ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หอสมุดวีรชน

    ลำดับตอนที่ #46 : ใบสมัครตัวละครเรื่อง โยไคผู้โดดเดี่ยวแห่งศาลเจ้าชิสุคานะ

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.พ. 66


    Application

    https://www.pinterest.com/pin/11259067805152682/

     

    บท : เจ้าแคว้นโอนิ เผ่านิโอ(โอนิชั้นสูง)

    ชื่อ-นามสกุล : อุระชินริง(ผืนป่าแห่งความพยาบาท)

    ฉายา : ยักษ์ฟ้าจอมทระนง / อาโอ โอนิ โนะ โกะมัง

    จ้าวแห่งยักษา / โอนิ โนะ ทัตสึจิน

    อายุ : 293 ปี

    ลักษณะภายนอก : โอนิเพศหญิงผิวกายสีฟ้ามองดูหยาบกร้าน เธอมีใบหน้าที่ดูงดงามแต่ก็ดูดุดัน ดวงตาเรียวคมสีแดงสดมองดูโฉบเฉียว มีดวงตาที่สามที่ปิดสนิทอยู่ภายใต้เส้นผมตรงกลางหน้าผาก คิ้วโก่งคมเข้มย่นเข้าหากันให้ความรู้สึกไม่เป็นมิตร จมูกโด่งคมสันรับกับรูปหน้า ริมฝีปากฉีกยิ้มกว้างเผยให้เห็นเขี้ยวคมที่เรียงอย่างสวยงาม ผมสีครามตัดสั้นถูกรวบไว้เล็กน้อย มีเขาโค้งสีดำหนึ่งคู่งอกออกมาจากหน้าผาก ร่างกายเพียวบางแต่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่อัดแน่นจนเห็นได้ชัด เล็บยื่นยาวแลดูแหลมคม ห่มเพียงหนังเสือผืนใหญ่เพียงผืนเดียวมีเชือกเส้นใหญ่คาดเอวกันไม่ให้หนังเสือและดาบโอดาจิหลุด สวมสร้อยคอจี้หยกหยินหยางสีแดง และสวมประคำสีทองที่ข้อมือขวา พกดาบโอดาจิด้ามดาบสีแดงปอกดาบสีดำ นางมีความสูงที่ 183 ซม. หนัก 83 กก.

    นิสัย : เย่อหยิ่งทะนงตนยึดความคิดของตนเป็นหลัก ชื่นชอบการต่อสู้บ้าระห่ำมุทะลุ ชอบการทรมารศัตรูมีความสุขที่ได้ยินเสียงกรี๊ดร้องของอีกฝ่าย เจ้าคิดเจ้าแค้นหากทำให้โกรธนางจะตามล่าไปจนถึงสุดขอบโลกแล้วเอาคืนเป็นร้อยเท่า เล่นพรรคเล่นพวกนางเป็นคนที่ถือหางพวกเดียวกันหากไม่มีผลประโยชน์ที่มากพอก็อยากที่จะเปลี่ยนใจนาง เอาแต่ใจอยากได้อะไรก็ต้องได้ บูชาความแข็งแกร่งเหนือสิ่งใดมักใช้กำลังในการตัดสิน ชอบความเจ็บปวดผู้ใดที่ทำให้นางบาดเจ็บได้แม้จะเล็กน้อยนางก็จะให้ค่าคนผู้นั้นมากกว่าปกติและให้สิทธิพิเศษหลายๆอย่างขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่ง แม้นางจะเป็นพวกเลือดร้อนแต่เมื่ออยู่ในอณาเขตวัดหรืออยู่ตาหน้าเทพหรือพระสงฆ์แล้วนางจะสงบเสงี่ยมลงทันตาและนี่นับเป็นหนึ่งในเกล็ดย้อนของนาง นางไม่อนุญาตให้มีการทำลายวัดหรือสังหารพระสงฆ์เด็ดขาดถ้าหากใครมันกล้าต่อให้เป็นลูกน้องคนสนิทนางก็จะฆ่ามันด้วยมือตนเอง

