก็หาเรื่องแก้เบื่อทำตามปกติจนกว่าจะมีสั่งงานของหัวหน้าไอเซ็น(ฮาเร็ม ออฟ ไอเซ็นแท้ๆ)
งานอดิเรกของกริมจอว์ก็คงไม่พ้นนอนกลางวันเหยียดยาวที่ห้องโถงใหญ่สังเกตุได้จากทรงผมที่ดูเหมือนเพิ่งจะตื่นนอนเป็นประจำ
ภาพที่ทุกตนเห็นจนคุ้นตาก็คงเป็นภาพร่างของอารันก้าร์ลำดับ 6 ที่หลับอย่างสบายทั้งที่ยังคิ้วขมวดอยู่นั้นเอง แต่วันนี้เห็นทีจะไม่ใช่
เวลานี้เป็นครั้งแรกที่กริมจอว์ไม่หลับ นอนพลิกไปพลิกมา คิ้วขมวดผูกโบว์เข้าหากันอย่างหงุดหงิดดูแล้วไม่น่ามีใครกล้าเข้าใกล้
จนอารันก้าร์ฟันแหลมนามดีรอยด์ที่นั่งอยู่ข้างๆเริ่มรำคาญ
" แกเป็นอะไรของแกวะ กริมจอว์ คิดถึงไอ้หน้าซีดนั้นจนนอนไม่หลับเลยรึไง "
คนที่ถูกบอกว่ากำลังคิดถึงใครบางคนอยู่รีบพุดลุกขึ้นมานั่งทันที มือข้างหนึ่งกำขึ้นมาเหมือนจะชกแต่ไม่ชก
" พูดอะไรระวังปากหน่อย ทำไมข้าต้องคิดถึงไอ้หน้าอ่อนนั้นด้วยวะ ! "
กริมจอว์ขึ้นเสียงที่แม้ชีวิตกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายก็ยังหัวเราะ หึๆ
" ล้แล่นเว้ย ก็รู้อยู่น่า " หนุ่มฟันแหลมพูดแก้ต่างให้ตัวเอง
" ถ้าอีกครั้งฟันแกหลุดหมดปากแน่ " คนที่มีลำดับสูงกว่าพูดขู่แล้วกลับไปลงนอนหันหลังอย่างไม่อยากมองหน้าใคร
....รึว่าจะจริงอย่างที่มันว่า... กริมจอว์เพล่อคิดเรื่องี่ทดีรอยด์พูดล้อเล่น
ใบหน้าที่ดูบูดบึ้งอยู่ตลอดเวลานั้นดูคลายลงเมื่อนึกถึงภาพของหนุ่มผิวขาวนั่น
....บ้าน่า...คิดเองแล้วก็ปฏิเสธเอง ชายผมยุ่งรีบเปลี่ยนไปคิดเรื่องทันทีก่อนที่สมองจะคิดอะไรมากไปกว่านี้
ขณะที่พยายามข่มตาให้หลับ เรื่องอะไรจะไปยอมรับเรื่องี่เง่าพรรณนั้นกัน
เวลาที่ผ่านไปทำให้กริมจอว์ดูกระซับกระส่ายมากขึ้นเรื่อยๆ ...เมื่อไหร่จะกลับมาซะทีวะ..
ระหว่างที่คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยเปื่อยนั้นเสียงประตูบานใหญ่ก็เปิดออก
คนที่กำลังนอนอยู่พุดลุกขึ้นนั่งเป็นเรื่องปกติของหลายๆคนที่จะสังเกตุเป้าสายตาที่พึ่งเข้ามามากกว่า
ยาม่อยู่ในสภาพที่น่าจะพูดได้ว่าดูไม่ได้แขนข้างขวาหายไปเลือดโฉกและเหงื่อไหล่โทรมกาย
เมื่อเห็นภาพนั้นกริมจอว์ก็รีบมองไปทางเออร์ควีโอล่าในทันที ความรู้สึกโล่งใจปรากฏขึ้นในหัวแทบจะทันทีเกือบๆไปแล้วที่จะถอนหายใจออกมา
เมื่อเห็นชายหนุ่มผิวซีดอยู่ในสภาพปกติครบ 32 จนดูเหมือนไร้รอยขีดข่วน
" รายงานมาซิ เออร์ควีโอล่า ต่อหน้าเราพี่น้องทั้ง 22 ตนนี้แหละ "
คำสั่งเอ่ยออกมาเมื่อผู้ถูกสั่งให้ไปสังเกตุการณ์ทั้งสอง มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเหล่าอารันก้าร์
ผู้ถูกสังขวักตาของตนเองออกมาและบีบจนแตกละเอียด การรับรู้เรื่องราวต่างๆผ่านไปด้วยดีแม้ว่าช่วงกลางจะมีการกัดกันอยู่เงียบๆเล็กน้อย
(ไปดูในสปอยด์นะครับ)
เออร์ควีโอล่าที่ไม่ค่อยจะเสวนากับใครนักในกลุ่มตัวเองเท่าไหร่นักจึง เมื่อจบเรื่อง
ชายหนุ่มผมสีดำจึงเดินออกไปจากห้องเกือบจะในทันที อารันก้าร์ที่เหลือยังคงนั่งกันอยู่ในห้อง
ถึงยังไม่ยอมลุกไปไหนแต่ดวงตาก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่เจ้าหนุ่มยอมสันโดษไป
" อ้าว จะไปไหนวะ กริมจอว์ " ดีรอยด์คนเดิมเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ
เมื่อจู่หนุ่มผมฟ้าก็ลุกขึ้นยืนเร่งฝีเท้าเดินออกไป
แม้ดีรอยด์จะเอ่ยถามดังขนาดไหนแต่ดูถ้าแล้วอารันก้าร์ลำดับ 6 จะไม่ได้สนใจฟัง
แถมด้วยพวกพ้องรอบข้างเองก็ดูจะหมางเมินคนอื่นไม่สนใจใครนอกจากตัวเอง
ยกเว้นเพียงคนหนึ่งผู้นำสูงสุดของกลุ่มอารันก้าร์ที่มองเห็นทุกอย่าง
ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางๆอย่างสนุกสนาน ...เอาแล้วไงละ กริมจอว์..
