คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ใบสมัครตัวละครเรื่อง Fic - Rov [Shadow hands]
“Application”
“ทุกอย่างเพื่อท่าน องค์ราชา”
บทบาท : สมาชิกคนที่12
ชื่อ : Tyrant / ไทแรนท์
ชื่อเล่น/ชื่อที่เรียก : Tyrant / ไทแรนท์
เพศ : ชาย
อายุ : 20
วันเกิด :: วันที่ 20 เดือน มกราคม
เผ่าพันธุ์ : โฮมุนคลุส
อาชีพ : อัศวิน
ส่วนสูง/นํ้าหนัก : 187 cm. / 78 kg.
รูปร่างลักษณะภายนอก : โดยปกติแล้วจะไม่มีโอกาศได้เห็นหน้าตาของเขาเพราะเขาจะใส่เกราะตลอดเวลา หากแต่ใครที่ได้เห็นรูปโฉมของเขาแล้วจะต้องตกใจ เพราะใบหน้านั้นแทบจะเป็นพิมพ์เดียวกันกับกษัตริย์เทนเพียงแต่อ่อนเยาว์กว่า เขามีร่างกายที่สูงใหญ่กำยำเหมือนผู้เป็นพ่อ เรียกได้ว่าพ่อดูดียังไงลูกก็ดูดีอย่างนั้น ชุดที่เขาใส่ส่วนมากจะเป็นชุดอัศวินสีแดงคู่กับกางเกงสีน้ำตาลเข้ม ชุดเกราะอัศวินประจำตัวของเขาจะเป็นชุดเกราะสีขาวรวดรายสีทอง มีผ้าสีแดงประดับตรงส่วนเกราะขา หมวกเกราะของเขาเป็นแบบปิดทั้งใบหน้ามีพู่สีแดงประดับ และสะพายดาบใหญ่สีเงินที่มีขนาดเกือบเท่าตัวเขาไปไหนมาไหนด้วยตลอด
ลักษณะการพูด : แทนตัวเองว่าฉัน แทนคนอื่นว่านาย,เธอ,แก,ไอ้เปี๊ยก,ไอ้เวร เป็นต้น เวลางานแทนตัวเองว่าฉันหรือผม แทนอีกฝ่ายว่านาย,เธอ,คุณ,ท่าน หากเป็นคนที่สนิทจะแทนด้วยชื่อ
สถานการณ์ที่1 เวลาปกติ
น้ำเสียงหยาบกระด้าง โทนเสียงทุ้มต่ำ และบางครั้งก็มีคำสบถหยาบคาย
“มาสเตอร์เอาเหล้ามาอีก!” ชายในชุดเกราะสีเงินส่งเสียงบอกเจ้าของร้านถึงสิ่งที่ตนต้องการ เสียงของเขากลืนไปกับเสียงดังโวกเวกภายในร้าน สถานที่แห่งนี้คือโรงเหล้าที่เหล้าอัศวินมักจะมานั่งดื่มกันหลังจากจบงาน
“เออๆฉันได้ยินแล้ว นายจะตะโกนไปทำไหม” มาสเตอร์ของร้านหันมาบ่นใส่ชายในชุดเกราะเพียงคนเดียวในร้าน
“น่าๆ วันนี้มีเด็กใหม่มาด้วยมันก็ต้องฉลอง!” เสียงของเขาดังขึ้นอีกครั้งก่อนจะหันไปพูดกับพวกลูกน้องว่า “พวกแกฟังนะวันนี้ไม่เมาไม่เลิกโว้ย!”
“เฮ้!” เสียงขานรับของพวกลูกน้องดังกระหึ่มไปทั่วร้าน
สถานการณ์ที่2 เวลางานหรือเเวลาจริงจัง
น้ำเสียงทุ้มต่ำฟังดูจริงจัง
“หัวหน้ามีรายงานการตรวจพบพวกฟอล์เลนที่บริเวณนอกเมืองฮอลฟ์ครับ” เสียงของอัศวินนายหนึ่งรายงานให้กับอัศวินอีกคนที่สะพายดาบใหญ่ไว้ข้างหลัง ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นหัวหน้าของที่แห่งนี้
“ว่ามา”
เมื่อได้รับอนุญาตจากผู้เป็นหัวหน้าเขาจึงรีบรายงานทันที “ทหารลาดตระเวนหน่วยย่อยที่4รายงานมาว่าเมื่อ5วันก่อนขณะลาดตระเวนพบทหารของฟอล์เลนจำนวนหนึ่งกระจายตัวกันอยู่บริเวณหุบเขาอัสดงครับ และเมื่อ3วันก่อนจากการจับตาดูของทหารกองพันที่3ที่สังกัดเมืองฮอลฟ์รายงานเข้ามาว่าพวกมันมีจำนวนมากขึ้นรวมๆแล้วราวหนึ่งพันนายและเริ่มรวมกลุ่มกันแล้วครับแต่ไม่มีรายงานว่าใครคือผู้นำทัพในครั้งนี้ครับ”
เขารับฟังและพิจารณาสักครู่ก่อนสังการลงไป “ส่งข่าวไปบอกพวกเขาให้ตั้งรับให้ได้ภายใน3วันกองหนุนจะไปถึง และส่งคำขอไปยังรัฐคาเซลให้อนุมัติการนำเรือรบสองลำขึ้นที่เมืองเพคซิ ส่วนนาย” เขาหันไปพูดกับอัศวินอีกคนที่ยืนอยู่ข้างเขา “ไปเตรียมทหาร8กองร้อย โดยแบ่งเป็นสองกอง กองแรก400นายจะขึ้นฝั่งให้ความสนับสนุนกับเมืองฮอลฟ์ ส่วนอีกกองให้แล่นเรือผ่านแม่น้ำสีชาดและขึ้นฝั่งที่เมืองเพคซิ ไปได้” สิ้นคำสั่งทหารทั้งสองก็ทำความเคารพก่อนจะรีบออกไปปฏิบัติตามคำสั่งของผู้เป็นหัวหน้า
เมื่อทหารทั้งสองออกไปแล้วเขามองคนที่เหลืออยู่นห้องก่อนจะก้มลงมองแผนที่ที่กางอยู่บนโต๊ะขนาดใหญ่ “เราจะให้กองแรกช่วยทหารกองพ้นที่3ป้องกันเมืองให้ได้ จนกว่ากองที่สองจะทำการปิดล้อมหุบเขาอาทิตย์อัสดงเสร็จ เมื่อถึงเวลานั้นเราจะเป็นฝ่ายบุก เราจะต้อนให้พวกมันถอยกับไปยังหุบเขาอาทิตย์อัสดงและกองที่สองจะทำการปิดล้อมพวกฟอล์เลนที่ถอยกลับมาแล้วกวาดล้างให้สิ้นซาก พวกเจ้าสองคนจะเป็นคนนำทัพในครั้งนี้ไป” เมื่ออธิบายแผนการเสร็จสรรพเขาก็ชี้ไปที่อัศวินสองคนแล้วสั่งการทันที ทั้งสองรับคำสั่งแล้วรีบออกจากห้องไป
