ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หอสมุดวีรชน

    ลำดับตอนที่ #47 : ใบสมัครตัวละครเรื่อง โยไคผู้โดดเดี่ยวแห่งศาลเจ้าชิสุคานะ

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.พ. 66


    Application

    Human form

    https://www.pinterest.com/pin/715087247103547646/

     

    Yokai form (True form)

    https://www.pinterest.com/pin/715087247103547841/

     

    บท : เจ้าแคว้นกัปปะ เผ่ากัปปะ

    ชื่อ-นามสกุล : ชินากาโนะ จิคุชิจิ

    ฉายา : วารีผู้อ่อนโยน / มิสึ ยาสาชิ

    องค์ชายสี่ / ได ชิ โอจิ

    อายุ : 444

    ลักษณะภายนอก : ในร่างมนุษย์ เขาเป็นชายหนุ่มผู้หล่อเหลามีออร่าอ่อนโยน เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินตัดสั้นและดวงตาคู่คมสีเดียวกัน มีคิ้วเรียวยาวและจมูกโด่งคมสัน เขาไม่ได้แปลงทุกส่วนให้เป็นมนุษย์โดยยังคงเหลือส่วนเท้าและไหล่ที่ยังคงเป็นกัปปะ สวมชุดแขนสั้นสีน้ำเงินเปิดอกตัวชุดยาวจนเกือบถึงข้อเท้า ใส่กางเกงสีเทาฟูยาวถึงเข่ามีตะข่ายต่อยาวจนถึงข้อเท้า ที่เอวคาดด้วยโอบิกรมมีเกาะสีฟ้ายื่นออกมาทั้งสองข้าง และมีเกาะแขนสวมทั้งสองข้างเช่นกัน ที่คอสวมผ้าคลุมสีน้ำเงินผืนยาว ร่างมนุษย์สูง 213 ซม. หนัก 96 กก.

    ในร่างโยไค เขาเป็นกัปปะร่างใหญ่โต ผิวกายสีเขียวมรกต ดวงตาสีน้ำเงินมองดูอ่อนโยน จงอยปากใหญ่ยักษ์สีเหลืองอ่อนภายในเต็มไปด้วยฟันซี่เล็กๆแหลมคมมากมาย ที่ศรีษะมีมงกุฎสีทองสวมอยู่ ในร่างนี้มีนิ้วมือเพียงสี่นิ้ว ร่างกายหนาตันเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ สูง 266 ซม. หนัก 169 กก.

    นิสัย : มีเมตตาอ่อนโยนไม่ชอบความรุนแรง เขาเป็นคนที่ใจดีชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นห่วงเป็นใยคนใต้อาณัติ เขาเป็นคนที่ต่อต้านการใช้ความรุนแรง เขามักจะใช้ไม้อ่อนก่อนเสมอและถึงแม้จะต้องจะไม้แข็งเขาก็จะพยายามลดการสูญเสียให้ได้มากที่สุดโดยเฉพาะประชาชมที่ไม่เกี่ยวข้อง เขาเป็นคนที่รักความสงบใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายไม่วุ่นวาย มีความสุขุมใจเย็นนิ่งสงบดั่งสายน้ำ เขาสามารถคงสติสัมปชัญญะได้แม้จะอยู่ในสถานการณ์วิกฤตก็ตาม มีไหวพริบในการตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและใจเย็น เขาเป็นคนที่มีความอดทนสูงแทบจะไม่ค่อยเห็นเขาโกรธเลยด้วยซ้ำ สุภาพถ่อมตนเคารพในตัวตนผู้อื่นแม้อีกฝ่ายจะเป็นเพียงชาวนายากไร้เขาก็ไม่ถือตัว เวลาเจอเรื่องเครียดๆจะเป็นกรดไหลย้อน เห่อน้องเขานับได้ว่าเป็นคนที่ตามใจน้องเป็นอย่างมากมีอะไรก็สปอยน้องๆตลอดและประคบประหงมอย่างดี กลัวเมียถึงปัจจุบันจะยังไม่มีภรรยาแต่มันก็ถ่ายทอดมาทางสายเลือด

