เด็กผี - เด็กผี นิยาย เด็กผี : Dek-D.com - Writer

    เด็กผี

    ช่วงทดลองเขียน ช่วยคอมเม้นท์แนะนำหน่อยครับ

    ผู้เข้าชมรวม

    161

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    161

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 พ.ย. 61 / 11:41 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น


    เสียงแตรลากยาวไล่หลังไกลออกไป ผมชำเลืองมองกระจกส่องหลังเห็นเก๋งบุโรทั่งคันนั้นส่ายหัวไปมาก่อนสงบลงในเวลาไม่กี่อึดใจ โชคยังดีที่แค่ปัดอยู่ในช่องถนน เทียบกับคันอื่นๆที่ผมเคยปาดสั่งสอน บางคันวิ่งออกนอกถนน เคราะห์ร้ายหน่อยก็แฉลบลงข้างทางหรือชนอะไรต่อมิอะไรไปเลย ก็แล้วแต่นะ! เจ็ดปีที่ขับรถส่งของในอาชีพนี้ ผมไม่เคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับอุบัติเหตุเลยแม้แต่น้อย อาจเป็นเพราะกุศลที่ผมร่วมสร้างความเคร่งครัดถูกต้องในวินัยจราจรประเทศไทยเพิ่มขึ้น ผมจะรู้สึกมีความสุขใจทุกครั้งที่ได้ช่วยประเทศของเราลงโทษพวกสร้างปัญหาบนท้องถนน ไม่ว่าจะขับรถช้าในช่องขวา ทำให้รถคันอื่นที่เร็วกว่าต้องมาชะลอหาจังหวะแซงด้านซ้าย หรือพวกชอบมุด,ปาด,สอดหรือแทรกจังหวะกะทันหัน ไม่ว่าพวกชิงจังหวะแย่งช่องจราจร หรืออื่นๆใดๆที่ทุกท่านคงเคยประสบมาบ้าง พวกเห็นแก่ตัวแบบนี้ต้องเจอวีระบุรุษในเงามืดแบบผม โดยเมื่อผมเหลือบเห็นและจดจำรถคันไหนที่สมควรโดนได้แล้วไม่นานจากนั้นผมจะคอยสะกดรอยไปมอบของขวัญพิเศษให้ดูเหมือนไม่มีเจตนา แต่ก็อีกแหละก็แล้วแต่นะ! ไม่มีใครล่วงรู้ความคิดและมุมมองของผมได้ แม้แต่เจ้าตุ้ยน้องบั้ดดี้แรงงานขนของที่ประจำรถคันเดียวกันกับผมทุกวัน เนื่องจากผมเองเป็นคนพูดน้อยยิ้มเก่งแถมซ่อนความคิดแบบคมในฝัก ก็แหงหล่ะถ้าผมสอบได้ราชการตามวุฒิที่ผมจบมาจากมหาวิทยาลัยเปิดของรัฐได้ ผมคงไม่ต้องเอาวุฒิมอปลายมาสมัครขับรถส่งของให้บริษัทอยู่แบบนี้หรอก แต่ก็เช่นกันผมไม่เคยปริปากเรื่องระดับการศึกษาให้ใครทราบเลยทีเดียว ผมอาจชำเลืองกระจกหลังนานไปหน่อย เจ้าตุ้ยจึงโพล่งขึ้น “คนแก่ละน้อ ขับไม่เก่งยังอยู่ขวา ไม่สนใจบ้านเมืองคนอื่นเลย ดีนะไม่เป็นอะไรมาก เฮียเองต้องทำเวลา ผมเข้าใจนะ ถือว่าเคราะห์ของแกละกัน” ผมมองเจ้าตุ้ยยิ้มๆไม่ตอบอะไรมันกลับ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเราทั้งคู่ เวลาผมขับรถอันตรายหรือเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายโดยไม่สมควรคุ้มค่าเสี่ยง เจ้าตุ้ยจะเปิดคำถามแล้วหาคำตอบปลอบใจเชิงสนับสนุนการกระทำที่ผ่านมาแล้วของผมในแทบทุกโอกาส จนบางทีผมยังอดคิดไม่ได้ว่า ไอ้หนุ่มคนนี้อาจจะซาดิสท์หรือร่วมสะใจในการกระทำของผม หรืออาจจะคิดเหมือนกันก็ได้ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ไอ้ตุ้ยก็เป็นบั้ดดี้คนแรกและคนเดียวของผมตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา และไม่ว่าจะโดนโทรร้องเรียนจากชาวบ้านร้านตลาดร่วมถนน หรือใบสั่งเล็กน้อยใดๆ คำถามและเหตุการณ์เหล่านั้น ตุ้ยจะออกหน้าอธิบายแก่หัวหน้างานจนหมด ผมเองเลยพลอยพยักพเยิดไปกับมันด้วย ดีเสียอีกไม่ต้องเหนื่อยแรง แม้ครั้งหนึ่งเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้นกับเก๋งอีโคคาร์แต่งซิ่งจนลงคูน้ำตอนค่อนดึก ถึงบัดนี้ก็มีเพียงผมและตุ้ยที่รู้เรื่องและไม่มีใครปริปากพูดเรื่องนี้กันอีกเลย