สถานการณ์ที่3 เวลาดีใจ
น้ำเสียงจะอ่อนโยนขึ้น
“ด้วยคุณงามความดีต่างๆของท่านที่มีต่ออณาจักรของเรา เราในนามราชาแห่งนอร์แมนขอแต่งตั้งท่านให้เป็นหวหน้าอัศวินนับจากนี้” เทนหยิบดาบสีเงินขนาดใหญ่ที่มีอัญมณีสีแดงฝังอยู่ประทับที่ไหล่ทั้งสองข้างของเขา และได้ยื่นดาบเล่มนั้นมาให้แก่เขา “ดาบเล่มนี้ได้รับพรจากเวด้าชื่อของมันคือดาบศักดิ์สิทธิ์คลาเรนท์ มันเป็นของท่านแล้วท่านหัวหน้ากองอัศวิน”
“เป็นความกรุณาอย่างยิ่งขอรับองค์ราชา ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง” เขายื่นมือทั้งสองข้างไปรับดาบเล่มนั้นและเอ่ยขอบคุณเทนด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและปลื้มปิติในเวลาเดียวกัน
สถานการณ์ที่4 เวลาโกรธ
น้ำเสียงจะเกลี้ยวกลาดเต็มไปด้วยโทสะ จะไม่ค่อยเห็นเขาโกรธเวลาที่กำลังจริงจังอยู่เพราะพยายามข่มเอาไว้แต่ในใจด่าถึงโครตเหง่าของอีกฝ่ายแล้ว
“หา! ไอ้เวรนี้! วันหยุดของฉันแท้ๆแต่กับต้องมาเจอนักเลงข้างทางแบบนี้มันเสียอารมณ์นะเว้ย!” เสียงตวาดด้วยความหงุดหงิดของชายชุดแดงดังขึ้น หลังจากที่เขากำลังเดินในเมืองอยู่ดีๆกับถูกกลุ่มนักเลง6คนเข้ามาหาเรื่อง
“เฮ้ย ลุงบ่นมากน่ารำคาญวะ ส่งเงินมาแล้วเดียวพวกเราจะปล่อยลุงไปแบบไม่เจ็บตัว” พวกนักเลงไม่สนใจคำบ่นของชายชุดแดงและได้เรียกไถตังจากเขา
“ลุง***(ไม่สามารถออกอากาศได้)อะไรละ ไอ้พวก***(ไม่สามารถออกอากาศได้) ฉันพึ่ง20เองโว้ย!” ชายชุดแดงตอบกลับด้วยความโกรธ ตอนนี้เขาอารมณ์เสียสุดๆเลย
“หน่อยลุงปากแบบนั้นเดียวอายุก็ไม่ยืนหรอก เฮ้ยพวกเราจัดการ” เสียงนักเลงคนเดิมสังการพวกของมัน
“ได้ไอ้เด็กเวรอยากรองดีนักใช่ไหม” พูดเสร็จเขาก็ทำการอัดพวกนักเลงไปคนละหมัดพวกมันก็ล่วงกันหมดแล้ว หลังจากนั้นเขาก็จับพวกมันโยนเข้าไปนอนในคุกข้อหาขัดขวางวันหยุดของเขา
สถานการณ์ที่5 เวลาเศร้า
น้ำเสียงจะเหนื่อยๆเหน่อๆ แลดูไม่มีแรง บ้างครั้งก็จะปล่อยออร่ามืดมนออกมาด้วย
“ฮะฮะฮะ การสารภาพรักครั้งแรกของฉัน” เสียงพึมพำของชายในชุดแดงแววมาตามสายลมเมื่อหันกลับไปมองจะเห็นว่าเขากำลังนั่งกอดเขาบ่นพึมพำกับตนเองอยู่มุมห้อง
“เฮ้ยไทแรนท์เลิกทำตัวปวกเปียกแล้วไปหาอะไรทำกันดีกว่า” เสียงของดิแรคกล่าวขึ้นหลังจากที่ทนเห็นสภาพลูกชายบุญธรรมของตนไม่ไหว จึงได้ชักชวนอีกฝ่ายไปหาอะไรทำเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศเพื่อว่าอาการจะดีขึ้น
ชายชุดแดงที่ได้ยินก็หันไปมองดิแรคเล็กน้อยด้วยใบหน้าปลาตายก่อนตอบกลับไปด้วยแววตาที่ไร้อารมณ์ว่า “ท่านเห็นผมมีอารมณ์อยากทำอะไรรึไง”
ดิแรคที่ได้ยินก็ถึงกับปรี๊ดแตกเขาทนมานานมากจนครบอาทิตย์หนึ่งได้แล้ว และเขาจะไม่ทนอีกต่อไป เขาทำการจัดแจ้งเขียนจดหมายถึงกองอัศวินทันที ก่อนที่ในอีกอาทิตย์ถัดมารถมากองอัศวินก็ได้มาจอดที่หน้าบ้านของดิแรค
“ท่านหัวหน้าเรามารับแล้วครับ” เสียงของอัศวินนายหนึ่งเรียกหาเขา
เขาที่ได้ยินจึงตอบปัดไป “ข้าไม่กลับ” เหล่าลูกน้องที่ได้ยินดังนั้นก็หันมาปรึกษากันก่อนจะถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป วินาทีที่เปิดประตูเข้าไปพวกเขาก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันมืดมนที่หนาแน่นมาก จนหากว่าถ้าพวกเขาไม่รู้ว่าต้นตอมาจากผู้เป็นหัวหน้าของตนพวกเขาก็คงจะคิดไปแล้วว่านี้มันเป็นทางเข้าออกของพวกฟอล์เลน
“หัวหน้าครับกลับกันเถอะครับ” เหล่าลูกน้องพยายามเกลี่ยกล่อมผู้เป็นหัวหน้าอ่างสุดความสามารถ
“พวกนายไม่ต้องมาสนใจฉัน ฉันมันก็แค่ไอ้คนขี้แพ้ที่สารภาพรักครั้งแรกฝ่ายหญิงก็ปฏิเสธแบบไม่คิดเลย” เขาพูดด้วยใบหน้าเศร้าสลด น้ำเสียงของเขาแทบจะไม่มีแรงอยู่เลย
