ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปี่อั้นเหนียงจื่อ

    ลำดับตอนที่ #2 : โจรสวาทบุกยามวิกาล

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ค. 67


    ณ เรือนเยว่เย่

    ถึงจะบอกว่านี่คือเรือนพัก ไม่สู้บอกว่านี่คือเรือนรับรองแขกดีกว่า จอมมารที่ไหนจะพักอยู่ในสถานที่กระจอกงอกง่อยแบบนี้ ไม่สมฐานะเอาเสียเลย ทั้งห้องมีแค่เตียงหนึ่งหลัง โต๊ะกับเก้าอี้สองตัว โต๊ะเครื่องแป้งกับเก้าอี้หนึ่งชุด แล้วก็ชุดกาน้ำชาหนึ่งชุด

    กู่หลันขอตัวออกไปสั่งห้องครัวให้เตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ ให้คุณหนูตัวเอง

    เนื่องจากปี่อั้นไม่สามารถดึงผ้าแดงออกจากหน้าด้วยตัวเองได้ นางจึงแอบเปิดผ้ามาสำรวจรอบๆ ห้อง

    แสงก็น้อยแถมทุกอย่างยังเป็นสีแดง ปี่อั้นรู้สึกตาลายนิดๆ แล้วก็อึดอัดมากด้วยที่มีผ้าโปร่งสีแดงปิดหน้าตลอดเวลา นางไม่สนใจธรรมเนียมอะไรทั้งนั้น กระชากผ้าแดงปิดหน้าออกทิ้งไว้ข้างๆ

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้ง

    "เชิญ"

    "เหตุใดเจ้าถึงได้ถอดผ้าคลุมออกก่อน" เสียงทุ้มอันทรงพลังนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นท่านพ่อของปี่อั้นแน่นอน

    "ใครที่ไม่รู้ว่าเราเป็นพ่อลูกมาเห็นเข้า พรุ่งนี้ข่าวลือที่ว่าวัวแก่กินหญ้าอ่อนสะพัดแน่ แถมไม่ใช่หญ้าธรรมดา เป็นหญ้าที่เหลือจากปากท่านจอมมารผู้ยิ่งใหญ่อีกด้วย…อุ๊บ!"

    "ลูกคนนี้นี่ ไม่เคยทำให้พ่อวางใจได้เลย อาศัยแค่ประโยคเมื่อกี้ของเจ้า หัวเราพ่อลูกหลุดออกจากบ่าโดยไม่รู้ตัวได้!"

    ท่านพ่อนั่งลงบนเตียงที่ปูด้วยผ้าสีแดงสด ในมือถือกล่องไม้สลักลายดอกไม้ไว้หนึ่งกล่อง

    ไม่รู้ข้างในใส่อะไรไว้ แต่ถ้าดูจากภายนอกที่วิจิตรบรรจงแล้ว คิดว่าของข้างในต้องตีค่าประเมินราคาไม่ได้แน่ๆ

    "ของขวัญวันมงคลของบุตรสาวแสนสวยของพ่อ"

    ปี่อั้นกำลังจะเอื้อมมือไปคว้า ท่านพ่อก็ชักมือกลับ "เอ๋"

    "สรุปจะให้ข้าไหมเนี่ย!" มีอย่างที่ไหน ให้แล้วชักของกลับคืน

    "พ่อแค่จะกำชับไว้อย่างนึง" สายตาปี่อั้นไม่ได้จ้องหน้าท่านพ่อแต่อย่างใด เอาแต่จดจ่อกับกล่องไม้สลักตรงหน้า

    "จ้องอีกนิด พ่อจะคิดว่ามาให้อาหารสุนัขแล้วนะ"

    "ท่านพ่อ!" ปี่อั้นจ้องตาขวาง กล้าดียังไงมาเปรียบเทียบลูกตัวเองเป็นหมาตัวนึง ข้าน่ารักกว่าหมาตั้งเยอะหรอก ฮึ!

