[Fic​ MHA/BNHA]​ บันทึกการปราบปรามจอมมารในโลกฮีโร่​ของท่านจอมเวทในตำนาน - นิยาย [Fic​ MHA/BNHA]​ บันทึกการปราบปรามจอมมารในโลกฮีโร่​ของท่านจอมเวทในตำนาน : Dek-D.com - Writer
×

    [Fic​ MHA/BNHA]​ บันทึกการปราบปรามจอมมารในโลกฮีโร่​ของท่านจอมเวทในตำนาน

    ฉันตายไปอย่างกระทันหันและได้เกิดใหม่ในโลกแฟนตาซี รวมกลุ่มกับผู้กล้าปราบปรามจอมมารได้สำเร็จ แต่แล้วฉันกลับพบว่าตัวเองมาอยู่ในโลกที่เหมือนกันกับชาติแรก "เทพธิดาตนไหนมันส่งฉันมาโลกใหม่อีกแล้ววะ!?"

    ผู้เข้าชมรวม

    119

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    119

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    8
    จำนวนตอน :  1 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  4 พ.ย. 67 / 18:45 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    "เมื่อไหร่งานพวกนี้มันจะลดลงบ้างนะ" ฉันบ่นกระปอดกระแปด​ขณะที่มือเองก็เซ็นเอกสารเป็นตั้งบนโต๊ะ​ แม้ว่าจะใช้เวทมนตร์ช่วยในการเซ็นเอกสารพวกนี้เพื่อหวังให้มันลดจำนวนลงบ้าง​ แต่ด้วยจำนวนที่มีมากถึงขนาดตั้งกองกันเกลื่อนทั่วห้อง​ก็ใช่ว่าจะเสร็จง่าย​ ๆ​ อย่างที่คิด

    เป็นถึงจอมเวทย์ในตำนานที่ผู้คนนับหน้าถือตาแต่ดันมาแพ้ให้กองเอกสารซะนี่ รู้ถึงไหนอายถึงนั่นเชียว​ โดยเฉพาะหากโดนเจ้าเพื่อนเก่าเพื่อนแก่มาเห็นสภาพนี้คงโดนล้อยันกลบฝังลงหลุมแหง

    "ก็ถ้าไม่แอบหนีไปบ่อย​ ๆ​ จำนวนเอกสารที่ต้องเซ็นมันก็ไม่เยอะขนาดนี้หรอกค่ะ​ ท่านซุยเรน" ซากุระเปิดประตูเข้าห้องมาพร้อมกับเอกสารกองใหม่​ พอเห็นแบบนั้นฉันก็อยากจะวาร์ปหนีไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด​ แต่ก็ไม่ทันให้คิดแผนการหนีซากุระก็เปิดปากพูดดักไว้ก่อน

    "ถ้าคิดจะวาร์ปหนีอีก​ เห็นทีคราวนี้คงต้องมีการตั้งกองกำลังจับตัวท่านไม่ให้ออกจากห้องทำงานได้แล้วล่ะค่ะ"

    หลังวางกองเอกสารชุดใหม่บนโต๊ะเสร็จ​ ซากุระก็ยืดตัวกอดอกพลางดันแว่นขึ้น​ ท่าทางที่เหมือนกับหัวหน้างานจอมเนี๊ยบเมื่อชาติก่อนทำฉันขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่​ จำได้ว่าตอนเด็ก​ ๆ​ ไม่ได้น่ากลัวแบบนี้นะ​ หรือว่าฉันจะให้เธอเรียนหนักเกินไป​ บางทีกรรมพันธุ์​ของเผ่าพันธุ์​เอลฟ์ที่มักจะเป็นพวกจริงจังนี่​คงส่งผ่านมาเต็ม​ ๆ

    "ถึงจะไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านกำลังคิดอะไรไร้สาระอยู่อีก​ แต่ได้โปรดช่วยตั้งใจทำงานด้วยค่ะ" 

