ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หอสมุดวีรชน

    ลำดับตอนที่ #48 : ใบสมัครตัวละครเรื่อง โยไคผู้โดดเดี่ยวแห่งศาลเจ้าชิสุคานะ

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.พ. 66


    Application

    Human form

    https://www.pinterest.com/pin/383368987029650547/

     

    Yokai form (True form)

    https://www.pinterest.com/pin/377317275043920485/

     

    (วีรชนเป็นนักรอบชั้นยอดสูงสุดของแต่ละฝ่าย)

    บท : วีรบุรุษแห่งดวงจันทรา เผ่ายูมิกามิ

    ชื่อ-นามสกุล : อะเมะสุมะ (นักตำข้าว)

    ฉายา : กระต่ายแสงจันทร์ / เกคโค อุสากิ

    องเมียวจิแห่งจันทรา / องเมียวจิ โนะ สึกิ

    อายุ : (2577 ปี)

    ลักษณะภายนอก : ในร่างมนุษย์ ชายหนุ่มร่างเล็กผมขาวปัดข้างมีหูกระต่ายสีขาวยื่นตั้งตรง ใบหน้าเรียว ดวงตาคมสีแดงสวย คิ้วเรียวรับกับรูปหน้า จมูกตั้งตรงย่นขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าหมดจดผิวใสกระจ่างขาวเนียน รูปหน้ามองออกได้ว่าหล่อเหลาแม้จะดูเด็กไปนิด ที่กลางหน้าผากมีรอยสักรูปพระจันทร์เสี้ยวสีแดง สวมชุดองเมียวสีขาวแดงและสวมเกี๊ยะส้นสูงสีแดง ด้านหลังชุดมีลวดลายดวงจันทร์เสี้ยว สูง 164 ซม. หนัก 48 กก.

    ในร่างโยไคกลายเป็นการต่ายขนาดตัวพอๆกับลูกวัว ขนสีขาวบริสุทธิ์มีลวดลายสีแกงตามร่างกาย สามารถยืนสองเท้าและหยิบจับสิ่งของได้เหมือนมนุษย์

    นิสัย : ไม่ชอบการอยู่นิ่งๆต้องคอยหากิจกรรมมาทำอยู่ตลอดเวลา เป็นคนที่ซื่อสัตย์และรักษาสัจจะมากหากได้เคารพใครแล้วจะไม่มีวันหักหลังและหากได้สัญญาอันใดไว้ก็จะทำให้สำเร็จไม่ยอมผิดสัญญาเด็ดขาด รักความสะอาดหากเห็นสถานที่ที่สกปรกก็แทบจะอดใจไม่ไหวแล้วเข้าไปทำความสะอาด เจ้าสำราญชื่นชอบงานรื่นเริงไม่ว่าจะมีงานเทศกาลที่ไหนเขาจะไม่มีทางพลาดเด็ดขาด ขยันขันแข็งไม่ว่างานแบบไหนก็จะทำอย่างเต็มที่เสมอ เจ้าเล่ห์เล็กน้อยแม้เล่ห์เหลี่ยมจะไม่มากมายนักแต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่สามารถเอาตัวรอดได้ ตะกละตะกรามเขารักในการกินเป็นอย่างมากโดยเฉพาะของหวาน เขาเป็นคนที่ชอบเสียสละช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่สนใจสภาพของตนหากได้ตั้งใจแล้วว่าจะช่วย

    ประวัติ : แรกเริ่มเดิมทีเขาเป็นเพียงกระต่ายป่าธรรมดาทั่วไป แต่ทว่าวันหนึ่งในตอนที่เขาเผลอเขาไปในเขตศาลเจ้าแห่งหนึ่งก็บังเอิญไปเห็นองเมียวจิผู้หนึ่งกำลังอ่านตำราเล่มหนาอยู่ เขาที่ได้ยินเนื้อหาเหล่านั้นก็ได้นั่งฟังตามสัญชาตญาณก่อนจะเปิดปัญญาได้แต่ยังคงซึ่งกายหยาบของสัตว์เดรัจฉาน 

    เมื่ออ่านตำราเสร็จองเมียวจิผู้นั้นก็หันมาเจอเขาเข้าพอดี ตัวเขาที่ตอนนี้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็ถูกอีกฝ่ายมองดูจิตวิญญาณ องเมียวจิหนุ่มทำหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยชักชวนให้เขาอยู่ที่ศารเจ้าแห่ง ทันทีที่ได้ยินคำถามดังกล่าวเขาก็ได้สติกลับมาแล้วตอบตกลงอย่างรวดเร็ว

    สองปีผ่านไปเขาเปิดปัญญามากขึ้นจนสามารถสื่อสารด้วยท่าทางท่างทางแบบมนุษย์ได้แล้ว และหน้าหนาวปีนี้เองพวกเขาก็พบกับปัญหาใหญ่ สถานที่ๆพวกเขาอยู่นั้นห่างไกลผู้คนและไม่มีสัตว์ป่าในระแวกนี้เลยพืชผักทั้งหลายก็เหี่ยวเฉาไปตามฤดูกาล จนยามนี้พวกเขาทั้งคู่ไม่มีอาหารตกถึงท้องมาอาทิตย์กว่าแล้ว