    ประวัติ : นางเป็นโอนิที่กำเนิดจากวิญญาณแค้นพยาบาททำให้นางกลายเป็นอาโอโอนิ(ยักษ์ฟ้า) เดิมทีนางเองก็เป็นเพียงโอนิชั่นต่ำที่ทำอะไรตามใจตัวเองนางออกอาละวาดไปทั่วเขตเหนือสร้างความเดือดร้อนไปทุกย่อมหญ้า เข่นฆ่าทุกสิ่งที่ขวางหูขวางตา ปล้นชิงสิ่งของที่อยากได้ และสารพัดความเลวร้ายที่จะนึกออกนางก็ทำมาหมดแล้ว 

    ความหวาดกลัวที่มีต่อนางยิ่งทำให้พลังอำนาจของนางยิ่งเพิ่มพูน ความทะนงตนที่มีอยู่แล้วบัดนี้ยิ่งพุ่งสูงเหนือฟ้า ด้วยความหมายมั่นอยากได้ดวงจันทร์มาครอบครองทำให้นางอาจหาญท่าทายองค์เทวาผู้ครอบครองผืนฟ้ายามรัตติกาล ขณะที่นางเหาะเหินมุ่งสู่ตำหนักเทพแห่งดวงจันทร์นางก็เจอเข้ากับคลื่นแรงกดดันอันน่าพรั่นพรึงกดทับล่างจนนางร่วงหล่นลงสู่พื้นเกิดเป็นบ่อหลุมขนาดใหญ่ สภาพของนางสบักสบอมจนดูไม่ได้ 

    บัดนี้เองเบื่องหน้าของนางปรากฏบุรุษผู้งดงามหาที่ใดเปรียบ แต่ก่อนที่จะได้ทำอันใดสติของนางก็เลือนรางไปเสียก่อน รู้สึกตัวอีกที่นางก็ถูกพันธนาการไว้ใต้ต้นซากุระโดยมีโซ่มากมายที่มียันต์ติดอยู่ทำให้นางไม่สามารถหลุดออกไปได้ นางถูกจองจำอยู่ในสถานที่แห่งนี้ยาวนานนับปีจุดที่นางอยู่เป็นจุดที่สามารถมองเห็นดวงจันทร์ได้ตลอดทั้งคืนนางจึงคิดว่าอีกฝ่ายต้องการสยบนาง ท้ายที่สุดนางจึงกล่าวสวามิภักต่อองค์เทพแต่ก็ไร้ซึ่งการตอบรับ นางไม่เข้าใจว่านางทำสิ่งใดผิดมิใช่ว่าเขาต้องการให้เป็นเช่นนี้หรือ? นางได้แต่เฝ้าทบทวนเรื่องราวต่างๆจนวสันตฤดูผ่านพ้นไปหลายครา สภาพนางในตอนนี้เหลือเพียงหนังหุ้นกระดูกจากนักรบคลั่งผู้น่าหวาดหวั่นเหลือเพียงยาจกขอทานผู้หนึ่ง ในที่สุดนางก็ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่างและปล่อยวางยอมรับชะตากรรมในที่สุด 

    ทันใดนั้นเองบุรุษผู้นั้นก็ปรากฏกายต่อหน้านางในรอบหลายปีก่อนจะปลดพันธนาการที่คุมขังนางไว้ออก และก็เป็นเช่นเคยบุรุษผู้นั้นไม่เปิดโอกาศให้สักถามอันใดก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งให้นางจมอยู่กับความคิดของตนทั้งคืนและก็เป็นในคืนนั้นเองที่นางสามารถตระหนักรู้และได้เกิดใหม่เป็นนิโอยักษาผู้ปกปักทวารบาลแห่งศาสนาชินโต 

    เมื่อนางได้กลายเป็นนิโอตัวของนางก็เล็กลงและดูเพียวบางขึ้นทั้งรูปโฉมยังงดงามขึ้นมาก ไหนจะเขาที่ยาวขึ้นและตาที่สามที่ปรากฏขึ้นกลางหน้าผากอีก จะมีก็เพียงผิวกายสีฟ้าของนางที่ไม่ได้เปลี่ยนไป 