เหล่าอัศวันที่เห็นสภาพอันน่าอนาถของผู้เป็นหัวหน้าก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกได้แต่หันมาซุบซิบกันเบาๆว่า “ดูถ้าจะเป็นเอามาก” จนกระทั้งมีอัศวินคนหนึ่งก้าวออกมาข้างหน้าและกล่าวกับเขาว่า “หัวหน้าครับ… ความจริงแล้วผมก็เคยอกหักมาแล้วเหมือนกันครับ” “ฮะ!” ทันทีที่อัศวินคนนั้นพูดจบเสียงอุทานด้วยความตกใจของเพื่อนๆอัศวินก็ดังขึ้น ราวกับว่าพวกเขาส่งสัยว่าอัศวินคนนั้นจะพูดทำไม
แต่ผิดคาดคำพูดเมื่อครู่เหมือนจะส่งผลบางอย่างต่อผู้เป็นหัวหน้า เขาหันไปมองอัศวินที่พูดเมื่อกี่ก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปจับไหล่ของอีกฝ่าย “ฉันเข้าใจๆ นายคงจะเจ็บปวดมากสินะ” เขามองเข้าไปในแววตาของอีกฝ่ายด้วยแววตาที่มีแค่คนอย่างพวกเขาที่จะเข้าใจ
“หัวหน้าครับ” เสียงของอัศวินคนนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ที่ในที่สุดก็เจอคนที่เข้าใจเขาแล้ว
“หัวหน้าผมเองก็เคยโดนผู้หญิงทิ้งมา3ครั้งแล้วเหมือนกัน”
“ผมก็ด้วยผมเคยสารภาพรักกับคนที่ชอบไป4ครั้ง แต่โดนปฏิเสธจนหมด”
“ผมก็เหมือนกัน” “ผมด้วยๆ” และแล้วก็เหมือนกับไปกดสวิตซ์บางอย่างเข้าจู่ๆเหล่าอัศวินผู้องอาจก็พร้อมใจกันเผยความรับที่ตนปกปิดเอาไว้มานาน
“พวกนาย” เสียงของเขาสั่นขณะที่มองไปยังเหล่าลูกน้องด้วยความรู้สึกราวกับเจอสหายร่วมรบ และแล้วมหกรรมการปรับทุกข์ของเหล่าอัศวินก็ได้เริ่มต้นขึ้น
“…อาณาจักรนี้จะอยู่รอดได้ไหมละเนี้ย” ดิแรคที่มองดูเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นได้แต่บ่นออกมาด้วยความละเหี่ยใจ
สังกัดองค์กร : Shadow hands
หน่วย : ออกปฏิบัติการ
อาณาจักร : Norman เมืองBoulderdom
อุปนิสัย : โดยพื้นฐานแล้วเขาเป็นคนแข็งกร้าวหยาบคายและมุทะลุ แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็เป็นคนที่อ่านสถานการณ์ได้ดีมากๆคนหนึ่ง เขารู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไรไม่ควรทำอะไร ดังนั้นแล้วในยามปกติกับตอนที่เขาทำหน้าที่ของอัศวินจึงต่างกันราวฟ้ากับเหว หากตัดนิสัยหยาบคายออกไปเขาก็เป็นคนหนึ่งที่เข้าหาได้ง่ายและพูดคุยด้วยได้สนุก เพราะเขาสามารถอ่านอามรมณ์ความรู้สึกไปจนถึงคาดเดาความคิดของอีกฝ่ายได้ราวกับอ่านใจบวกกับความฉลาดและไหวพริบของเขาทำให้มีอยู่หลายครั้งที่เขาถูกขอคำปรึกษาในหลายๆด้าน เขาเป็นคนที่กล้าหาญมีความขยันขันแข็งและมุมานะสมกับที่เป็นอัศวิน เวลาจริงจังเขาจะเป็นคนที่สุขุมใจเย็นตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วเฉียบขาด บางที่เขาก็เผลอทำอะไรกาวๆไปเนื่องมาจากสถานการณ์เอื้ออำนวย เขาเป็นคนหนึ่งที่นับได้ว่ามีปณิธานอันแรงกล้าที่จะทำให้ความปรารถนาของตนเป็นจริงโดยไม่สนวิธีการ เขาเป็นคนที่ยึดมั่นในบุญคุณอย่างมาก เขารักเพื่อนๆและครอบครัวอย่างมากเขาเคยสัญญากับตนเองว่าจะไม่เข้าไปแทรกแซงคาราโน่อันเป็นเมืองที่คนสำคัญของเขาอาศัยอยู่ ทุกครั้งที่มีวันหยุดยาวเขาก็มักจะกลับไปเยี่ยมเยียนเหล่าคนรู้จักของเขา เป็นคนที่ใส่ใจคนใกล้ตัวเขาจะเขียนจดหมายถึงพวกดิแรคอยู่บ่อยๆ(โดยเฉพาะแอนเนต) เป็นพวกรักความสะอาดถึงขนาดที่ว่าทุกครั้งที่ออกรบเสร็จเขาจะต้องมานั่งขัดชุดเกราะและดาบของเขาให้เงาวับอยู่ตลอด ในช่วงหลังๆเขาเริ่มเป็นคนที่เด็ดขาดมากขึ้น ความปราณีที่เขาเคยมีให้กับศัตรูถูกทดแทนด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า เป็นคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวพร้อมที่จะหักหลังผู้อื่นทุกเมื่อหากเพื่อผลปะโยชน์แล้วละก็ เห็นโหดๆแบบนี้แต่เจ้าตัวเป็นคนขี้น้อยใจนะแถมง้อยากด้วยยกเว้นบางกรณี
