ดาวหางแหล่งกำเนิดของดาวหาง เชื่อกันว่าเป็นวัตถุที่เหลือจากการสร้างระบบสุริยะ เป็นคล้ายบริวารรอบนอกของระบบ ตามปกติจะมีดาวหางจำนวนหนึ่งโคจรเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์ แล้วกลับคืนออกไปขอบนอกของระบบสุริยะ แต่มีบางดวงที่โคจรอยู่ภายในระบบสุริยะ
ส่วนประกอบของดาวหาง เมื่อดาวหางโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากๆ จะมีลมสุริยะ ทำให้ก๊าซแตกตัวเป็นไออนถูกผลักดันไปในทางตรงกันข้ามกับดวงอาทิตย์ หางของมันจะมีความยาวมากเมื่อเข้าใกล้ดวงอาทิตย์และจะชี้ออกจากดวงอาทิตย์เสมอ
อุกาบาต
เป็นวัตถุชิ้นเล็กๆ พุ่งผ่านบรรยากาศของโลกด้วยความเร็วสูงเสียดสีกับบรรยากาศทำให้สว่างจ้าขึ้นมักปรากฏหลังเที่ยงคืน
ดวงอาทิตย์
เป็นดาวฤกษ์ขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้โลกที่สุด แสงจากดวงอาทิตย์ใช้เวลาถึงโลก 8 นาที มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1,392,000 กิโลเมตร ส่วนใหญ่ประกอบด้วยแก๊สไฮโดรเจน รองลงมาคือ ฮีเลียม ที่แกนมีความกดดันสูงมาก โดยความดัน ความหนาแน่นและอุณหภูมิ ของมวลจะเพิ่มขึ้นตามความลึกจากพื้นผิว
ชั้นต่างๆของดวงอาทิตย์
แบ่งเป็น 3 ชั้น โฟโตสเฟียร์ โครโมสเฟียร์ และโคโรนา
โฟโตสเฟียร ์เป็นพื้นผิวของดวงอาทิตย์มีความหนา 4 ร้อยกิโลเมตร ก๊าซมีความเบาบางมาก ขอบของดวงอาทิตย์สว่างน้อยกว่ากลางดวง จุดบนดวงอาทิตย์มีอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ใจกลางสุด มี 2 ส่วนคือ เขตมืดและเขตมัว เขตมัวจะมีอุณหภูมิสูงกว่าและล้อมรอบเขตมืด จำนวนจุดที่เกิดขึ้นในแต่ละปีจะไม่คงที่ การศึกษาการเคลื่อนที่ของจุดเป็นหลักฐานว่าดวงอาทิตย์หมุนรอบตัวเอง แต่คาบของการหมุนไม่เท่ากัน มีสนามแม่เหล็ก โดยความเข้มของสนามแม่เหล็กจะขึ้นอยู่กับขนาดของจุด
โครโมสเฟียร์ มีลักษณะเป็นก๊าซโปร่งแสงอยู่เหนือโฟรโตสเฟียร์
โคโรนา เป็นบรรยากาศนอกสุดของดวงอาทิตย์เป็นชั้นบางๆ ล้อมรอบดวงอาทิตย์ มีอุณหภูมิประมาณ 2 ล้านองศาเคลวิน
นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ดวงอาทิตย์จะดำรงอยู่ได้เพียงห้าล้านๆปีเท่านั้น
การจำแนกดาวเคราะห์
ใช้ตำแหน่งของโลกเป็นหลัก ดาวเคราะห์ดวงใดมีวงโคจรอยู่ในวงโคจรของโลกจะเป็นดาวเคราะห์วงใน และ ดาวเคราะห์ที่อยู่นอกวงโคจรของโลกจะเรียกว่าดาวเคราะห์วงนอก
ดาวเคราะห์วงใน มีพื้นผิวเต็มไปด้วยหินประกอบด้วยแร่ต่างๆ มีบรรยากาศทุกดวงยกเว้นดาวพุธ
ดาวเคราะห์ชั้นนอกมีขนาดใหญ่และประกอบด้วยแก๊สต่างๆ ยกเว้นดาวพลูโตประกอบด้วยน้ำแข็งและหิน
นักวิทยาศาสตร์ใช้หน่วยดาราศาสตร์ในการวัดระยะทาง หนึ่งหน่วยดาราศาสตร์ = 149.6 ล้านกิโลเมตร
การหมุนรอบตัวเองของดาวเคราะห์
มีวิธีการศึกษา 2 วิธีคือ