    หลังจากนั้นนางใช้เวลาอีกเกือบสิบปีก่อนจะลงเขามา นางก็พบว่าเวลาได้ผ่านไปนานมากจนเรื่องราวเกี่ยวกับยักษ์ฟ้าที่ออกอาละวาดในเขตเหนือของประเทศได้จางหายไปจากความทรงจำของผู้คนหมู่มาก ซึ่งนางในตอนนี้หาได้ใส่ใจไม่ 

    นางได้เดินทางจากเหนือจรดใต้และได้พบปะผู้คนมากมาย มีเรื่องราวมากมายที่นางได้รับรู้ระหว่างการเดินทางหนึ่งในนั้นคือการที่เธอเป็นนิโอเพียงตนเดียวบนโลกเบื่องบนเนื่องจากนิโออีกสองตนได้ลงไปรับใช้เทพเอ็นมะที่โลกเบื่องล่าง จะกล่าวก็คือเธอได้กลายเป็นโอนิที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วนั่นเอง จากความคิดเช่นนั้นทำให้ความหยิ่งผยองในกาลก่อนย้อนกลับมาอีกครา ทว่าจะให้ออกไปอาละวาดเหมือนกาลก่อนก็มิอาจจะทำได้ นางจึงได้แต่พยายามข่มกลั่นแล้วคอยปกปักรักษาศาสนาชินโตอยู่เงียบๆ แต่สันดารของนางก็ทำให้นางไม่อาจทนอยู่อย่างปัจจุบันได้นานนัก อย่างน้อย… นางก็ต้องการการปลดปล่อย แต่จะไปตีกับเผ่าอื่นก็อาจเกิดสงครามระหว่างเผ่าพันธ์ุ นางจงมุ่งเป้ามาที่เผ่าของตนเอง ก็นะจะหาพวกที่ทนมือทนเท้าได้ที่ไหนอีกนอกจากเผ่าของนาง 

    รู้ตัวอีกทีเจ้าพวกปลาซิวปลาสร้อยที่นางเคยทุบตีก็หันมาติดตามนางกันเป็นพรวน จนโรคหลงตัวเองของนางกำเริบขึ้นอีกครา จากการทุบตีโอนิกลุ่มเล็กๆคลายเคลียดสู่การบุกยึดควบรวมอำนาจมาไว้ที่ตนแต่เพียงผู้เดียว กระนั้นนอกจากการนำอีกฝ่ายมาไว้ใต้อานัติแล้วนางก็ไม่ค่อยใส่ใจพวกเขาเสียเท่าไหร่และปล่อยให้ปกครองตัวเองกันต่อไปโดยที่มีเธอเป็นผู้กุมอำนาจสูงสุด 