    ซากุระเป็นเด็กที่รู้ใจฉันดีจริง​ ๆ​ จนบางครั้งก็แอบนึกว่าเธอใช้เวทอ่านความคิดฉันรึเปล่า​ แต่ซากุระไม่ใช่พวกสายสอดแนมล้วงข้อมูลเพราะงั้นเธอจึงไม่มีเวทมนต์แบบนั้น​ ส่วนใหญ่เอลฟ์จะเป็นสายซัพพอร์ตหรือตัวทำดาเมจ​นี่นะ​ ซากุระเองก็ไม่ต่างกัน

    "ซากุระจัง​ใจร้าย" 

    "ดิฉันแค่ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายค่ะ" 

    ในที่สุดฉันก็ทนไม่ไหว​ สไลด์หน้าลงกับพื้นโต๊ะ​ ซากุระที่เห็นว่าฉันเป็นแบบนี้อีกแล้วก็ถอนหายใจเหนื่อยหน่าย​ กลายเป็นภาพคุ้นชินตาที่เห็นอยู่ทุกวันที่ฉันต้องมานั่งทำงานเอกสารที่ไม่อยากจะทำ

    "แต่ว่าเอกสารที่ต้องเซ็นวันนี้มันเยอะเกินไปนี่นา! ฉันทำมาจะสามชั่วโมงแล้วก็ยังไม่เสร็จเลยนี่นา!"

    "ก็แล้วนั่นเพราะใครกันล่ะคะ" 

    พอโดนพูดจี้ใจดำก็ถึงกับพูดไม่ออก​ ที่งานมันเยอะก็เพราะฉันชอบหนีออกไปเที่ยวเล่น​ สรุปก็คือเป็นความผิดของทางนี้เต็ม​ ๆ​ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ยอมแพ้หรอกนะ! 

    แผนอ้อนขอให้ช่วย! ซากุระน่ะถึงจะใจแข็งแค่ไหน​ก็แพ้สายตาลูกหมาของฉันอยู่ดี! 

    "ก็ฉันไม่ชอบงานเอกสารนี่นา​ ซากุระจังช่วยฉันหน่อยไม่ได้เหรอ?"

    "ไม่ค่ะ" 

    ไม่เสียเวลาคิดเลยแฮะ

    แล้วแผนอ้อนขอความช่วยเหลือของฉันก็จบลงในเวลาไม่กี่วินาที

    "ขออนุญาต​นำของว่างมาเสิร์ฟ​ครับ" กลิ่นหอมกรุ่นที่ลอยมาก่อนเจ้าตัวจนแทบจะกลายเป็นเอกลัษณ์​ เพราะฉันมักจะขอให้เขาช่วยชงชากาแฟเข้ม​ ๆ​ หรือของว่างมื้อดึกมาให้ที่ห้องทุกครั้ง​ แต่ตอนนี้พระอาทิตย์​ยังไม่ตกดิน​ จึงไม่มีกลิ่นหอมของกาแฟที่ฉันคุ้นเคย​ แต่เป็นกลิ่นหอมกรุ่นของอีกอย่างแทน

    "อ้า​ ถึงเวลาน้ำชาสักที​ วันนี้ของว่างคืออะไรเหรอ​เซบาสเตียน" ทันทีที่ได้ยินเสียง​ ฉันแทบจะกระเด้งตัวออกมาจากโต๊ะทำงาน​ เดินหลบกองเอกสารบนพื้น​ แล้วลากสังขารที่เหลือของตัวเองมาทิ้งไว้บนโซฟา​ ฉันเห็นซากุระคิ้วกระตุกนิดหน่อยกับท่าทางเอื่อยเฉื่อยไม่มีใจอยากทำงานของฉัน​