    เขามององเมียวจิหนุ่มที่ตอนนี้อยู่ในสภาพอิดโรยก่อนจะตัดสินใจทำบางอย่าง เขาขอให้องเมียวจิหนุ่มก่อกองไฟ เปลวไฟตรงหน้าลุกโชติช่วงเขามองมันตาไม่กระพริบก่อนจะกระโดดเข้ากองไฟสละร่างกายให้องเมียวจิหนุ่มได้ประทังชีวิต

    องเมียวจิมองการกระทำของกระต่ายน้อยด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา ก่อนรูปโฉมที่ทรุดโทรมเมื่อครู่จะกลับมาเปล่งปลั่งอีกครั้งปรากฏเป็นชายหนุ่มรูปงามเกสาสีขาว อาภรณ์ที่สวมใส่ก็เปลี่ยนไปเป็นชุดสีขาวบริสิทธิ์ เขาเดินอย่างสามขุมเข้าไปในกองไฟหยิบร่างของผู้ที่ไม่ต่างจากลูกศิษย์ขึ้นมาก่อนแหงนหน้ามองฟ้า “จันทราเทพข้าวอนขอให้ท่านช่วยเขาแล้วข้าจักติดหนี้ท่านหนึ่งหน”

    ตื่นขึ้นมาครานี้กับพบว่าเป็นสถานที่แปลกตาไม่คุ้นเคย เขามองดูรอบๆก่อนพบชายผู้หนึ่งที่กำลังดื่มชาอยู่ตรงประตูบ้านด้านหน้าของเขาเป็นต้นซากุระต้นใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต แต่ที่น่าตลึงยิ่งกว่าคือภาพดาวเคราะห์สีน้ำเงินที่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่จากความยิ่งใหญ่และสวยงามของมันก็ทำให้แทบลืมหายใจ

    “นั่นคือสถานที่ๆเจ้าจากมา” เสียงนุ่มนวลดุจปุยเมฆดังสดับมาจากบุรุษเบื่องหน้า

    เขาประมวณผลของคำพูดเมื่อครู่ก่อนจะคิดบางอย่างขึ้นมาได้แต่ก็ถูกอีกฝ่ายขัดเสียก่อน “ที่นี่ไม่ใช่สวรรค์อันใดทั้งนั้นและเจ้าก็ยังไม่ตาย” พูดจบชายหนุ่มตรงหน้าก็ไม่กล่าวอันใดอีกเลย

    เขาอาศัยในตำหนักแห่งนี้มาหลายปีจนในที่สุดก็บรรลุแต่ด้วยความที่ยังมีกิเลศหลงเหลือจึงจุติใหม่เป็นยูมิกามิโยไคเผ่ากระต่ายแสงจันทร์ตนแรก เขาคอยอยู่รับใช้เทพสุคุโยมิมาตั้งแต่วันที่เขาได้มาที่ตำหนักแห่งนี้ครั้งแรกและเมื่อได้ร่างมนุษย์มางานของเขาก็ยิ่งล้นมือ

    อยู่มาวันหนึ่งท่านสุคุโยมิสั่งให้เขาลงไปยังโลกมนุษย์ เดิมทีคิดว่าท่านคงแค่อยากให้วันหยุดพักผ่อน แต่เมื่อลงมาถึงกับพบกับความวิบัติจากพวกสัตว์หางที่ก่อความวุ่นวายไปทั่วญี่ปุ่น “นี่มัน… งานช้างโดยแท้” ก็ได้แต่ตัดพ้อไปงั้นสุดท้ายก็ต้องหาทางหยุดมันทั้งเก้าอยู่ดี

    ขาใช้เวลาไปร่วมกว่าห้าชั่วชีวิตคนจึงจะปิดผนึกพวกมันทั้ง 9 ลงได้ เขาได้ใช้ศาสตร์การทำนายดูแล้วว่าพวกมันทั้ง 9 เขาไม่ใช่ผู้สยบ จึงได้แต่จำใจผนึกไว้รอคอยคนในชะตากรรมมากำราบพวกมัน 

    หลังเสร็จภารกิจไม่ทันจะได้กลับดวงจันทร์เขาได้รับสั่งให้สร้างศาลเจ้าของเทพสุคุโยมิที่โลกเบื่องล่าง ได้ยินเช่นนั้นเขาจึงระดมพลชาวบ้านใกล้เคียงมาช่วยสร้างสูญเงินไปไม่น้อย