    "อย่าเปิดดูจนกว่าเจ้าจะอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก" ปี่อั้นฟังจนงง ทำไมไม่พูดให้มันชัดเจนไปเลยเล่าว่าไอสภาวะกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกมันคือตอนไหน

    ไม่บอกกลับไม่ค่อยอยากรู้ พอบอกว่าห้ามเมื่อไหร่ เหมือนเป็นการกระตุ้นต่อมความอยากรู้อยากเห็นให้ทำงานทันที

    หลังส่งมอบของขวัญที่กระตุ้นต่อมความอยากเสร็จแล้ว ท่านพ่อก็จากไปโดยไม่รำลา

    ช่วงนี้ท่านพ่อฝึกศาสตร์หายตัวได้? ไหนข้าไม่ยักรู้

    กู่หลันค้อมตัวคารวะท่านพ่อ

    "เมื่อครู่ข้าเห็นนายท่านด้วยเจ้าค่ะ"

    "ข้าไม่ได้ตาบอด" ปี่อั้นกรอกตามองบน

    "ของว่างที่หามาได้จากห้องครัวมีแค่ขนมดอกกุ้ย คุณหนูกินรองท้องไปก่อนนะเจ้าคะ"

    มือก็หยิบของกินเข้าปาก ปากก็บ่นไป "เจ้าว่าว่าที่สามีข้าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ ไม่ใช่ว่าเขาลืมว่าข้ายังรอเขาอยู่นะ"

    กู่หลันยิ้มตาหยี "ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ คุณหนู บ่าวส่งสาวใช้นางหนึ่งไปเร่งทางโน้นแล้วเจ้าค่ะ คิดว่าตอนนี้ก็น่าจะถึงแล้ว"

    มือที่ถือขนมดอกกุ้ยชะงักค้าง นี่เจ้าอยากให้ข้าตายก่อนวัยอันควรรึไง ฮะ กล้าดียังไงถึงกับไปเร่งท่านมาร

    เอาเป็นว่าเพื่อความสะดวกและความง่ายในการเรียก ต่อจากนี้นางจะเรียกเขาสั้นๆ ว่าท่านมารแล้วกัน


    อีกด้านหนึ่ง คนที่ถูกเรียกว่าท่านมารกำลังนั่งแทะเมล็ดแตงอย่างสบายใจ

    "นายท่าน มีสาวใช้มาเร่งให้ไปนายท่านไปพบคู่หมั้นขอรับ" กู่จิง คนสนิทข้างกายจอมมารเข้ามาทำความเคารพแล้วรายงานสิ่งที่ได้ยินมา

    "ฮึ" เขาวางเท้าลงบนพื้น ทิ้งเศษเมล็ดแตงบนโต๊ะ "นางรีบ? ก็ให้รอไป เปิ่นจั๋วไม่มีอารมณ์พบใครตอนนี้" จากนั้นหยิบเมล็ดแตงใหม่ขึ้นมาแทะต่อ

    รอแล้วรอเล่า คิดว่าได้เวลาอันสมควรแล้ว เฉิงม่อลุกขึ้นปัดเศษแตงออกจากชุด

    "เราไปเรือนเยว่เย่กัน!"

    เฉิงม่อมาถึงโบกมือให้กู่จิงหยุดอยู่ด้านหน้า ตนเองจะไปยลโฉมสาวงามคู่หมั้นเขาเสียหน่อย

    ที่เรียกว่าไปยลโฉม อันที่จริงคือไปขู่นางให้นางถอดใจแล้วถอนหมั้นไปเอง เรื่องอะไรให้เขามาถอนหมั้นนางก่อน เสียศักดิ์ศรีจอมมารหมด

    เฉิงม่อพลิกตัวอย่างปราดเปรียวเข้าห้องมาได้อย่างสบาย

    ปี่อั้นรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีลมเย็นสายหนึ่งพัดผ่านตัวไป ในใจหวาดกลัวและเริ่มพนมมือภาวนาไล่ผี

    "ไม่ยักรู้ว่าเจ้าเป็นหมอผีด้วย?"

    "อ๊าก! ท่านพ่อช่วยลูกด้วย!"