ก่อนจะอ่านต่อช่วยอ่านตรงนี้เล็กน้อยนะครับ ตัวอักษรที่เป็นสีแดงผมจะให้แทนเนื้อเรื่องที่มีปัญหาหรือควรปรับนะครับ ส่วนตัวอักษรสีเขียวคือส่วนที่จะมาแทนที่ส่วนสีแดง และสุดท้ายตัวอักษรสีน้ำเงินคือส่วนเสริมที่เพิ่มเข้ามา ที่ผมต้องทำให้มันดูยุ่งยากแบบนี้เพราะมันจะได้ทำให้ไรต์รู้ว่าส่วนไหนที่ผมแก้ออกหรือเพิ่มเข้ามา หวังว่ามันจะช่วยนะครับ
ประวัติ : เขาเป็นเด็กที่เกิดและเติบโตในเมืองBoulderdom ชีวิตในวัยเด็กของเขาถูกเลี้ยงดูโดยผู้เป็นแม่ที่วิกลจริตและมักจะทุบตีเขาเสมอหากทำอะไรให้เธอไม่พอใจ เธอจะค่อยเฝ้าเผลอถึงชีวิตอันสวยหรูที่เธอจะได้รับให้เขาฟังจนเบื่อ เขาต้องทนใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานมาอย่างยาวนานจนเขาอายุได้7ปี เขาก็ได้ตัดสินใจที่จะหนีออกจากสถานที่แห่งนั้น และได้เรร่อนเดินทางไปทั่วจนผ่านไปร่วม2เดือนเขาก็ได้มาโผล่ยังสถานที่แห่งหนึ่ง แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเขาก็เป็นลมหมดสติไปเสียก่อนอันมีต้นเหตุมาจากร่างกายที่อ่อนล้าจากการเดินทางมาอย่างยาวนาน รู้ตัวอีกที่เขาก็ฟื้นขึ้นมาในห้องเแห่งหนึ่งโดยมีชายแปลกหน้านั่งฝ้าอยู่ข้างๆ ชายคนนั้นที่เห็นว่าเขาฟื้นแล้วจึงได้ถามความเป็นมาของเขาและได้ตัดสินใจรับเขาเข้ามาอยู่ในความดูแลของตน ในเวลาต่อมาเขาก็ได้ทราบชื่อของชายแปลกหน้าว่าชื่อดิแรค ดิแรคได้สอนพื้นฐานเวทมนต์ให้แก่เขาก่อนที่2ปีต่อมาจะส่งเขาไปยังสถาบันเวทมนต์ ดิแรคได้พาเขาไปพบกับนักเวทย์หญิงที่ชื่อเซฟีร่าก่อนจะฝากเขาไว้กับเธอ เขาจึงกลายเป็นนักเรียนของสถาบันเวทมนต์ไปโดยปริยาย ในช่วงเวลานี้เขาได้รู้จักกับนักเรียนคนหนึ่ง คือแอนเนตเธอนับว่าเป็นศิษย์พี่ของเขาแม้ว่าเขาจะอายุมากกว่าก็ตาม พวกเขาทั้งสองนับได้ว่าสนิทกันมากทีเดียว เรียกได้ว่าในช่วงที่อยู่ในสถาบันพวกเขาแทบจะตัวติดกันเลยก็ว่าได้ จนวันหนึ่งเขาได้ยินเรื่องเกี่ยวกับกษัตริย์แห่งNormanและเหล่านักรบของพระองค์ มันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องราวเหล่านี้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ในที่สุดเขาก็ได้ตัดสินใจที่จะเป็นอัศวินในช่วงที่อยู่ในสถาบันเขาได้ฝึกฝนทั้งพลังเวทย์และทักษะดาบไปในตัว 3ปีต่อมาเขาถูกยอมรับให้เป็นนักเวทย์ฝึกหัดซึ้งเรื่องนี้ทำเอาเพื่อนของเขาช็อคไปเลยเพราะเธอเข้าเรียนก่อนถึง2ปีแต่ยังไม่ได้เป็นจอมเวทย์ฝึกหัดเลย อีก1ปีต่อมาเขาคิดว่าพร้อมแล้วสำหรับการเป็นอัศวินจึงได้เดินทางออกจากคาราโน่มุ่งสู่เมืองหลวงของนอร์แมน ด้วยฝีมือและพลังเวทย์ของเขาจึงได้ถูกบรรจุเป็นอัศวินฝึกหัด และแล้วเส้นทางการเป็นอัศวินของเขาก็ได้เริ่มต้นขึ้น เขาประพฤติปฏิบัติตนตามแบบอย่างที่ดีของอัศวินที่เขาเคยอ่านในหนังสือและยิ่งเมื่อเขาได้พบกับเทนตัวจริงมันก็ทำให้เขามอบความจงรักภักดีแก่ราชาของเหล่ามนุษย์อย่างสุดหัวใจ เขาใช้เวลาเพียง2ปีในการไต่เต้าขึ้นมาเป็นอัศวินเต็มตัวและเริ่มมีผลงานมากมาย แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้พบกับชายแปลกหน้าคนหนึ่ง ชายแปลกหน้าได้บอกบางสิ่งกับเขาซึ้งมันจะทำให้เขาเปลี่ยนไปตลอดกาล ชายแปลกหน้าได้บอกความจริงที่ว่าเขาคือลูกของเทน เพียงแต่เขาไม่ได้เกิดจากความตั้งใจของเทน แต่เป็นตัวชายแปลกหน้าเองที่สร้างเขาขึ้นมาจากเวทย์มนต์โดยใช้หญิงสาวคนหนึ่งเป็นภาชนะ เมื่อได้ทราบความจริงตัวเขาก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ตนมีเชื้อสายเดียวกันกับคนที่ตนเคารพ แต่แล้วชายแปลกหน้าก็ได้บอกกับเขาว่าเขามีอายุอยู่ได้อีกแค่25ปีเพราะเขาเกิดมาอย่างผิดธรรมชาติ เรื่องนี้ได้สร้างแรงกระทบบางอย่างในจิตใจของเขา เขาใฝ่ฝันที่จะได้เห็นเทนยิ่งใหญ่เหนือใครในโลกใบนี้ แต่หากว่าเขาไม่สามารถอยู่ได้ถึงตอนนั้นหละ ความคิดของเขาเริ่มจมดิ่งสู่ความสิ้นหวัง