1. การศึกษาโดยวัดเส้นสเปกตรัม การเคลื่อนที่ของเส้นสเปกตรัมขึ้นอยู่กับความเร้วของแหล่งกำเนิดแสง ถ้าการเคลื่อนมีมากแสดงว่าดาวเคราะห์นั้นมีอัตราเร็วในการหมุนรอบตัวเองมากด้วย การศึกษาวิธีนี้ใช้ได้ดีสำหรับ ดาวเคราะห์ดวงใหญ่ ถ้าเป็นดวงเล็กการเคลื่อนของสเปกตรัมจะไม่ชัดเจน
2. การศึกษาโดยการสะท้อนคลื่นไมโครเวฟ คลื่นที่สะท้อนจากขอบที่กำลังหนุมเข้าหาโลกจะมีความถี่มาก ส่วนคลื่นที่สะท้อนจากขอบที่กำลังหมุนออกจากโลกจะมีความถี่น้อย ข้อมูลนี้สามารถหาอัตราเร็วของการหมุนรอบตัวเองของดาวเคราะห์ได้
จากการศึกษาพบว่า ดาวเคราะห์ทุกดวงของระบบสุริยะจะหมุนรอบตัวเองในทิศทวนเข็มนาฬิกายกเว้นดาวศุกร์
ดาราศาสตร์
ดาราศาสตร์เป็นวิทยาศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในบรรดาวิทยาศาสตร์ทั้งหลายมันเป็นการศึกษาดาวเคราะห์ ในเชิงวิทยาศาสตร์
นักดาราศาสตร์ชาวกรีกได้พัฒนาทฤษฎีที่ว่าโลกคือศูนย์กลางของจักรวาลต่อมานักดาราศาสตร์ชื่อโคเปอร์นิคัส ได้กล่าวว่าดวงอาทิตย์คือศูนย์กลางของระบบสุริยะ
ปัจจุบันข้อมูลมากมายได้มาจากกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่ซึ่งมีกระจกโค้งหรือเลนส์ที่ใหญ่ซึ่งรวบรวมแสง จำนวนเล็กน้อยที่กรองจากท้องฟ้าในเวลากลางคืน
สมัยแรกเริ่ม ดาราศาสตร์สมัยเริ่มแรก ดาราศาสตร์สมัยนี้เป็นดาราศาสตร์ที่เกิดจาก การศึกษาโดยไม่มีอุปกรณ์ใดๆ แต่เป็นการศึกษาโดยใช้การคำนวณและการสังเกตเป็นส่วนใหญ่ ข้อมูลที่ได้มักไม่ค่อยมีความแม่นยำ อาจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง
ดาราศาสตร์สมัยกลาง
นิโคเลาส์ โคเพอร์นิคัส สร้างอุปกรณ์สังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์มีความเชื่อว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของเอกภพ ไทโค บราฮี ค้นพบดาวดวงหนึ่งปะทุขึ้นในกลุ่มดาวค้างคาว ตรวจสอบตำแหน่งของดวงดาวต่างๆ แต่มีความเชื่อว่าโลกเป็นศูนย์กลางของเอกภพ
กาลิเลโอ กาลิเลอี พบดาวระเบิดใหญ่ในกลุ่มดาวงูใหญ่ พบลักษณะดวงจันทร์ที่เป็นบ่อเป็นหลุมเขียนแผนที่ดวงจันทร์ พบบริวาร 4 ดวงของดาวพฤหัสบดี เชื่อว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของเอกภพ พบว่าดวงอาาาทิตย์มีการหมุนรอบตัวเอง
ดาราศาสตร์สมัยปัจจุบัน
โจฮันส์ เคปเลอร์ ทำปฏิทินอันแรกขึ้น เป็นศาสดาพยากรณ์ ได้ตั้งกฎการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ขึ้น
เซอร์ไอแซก นิวตัน ประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์ขึ้นเป็นครั้งแรก ตั้งกฎของการเคลื่อนที่ของวัตถุและ กฎแห่งความโน้มถ่วง
โจฮัน เอแลต โบด กฎเกี่ยวกับระยะห่างของดาวเคราะห์ทั้ง 5 ดวง
จะเห็นได้ว่าความรู้ทางดาราศาสตร์พัฒนามาเรื่อยๆ จนมาถึงในยุคปัจจุบันที่เราสามารถใช้ เครื่องมือที่ตรวจจับแสงสว่างที่มองไม่เห็น ตรวจจับคลื่นวิทยุที่ส่งออกมาจากดวงดาวต่างๆ และในที่สุดมนุษย์ก็สามารถส่งยานอวกาศออกไปสู่อวกาศได้ ทำให้สามารถค้นพบข้อมูลต่างๆ จะเห็นได้ว่าความรู้ทางด้านดาราศาสตร์ยังคงพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