    งานเก่ายังไม่ทันเสร็จงานใหม่ก็เข้ามาอีกครา เมื่อองค์เทวาแห่งจันทราต้องการจัดงานชมจันทร์ต้อนรับปีใหม่ จึงมีรับสั่งให้เตรียมคางามิโมจิจำนวนมาก แต่ครั้นจะไปจ้างชาวบ้านก็ไม่เหลือตังแม้แต่ชินงิเดียวเพราะใช้ไปกับการสร้างศาลเจ้าจนหมด ด้วยความอับจนหนทางเขาจึงจำต้องเป็นคนเตรียมโมจิเอง เขาใช้วิธีใส่ข้าวลงในครกขนาดยักษ์ที่ใช่คาถาร่ายไว้และขยายร่างขึ้นก่อนลงมือตำโมจิ ในท้ายที่สุดจึงสามารถเตรียมคางามิโมจิได้ทันการ จากเหตุการณ์นี้ทำให้เทพสุคุโยมิประทานชื่อให้เขาว่าอะเมะสุมะ

    …มองไปยังย่ามใส่เงินที่ว่างเปล่า “เงินข้า” กล่าวทั้งน้ำตา

    ชอบ : คางามิโมจิ ซุปโอะโซนิ ถั่วแดงกวน ของหวาน น้ำตาล สาวๆ เงิน

    ไม่ชอบ : ของรสเผ็ดกับขม พวกสัตว์หาง

    ถนัดอาวุธ : ค้อน เคียวติดโซ่ กระบองยาว ศาสตร์องเมียว

    ที่อยู่อาศัย : ศาลเจ้าเทพสุคุโยมิ

    สัตว์เลี้ยงคู่ใจ : เหยี่ยวนกเขาสายพันธ์ุญี่ปุ่น ชื่อสึบุอัง

    ความสัมพันธ์ตัวละคร : เทพไทชาคุเท็น เป็นอาจารณ์ที่สอนศาสตร์องเมียวจิให้

    เทพสุคุโยมิ เป็นเจ้านายที่น่าเคารพทั้งยังเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตและทำให้เขาบรรลุ

    เทพีอมาเทระสึ พี่สาวของเจ้านายเคยเจอเป็นครั้งคราว

    อุระชินริง นางค่อนข้างจะเป็นตัวปัญหาคงต้องคอยคุมสักหน่อยละนะ

    มิสึยาสาชิ เจ้าเด็กนี่มันรู้งานข้าชอบ(โดนเลี้ยงขนมบ่อย)

    เพิ่มเติม : อิ่มทิพย์ ไม่จำเป็นต้องกินอาหาร ปัจจุบันกินเพื่อความเพลิดเพลินล้วนๆ

    พละกำลังและความทนทานมหาสาร อีกทั้งยังรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ สามารถขยายร่างกายให้ใหญ่โตราวกับภูเขาได้ และใช้ศาสตร์องเมียวได้ทุกแขนงแต่ที่ถนัดเห็นจะเป็นชิกิงามิและการปรุงยา รองลงมาคือการควบคุมธาตุทั้งห้า ส่วนที่ไม่ถนัดก็เป็นศาสตร์ทำนายชะตา ในแขนงอื่นอยู่ในระดับพอใช้ได้ สามารถพูดคุยและเข้าใจภาษาสัตว์

    ตามตำนานสัตว์หางของญี่ปุ่นที่จำได้จะมี อิจิบิ-แรคคูนหนึ่งหาง, นิบิ-แมวผีสองหาง, ซังบิหรืออิโซนาเดะ-ฉลามสามหาง, โยงบิหรือโชโก-ไก่ที่มีท่อนล่างเป็นงูสี่หาง, โกะบิหรือโฮโก-หมาป่าห้าธาตุห้าหาง, โละคุบิหรือไรจู-พังพอนสายฟ้าหกหาง, นานะบิหรือคาคุ-กระรอกเจ็ดหาง, ฮัจจิบิหรือยามาตะ โนะ โอโรจิ-งูแปดหางแปดกร, คิวบิ-จิ้งจอกเก้าหาง 

     

    แบบสอบถาม(ให้เหมือนตัวละครตอบ)

    คิดเช่นไรกับสงครามของสองเทพ : “ไม่ขอออกความเห็น ข้าแค่ทำตามคำสั่งของนายท่านสุคุโยมิ”

    ที่มาของความศรัทธา : “ข้าเคยถูกช่วยเมื่อครั้งยังเยาว์และข้าก็นับถือในความอ่อนโยนของท่าน”

    รู้สึกอย่างไรถ้าต้องฆ่าผู้บริสุทธิ์ของฝั่งตรงข้าม : “ต้องรู้สึกแย่อยู่แล้วสิ เป็นไปได้ก็ไม่อยากทำเลยน๊า∼”

    ความรู้สึกที่มีต่อเผ่าพันธมิตร : “ก็นับได้ว่าเป็นผู้ร่วมชะตากรรมละนะ”

    คิดอย่างไรต่อเทพองค์อื่นที่พยายามเกลี่ยกล่อมหยุดสงคราม : “พวกท่านก็คงพยายามเต็มที่แล้วนั่นแหละ”

    คิดอย่างไรกับการเป็นวีรชน : “นับเป็นเกียรติของข้าอย่างยิ่ง”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×