เมื่อชายแปลกหน้าเห็นโอกาศก็เริ่มพูดจาหว่านล้อมตัวเขา จนเขาเริ่มเข้าสู่ด้านมืดความคิดชั่วร้ายต่างๆที่เขาไม่เคยคิดจะทำเริ่มปรากฏเป็นรูปร่างอย่างชัดเจน 1ปีต่อมาในการรบขับไล่เหล่าฟอล์เลนที่นำโดยเทนและอาร์ดูอิน ในขณะที่ต้อนฝ่ายศัตรูให้ถอยกลับไปที่แนวป้องกันอินเฟริได้สำเร็จ ตัวเขาที่ได้เป็นรองหัวหน้ากองทัพของอาร์ดูอินก็ได้พูดเป้าหูอาร์ดูอินให้ไล่ตามเหล่าฟอล์เลนไป อาร์ดูอินที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจก็หลงในกลอุบายของเขาอย่างง่ายดาย เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงไอซ์เทอเรน กองทัพของอาร์ดูอินก็แตกพ่ายด้วยน้ำมือของวีร่า อาร์ดูอินที่เห็นท่าไม่ได้จึงได้เปิดทางหนีให้กับลูกน้อง แต่ตอนนั้นเองก็ได้มีดาบขนาดใหญ่แทงทะลุอกของเขา อาร์ดูอินไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเขามองกลับมาที่ลูกน้องคนสนิทของตนด้วยแววตาไม่เข้าใจก่อนจะสินใจในที่สุด วีร่าที่เดินเข้ามาได้ทำลายพรของเวด้าบนเกราะของอาร์ดูอินก่อนจะทำการกักขังดวงวิญญาณของเขาภายใต้ชุดเกราะ ใช่แล้วทั้งหมดนี้เป็นแผนของเขาที่ร่วมมือกับวีร่าเพราะเขามองว่าผู้นำควรมีแค่คนเดียว และเขาก็ไม่กลัวว่าเธอจะหักหลังเขาเพราะข้อตกลงต่างๆที่ทำร่วมกันยังมีประโยชน์อยู่เขาจึงสามารถรอดกลับมาได้อย่างปลอดภัย เขาไม่ได้ไว้ใจในตัวของลอเรี่ยนหรือก็คือชายแปลกหน้าที่บอกความจริงเกี่ยวกับตัวของเขาเลยเขาแค้นอีกฝ่ายด้วยซ้ำที่คิดจะทำลายอาณาจักรราชาของเขา เขาจึงได้วางแผนที่จะตลบหลังลอเรี่ยนโดยยืมมือของพวกฟอล์เลน แน่นอนเขาก็ว่างแผนที่จะตลบหลังพวกมันอีกเหมือนกัน เมื่อกลับไปยังเมืองหลวงเขาที่เป็นรองผู้บังคับการจึงถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าอัศวินแทนอาร์ดูอินที่เสียชีวิตในสงคราม โดยที่ไม่มีใครรู้ถึงความจริงเบื้องหลังเลยแม้แต่คนเดียว หลังจากได้รับตำแหน่งเขาก็ทุ่มเท่และอุทิศตนให้กับหน้าที่ของอัศวินอย่างเต็มที่ 4ปีต่อมาฐานอำนาจของเขาแพร่ขยายไปเกือบครึ่งอณาจักร เขาได้สร้างผลงานเอาไว้มากมายโดยเฉพาะเรื่องการรบที่ทำให้เขามีชื่อเสียงอย่างมาก เขามีเส้นสายอยู่หลายแห่งที่คอยทำงานให้เขา และในปีนี้เองที่องค์กรณ์หนึ่งในที่เขาจับตาดูมาอย่างยาวนานเริ่มเคลื่อนไหว และด้วยเหตุนี้ในที่สุดเขาก็ได้ตัดสินใจที่จะนำมันมาเป็นหมากตัวหนึ่งบนกระดานของเขา 4ปีต่อมาเขารู้สึกได้ว่าอณาจักรนอร์แมนย่ำอยู่กับที่มาอย่างยาวนาน แม้พวกเขาจะไม่เสียดินแดนให้กับอีก3เผ่าเลยก็ตาม แต่ในทางกลับกันพวกเขาก็ไม่ได้อะไรจากอีกฝ่ายเช่นกัน ตัวเขาเริ่มกลับมาวิตกกังวลอีกครั้ง หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปความปรารถนาของเขาจะไม่มีวันเป็นจริง จนกระทั้งเขาได้พบกับองค์กรณ์แห่งหนึ่งที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกับเขา ประกายไฟแห่งความหวังในตัวเขาจึงถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง
สาย : ไฟต์เตอร์/เมจ
สกิล : สกิลที่1 พุ่งผลักศัตรูออกด้านข้างสร้างความเสียหายเวทย์เล็กน้อย หากมีศัตรูอยู่ที่ปลายสุดสกิลจะตวัลดาบฟันรอบตัวสร้างความเสียหายกายภาพแก่ศัตรูรอบข้าง
สกิลที่2 ระเบิดพลังเวทย์ออกมาเป็นวงกว้างสร้างความเสียหายเวทย์แก่ศัตรู ทำให้ศัตรูเคลื่อนที่ช้าลง และดูดเลือดศัตรูเล็กน้อย
สกิลที่3 Clarent ดาบศักดิ์สิทธิ์คลาเรนท์ ตวัดดาบจากล่างขึ้นบนปล่อยคลื่นดาบสีแดงใส่ศัตรูด้านหน้าสร้างความเสียหายจริงแก่ศัตรูจำนวนมาก สร้างความเสียหายเวทย์เพิ่มอีก10%ของHPที่เราเสียไป เป็นอมตะอีก2.5วิ
สกิลติดตัว Berserker นักรบคลั่ง ถ้าHPต่ำกว่า30% ลดคูลดาวน์สกิลทั้งหมดของเขา70% และบัพดาเมจโบนัสสกิล15%