    เธอหยิบนาฬิกาพกโบราณ​ลวดลายดอกซากุระขึ้นมาดูเวลา​ ของขวัญที่ฉันเคยให้ซากุระเมื่อนานมาแล้ว​ เป็นนาฬิกาพกที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อมอบให้ซากุระโดยเฉพาะ​ มันจึงมีลวดลายของดอกซากุระประดับอยู่เป็นเอกลัษณ์​ 

    เพื่อเป็นสัญลักษณ์​ที่แสดงว่าเธอคือเลขาและคนสำคัญของ​ฉัน​ 

    ในอกฉันรู้สึกอบอุ่นขึ้นทุกครั้งที่เห็นเธอหยิบมันขึ้นมาดูและรักษา​มันไว้อย่างดี​ นั่นเป็นสัญลักษณ์​ว่าฉันเองก็เป็นคนสำคัญของ​เธอ

    ก่อนที่เลขาเอลฟ์ของฉันจะถอนหายใจอีกครั้งเมื่อเห็นว่าถึงเวลาน้ำชาแล้วจริง​ ๆ​ แม้ในใจตอนนี้อยากให้รีบทำให้เสร็จตามที่ตัวเองกำหนด แต่ก็ยอมปล่อยให้ฉันได้พักผ่อน

    ซากุระน่ะใจอ่อนให้ฉันทุกครั้งนั่นแหละ

    "ของว่างในวันนี้คือแซนวิช​เนื้อหมูป่าแห่งขุนเขา​ ​ราดด้วยซอสมายองเนสที่ท่านซุยเรนได้คิดค้นขึ้นครับ​ ในส่วนของเครื่องดื่มคือชาแดงผสมนมที่ท่านซุยเรนโปรดปรานครับ" เซบาสเตียนกล่าวด้วยท่าทางนอบน้อม​สมกับที่เป็นพ่อบ้านส่วนตัวของฉัน​ ข้าง​ ๆ​ ก็มีอัลเฟรดที่มีขนาดตัวเล็กกว่าถือกาน้ำชาพร้อมรินให้​ แม้มันจะดูแปลกที่มีเผ่าปีศาจมาเป็นพ่อบ้านให้​ แถมยังมีเอลฟ์สาวมาเป็นเลขาส่วนตัวอีก​ แต่ก็นั่นแหละ​ พวกเรายังคงอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขดี

    "ดีจัง! ว่าแต่ฉันบอกแล้วนะว่าสูตรมายองเนสนี่ฉันได้มาจากบ้านเกิด​ ฉันไม่ได้คิดขึ้นเองน่ะ" 

    "สำหรับที่นี่ที่ไม่มีมายองเนสแล้ว​ ก็เหมือนกับท่านซุยเรนคิดค้นขึ้นเองค่ะ" ซากุระกล่าวพลางนั่งลงโซฟาตรงข้ามฉัน

    ก็จริงอย่างที่เธอว่า​ ในโลกแฟนตาซียุคกลางที่ราวกับหลุดมาจากนิยายหรือเกมแบบนี้​ จะไปมีมายองเนสได้ยังไง​ ทั้ง​ ๆ​ ที่มีวัฒนธรรม​หลากหลายของแต่ละเผ่าพันธุ์​ แต่เรื่องอาหารแทบไม่ต่างกันเลยเสีย​นี่​ สำหรับฉันที่ชาติก่อนเคยอาศัยอยู่ในโลกธรรมดา​ แต่มีอาหารหลากหลายและน่าลิ้มลองกว่าโลกนี้แล้ว​ แอบเศร้าอยู่ใจอยู่เหมือนกันนะ

    ช่วงแรกที่เกิดใหม่อาการ​ Homsick นี่ไม่ต้องพูดถึง​ ขั้นรุนแรงเลยล่ะ แต่ฉันก็ผ่านมันมาได้แล้ว​ แบบว่าขั้นที่ยังไม่จมดิ่งร้องไห้โฮอยากกลับบ้านเหมือนแต่ก่อนอ่ะนะ