    ในช่วงเวลานั่นเองเธอสัมผัสได้ถึงจิตอาฆาตจากวัดแห่งหนึ่งอันเนื่องมาจากเธอเป็นนิโอผู้ปกปักทวารบาลแห่งศาสนาชินโต เธอจึงรีบมุ่งหน้าไปยังที่แห่งนั่นทันที ก่อนจะพบกับวัดร้างที่ถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี ไฟโทสะในอกของเธอประทุโชติช่วง จากสภาพการเหตุการณ์คงเกิดขึ้นนานแล้วจะหาตัวการก็คงยากจนกระทั้งนางบังเอิญไปเจอขนนกที่ใหญ่โตจนผิดปกตินางก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของพวกใด แต่ก่อนจะได้ออกไปจากวัดนางก็พบความผิดปกติบางอย่าง ตัววัดกลับมาดูดีเหมือนใหม่อีกคราสร้างความฉงนให้แก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก นางไม่รอช้าหันกับไปมองเบื่องหลังก็พบกับโยไคตัวใหญ่โตมโหฬาร มีมือเป็นพันกร ตัวขาวซีดราวกับศพ ปากที่ยื่นยาวออกมาคาบกงล้อสีแดงเพลิงเอาไว้ ไม่รอให้ตั้งตัวมันพุ่งเข้ามาโดยใช้แขนตะกุยพื้นเคลื่อนที่เข้ามา ปากที่อ้ากว้างเผยให้เห็นเขี้ยวจำนวนมากที่เรียงซ้อนกันอยู่ภายใน ภาพตรงหน้าหากเป็นผู้อื่นได้มาเห็นคงเป็นลมสลบสไลไปแล้ว แต่หาใช้กับนางไม่ กระนั้นนางก็ไม่อาจทำอะไรอีกฝ่ายได้เนื่องจากยังอยู่ในตัววัดแม้มันจะเป็นเพียงวัดร้างก็ตาม และแน่นอนนางรู้ดีว่าสภาพวัดที่ดูดีนี่เป็นเพียงภาพหลวงตา นางไม่มีทางเลือกมากนักจึงใช้เพียงแรงกดดันเพียวๆในการทำลายอณาเขตของโยไคตรงหน้า 

    เมื่อวัดกับมาเป็นสภาพดังเดิมก็ทำให้โยไคยักษ์ใหญ่ตรงหน้าชงักไปเสียวเวลาหนึ่งก่อนหันมาเล่นงานนางต่อ นางจึงล่อให้มันออกนอกตัววัดเมื่อออกมาแล้วนางก็ใช้หมัดลุ่นๆซัดเข้าที่ตัวใหญ่อย่างจังขณะที่กำลังจะปลิดชีพอีกฝ่ายก็พลั่นรู้สึกบางอย่าง นางรับรู้ได้ว่าโยไคตรงหน้าเกิดจากวิญญาณพระสงค์ที่ตายอย่างไม่เป็นธรรมจนมีความเครียดแค้นเป็นอย่างมากในตอนที่คิดจะปลดปล่อยอีกฝ่ายแต่สุดท้ายก็ทำไม่ลงจึงได้ปล่อยมันไป 

    หลังออกจากวัดมานางก็พุ่งไปจัดการกับเทงงุที่อาศัยในหุบเขาแห่งนี้ เดิมทีนางต้องการฆ่าล้างบางพวกมันให้จนหมดเขาทว่าอีกฝ่ายมีไดเทงงุอยู่ด้วย ด้วยความที่อีกฝ่ายเป็นคนของศาสนาชินโตเช่นกันนางจึงไว้หน้าอีกฝ่ายและทำเพียงเด็ดปีกของพวกเทงงุลูกกระจอกบนเขาจนเหี้ยน และจากที่จบเรื่องแล้วนางก็ตระเวนไปทั่วญี่ปุ่นอีกครั้ง 

    หลายสิบปีผ่านไปนางที่พอจะทราบเรื่องราวของการทะเลาะกันของสององค์เทพผู้ยิ่งใหญ่ก็แอบเชียร์อยู่ลึกๆให้เรื่องมันบานปลายจนกลายเป็นสงคราม และในอีกหลายสิบปีต่อมาก็เหมือนว่าความปรารถนาของนางจะเป็นจริงเมื่อทั้งสองเทพมาถึงจุดแตกหัก นางไม่รอช้าที่จะพลาดโอกาศอันดีประกาศรับใช้องค์เทวาแห่งจันทรา สร้างความไม่พอใจแก่เผ่ามนุษย์จนอีกฝ่ายเลือกที่จะขับไล่เหล่าโอนิออกจากเมือง 