    “เนี่ยถ้าถึงโรงงานหลังบ่ายสามนะเฮียคงไม่ทันของรอบบ่าย มีหวังได้นอนเฝ้ารถรอของรอบเย็นยันสว่างกันอีกแน่” เนื่องจากบริษัทเราขายอะไหล่เครื่องจักรอุตสาหกรรม ถ้าวันไหนไม่มีของส่งก็ฟรีไป แต่ถ้าเครื่องจักรพังต่อๆกันแบบนี้ก็ต้องเอาไปส่งลูกค้าให้ทันกำหนดให้ได้ ไม่ว่าจะเวลาใด ถึงได้มีค่าล่วงเวลางามๆให้คนส่งของอย่างพวกเราอดตาหลับขับตาสู้อยู่อย่างนี้ “คืนนี้ก็คงไม่พ้น” ผมรำพึงออกมาเบาๆ แต่ตุ้ยพลอยพยักหน้าหงึกๆไปด้วย “เฮียตัวคนเดียวก็สบาย ผมจะเคลียร์กับเธอยังไงดี” ตุ้ยตาลอยอมยิ้มพูด ทั้งๆที่ตุ้ยเพิ่งเห็นลูกสาวร้านอาหารตามสั่งที่พึ่งย้ายมาจากต่างจังหวัดแถวโรงงานของเราเมื่อไม่กี่วันมานี่เอง ยังแอบทึกทักอมยิ้มไปตามประสา “งั้นระหว่างรอของเราไปกินข้าวกะเพราเนื้ออีกนะเฮีย” ผมส่งยิ้มพยักหน้ากลับไป

    “พอดีบ่ายโมงเปิดคอนเทนเนอร์ที่ท่าเรือไม่ได้ นายเคลียร์เอกสารกำลังเสร็จ คงหลังสามทุ่มนู่นมั้ง ถึงจะขึ้นรถได้ เข้ามาใหม่สักสองทุ่มครึ่งแล้วกัน” เสมียนคุมวินส่งของแจ้งมา ขณะนี้เกือบห้าโมงเย็น เจ้าตุ้ยยิ้มกริ่ม “ไปเฮีย กินกะเพราเนื้อกัน” พูดจบก็เดินนำหน้าออกประตูโรงงาน ผมเดินตามตุ้ยไปตามทางที่เราคุ้นเคยไม่กี่อึดใจก็ถึงร้านโกเค้า ที่เวลานี้เป็นเวลาลูกค้าบางตามปกติของร้านนี้ ส่วนชั่วโมงอื่นเรียกว่าต้องต่อคิวนั่งทีละจานทีเดียว โกเค้าขายตามสั่งเดิมมาก่อนผมมาทำงานที่นี่เสียอีกมีลูกสองคนเรียนอยู่ที่บ้านนอก ลูกสาวหัวปีและลูกชายสุดท้องห่างกันไม่กี่ปี ลูกสาวแกเพิ่งเรียนจบมอปลายกำลังจะสอบตรงเข้าระดับอุดมศึกษาแถวเขตปริมนทลนี้ เลยถือโอกาสช่วยพ่อแม่ทำงานไปในตัว ปกติคำพูดคำจาของโกเค้าลักษณะเบรกแรงแช่งกระจายตามประสาพ่อค้าคนห้าว ยิ่งมีลูกสาวแตกเนื้อหอมมาอยู่ด้วย ยิ่งเหมือนจงอางหวงไข่มากทวี ไอ้ตุ้ยจึงไม่สามารถออกอาการได้เต็มหมัด แม้มันจะขอแยกที่นั่งคนละโต๊ะกับผมเพื่อสร้างโอกาสส่วนตัว มันทำได้แค่สั่งอาหาร ยิ้มให้ ดีที่สุดคือแอบมอง ส่วนผมพอสั่งเสร็จ ก้มหน้าลงหน้าข่าวกีฬาหนังสือพิมพ์ยู่ยี่ที่ผ่านสายตามาหลายสิบคู่รอเวลาอาหาร “ผัดผงกะหรี่ได้แล้วค่ะ” เจ้าตุ้ยแก้มจะฉีกเอาตอนรับจานข้าว อีกซักครู่ต่อมา “พี่สั่งกะเพราเนื้อป่าวคับ” เสียงเด็กหนุ่มน่าจะเป็นลูกชายคนสุดท้องของโกเค้าวางจานเบาๆลงบนโต๊ะ แล้วมองเหลือบมาเจอพวงกุญแจตราสโมสรโปรดผมพอดี “พี่ชอบผีแดงเหมือนกันเลยเหรอ เนี่ยพี่ดู” พูดเสร็จหนุ่มน้อยก็หมุนเปิดชายเสื้อด้านหลัง เผยให้เห็นรอยสักตราสโมสรตรงก้นกบต่อกระดูกสันหลัง “อย่าบอกพ่อนะ แกเคยห้ามไว้” ว่าแล้วเจ้าหนุ่มน้อยก็ทำนิ้วจุ๊ๆๆ ค่อยเดินอมยิ้มถอยหลังจากไปโดยไม่มีใครสังเกต ผมกินข้าวไปอ่านหนังสือพิมพ์ไป กับคำแซวลอยๆของไอ้หนุ่มคนนั้นตอนเดินไปจะลับตาแล้ว “เด็กผีเนี่ยตีนผีด้วยป่าววววว” ส่วนเจ้าตุ้ยคงอยากอยู่ในช่วงเวลานี้ให้มากที่สุด เวลาล่วงเลยไปเกือบทุ่ม ผมอ่านหนังสือพิมพ์แทบจะทุกหน้าจนไม่รู้จะอ่านตรงไหนต่อดี จึงเงยหน้าจะชวนไอ้ตุ้ยเข้าโรงงาน เห็นตุ้ยคุยกันเหมือนจะถูกคอกับน้องผู้หญิงซะแล้วแต่ลักษณะเหมือนตุ้ยจะนิ่งฟังน้องยืนเล่าระบายอะไรให้ฟังมากกว่า ขณะที่มันพยักหน้าหงึกหงักอยู่นั้น ผมต้องขอขัดจังหวะตามหน้าที่รับผิดชอบขึ้น ทำให้ตุ้ยต้องลุกตามผมออกมาในอีกไม่กี่อึดใจต่อมา