    เซบาสเตียนโค้งคำนับเป็นการขออนุญาต​หนึ่งครั้ง​ ก็จัดวางของว่างและชาพร้อมเสริฟ​์เสร็จสรรพ

    กลิ่นหอมของเนื้อที่เพิ่งปรุงสุกมาเสร็จใหม่​ ๆ​ ชวนให้น้ำลายสอ​ ประกอบกับทำงานมานานทำให้หัวสมองตื้อและท้องว่างไปหมด​ ไม่รอช้าฉันหยิบแซนวิชขึ้นกินด้วยท่าทางเปี่ยมสุข​ เซบาสเตียนที่เห็นฉันดูมีความสุขกับของว่างที่เขาทำขึ้นก็ยิ้มภูมิใจ​ อัลเฟรดที่เห็นแบบนั้นก็รีบยืดอกพูดขึ้น

    "กระผมได้เตรียมเทียนหอมกลิ่นที่ท่านซุยเรนชอบไว้ด้วยครับ​ เพื่อที่ท่านจะได้ผ่อนคลายขณะทำงาน" 

    ฉันยิ้มเอ็นดู​ หยิบผ้าขึ้นเช็ดริมฝีปากก่อนจะส่งยิ้มขอบคุณไปให้เขา

    "ขอบคุณ​นะอัลเฟรด​ เธอช่างรู้ใจฉันจริง​ ๆ​" 

    แล้วฉันก็ได้รับสีหน้าชื่นมื่นกลับมา​ เป็นเด็กที่สดใสจริง​ ๆ​ ถึงจะบอกว่าเด็กแต่อายุอัลเฟรดมากกว่าฉันไปมากโข ก็ปีศาจนี่นะ​ แต่ด้วยขนาดตัวและท่าทางที่ราวกับเด็กนั้นชวนให้เอ็นดูจริง​ ๆ​ ในขณะที่เซบาสเตียนนั้นตัวสูงชะลูด​เหมือนผู้ใหญ่​ เวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันจึงราวกับพ่อลูก​ แม้ว่าความจริงแล้วทั้งคู่จะเป็นคู่หูพ่อบ้านปีศาจก็ตาม

    สำหรับทั้งคู่แล้วฉันเปรียบเสมือน​พระเจ้า​ ก็ไม่ได้อยากอวยยศตัวเองนักหรอก​ แต่เพราะฉันเคยสามารถจัดการพวกเขาได้​ ​เซบาสเตียนและอัลเฟรดจึงได้ถวายตนมาเป็นผู้ติดตามของฉัน​ เรื่องก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร​ เพียงแค่ฉันมีเรื่องขัดแย้งกับเจ้านายเก่าเขาเราจึงต้องปะทะกัน

    สำหรับปีศาจแล้วหากประลองแพ้​ ผู้แพ้จะต้องถวายชีวิตให้กับผู้ชนะ​ เห็นว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเก่าแก่ของเผ่าปีศาจ​ ที่ผู้แข็งแกร่งกว่าย่อมปกครองและเป็นเจ้าชีวิตของผู้ที่อ่อนแอกว่า

    ตัวฉันที่เอาชนะพวกเขาและเจ้านายเก่าของพวกเขาได้​ จึงกลายเป็นเจ้านายคนใหม่​ แน่นอนล่ะว่าฉันไม่ได้อยากเอาชีวิตใครถ้าไม่จำเป็น​ แต่จะไล่พวกเขากลับบ้านไปก็ไม่ได้​ ปีศาจที่ได้ออกมายังบ้านเกิดหรือโลกปีศาจแล้วจะไม่ยอมกลับไป เพราะพวกเขาได้ถวายชีวิตให้กับเจ้านายไปแล้ว​ ปีศาจที่กลับไปส่วนมากมักจะตรอมใจตายที่บ้านเกิด​ หรือโชคดีระหว่างนั้นอาจหาเจ้านายคนใหม่เจอ​