    นางที่ไม่สนสี่สนแปดก็ยังคงเดินเล่นในเมืองมนุษย์อย่างสบายใจเฉิบจนโดนเหล่าทหารล้อม พวกมันหันคมหอกมาทางนางซึ่งมันก็ทำให้นางหงุดหงิดไม่น้อยแต่ในอีกใจก็คิดยินดีที่จะได้อาละวาดโดยไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ก่อนที่หนึ่งในทหารจะกล่าวอะไรบางอย่างทำนองว่าในช่วงสงครามเช่นนี้แต่โอนิเช่นนางกับกล้ามาเดินในเมืองมนุษย์อย่างหน้าตาเฉยและพูดต่อในทำนองที่ว่าจะตัดหัวนางไปแขวนหน้าประตูเมือง มาถึงตรงนี้นางก็ปรี๊ดแตกทันใดตวัดฝ่ามือเพียงหนึ่งศรีษะของทหารนับสิบก็ตกลงกลิ้งมาอยู่ใต้ฝ่าเท้านางเสียแล้ว 

    การกระทำของนางสร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้คนรอบข้างเป็นอย่างมาก ไม่ทันไรทหารของทั้งเมืองก็มาล้อมรอบนางจากทุกทิศทาง นางที่เดือดดาลได้ที่ก็ไม่รอช้าจับศพทหารเมื่อครู่มาใช้ไม่ต่างกระบอง เพียงไม่นานเมืองทั้งเมืองได้ล้มสลายลงด้วยน้ำมือของนางเพียงผู้เดียว 

    บัดนี้เหลือผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวที่อยู่ใต้น้ำมือของนาง หญิงสาวคนนั้นขอร้องให้ปล่อยตนไป นางที่คิดว่าเล่นกับอีกฝ่ายไปก็ไม่สนุกเท่าไหร่จึงคิดจะปล่อยไปแต่ท้องเจ้ากรรมดันร้องขึ้นมาเสียก่อน หญิงสาวชาวบ้านที่ก็ได้ยินเช่นกันก็หน้าซีดเผือดร้องอ้อนวอนขอชีวิต แต่สายไปเสียแล้วคมเขี้ยวที่แหลมคมของนางกัดลงที่ซอกคอขาวของอีกฝ่ายก่อนจะกระชากออกอย่างแรง หญิงสาวคนดังกล่าวกรี๊ดร้องดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดเธอไม่ได้ตายในทันทีจากแต่เดินอ้อนวอนขอให้ไว้ชีวิตแต่บัดนี้เธอกับเรียกร้องหาความตาย นางทำเพียงฟังเสียงอันไพเราะนั่นอย่างเพลิดเพลินก่อนจะลงมือกินอีกฝ่ายทั้งเป็น “อ๊า∼ เนื้อมนุษย์ที่ไม่ได้ลิ้มลองมานานมันหวานเช่นนี้เชียวหรือ น่าเสียดายที่หากินได้แค่ช่วงสงคราม” นางกล่าวพรางมองกองซากศพตรงหน้าด้วยแววตาเป็นประกายและเผลอเลียริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว “สงครามช่างน่าหฤหรรษ์ยิ่งนัก”

    ชอบ : สุรา การต่อสู้ โมจิ ชมจันทร์ เนื้อ ตับ

    ไม่ชอบ : พวกอ่อนแอ ถั่ว ปอด(เป็นอวัยวะส่วนเดียวที่นางให้ความเห็นว่าไม่อร่อย) การลบหลู่ศาสนาชินโต