เอกภพ คือระบบรวมของดาราจักร ในแต่ละดาราจักรประกอบด้วย ระบบของดวงดาวต่างๆ ซึ่งรวมถึงระบบสุริยะด้วย ดังนั้นดวงอาทิตย์จึงเป็นดาวดวงหนึ่งในดาราจักร ดาราจักรหรือกาแล็คซี่ของเรามีชื่อว่ากาแลคซีทางช้างเผือก
กาแลคซีที่มีการค้นพบอีกคือกาแล็คซีแอนโดรเมดา ปัจจุบันกาแล็คซีที่อยู่ไกลที่สุดมีระยะทางไกลถึง15ล้านๆปีแสง นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าจักรวาลมีการขยายตัวและพยายามคาดคะเน ต่อไปว่าจักรวาลจะหยุดการขยายตัวหรือไม่ซึ่งยังไม่สามารถหา คำตอบได้
ความหมายและส่วนประกอบของดาราจักร
ดาราจักรคือวัตถุท้องฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในเอกภพ
ประกอบด้วย ระบบรวมของดาวฤกษ์ กระจุกดาว เนบิวลา ฝุ่นธุลีคอสมิก และก๊าซ ที่ว่าง
|
|
ดาราจักรแบ่งออกเป็น
1.ส่วนใจกลาง มีดาวฤกษ์เป็นส่วนมาก
2.จาน ส่วนที่เป็นแผ่นราบอยู่รอบๆใจกลาง
3.แขนของดาราจักร ส่วนที่อยู่ถัดจากจานออกไป
ใจกลางของดาราจักรจะมีดาวฤกษ์อยู่เป็นจำนวนมากและจะเริ่มน้อยลงเมื่ออยู่บริเวณขอบของดาราจักร
ดาราจักรแบ่งได้เป็น 2 พวกใหญ่ๆด้วยกันคือ
1.ดาราจักรของเรา คือ ดาราจักรทางช้างเผือก เป็นดาราจักรที่มีระบบสุริยะของเราอยู่ ห่างจากใจกลางดาราจักร ประมาณ 30000 ปีแสง ลักษณะคล้ายเลนส์นูน
ดวงดาวที่เรามองเห็นล้วนเป็นดวงดาวในดาราจักรของเราทั้งนั้น ดาวต่างๆจะเคลื่อนที่รอบดาราจักรด้วยความเร็ว ต่างกันตามระยะทางพวกที่อยู่ใกล้แกนจะมีความเร็วมาก
2.ดาราจักรอื่นๆ ที่ค้นพบมี 2 ดาราจักร คือ ดาราจักรอันโดรเมดา และกลุ่มเมฆแมกเจลแลน
ดาราจักรแอนโดรเมดา อยู่ห่างออกไป1.5ล้านปีแสงมีขนาดใหญ่กว่าดาราจักรของเรา
กลุ่มเมฆแมกเจลแลน รูปร่างไม่สม่ำเสมอ เป็นกลุ่มประจำถิ่น ซึ่งมีรูปร่างดังนี้
ดาราจักรรูปกังหัน
ดาราจักรรูปไม่สม่ำเสมอ
ดาราจักรรูปไข่
ประเทศฮอลแลนด์ ได้ค้นพบหลักและคุณสมบัติของเลนส์นูนและเลนส์เว้า เมื่อกาลิเลโอทราบข่าวเขาจึงนำหลักการนี้มาใช้สร้างกล้องโทรทรรศน์ เพื่อใช้ในการส่องดูสิ่งที่อยู่ในอวกาศ อย่างไรก็ตามกล้องของกาลิเลโอยังมีข้อบกพร่อง คือ เขาใช้เลนส์ตาเป็นเลนส์เว้า ทำให้ภาพที่เห็นมีความแคบ
เคปเลอร์ได้สร้างกล้องโทรทรรศน์ขึ้นโดยใช้เลนส์ตาเป็นเลนส์นูน ทำให้เขาสามารถเห็นภาพได้กว้างขึ้น แต่ก็ยังมีปัญหาความคลาดเคลื่อนทรงกลม และความคลาดเคลื่อนสี ต่อมานิวตันได้แก้ปัญหาดังกล่าวโดยใช้กระจกเว้าแทนเลนส์ ซึ่งแก้ปัญหาความคลาดสีได้ เขานับเป็นนักวิทยาศาสตร์คนแรกที่สร้างกล้องโทรทรรศน์ โดยใช้หลักการสะท้อนของแสง อีก 50 ปีต่อมา จอห์น ฮาร์ดลี่ ได้แก้ปัญหาการคลาดทรงกลมได้โดยใช้ผิวสะท้อนแสงเป็นผิวโค้งแบบพาราโบลา ทำให้กล้องโทรทรรศน์ชนิดสะท้อนแสงเป็นที่นิยมกันมากขึ้น