    ซึ่งเจ้านายที่ว่าอาจจะเป็นมนุษ​ย์​ เอลฟ์ ดวารฟ์หรือปีศาจด้วยกันเองก็ได้​ พวกเขาไม่เกี่ยงขอแค่เป็นผู้ที่แข็งแกร่งกว่าตนเท่านั้น​ แต่ส่วนมากมักจะเป็นปีศาจมากกว่า​ นอกนั้นก็เป็นการตกลงทำสัญญาระยะสั้นกัน

    ทำไมจึงได้ยึดติดขนาดนั้น? จะบอกว่าเป็นพวกยึดติดธรรมเนียม​อะไรพวกนี้ก็ใช่​ ส่วนมากก็อายุเยอะกันแล้วนี่นะ​ 100​ ปีคือขั้นต่ำของปีศาจผู้ใหญ่​ ถึงสำหรับเธอคือปีศาจวัยรุ่นก็เถอะ​ แต่อีกเหตุผล​สำคัญคือพลังมานา

    ในการดำรงชีพของปีศาจ​ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องกลืนกินพลังมานารอบ​ ๆ​ ตัวเป็นอาหาร​ เพราะฉะนั้นในการปรากฏ​ตัวของปีศาจในนอกโลกปีศาจจึงพบเห็นได้ยาก​ เนื่องจากต้องใช้พลังมานาเป็นจำนวนมากในการอัญเชิญ​ เช่นเดียวกันกับการคงสภาพของปีศาจ​ 

    ยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งใช้เยอะ​ 

    มีบางกรณีที่ปีศาจออกอาละวาดเพราะเจ้านายได้ตายลง​ เพื่อการประทังชีวิตจึงได้ช่วงชิงพลังมานาหรือที่เรียกว่าการคร่าชีวิตผู้อื่น​ ปีศาจที่กลับไปยังโลกของตนทันก็จะไม่ออกอาละวาด​ แต่จะไม่สามารถอยู่ได้นานเพราะพลังมานาที่ได้รับไม่เพียงพอ​ เปรียบเสมือนกับกระเพาะ​ของนักกินจุ​ ยิ่งกินมากก็ยิ่งรับได้มาก​ ปีศาจก็เช่นเดียวกัน​ เมื่อเคยรับพลังมานาจำนวนมากมาก่อน​ พอได้รับน้อยลงก็เป็นธรรมดาที่จะอ่อนแอลงและตาย

    ก็นั่นแหละเหตุผลที่ฉันรับพวกเขามาเป็นพ่อบ้าน​ ส่วนชื่อ​ หากเป็นพ่อบ้านก็ต้องชื่อว่าเซบาสเตียนใช่ไหมล่ะ!? อย่างญี่ปุ่นเองก็ต้องเป็นทานากะ! เรื่องนั้นน่ะแน่นอนอยู่แล้ว​ ส่วนอัลเฟรด​... เพราะว่าเป็นชื่อพระเอกนิยายที่ชอบก็เท่านั้นแหละนะ... 

    แน่นอนว่าชื่อของซากุระฉันก็เป็นคนตั้งเอง

    แต่เหตุผลที่ว่าทำไมถึงหลุดธีมมาเป็นญี่ปุ่น​ นั่นก็เพราะซากุระเป็นหนึ่งในดอกไม้ที่ฉันชอบ​ อีกทั้งความหมายที่หมายถึงการเริ่มต้นใหม่​ นั่นก็เหมาะกับชีวิตของเจ้าเอลฟ์น้อยที่เธอเก็บมาเลี้ยงดีไม่ใช่เหรอ? 

    จงเติบโตและผลิบานให้เหมือนกับต้นซากุระ นั่นฟังดูดีใช่ไหมล่ะ? 