    ประวัติ : เขาคือองค์ชายสี่ของราชวงศ์ชินากาโนะ ราชวงศ์กัปปะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเป็นราชวงศ์ที่ครอบครองแม่น้ำสายที่ยาวที่สุด ด้วยความปรีชามากความสามารถทำให้เขาเป็นที่โปรดปรานของราชาองค์ก่อน ในวัยเพียง 15 ก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทจนสร้างความไม่พอใจให้กับพี่ชายคนโตไม่น้อย แม้จะไม่อยากเป็นศัตรูกับผู้เป็นพี่แต่เขาก็เชื่อในการตัดสินใจของเสด็จพ่อ 

    เขาขับเคี่ยวกับพี่คนโตจนได้ขึ้นเป็นราชาตอนอายุ 60 และได้ปรับความเข้าใจกันในท้ายที่สุด หลังจากขึ้นครองราชเขาใช้เวลาอีกเกือบร้อยปีในการรวบรวมเผ่ากัปปะให้เป็นหนึ่งเดียวโดยใช้การเจรจาต่อรองเป็นหลัก และยังคอยช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้อยากไม่ว่าจะเป็นคนจากเผ่าใด ทำให้ชื่อเสียงของเขาขจรขจายไปทั่วหล้าจนผู้คนต่างเรียกขานในอีกชื่อว่ามิสึยาสาชิ 

    ในช่วงยุคสมัยที่สงบเช่นนี้เขากับได้รับข่าวคราวการอาละวาดของยักษาสาวตนหนึ่งในแดนเหนือ ด้วยความที่อณาเขตของเขาอยู่ห่างจากแดนเหนือจึงได้รับข่าวสารค่อนข้างช้า เขาได้ลองส่งคนไปควบคุมสถานการณ์แต่เหมือนเขาจะประเมินอีกฝ่ายต่ำไป แต่เมื่อครั้นจะออกไปเองกับโดนเหล่าข้าราชบริพารห้ามปรามเอาไว้ด้วยภาระหน้าที่และสภาพบ้านเมืองที่ยังไม่ค่อยคงที่นักเขาจึงได้แต่กัดฟันทน จนในที่สุดฟางเส้นสุดท้ายก็หมดลงเมื่อเขาได้ฟังข่าวการสูญหายของชาวบ้านจำนวนมาก จึงได้ออกคำสั่งเด็ดขาดและเดินทัพด้วยตัวเอง แต่เมื่อมาถึงไม่ว่าจะตามหายังไงกับไม่พบแม้แต่เงาอีกฝ่ายจึงได้ถอนทัพในที่สุด 

    ในฐานะเจ้าแห่งแม่น้ำเขาจึงมีโอกาศได้สานสัมพันธ์กับโยไคภูติน้ำเผ่าอื่นๆ โดยเฉพาะเหล่านิงเงียวที่ดูท่าพวกเขาจะสนิทกันเป็นพิเศษ อันเนื่องมาจากเขาเป็นเพื่อนสนิทกับชายเผ่านิงเงียวชั้นสูงผู้หนึ่ง 

    จนการเวลาผ่านไปอีกนับร้อยปีขณะที่เขาไปเยี่ยมเยือนเผ่านิงเงียว ก็บังเอิญพบกับสหายชายเผ่านิงเงียวผู้นั้น และได้ทราบว่าอีกฝ่ายได้แต่งงานไปแล้ว เขาที่พอทราบเรื่องราวจึงแสดงความยินดีกับอีกฝ่ายและซักถามไปว่าทำไมจึงไม่บอกตน ก่อนจะรับรู้เรื่องราวว่าสหายของตนแต่งกับภูติหิมะตนหนึ่ง กระนั้นเขาก็ไม่ได้แสดงท่าที่รังเกียจแต่อย่างใด นั่นทำให้อีกฝ่ายรู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมาก 

    หลังจากไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบและเรื่องของน้องสะใภ้แล้วเขาก็ขอตัวไปทำธุระต่อโดยหารู้ไม่ว่านั่นจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายของทั้งสอง หลังจากมาถึงเผ่านิงเงียวเขาก็ได้เข้าพบกับผู้นำของเผ่าและได้สอบถามเกี่ยวกับดอกไม้ทะเลที่รักษาโรคร้ายได้เพราะตอนนี้น้องคนที่หกของเขาป่วยเป็นโรคที่ไม่ทราบสาเหตุ เขาที่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่รักษาได้ทุกโรคจึงมาสอบถามเหล่านิงเงียวที่น่าจะรู้เรื่องราวในท้องทะเลมากกว่ากัปปะอย่างพวกเขา 