    ถนัดอาวุธ : โอดาจิกับมือเปล่า

    ลักษณะการปกครอง : รวมอำนาจที่ตนเองคนเดียว

    รูปแบบปราสาท : แทนที่จะบอกว่าเป็นปราสาทสู้บอกว่าเป็นหอคอยคงจะเข้าเค้าเสียมากกว่า ฐานของปราสาทเป็นทรงแปดเหลี่ยมที่ต่อยอดขึ้นไปเรื่อยๆเป็นสิบชั้น แต่เนื่องจากมันสร้างจากพวกโอนิทำให้ตัวปราสาทอาจดูพิกลพิกาลไปบ้างแต่ก็ยังนับได้ว่าแข็งแรงพอตัว ในแต่ละชั้นมีขนาดที่มากพอให้จุคนได้ร่วมสองร้อยกว่าชีวิต ของตกแต่งภายในส่วนมากเป็นของที่ได้มาจากสินสงครามทำให้บางชิ้นก็พุพังไปและไม่ได้มีลวดลายเดียวกัน ทำให้การตกแต่งออกมาค่อนข้างแย่จะมีเพียงห้องของเจ้าแห่งยักษาที่อยู่บนสุดดูจะเป็นระเบียบกว่าหน่อย ถัดจากตัวปราสาทจะมีกระโจมที่เป็นที่อยู่ของพวกทหารเดนตายและมีลานกว้างอยู่ตรงกลางค่าย ซึ่งกลางค่ายนั้นก็มีบัลลังก์ที่ประดับด้วยโครงกระดูกมากมายก่ายกอง ค่ายของนางล้อมรอบด้วยผืนป่ากว้างใหญ่ด้านหลังค่ายเป็นผู้เขาที่ในอดีตเป็นสถานที่จองจำตัวนาง

    นิยมกำลังผลในกองทัพ : ในกองทัพส่วนใหญ่จะใช้เป็นกระบองยักษ์และดาบโอดาจิเป็นส่วนใหญ่ แต่ด้วยขนาดกองทัพที่มีใหญ่มากเกินไปรวมถึงความถนัดที่เผ่าโอนิจะถนัดการใช้กระบองเป็นหลักทำให้เกิดเหตุการณ์ขาดแคลนอาวุธจนโอนิบางตนต้องเข้าสนามรบด้วยมือเปล่าไม่ก็หยิบจับต้นไม้ข้างทางที่ขนาดพอเหมาะมาใช้แก้ขัด ปกติโอนิเป็นเผ่าพันธ์ุที่หนังเหนียวอยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาด้านอุปกรณ์สวมใส่ พวกเขาใช้เพียงพละกำลังเพียวๆในการบดขยี้ทัพศัตรู และในทัพของนางแบ่งแยกกลุ่มได้ 5 กลุ่มหลักตามชนิดย่อยของโอนิ ได้แก่กลุ่มยักษ์แดงที่เป็นโอนิที่มีพละกำลังมากที่สุด ต่อมากลุ่มยักษ์ฟ้าที่มีการฟื้นฟูมากที่สุด กลุ่มยักษ์เหลืองที่มีความทนทานมากที่สุด กลุ่มยักษ์เขียวที่ว่องไวที่สุด และกลุ่มยักษ์ดำที่มีอำนาจเหนือธรรมชาติมากที่สุด แบบแผนส่วนมากที่เธอใช้คือให้กลุ่มยักษ์ฟ้าเป็นตัวชนแล้วให้กลุ่มยักษ์แดงตีโอบข้างโดยมีกลุ่มยักษ์เขียวพุ่งโจมตีจากบนฟ้า และกลุ่มยักษ์ดำที่มีจำนวนน้อยที่สุดคอยก่อกวนสนามรบ ในด้านยักษ์เหลืองเมื่อกลุ่มยักษ์ฟ้าและแดงเริ่มเสียเปรียบพวกมันจะเข้าไปสับเปลี่ยนตำแหน่งให้อีกสองกลุ่มถอยไปพักผ่อน และด้วยความเร็วในการฟื้นตัวของยักษ์ฟ้าจะทำให้กับเข้าไปสนามรบช่วยกลุ่มยักษ์เหลืองได้อย่างรวดเร็ว

    ความสัมพันธ์ตัวละคร : เทพสุคุโยมิ เป็นทั้งผู้ที่เคารพนับถือและผู้ที่ทำให้นางได้เกิดใหม่

    #เพิ่มเติม มิสึยาสาชิ นับถือในความแข็งแกร่ง แม้อีกฝ่ายจะขัดความสำราญของนางไปบ้างแต่นางก็ทำเป็นหลับตาข้างหนึ่งแล้วปล่อยผ่านอยู่ร่ำไป