    เพราะแบบนั้นเจ้าเอลฟ์เด็กในตอนนั้นก็ได้เติบโต​ เป็นเอลฟ์เลขาสาวแสนสวยจอมเนี๊ยบในตอนนี้ล่ะนะ​ พอคิดถึงช่วงเวลาเก่า​ ๆ​ แล้วน้ำตามันก็รื้นที่หางตาขึ้นมาเลย

    "?" ซากุระชะงักริมฝีปากที่กำลังจรดแก้วชายามสบตากับฉัน​ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยเชิงสงสัย

    "เหม่อลอยคิดอะไรอีกล่ะคะท่านซุยเรน" ด้วยคำพูดเชิงจิกกัดของซากุระ ชี้ให้เห็นว่าอาการเหม่อลอยของฉันกำเริบ​ขึ้นมาอีกแล้ว​ 

    "แค่คิดถึงวันเก่า​ ๆ​ น่ะ" 

    ซากุระไม่ได้พูดอะไรต่อ​ แต่สายตาที่ผลุบลงมองแก้วชาก็ทำให้ฉันได้รู้ว่าเธอเองก็นึกถึงมันเหมือนกัน​

    ฉันหมุนแก้วชาในมือ​ มองภาพสะท้อนตัวเองบนชาที่เหลืออยู่ครึ่งแก้ว​ แล้วหลับตาพริ้มเคลิบเคลิ้ม​ไปกับความอบอุ่นที่ได้จากการดื่มชา​ หรืออาจจะเป็นความอบอุ่นจากความทรงดี​ ๆ​ ที่พวกเรามีร่วมกันมา

    "วันที่ได้เจอกับพวกเธอ​ เป็นความทรงจำที่น่าคิดถึงจริง​ ๆ" 

    แม้จะไม่ได้ลืมตามอง​ แต่ฉันก็รับรู้ได้ว่าทุกคนกำลังเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลานี้​ ความทรงจำในอดีต​ ช่วงเวลาที่พวกเรามีร่วมกัน

    อยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้จัง

    ... 

    ฉันออกมาเดินเล่นรับลมหลังเคลียร์กองเอกสารสำหรับวันนี้เสร็จ​ ความจริงจะไปพักเลยก็ได้เพราะพรุ่งนี้ยังมีส่วนที่ฉันต้องทำต่อ​ แต่พอเห็นว่าคืนนี้เป็นคืนจันทร์เต็นดวงเลยอยากจะเดินเล่นพักสมองเสียหน่อย

    มันผ่านมาสักพักแล้วที่ฉันไม่ได้มาเดินเล่นในป่าหลังคฤหาสน์​แบบนี้

    จริงอยู่ที่ฉันชอบแอบออกไปเที่ยวเล่น​ ลำบากให้ซากุระต้องจัดการงานส่วนของฉัน​ จนโดนเอาคืนด้วยจำนวนกองเอกสารที่มากมายในห้องทำงาน​ แต่ส่วนมากฉันก็มักจะแวะไปสอดส่องในเมืองเพื่อดูว่ามีปัญหา​อะไรหรือเปล่า​ บางครั้งการเห็นกับตาก็ดีกว่าเห็นผ่านเอกสารล่ะนะ​

    แม้เหตุผลด้านเที่ยวเล่นจะมากกว่าก็ตาม

    หลังจากการปราบปรามความวุ่นวายหรือสิ่งที่เรียกว่าจอมมารลงได้​ ฉัน​ จอมเวทย์ในตำนาน​ หนึ่งในกลุ่มปราบจอมมาร หรือที่เรียกกันติดปากว่า​ ผู้กล้า​ ก็ได้รับยศถาบรรดาศักดิ์​เป็นเจ้าเมืองแห่งนี้เป็นการตอบแทน​จากองค์ราชา ความจริงก็อยากปฏิเสธ​ไปอยู่หรอก​ แต่เพราะตอนนั้นฉันมีอีกหลายชีวิตที่ต้องดูแล​ หมายถึงซากุระกับพวกเด็ก​ ๆ​ น่ะ