    เขาใช้เวลาหลายปีในการตามหาดอกไม้ดังกล่าวจนพบและสามารถนำไปรักษาน้องสาวได้สำเร็จ แต่แล้วเขาก็ได้พบกับข่าวร้ายเรื่องที่สหายคนสนิทจากไปตลอดกาล เขาสั่งให้คนออกตามหาน้องสะใภ้จนไปเจอกระท่อมหลังเก่าแห่งหนึ่งข้างมีหลุมศพสองหลุมที่ก่อจากหินตั้งอยู่ เขาล้มฟุบขลุกเข่าต่อหน้าหลุมศพทั้งสอง ตอนที่อยู่ในกระท่อมไม้เขาเห็นชุดของเด็กอยู่ด้วย จึงเขาใจว่าหลุมศพตรงหน้าคงเป็นของสองแม่ลูกที่มีคนใจบุญก่อให้ 

    หลังจากนั้นสภาพจิตใจเขาย่ำแย่มากจนเป็นโรคกรดไหลย้อนใช้เวลาพักฟื้นอยู่นานกว่าสภาพจิตใจจะกลับมาเป็นปกติแต่อาการกรดไหลย้อนกลับแก้ไม่หาย 

    จากนั้นกาลเวลาได้ผันเปรี่ยนอย่างรวดเร็วจนมาถึงยุคปัจจุบัน ในห้องรับรองแห่งหนึ่งภายในตัวปราสาทด้านหน้าของเขาปปรากฏเป็นหญิงสาวเกสาสีดำตัดสั้นสวมแว่นทรงรีสวมใส่อาภรณ์สีม่วง ทั้งสองข้างของนางมีพี่หญิงและน้องหกของเขาขนาบข้างพวกนางทั้งสองฟังหลายละเอียดสินค้าจากหญิงสาวเกสาสีดำอย่างตั้งอกตั้งใจทั้งยังเมินเขาอย่างสมบูรณ์ หลังจากพวกนางใช้เวลาเลือกของประดับกว่าหนึ่งชั่วยามจึงยอมออกไปแต่โดยดี 

    “ท่านจะฟังข่าวร้ายหรือข่าวร้ายกว่าก่อนดีละเจ้าคะ” ไม่ทันให้เขาได้เอ่ยถามอันใดอีกฝ่ายก็ชิงพูดตัดหน้าเสียก่อน

    เขามองพินิจอยู่สักพักก่อนถอนหายใจออกมา “เฮ้อ… สุดท้ายมันก็มีแต่ข่าวร้ายมิใช่รึงั้นเอาเป็นข่าวร้ายละกัน”

    “เทพทั้งสองประกาศสงครามกันแล้วเจ้าค่ะ” นางยังคงกล่าวออกมาด้วยท่าทางนิ่งสงบ

    เขาคมวดคิ้วอย่างสงสัยก่อนเอ่ยถามคำถามที่ค้างคาใจตน “ถ้าการที่เทพทั้งสองประกาศสงครามเป็นข่าวร้ายแล้วเรื่องอันใดกันที่เป็นข่าวร้ายกว่าของเจ้า”

    ครานี้อีกฝ่ายไม่ได้ตอบเขาทันทีนางเพียงเหล่มองเขาแวบหนึ่งก่อนยกแก้วชาขึ้นดื่มและยิงคำถามกลับมา “ไม่มีดังโงะรึเจ้าคะ”

    ได้ยินเช่นนั้นเขาก็ได้แต่ทำหน้าละเหี่ยใจก่อนเรียกให้คนรับใช้นำดังโงะมาให้นาง 

    หลังจากดังโงะมาถึงนางก็กัดไปคำหนึ่งและกล่าวชมความอร่อยของมัน “ดังโงะของเมืองท่านยังคงรสเลิศเช่นเคย”