    อะเมะสุมะ คนๆนี้แข็งแกร่ง อยากจะลองสู้ด้วย

    เพิ่มเติม : นางสามารถอ้ากรามให้กว้างจนกัดหน้าคนให้แหว่งได้ง่ายๆ

    นิสัยในปัจจุบันของนางนับว่าดีกว่าสมัยก่อนมากแล้ว

    นางมีความสามารถในการฟื้นฟูบาดแผลในระดับสูงมากโดยเฉพาะเมื่ออยู่ในป่าพลังอำนาจของนางจะยิ่งเพิ่มทวีคูณจนแม้แต่จะตัดหัวนางก็ใช้ว่าจะฆ่านางได้ อีกทั้งนางยังสามารถควบคุมเหล่าแมกไม้ต่างๆได้อย่างอิสระ นอกนั้นก็เป็นความสามารถพื้นฐานของโอนิที่เหนือมาตรฐานไปแล้วจากการกลายเป็นนิโอ

    คนที่นางใจอ่อนด้วยก็คือเหล่าเทพ พระสงค์ กับคนที่แข็งแกร่ง

    เวลาเบื่อๆแล้วไม่อยากให้การต่อสู้จบเร็วเกินไปนางก็จะใช้ปอกดาบทุบตีอีกฝ่ายเล่น

    ถึงนางจะไม่ชอบพวกเทงงุแต่ถ้าแข็งแกร่งหรือศรัทธาในเทพจริงๆนางก็พอจะญาติดีด้วยได้

    หลังจากกลายเป็นนิโอแล้วนางก็มีความเลื่อมใสในศาสนาชินโตขึ้นเองตามสัญชาตญาณ

    นางสามารถสัมผัสได้ว่าใครที่มีจิตศรัทธาในศาสนาชินโต

    ไทม์ไลน์ สามสิบปีแรกออกอาละวาด และถูกผนึกอีกร้อยปี หลังจากผนึกคลายเก็บตัวบนเขาอีกสิบปี ออกเดินทางทั่วญี่ปุ่นอีกยี่สิบปี อยู่อย่างสงบในวัดอีกห้าปีก่อนสติแตกไปไล่ตบตีชาวบ้านอีกร่วมสิบปี และไปเจอมงกุชิซึโนะเกะโดยบังเอิญ อีกเกือบร้อยปีต่อมา ณ ช่วงเวลาปัจจุบันประกาศรับใช้เทพสุคุโยมิอย่างเป็นทางการและสร้างวีรกรรมแรกโดยการสังหารหมู่มนุษย์ทั้งเมือง

    #เพิ่มเติม อิ่มทิพร์ ไม่จำเป็นต้องกินอาหาร จะกล่าวก็คือที่นางยังคงกินอาหารอยู่ก็เพื่อความสำราญล้วนๆ

    แบบสอบถาม(ให้เหมือนตัวละครตอบ)

    คิดเช่นไรกับสงครามของสองเทพ : “ตื่นเต้นสุดๆเลยละ แต่ก็แอบรู้สึกผิดในฐานะผู้ปกปักทวารบาลอยู่นิดหน่อย”

    ที่มาของความศรัทธา : “ก็แค่ท่านสุคุโยมิแข็งแกร่งกว่าข้า”

    รู้สึกอย่างไรถ้าต้องฆ่าผู้บริสุทธิ์ของฝั่งตรงข้าม : “ฆ่ามดแมลงจำเป็นต้องรู้สึกอันใดรึ?”

    ความรู้สึกที่มีต่อเผ่าพันธมิตร : “กับพวกกัปปะก็ไม่อะไรหรอกนะ แต่เจ้าพวกนกนั่นข้าละเหม็นขี้หน้าชิบหาย ทว่าเพื่อท่านสุคุโยมิแล้วก็คงต้องทนๆไปก่อน”

    คิดอย่างไรต่อเทพองค์อื่นที่พยายามเกลี่ยกล่อมหยุดสงคราม : “หยุดเลยนะพวกท่านเดี๋ยวเรื่องสนุกก็หลุดลอยไปกันพอดี… แค้กๆ เอ่อ ข้าหมายถึงพวกท่านทำได้ดีมาก”


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×