    นอกจากจะรับซากุระมาแล้วฉันยังรับเด็กคนอื่น​ ๆ​ มาด้วย​ ซึ่งก็มีหลากหลายเผ่าพันธุ์​และอายุ​ ตามแต่โชคชะตาการเดินทางของฉันจะนำพาให้พบเจอ​ ซึ่งนั่นก็ทำให้บางครั้งยังถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นล้อเลียนฉัน​ ว่าจริง​ ๆ​ แล้วฉันอาจจะเหมาะกับตำแหน่งนักบวชมากกว่าจอมเวท​ จากเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ในกลุ่มผู้กล้า​ ถึงขนาดที่นักบวชในกลุ่มผู้กล้าของเรายังชวนฉันเข้าโบสถ์หลังจบการปราบปรามเลย

    ซึ่งฉันไม่คิดว่าเขาล้อเล่น​ โชคยังดีที่ฉันมีข้ออ้างมาปฏิเสธ​เขาได้

    ปัจจุบัน​ส่วนมากก็อาศัยอยู่ที่นี่​ ที่เมืองแห่งนี้​ เป็นข้าราชการคอยช่วยเหลือฉัน​ เป็นทหารคอยปกป้องเมืองนี้​ เป็นพ่อค้าแม่ค้าช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ​ หรือเป็นนักผจญภัย​เพื่อสำรวจโลกข้างนอก และอีกมากมาย​ บ้างก็ออกนอกเมืองออกนอกประเทศ​ไปตั้งตัวสร้างครอบครัวที่อื่น​ ในส่วนตรงนั้นฉันเข้าใจดีจึงไม่ได้ห้ามอะไรและปล่อยพวกเขาไป​ และบางส่วนที่ยังคงอยู่ที่นี่ฉันก็ยังรู้สึกขอบคุณอยู่เสมอ

    ฉันเดินลัดเลาะผ่านแสงสลัวของดวงจันทร์​ที่ลอดผ่านต้นไม้​ มือข้างหนึ่งก็ถือไม้เท้าคู่ใจที่กำลังส่องแสงตามบทร่ายเพื่อใช้นำทาง​ สถานที่ลับของฉัน​ ที่ที่ฉันที่บางทีก็แอบหลบความวุ่นวายทุกอย่างมานอนกลางวันอยู่ที่นี่

    มันเป็นทุ่งกว้างที่ถูกปกคลุมไปด้วยดอกไม้ป่า​ ที่ตรงใจกลางทุ่งกว้างนั้นมีต้นไม้ใหญ่เด่นสง่าอยู่​ สายลมพัดกลิ่นและกลีบดอกไม้ให้ลอยไปตามลม ดูเป็นภาพที่สวยงามจรรโลงใจ​ ยิ่งมีดวงจันทร์กลมโต​เป็นดาวเด่นอยู่บนฟ้าก็ยิ่งทำให้สถานที่นี้น่าหลงใหล​มากขึ้น

    ฉันทิ้งตัวลงนอนบนทุ่งดอกไม้​ใกล้​ ๆ​ กับต้นไม้ใหญ่ใจกลาง เหม่อมองดวงจันทร์ที่สวยเด่นเป็นพิเศษ​ในค่ำคืนนี้​ ปล่อยให้ลมเย็นคอยพัดผ่านกายไปอย่างเอื่อยเฉื่อย​ และขับกล่อมจิตใจให้ลอยละล่องไปกับกลีบดอกไม้

    เปลือกตาเริ่มหนักขึ้น​ ฉันกำลังจะหลับ​

    ทั้ง​ ๆ​ ที่คิดว่าแค่จะมาเดินเล่นแท้​ ๆ​ แต่กลายเป็นว่าต้องเปลี่ยนที่นอนในคืนนี้แทนเสียอย่างนั้น​ พรุ่งนี้เช้าถ้าซากุระไม่เห็นฉันบนเตียงคงโกรธใหญ่แน่เลย​ แต่ที่นี่ก็สบายจนฉันไม่อยากแม้แต่จะฝืนลุก