    ด้วยความกลัวผีและตกใจที่จู่ๆ ใครก็ไม่รู้มาโผล่อยู่ตรงหน้า ปี่อั้นรวบรวมพลังที่มือก่อเป็นแท่งน้ำแข็งปลายเรียวแหลมที่ใครเห็นก็อดหวาดเสียวไม่ได้ ใช้แท่งน้ำแข็งเป็นอาวุธ ศพคงเป็นรูพรุน

    ตอนแรกเฉิงม่อยังยืนกอดอกมองท่าทางนางตกใจ ภายหลังเห็นนางควบคุมน้ำแข็งได้ เขาลดมือลง ตั้งใจมองนางให้มากขึ้น

    นางเป็นใคร เผ่ามารของเปิ่นจั๋วไม่เคยมีผู้ใดควบคุมน้ำแข็งได้มาก่อน

    "อย่าเข้ามา ข้าแทงจริงด้วย"

    เฉิงม่อโบกมือทีนึง อาวุธเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นดังที่พึ่งจิตใจของปี่อั้นก็ละลายหายไปต่อ-หน้า-ต่อ-ตา!!

    ได้อย่างไร! นั่นนางแอบท่านพ่อฝึกมาตั้งนานเชียวนะ คนตรงหน้ากลับโบกมือผ่านๆ น้ำแข็งข้าก็ละลาย หรือว่าที่มือเขามีอะไรติดไว้? ว่าแล้วก็สอดส่องดูสักหน่อย

    ไม่พูดพร่ำทำเพลง เฉิงม่อก็ผลักปี่อั้นนอนราบ ตัวเองขึ้นคร่อมร่างนางไว้

    ปี่อั้นตาเบิกโต นี่ข้าเจอโจรปล้นสวาทเข้าแล้วสินะ!

    "เจ้า...เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร เจ้าทำแบบนี้ไม่กลัวท่านมาร...มาตัดคอเจ้ารึไง! ข้าไปฟ้องได้นะ!"

    เฉิงม่อมองสร้อยเชือกถักสีแดงจี้ดอกปี่อั้นที่โผล่ออกมานอกเสื้อแล้วยกยิ้มมุมปาก

    "ปี่อั้น"

    ปี่อั้นตกใจหนักกว่าเดิม อ้าปากยังสั่น "เจ้า...เจ้ารู้ชื่อข้าได้อย่างไร!?"

    "สร้อย" เขาลุกขึ้นจัดเสื้อให้เป็นระเบียบ "อ้อ อยากฟ้องก็ฟ้องไป"

    ปี่อั้นโมโห เรื่องอะไรมาแอบมองหน้าอกข้าแล้วจะจากไป ฝันไปเถอะ คิดได้ดังนั้นก็ยกเท้าเล็งไว้ที่ตรงอกของโจรสวาท

    เฉิงม่อหันกลับมา เท้าที่ว่านั่นก็วางอยู่บนอกเขาแล้ว... นางกล้าดียังไงใช้เท้าถีบว่าที่สามีอย่างเปิ่นจั้ว!

    "คิดจะไปง่ายๆ ฮึ ไม่รู้ซะแล้วว่าข้าเป็นใคร!"

    เขาบีบแก้มนางไว้อย่างแรง "ฟ้องสิ ไปฟ้องท่านมารของเจ้า หากเจ้าไม่ฟ้อง ข้าจะกลับมาปาดคอเจ้า!"

    เห็นรัศมีและสายตาที่แผ่ออกมาจากดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นแล้ว ปี่อั้นก็กลัวขึ้นมาจริงๆ วางเท้าลงกลับที่เดิม มือก็คอยลูบๆ บริเวณคอ

    น่ากลัวชะมัด ขู่ให้ใครดูกัน!

    โชคดีที่เขาไม่ได้ปาดคอนางจริงๆ ก็จากไปแล้ว แถมฝีเท้ายังเรียกได้ว่าเน้นทุกก้าวให้นางรู้ว่าเขาโกรธจริงนะเออ

    ว่าแต่เดี๋ยวนี้ศาสตร์หายตัวมันยอดนิยมขนาดนี้เลย? ทำไมมีแต่คนฝึกกัน หรือว่าข้าก็ควรไปฝึกด้วย?


    ปี่อั้นเราไม่อ่อนโยนเลย แถมคุณพี่เฉิงม่อก็ขู่น้องไปอี๊ก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×