    สามทุ่มเกือบครึ่งชุดเฟืองประกอบเครื่องจากต่างประเทศอยู่ท้ายรถกระบะตอนเดียวหลังคาปิดทึบคู่ชีพของเราทั้งคู่ ผมขับบึ่งมุ่งหน้าเขตอุตสาหกรรมปลวกแดงด้วยความเร็วเหนือกว่าระดับที่กฏหมายอนุญาตตามปกติ แต่ตุ้ยมีสีหน้าเรียบเฉยเงียบเชียบไปผิดปกติ ผมเดาว่าคงมีคำพูดใดๆในวัยหนุ่มสาวสะกิดกลั้นความหวังของตุ้ยไว้พอประมาณ ผมจึงปล่อยให้หนุ่มกระทงอยู่กับตัวเองจนกว่าจะพร้อม ยิ่งผมไม่ค่อยชอบสนทนาอยู่แล้วความเงียบยิ่งดีเข้าไปอีก จังหวะรอไฟแดงเลี้ยวขวาเข้าสู่ทางด่วนอยู่นั้น รถกระบะโหลดเตี้ยแต่งซิ่งคันข้างหน้าเรา เงอะๆงะๆเดี๋ยวตีไฟเลี้ยวเดี๋ยวลดไฟลง เหมือนไม่ค่อยมั่นใจว่าจะตรงไปดีหรือเข้าทางด่วนไปดี จนจังหวะไฟเขียวปล่อยตัวผมต้องให้แตรเบากระตุ้นไปพอเป็นพิธีถึงได้ยอมเคลื่อนตัวเอื่อยๆเข้าซองจ่ายเงินไป ผมไม่ได้คิดอะไรเลยเพราะเจอแบบนี้ประจำแถมกระบะคันนี้ยังติดสติ้กเกอร์ปีศาจแดงไว้ฝาท้ายด้วย (ฮ่าๆๆ) ขับมาอีกสักระยะถึงช่วงเริ่มต้นมอเตอร์เวย์ สภาพจราจรเริ่มหนาแน่นขึ้นแต่ยังพอมีช่องขับแหวกได้ตามจังหวะ ทำให้การเคลื่อนไหวของกระบะคู่ชีพพลิ้วไหวขึ้นตามจังหวะ มีคราวหนึ่งผมขับจากเลนซ้ายจะมุดแซงเข้าตรงกลางที่ว่างอยู่ เป็นจังหวะเดียวกันกับกระบะซิ่งคันที่เจอตอนไฟแดงเข้าด่าน มุดมาจากทางขวาเข้าจังหวะเดียวกันพอดี จนผมต้องถอยให้ก่อนด้วยความหมั่นไส้ที่ครุกรุ่นขึ้น “ไอ้คันนี้อีกแล้ว” ตุ้ยเตือนมาลอยๆ “ทำไมต้องตราทีมนี้ด้วยนะ” ตุ้ยพึมพำในลำคอ ผมไม่มีเวลาสนใจคำพูดของตุ้ยอีกต่อไป รีบเหยียบคันเร่งกระชั้นกระบะส่งของเข้าใกล้กระบะซิ่ง บทแอคชั่นกลางท้องถนนหลวงอุบัติขึ้นนับจากวินาทีนี้ ทั้งรถผมและกระบะคันนั้นสลับกันปาดไปปาดมา ต่างดึงจังหวะรอให้อีกฝ่ายวิกฤติด้วยฝีมือที่ไม่ทิ้งกันสักเท่าไหร่ ตั้งแต่เป็นอัศวินบนถนนมานี่ รายนี้เป็นรายที่น่าตื่นเต้นที่สุดในสายตาของผม แต่ขอโทษในรายการประวัติส่วนตัวผมสะกดคำว่า“โดน”ไม่เคยเป็น