    "... ไว้ค่อยไปขอโทษทีหลังก็แล้วกัน" 

    อาจเป็นเพราะวันนี้ที่ฉันทำงานอย่างหนัก​ ทั้งร่างกายและจิตใจจึงไม่คิดจะฝืนอีกต่อไป​ ในที่สุดฉันก็หลับตาพริ้มแต่โดยดี​ ยอมแพ้ต่อความง่วงงุนที่ท่วมท้น​ แล้วจมดิ่งสู่ห้วงลึกอย่างง่ายดาย​ โดยที่ตัวฉันเองก็ไม่อาจล่วงรู้

    ว่านับจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป​ ตัวฉันจะไม่มีโอกาสได้ถูกซากุระบ่นอีกแล้ว

    ... 

    .. 




    ............... 

    Talk​ with​ Writer

              เทเฮะ~❤️​ แวะมาเปิดเรื่อย​ ๆ​ ตามใจอยาก​ค่ะ​ และคงจะไม่สิ้นสุดด้วย​ แต่ถ้ามีไอเดียก็จะมาลงเรื่อย​ ๆ​ ค่ะ​ แต่สำหรับคนที่เคยติดตามแฟนฟิคเรื่องอื่น​ ๆ​ ของไรท์ก็จะทราบกันดีว่านั่นก็คงขึ้นอยู่กับเวลา​ ...


    - ในส่วนของเนื้อเรื่อง

              ฟิคเรื่องนี้เกิดขึ้นมาอย่างฉุกละหุก​ ด้วยเหตุที่ไรท์อยากลองแต่งแนวจอมเวทแฟนตาซีดูค่ะ​ แน่นอนว่าเรามีเมกุมิจากเรื่องแฟนฟิคนิยายสไลม์แล้ว​ (ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่คืบหน้า)​ แต่ก็เกิดคิดขึ้นมาเสียเล่น​ ๆ​ ว่า​หากจอมเวทอย่างเมกุมิได้หลุดไปโลกมายฮีโร่จะเป็นยังไงกันนะ​ แต่เพราะยังแต่งไม่จบเลยงอกตัวละครใหม่ขึ้นมาแทนค่ะ

              เลยกลายเป็นเรื่องราวบันทึกการปราบปรามจอมมารในโลกฮีโร่ของท่านจอมเวทในตำนาน​ ฟังแล้วดูเป็นแนวแอ็คชั่น​ และใช่ค่ะ​เสต็ปเดิม​ ไรท์ชอบที่จะใส่เรื่องราวความรักลงไปค่ะ​ แอ็คชั่นก็อยากใส่นะ​ แต่ก็ยังไม่เคยเขียนเลยค่ะ​ แต่ก็จะใส่ค่ะ​ ฮา​ ฮา​ ฮา

              ในส่วนของจอมมารที่จะถูกปราบปราม​ เอ๊ะ​ เรื่องนี้บางทีรีดเดอร์ทั้งหลายก็อาจจะเดากันได้อยู่แล้ว​ ส่วนวิธีไหน​ นั่นสินะคะ​ มารอติดตามกันเถอะ!

              ปล.​ คู่ของตัวเอก​ ไม่ได้คิดไว้เลยค่ะ​ อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าแฟนฟิคเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างฉุกละหุก​ เพราะฉะนั้นก็คงต้องรอลุ้นในแต่ละตอนเอา​ ไม่มีเปิดโหวตนะคะ​ แต่จะดูความนิยมของรีดเดอร์แต่ละท่านในแต่ละตอนค่ะ​ เพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจ​

             ปลล.​ สามารถติชมกันได้ตามสมควรและสุภาพชนค่ะ​ เพราะบางครั้งไรท์ก็จะได้ไอเดียจากรีดเดอร์มาเหมือนกันค่ะ​~❤️

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น