อาวุธ : ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่มีขนาดเกือบเท่าส่วนสูงของเขาใบดาบเป็นสีเงินแวววาวมีอักษรรูนเวทย์สลักไว้บนใบดาบ ด้ามจับสีดำยาวเกือบ1ใน4ของตัวดาบ มีอัญมณีสีแดงทรงข้าวหลามตัดฝังไว้ที่ตัวดาบ ตัวดาบมีออร่าสีเหลืองวิ่งผ่านอยู่ตลอดเวลา ดาบเล่มนี้มีชื่อว่าClarent
จุดเด่น : ยิ่งHPเหลือน้อยยิ่งเก่ง พลังโจมตีที่รุนแรง และการออกสกิลที่รวดเร็ว
สิ่งที่ชอบ : แอนเนต เทน อัศวิน เหล่าผู้ก็ตั้งสภาเวทย์ทั้งสาม ดาบ เวทมนต์ สายลมอ่อนๆ ช่วยแอนเนตหาของเวลาทำหายหรือเวลาเจ้าตัวทำตัวซุ่มซ่าม เหล้าแรงๆ ปาตี้ ซ้อมดาบ
สิ่งที่ไม่ชอบ : เวลาที่แผนการของตนผิดพลาด หมากที่หมดประโยชน์ พวกที่คอยขัดแข้งขัดขา พวกฟอล์เลน มนต์ดำ งานเอกสาร(อันนี้ได้แต่บ่นแต่ก็ทำ) พวกรู้ทัน นก(ไม่รู้ทำไมเวลาเขามองพวกมันแล้วรู้สึกเจ็บปวด)
สิ่งที่กลัว : ตายก่อนที่จะได้เห็นความยิงใหญ่ของเทน การสูญเสียคนที่รัก
สิ่งที่เกลียด : ลอเรี่ยน การทดลองกับมนุษย์
งานอดิเรก : ทำลายคนที่เป็นปรปักษ์ ตกปลา เขียนจดหมาย
สเปคที่ชอบ/ความสนใจในเพศ : หญิงสาวน่ารักเรียบร้อยมีความสดใส มุ่งมั่นทำตามฝัน ซุ่มซ่าม (เอาง่ายๆก็แอนเนตนั้นแหละคนที่ไทแรนท์ชอบ) / เพศหญิง
จุดประสงค์ที่เข้าองค์กร : ใช้เป็นหมากเพื่อทำตามแผน ต้องการให้เป้าหมายขององค์กรณ์สำเร็จ เพราะมันหมายถึงความปราถนาของเขาจะเป็นจริงด้วยเช่นกัน
ข้อมูลเพิ่มเติม : เจ้าตัวเคยสารภาพรักกับแอนเนตครั้งหนึ่งตอนที่เขาได้ข่าวว่าเธอได้เป็นนักเวทย์เต็มตัวแล้ว เขาถึงกับถึงงานแล้วรีบเดินทางกลับคาราโน่อย่างไว พอรู้ที่อยู่ของแอนเนตเขาก็รีบเดินทางไปหาเธอที่ซีโซลทันที เมื่อเจอกันเขาก็ได้แสดงความดีใจกับเธอและในระหว่างนั้นเองเขาก็เผลอสารภาพรักออกไปแต่ถูกปฏิเสธกลับมา เรื่องนี้ทำเอาเขานั่งซึมไปเป็นอาทิตย์จนดิแรคถึงกับรำคาญลำบากเขาต้องส่งจดหมายไปที่กองอัศวินเพื่อให้พวกเขามารับหัวหน้าของตนที่อยู่ในสภาพช้ำรักกลับไปทำงาน
จากที่กล่าวไปข้างต้นแอนเนตคือรักแรกของเขา แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าตกหลุมรักอีกฝ่ายตอนไหน น่าเศร้าที่เธอเห็นเขาเป็นเพียงแค่เพื่อนสนิทของเธอเท่านั้น(บอกแล้วว่าอย่าเข้าเฟรนโซน) ทุกวันนี้เขาก็ยังรักเธออยู่เสมอไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่ซ้อนมันไว้เพื่อรักษาความสัมพันธ์ในปัจจุบันของเขาและเธอ
มีครั้งหนึ่งที่เขาเคยไปที่วิหารแห่งแสงและบังเอิญไปเจอกับอิลูเมียเข้า เมื่อทั้งคู่พบกันก็เกิดเป็นความเงียบแปลกๆขึ้นก่อนที่ทั้งคู่จะแสยะยิ้มออกมาและหัวเราะเสียงดังด้วยความถูกใจ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินสวนกันด้วยใบหน้าเรียบเฉยราวกับเมื่อสักครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นซึ้งมันสร้างความฉงนให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก (อารมณ์ประมาณว่าผีเห็นผี)
ความรู้สึกที่เขามีให้ต่อเทนมันเป็นความรู้สึกเคารพนับถืออีกฝ่ายและอยากให้อีกฝ่ายยอมรับ และเมื่อยิ่งรู้ว่าตนเป็นสายเลือดของเทนมันยิ่งทำให้เขารู้สึกภูมิใจและนับถือในตัวของเทนมากขึ้นไปอีก
เขานับถือดิแรคในฐานะพ่อและผู้มีพระคุณ
เขาเริ่มสนิทกับดาซี่จริงๆคือช่วงที่เขาไปประจำการที่กำแพงใหญ่แห่งนอร์แมน
ส่วนเซฟีร่า เขานับถือในความสามารถของอีกฝ่ายและเรื่องที่เธอสอนเวทมนต์ให้กับเขา
เขาเคยยกทัพไปช่วยโอมาร์และถูกใจลูกบ้าของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันโอมาร์ก็ถูกใจสกิลปากของเขา ทั้งคู่จึงกลายเป็นเพื่อนก๊งเหล้ากันในที่สุด ทุกครั้งที่เขาไปยังเมืองมอนเทสเขามักจะเอาหล้าชั้นดีไปฝากโอมาร์อยู่เสมอ
ในด้านของสมาคมทหารรับจ้างเขาไม่ค่อยสนใจคนกลุ่มนี้สักเท่าไหร่จึงไม่ได้ยื่นมือเข้าไปยุ่ง แต่หากทหารรับจ้างคนไหนมีประวัติการณ์ทำภารกิจระดับSสำเร็จเขาก็จะจับตาดูอีกฝ่ายเป็นพิเศษ เผื่อว่าสักวันอาจจะนำพวกเขามาใช้ในแผนการของเขา เผื่อว่าสักวันจะมีโอกาศชักชวนพวกเขาเข้ากองอัศวิน