    ระหว่างที่เบียดเสียดยื้อฉุดดึงชิงจังหวะกันอย่างยืดเยื้อขึ้นเรื่อยๆนั้น ไอ้ตุ้ยที่มีอาการซึมอยู่ก่อนเริ่มออกอาการแปลกเพิ่มขึ้นมาอีก ทั้งแววตาที่เบิกกว้าง อาการป่ายคว้าหาที่ยึดเหนี่ยวในรถ การบ่นพึมพำที่ดังขึ้นเรื่อยๆแบบไม่เคยเห็นตั้งแต่ร่วมงานกันมา “ทำไมต้องเป็นตรานี้ด้วย ทำไมต้องเห็นมึงด้วย ทำไมต้องเป็นมึงด้วย” คำพูดของไอ้ตุ้ยสะกิดต่อมสงสัยของผมขึ้นมา “อะไรวะตุ้ย” “เฮียเห็นมันมั้ย นั่งอยู่หลังกระบะนั่น” “ใครวะไม่เห็นมี” ไอ้ตุ้ยน้ำตาซึมตะโกนตอบสวนมา “เฮียจำเก๋งน้อยที่โดนเราสอยลงคูน้ำคราวนั้นได้มั้ย มันติดสติ้กเก้อร์เดียวกันเลย ผมยังจำมันได้ติดตาดี มันวัยรุ่นขับมาคนเดียว ผมเห็นรูปหน้ามันด้วยตอนเย็นนี้” ระหว่างตุ้ยเตือนเรียกความทรงจำให้ผมจินตนาการตามอยู่นั้น “พี่สาวมันบอกว่ามันตามไปสตาร์ทรถให้ทุกคนที่มันรู้จักไม่มีเบื่อเลย..... .....มันเป็นลูกชายคนสุดท้องของโกเค้า ตกลงคลองน้ำท่วมทั้งคันจมน้ำตายตรงที่โดนปาดนั้นเลย เนี่ยมันกำลังยืนเกาะบนกระบะรถบ้าที่กำลังแข่งกับเราอยู่เนี่ย” สิ้นสุดประโยคนั้นเสียงเฟี้ยวหวือปรึบๆก็แผดก้องขึ้นทั่วห้องโดยสาร รถเราแฉลบตีลังกาพลิกสามสี่ตลบลงคูน้ำข้างถนน แขนซ้ายที่ยึดเหนี่ยวที่จับกับศอกซ้ายของตุ้ยพับงอเข้าหากันโดยมีกระดูกยื่นพ้นออกมา ส่วนบนของตุ้ยฝั่งซ้ายนั้นยุบพังไปทั้งแถบจากแรงกดกระแทกตัวถังห้องโดยสารฝั่งนั้น ส่วนตัวถังฝั่งขวาที่ผมนั่งก็มีสภาพไม่ต่างกัน ร่างกายด้านขวาของผมทั้งแถบมึนชาไม่มีความรู้สึก พร้อมกับความเย็นแปลกๆของเลือดที่ไหลเหมือนเปิดก๊อกน้ำรอบร่างกายผม สายตาผมเริ่มพร่ามัว หูอื้อค่อยๆดับลงพร้อมๆกับระดับน้ำในห้องโดยสารเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แว่วเสียงสุดท้ายก่อนสิ้นสติ “เด็กผีเนี่ยตีนผีด้วยป่าววววว??????”

    ......ดังคำรำพันสุดท้ายแห่งเสียงสวดไว้อาลัย.........


    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×