    พอเห็นท่าทางสบายๆของอีกฝ่ายแล้วก็เล่นเอาเขาหมั่นไส้เล็กน้อย ถึงอยากจะเร่งรัดอีกฝ่ายให้รีบพูดแต่ก็ได้แต่เก็บไว้ในใจ ก็นะใครใช้ให้เสด็จแม่กับพี่หญิงและน้องหกเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของนางละ 

    ขณะที่เขากำลังหยิบแก้วชาขึ้นมาดื่มเช่นกันอีกฝ่ายก็เปิดปากพูดขึ้น “ท่านอุระชินริงประกาศเข้าร่วมกับฝ่ายเราเจ้าค่ะ” 

    “พรูด!!” คำพูดเพียงไม่กี่คำแต่กับช่างทรงพลังเหลือหลาย เขาที่ไม่ทันตั้งตัวกับเหตุการณ์สุดช็อคจึงเผลอสำลักน้ำอึกใหญ่ “แค้กๆๆ” เขาไอออกมาพร้อมเหล่มองอีกฝ่ายที่เหมือนจะรู้ว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้จึงได้หลบไปอยู่อีกมุมรอดพ้นสายน้ำหาดใหญ่ที่เขาพ่นออกมาได้อย่างหวุดหวิด หลังจากเห็นใบหน้าเรียบเฉยของอีกฝ่ายเขาก็ได้แต่คิดกับตัวเองว่า ‘จงใจสินะ จงใจแน่ๆ’

    ชอบ : ดอกบัว ว่ายน้ำ ปลาย่าง แตงกวา ความสงบ ครอบครัว

    ไม่ชอบ : อากาศร้อน อาหารแห้ง 

    ถนัดอาวุธ : ฉมวก หอก คาถา

    ลักษณะการปกครอง : ระบอบขุนนาง

    รูปแบบปราสาท : ก่อนจะกล่าวถึงตัวปราสาทก็คงต้องพูดถึงทางเข้าเมืองเสียก่อน โดยทางเข้าจะอยู่ตรงกลางแม่น้ำสองฝากฝั่งเป็นค่ายทหารที่เตรียมพร้อมรบอยู่ตลอดเวลา ใต้น้ำมีทหารแหวกว่ายสำรวจตลอดทั้งสายน้ำ เมื่อพายเรือมาถึงกลางแม่น้ำจะต้องพลิกเรือให้คว่ำ จากนั้นจะปรากฏตัวอยู่ที่แม่น้ำสายเล็กที่มุ่งตรงสู่ตัวปราสาทสองฝั่งข้างทางเต็มไปด้วยบ้านเรือนมากมาย มีสะพานโค้งเล็กๆที่ทอดผ่านทั้งสองฝั่งอยู่ตลอดแนวและมีจุดจอดเรือมากมายเรียงรายตลอดทาง เมื่อมาถึงตัวปราสาท ปราสาทเป็นแบบญี่ปุ่นโบราณสามชั้น แม่น้ำสี่สายจากสี่ทิศโค้งขึ้นลอยวนรอบตัวปราสาท ตลอดทางเดินภายในตัวปราสาทเป็นทางเดินทั่วไปเพียงแต่เหนือหัวขึ้นไปเล็กน้อยจะเป็นอุโมงค์น้ำที่มีหมู่ปลาหนาๆพันธุ์แหวกว่ายอยู่ อุโมงค์ดังกล่าวยังใช้เดินทางโดยเหล่าภูติน้ำทั้งหลาย ในสวนมีสระน้ำขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยดอกบัวประดับประดา

    นิยมกำลังพลในกองทัพ : มี 4 หน่วยหลักคือ พลโล่ พลหอก พลธนู และจอมเวทย์ โดยกำลังส่วนมากคือจอมเวทย์ พลโล่ พลหอก พลธนู ลดหย่อนลงมาเเรื่อยๆตามลำดับที่กล่าวไป กระบวนทัพที่ใช้หลักจะเป็นการป้องกันเสียมากกว่า และคอยให้เหล่าจอมเวทย์ใช้คาถาช่วยโจมตี