แม่ของเขาเสียชีวิตไปหลังจากที่เขาหนีออกจากบ้านได้เพียงปีเดียว แต่เขาพึ่งมารู้หลังจากตอนที่เขามีอายุ15ปี เขาตัดสินใจกลับไปที่บ้านเกิดอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะเกลียดเธอแต่หลังจากได้อ่านไดอารี่เล่มหนึ่งที่เขาบังเอิญไปพบเข้าเขาก็ได้ตัดสินใจทำรุมศพให้เธอในสวนที่เคยเป็นบ้านของเขา ส่วนสาเหตุการตายนั้นเป็นผลมาจากการที่เธอถูกทดลองใช้เป็นภาชนะโดยลอเรียนหลังจากที่เธอคลอดเขามาได้ในช่วงสองปีแรกเธอยังคงเป็นคนปกติ แต่เมื่อเข้าปีที่สามเธอเริ่มมีอาการวิกลจริตเธอที่เริ่มรู้ตัวจึงได้เขียนไดอารี่เล่มหนึ่งขึ้นมาบอกเล่าเกี่ยวกับความรักที่เธอมีให้แก่เขาก่อนที่จะสายเกินไป สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่อาจต่อต้านผลข้างเคียงของการทดลองได้และตายลงในที่สุด
ในปัจจุบันไทแรนท์นับได้ว่าเป็นขุนนางคนหนึ่งของอณาจักรนอร์แมน และด้วยเหตุนี้เองคนที่อยู่ในแวดวงชั้นสูงเขาจึงรู้จักหมดทุกคน ในฐานะหัวหน้าอัศวินเขาจึงได้รู้จักกับผู้คนที่อยู่ในสังคมชั้นสูงหลายคน แต่ก็ไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษ ยกเว้นก็แต่อลิสที่เป็นน้องสาวของเทน เขาค่อนข้างให้ความเคารพเธออยู่หลายส่วนเนื่องจากเธอเป็นองค์รัชทายาทที่มีสิทธิ์สืบทอดบัญลังก์และเขายังเห็นเธอเป็นน้องสาวคนหนึ่งอีกด้วย(ถึงนับตามศักดิ์จริงๆเขาจะเป็นหลานของอลิสก็ตาม) จริงๆแล้วเขาเองก็อยากจะเป็นกษัตริย์องค์ต่อไปแต่เขารู้ดีว่าเวลาของเขามันเหลือน้อยเต็มทีรวมถึงเหตุผลที่เขาไม่ได้เกิดจากเทนจริงๆเขาจึงได้แต่ถอดใจและตัดสินใจฝังความลับนี้ให้ลงหลุมไปพร้อมกับเขา
ด้วยอำนาจที่เขามีอยู่ในปัจจุบัน ทำให้เขาเคยถูกทางวิหารแห่งแสงเพ่งเล็ง พวกเขาได้ส่งคนมาเพื่อโน้มน้าวให้เขาก่อการกบฏเพื่อหวังให้อำนาจของเหล่ามนุษย์ลดน้อยลง แต่เขาหาได้สนใจข้อเสนอของพวกมันและได้ตอบปฏิเสธไปทุกครั้ง ด้วยอำนาจที่เขามีในปัจจุบันมันไม่เพียงพอที่จะเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวก ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้าอัศวินที่กุมอำนาจทางทหารส่วนมากไว้ในมือ แต่เขาก็รู้ดีว่าในอณาจักรนอร์แมนยังมีขั้วอำนาจอีกมากมายที่คอยคานอำนาจเขาไว้อยู่ แทนที่จะนั่งรออยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรเลยเขาจึงได้หันไปหวังพึ่งองค์กรณ์ชาว์โดว์แฮน
ตัวเขาถูกถกเถียงเป็นเวลานานว่าจะรับตัวเขาเข้ามาในองค์กรณ์ดีหรือไม่ เนื่องมาจากตัวตนของเขาที่เป็นถึงหัวหน้าอัศวิน มันทำให้พวกเขากังวลว่าตัวเขาจะเป็นภัยต่อองค์กรณ์ในอนาคต แต่เมื่อพวกเขาพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียจากการรับเขาไว้ สุดท้ายแล้วพวกเขาจึงได้ตัดสินใจรับเขาเข้าองค์กรณ์
โฮมุนคลุสคือสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากเวทมนต์ โดยปกติแล้วโฮมุนคลุสเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอายุขัยที่สั้น แต่เนื่องจากถือกำเนิดมาจากเวทย์มนต์ทำให้เหล่าโฮมุนคลุสมีความเข้ากันได้กับเวทมนต์ในระดับที่สูงมากจนน่าตกใจ แต่ถว่าการจะสร้างโฮมุนคลุสสักตนนั้นเป็นไปได้ยากมาก เพราะเปอร์เซ็นความสำเร็จมีต่ำมาก อีกทั้งการเตรียมการที่ยุ่งยากวัสดุเองก็หายากแต่สิ่งที่ได้กับไม่คุ้มค่าเอาเสียเลยและมันค่อนข้างผิดจรรยาบรรณอย่างมากเหล่าจอมเวทย์จึงไม่นิยมศึกษากันจนมันแทบจะสูญหายไปแล้ว