.....อะไรกันวะเนี่ย จู่ๆก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเฉยๆ เจ้าเป็นอะไรงั้นเหรอ เออร์ควีโอล่า...
คนที่เดินตามออกมาตะโกนในใจอย่างอารมณ์เสียเป็นห่วงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกทั้งๆที่ไม่อยากเลย
พลางมองหาชายหนุ่มผมดำที่เดินนำมาก่อนหน้านี้ไม่นานนัก
กึก... ชายหนุ่มผิวสีซีดขาวหยุดกึกการทรงตัวเพื่อยืนนั้นดูย่ำแย่ลงอย่างมาก
แขนขานั้นรู้สึกไร้เรี่ยวแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในหัวนั้นรู้สึกหมุนขว้างไม่หยุด
...อะไรกันแค่โดนแรงกดดันวิญญาณแค่นั้นเราไม่น่าจะเหนื่อยได้ขนาดนี้นี่นา...
เออร์ควีโอล่าไม่มีแม้แต่แรงที่จะทรงตัวให้ยืนตรงอยู่ได้ร่างกายที่อ่อนล้าถูกพลักดันให้ใช้กำแพงข้างๆเป็นเครื่องประคองตัวไม่ให้ทรุดลงไป
ฝ่ามือสีขาวถูกเลื่อนขึ้นมาดันหน้าผากที่เริ่มจะมีเหงื่อไหล่ซึมออกมาราวกับว่ามันจะทำให้อาการมึนหัวลดลงได้บ้าง
...กลับไปที่ห้องแล้วพักหน่อยดีกว่า...ชายหนุ่มคิด
แต่เค้าก็คงคิดได้แค่นั้นเมื่อภาพตรงหน้าเริ่มเลือนรางทุกสิ่งทุกอย่างดูพร่ามัวไร้รูปร่าง
และแล้วทั้งหมดก็หายไปเพราะถูกกลืนกินด้วยความมืด ความรู้สึกสุดท้ายก็คือมีใครบางคนวิ่งเข้ามารับร่างบางๆของเค้าไว้ไม่ให้ล้มกระแทกพื้น
พร้อมกันนั้นก็ร้องเรียกชื่อเค้าออกมาเพราะอะไรไม่รู้เออร์ควีโอล่ารู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินเสียงนั้น
ไม่รู้ว่ามันเป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่กริมจอว์มารับชายหนุ่มผมดำไว้ได้ทัน
" เออร์ควีโอล่า " กริมจอว์ตะโกนเรียกชื่อคนในอ้อมแขนดังลั่นอย่างตกใจ
แต่คนที่เรียกนั้นดูแล้วไม่น่าจะตอบกลับมาได้เลย
ดวงตาของชายหนุ่มผมดำปิดสนิท ในที่สุดคนเรียกก็หยุดความพยายามที่ไร้ผลนั้น
" ช่วยไม่ได้ " กริมจอว์พึมพำก่อนที่จะอุ้มร่างที่ตอนนี้ทั้งไร้สตทั้งอ่อนแรงขึ้นมา
ชายหนุ่มรู้ดีอยู่แล้วว่าร่างของคนที่อุ้มอยู่นั้นไปทางไหนจึงเลือกเดินไปทางนั้น
แขนทั้งสองข้างที่อุ้มร่างบางอยู่นั้นดูราวกับว่าจะไม่ยอมปล่อยให้ไปไหนทั้งนั้น
เหมือนกับว่าสิ่งที่เค้ากำลังอุ้มอยู่นั้นเป็นของสำคัญอย่างยิ่งยวดที่จะเสียไปไม่ได้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น