    ความสัมพันธ์ตัวละคร : พ่อ เคารพรักมาก

    แม่ ผู้กุมอำนาจที่แท้จริงของบ้าน

    พี่ใหญ่ ต่อยกันประจำ ถึงเขาจะไม่ชอบความรุนแรงแต่รายนี้ต้องคุยด้วยหมัด

    พี่รอง/พี่หญิง หากไม่นับเสด็จพ่อเสด็จแม่นางก็ใหญ่สุดในบ้านแล้วแหละ

    พี่เล็ก รายนี้เก็บตัวอยู่แต่ในห้องจึงไม่ค่อยได้เจอกัน แต่ก็นับได้ว่าสนิทกันตามประสาพี่น้องทั่วไป

    น้องห้า ก็รักนะแต่ก็จับฝึกโหดอยู่ดี

    น้องหก/น้องหญิง หวงมาก เทคแคร์สุดๆ

    ภรรยาเอกของพี่ใหญ่ นับได้ว่าสนิทกัน และบางครั้งเขาก็ใช้นางเป็นเครื่องต่อรองกับพี่ใหญ่ เช่นจะแฉเรื่องลับๆไม่ก็วีรเวรสมัยเด็กให้นางฟัง และเขายังมีข้อตกลงลับๆกับนางคือเขาจะคอยกันเจ้าพี่บ้าไปมีเล็กมีน้อยแลกกับการที่นางจะคอยคุมไม่ให้พี่ใหญ่ไปก่อเรื่อง

    คู่หมั่นของน้องหก ถ้าเจ้าทำน้องข้าร้องไห้เจ้าตาย (มิสึยาสาชิมิได้กล่าว)

    เทพสุคุโยมิ ทวยเทพที่นับถือมาตั้งแต่บรรพบุรุษ

    อะเมะสุมะ น้องช… พี่ชายที่น่าเคารพ

    คาราสามิ ยัยแม่ค้าหน้าเลือด

    อุมิ ลูกสาวของเพื่อนคนสำคัญที่เข้าใจว่าตายไปแล้ว

    อุระชินริง ไม่ถึงกับเกลียด จริงๆค่อนข้างเข้าใจอีกฝ่าย โอนิในปัจจุบันส่วนมากก็เกิดจากครรภ์มารดาพลังงานด้านลบจึงมิได้มากมายอะไร แต่นางที่เกิดจากความพยาบาทโดยตรงอีกทั้งยังแข็งแกร่งมากแสดงว่าพลังงานด้านลบที่ให้กำเนิดนางก็ยิ่งแข็งแกร่งการที่นางข่มกลั่นได้ขนาดนี้ก็นับว่าน่านับถืออยู่หลายส่วน ก็คงได้แต่หวังว่านางคงจะไม่คลั่งขึ้นมาอีก

    เพิ่มเติม : ความสามารถ พลังกายและอิทธิฤทธิ์มากกว่ากัปปะทั่วไป ควบคุมน้ำได้ สื่อสารกับปลา คาถาจำแลงกาย คาถาลวงตา คาถาดึงวิญญาณ

    ผู้คนส่วนมากเรียกเขาว่ามิสึยาสาชิ

    เขาครองโสดมาจนถึงปัจจุบัน

     

    แบบสอบถาม(ให้เหมือนตัวละครตอบ)

    คิดเช่นไรกับสงครามของสองเทพ : “ข้าหวังว่ามันจะจบลงโดยเร็ว”

    ที่มาของความศรัทธา : “ตระกูลของข้ารับใช้เทพสุคุโยมิมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว”

    รู้สึกอย่างไรถ้าต้องฆ่าผู้บริสุทธิ์ของฝั่งตรงข้าม : “ข้าไม่อยากจะคิดถึงเหตุการณืเช่นนั้นหรอกนะ”

    ความรู้สึกที่มีต่อเผ่าพันธมิตร : “พวกเทงงุถ้าไม่ถูกยุจนโกรธก็ไม่มีอะไรให้ห่วง แต่ที่น่าห่วงจริงๆคือฝั่งโอนิที่ยัยหนูนั่นเป็นผู้นำเนี่ยสิ”

    คิดอย่างไรต่อเทพองค์อื่นที่พยายามเกลี่ยกล่อมหยุดสงคราม : “พวกท่านช่วยพยายามต่อเถอะ”


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×