หากไม่ใช่คนที่เขาไว้ใจจริงๆ เขาจะไม่เปิดหน้าให้อีกฝ่ายเห็นเพราะกลัวว่าความลับของเขาจะรู้ไปถึงเทน ดังนั้นเขาจึงใส่ชุดเกราะแทบจะตลอดเวลา หรือหากอยู่ในสถานการณ์ที่จำต้องทอดหมวกออก เช่น เวลารับประทานอาหารเขาก็จะใช้เวทย์ที่ทำให้สิ่งของสามารถทะลุหมวกเกราะได้ทำให้เขาสามารถกินข้าวได้ทั้งๆที่สวมหมวกเกราะอยู่ หรือเวลาที่ต้องอาบน้ำร่วมกับคนอื่น เราก็จะได้เห็นภาพแปลกประหลาดที่หัวหน้ากองอัศวินในสภาพล่อนจ้อนมีผ้าผืนด้วยปิดท่อนล่างเอาไว้พร้อมหมวกเกราะประจำตัวของเขากำลังอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์โดยหาได้สนสายตาของคนรอบข้างไม่ ด้วยเหตุนี้จึงเกิดข่าวหรือมากมายเกี่ยวกับตัวเขาที่ว่า หัวหน้ากองอัศวินมีใบหน้าที่อัปลักษณ์บางละ เป็นคำสาบบางละ หรือแฟนซีหน่อยก็ที่หากได้เห็นใบหน้าเขาแล้วจะตายก็มี
เดิมทีที่ลอเรี่ยนสร้างไทแรนท์ขึ้นมาเพราะต้องการจะใช้เขาเป็นหุ้นเชิดในการรวบรวมอำนวจในฝั่งนอร์แมนเพื่อเพิ่มพลังความมืดในแผนการของเขา แต่เกิดข้อผิดพลาดขึ้นทำให้ไทแรนท์ไม่อยู่ใต้อำนาจของเขา
ข้อมูลต่อไปนี้ให้ตอบมุมมองของตัวละครนะคะ [ตอบแค่คนในองค์กร Shadow hands เท่านั้น]
ในที่นี้หมายถึง คิวเลน/เวเรส/อัลเลน/ธอร์น/ซินเนสเทรีย/เด๊กตร้านะคะ
- รู้สึกอยากคุยหรืออยากสนิทกับใครในองค์กรเป็นพิเศษมั้ย? : คิวเลน เพราะหากอยากจะได้ประโยชน์จากองค์กรณ์จริงๆก็ต้องเข้าทางตัวหัวหน้า เพราะชื่นชมในแนวคิดของอีกฝ่าย
เวเรส เพราะเขาคิดว่าเธอคล้ายกับเขา ที่มอบความจงรักภักดีให้ผู้เป็นนายอย่างสุดใจ
- รู้สึกไม่อยากเข้าใกล้หรือเสวนากับใครในองค์กรเป็นพิเศษมั้ย? : เวเรส เพราะชอบวนเวียนอยู่ใกล้คิวเลน จนหาโอกาสคุยกับคิวเลนตามลำพังไม่ได้ ซินเนสเทรีย เพราะไม่ค่อยชอบท่าทางเหยาะแหยะของอีกฝ่าย
ธอร์น เพราะฉลาดเกินไป
- ความรู้สึกต่อองค์กร : หมากที่ใช้บนกระดานที่ถ้าหากมันหันคมเขี้ยวเข้าใสก็คงต้องวางแผนกำจัดทิ้ง
ตอบคำถาม/เหมือนเป็นการสัมภาษณ์ก่อนเข้าองค์กรน่ะค่ะ
สถาการณ์ :คุณถูกส่งมาที่ไหนสักที่ หลังจากที่รู้ว่าวันนี้จะมีการสัมภาษณ์ให้เจอกับคนในองค์กรจริงๆ
ตัวของไทแรนท์ยํ่าเท้าเข้าไปในสถานที่ที่กว้างใหญ่ที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องไต่สวน?อะไรบางอย่าง เขาสำรวจรอบข้างเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไป ระหว่างทางก็พบเจอกับเครื่องทรมาณหลากหลายชนิด…. ทว่าจู่ๆ โฮโลแกรม?ก็เด้งขึ้นมากลางห้อง ฉายหน้าของหญิงสาวผมสีแดงยาวสลวยตัดกรอบเอาไว้ด้วยแว่นเหลี่ยมขอบดำแต่มันก็ไม่อาจปิดบังความงดงามของเธอเอาไว้ได้เลย เธอแสยะยิ้มเล็กน้อยก่อนจะแนะนำตัวเองว่า
“สวัสดีฉันคือคนในองค์กร เวเรส ก่อนอื่นก็ต้องขอโทษด้วยที่ไม่สามารถไปเจอหน้ากันตรงๆได้เพราะภารกิจ….. เอาล่ะอย่างแรกเลยแกจะปฏิญาณตัวเองว่าจะจงรักภักดีกับท่านคิวเลนใช่ไหม?”
“ไม่ละ ฉันได้มอบความจงรักภักดีของฉันให้กับชายที่ฉันเลือกแล้ว” เขาตอบกลับด้วยท่าทางสบายๆ
"เห้อ ทางเราก็พอจะคาดการณ์เอาไว้แล้วละนะว่าต้องลงเอยอย่างนี้ แต่ทางเราก็ได้ตัดสินใจว่าจะรับแกไว้แล้ว ฉะนั้นแล้วฉันอยากจะรู้ว่าแกมีความสามารถที่จะเอาตัวรอดไปจากเด็กๆพวกนี้ไปได้รึเปล่า?”
จบประโยคสัตว์ประหลาดหน้าตาแปลกประหลาดทั้งน่าเกลียดและน่าขยะแขยงที่คาดว่าน่าจะเป็นสัตว์ที่โดนทดลองจนกลายพันธุ์กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายและไร้สติปัญญาต่างพุ่งโจมตีมาทางไทแรนท์จากทุกทิศทาง
“หึ จงทำลายให้สิ้นซาก… ดาบศักดิ์คลาเรนท์!” เขาส่งเสียงเย้ยหยันออกมา ก่อนจะชักดาบข้างหลังของเขามาถือไว้และใช่ท่าที่แรงที่สุดของเขาเพื่อจบการต่อสู้นี้ให้เร็วที่สุด คลื่นดาบสีแดงขนาดใหญ่ได้กวาดเอาพวกสัตว์ประหลาดและพื้นที่โดยรอบจนราบเป็นหน้ากองไม่เหลือแม้แต่เค้าโครงเดิม
“อย่างแกน่ะใช้ได้เลยนะอย่าทำให้ท่านคิวเลนต้องผิดหวังละกัน”
“หึ นั้นเป็นคำพูดของทางนี้มากกว่า” “มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอน” พูดจบเขาก็หันหลังเดินจากไปทันที
ความคิดเห็น