กล้องโทรทรรศน์ชนิดหักเหแสง ส่วนประกอบที่สำคัญ คือ เลนส์วัตถุทำหน้าที่รับแสงจากวัตถุที่อยู่ไกลๆแล้ว เกิดภาพที่จุดโฟกัสและ เลนส์ตาทำหน้าที่ขยายภาพจากเลนส์วัตถุ ถ้ามีความยาวโฟกัสสั้น จะทำให้มองเห็นภาพได้โตกว่าเลนส์ที่มีความยาวโฟกัสยาว กล้องโทรทรรศน์ชนิดนี้ยังแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ แบบที่ใช้เลนส์ตาเป็นเลนส์เว้าได้ภาพเสมือนหัวตั้งขนาดขยาย และแบบเลนส์ตาเป็นเลนส์นูน จะได้ภาพจริงหัวกลับขนาดขยาย
กล้องโทรทรรศน์ชนิดหักเหแสงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ขนาดเลนส์ 40 นิ้ว มีความยาวโฟกัส 63 ฟุต
กล้องโทรทรรศน์ชนิดสะท้อนแสง ใข้กระจกเว้าแทนเลนส์วัตถุ แลัวใช้เลนส์ตาขยายภาพอีกครั้ง แบ่งเป็นหลายแบบตามลักษณะของโฟกัส
กล้องโทรทรรศน์ชนิดสะท้อนแสงที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่โซเวียต มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 236 นิ้ว
เทคโนโลยีอวกาศ |
เทคโนโลยีอวกาศ คือการสำรวจสิ่งต่างๆที่อยู่นอกโลกของเราและสำรวจโลกของเราเองด้วย ปัจจุบันเทคโนโลยีอวกาศได้มีการพัฒนาไปเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับสมัยก่อน ทำให้ได้ความรู้ใหม่ๆมากขึ้น โดยองค์การที่มีส่วนมากในการพัฒนาทางด้านนี้คือองค์การนาซ่าของสหรัฐอเมริกา ได้มีการจัดทำโครงการขึ้นมากมาย ทั้งเพื่อการสำรวจดาวที่ต้องการศึกษาโดยเฉพาะและที่ทำขึ้นเพื่อศึกษาสิ่งต่างๆในจักรวาล การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศนั้นมีทั้งด้านการสื่อสาร ทำให้การสื่อสารในปัจจุบันทำได้อย่างรวดเร็ว การสำรวจทรัพยากรโลก ทำให้ทราบว่าปัจจุบันนี้โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง และการพยากรณ์อากาศก็จะทำให้สามารถเตรียมพร้อมที่จะรับกับสถานการณ์ต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไป
จุดหมายปลายทางในอวกาศ |
ดวงจันทร์ นับเป็นดาวดวงแรกที่มนุษย์คิดจะเดินทางไป ดวงจันทร์ไม่มีบรรยากาศ ดังนั้น ดวงจันทร์จึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยมากนักตั้งแต่ถือกำเนิดมาเนื่องจากไม่มีบรรยากาศ นักดาราศาสตร์จึงเข้าใจว่าดวงจันทร์เป็นแหล่งที่จะให้รายงานทางวิทยาศาสตร์อย่างมากมาย นอกจากนี้การใช้ดวงจันทร์เป็นฐานที่มั่นในการสำรวจอวกาศก็จะเป็นการประหยัดเชื้อเพลิงยิ่งขึ้น เนื่องจากดวงจันทร์ไม่มีบรรยากาศจึงใช้แรงขับดันเพียงเล็กน้อยในการขับดันจรวดออกสู่อวกาศ
ดาวอังคาร เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ได้รับความสนใจมาก เพราะเป็นความหวัง สุดท้ายว่าอาจจะมีสิ่งมีชีวิตอาศียอยู่ ลักษณะเด่นคือมองเห็นเป็นเส้นตัดกันจนอาจทำให้คิดว่า เป็นคลอง ทำให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นจึงมีการส่งยานมารีเนอร์เข้าไปสำรวจ
การสำรวจดาวเคราะห์
โครงการของสหรัฐอเมริกา มีดังนี้
|
การสำรวจดาวศุกร์
มียานมาริเนอร์-1 ยานมาริเนอร์-2 ยานมาริเนอร์-5 ยานมาริเนอร์-10 โดยรายงานเกี่ยวกับอุณหภูมิความกดอากาศ บรรยากาศของดาวศุกร์และมีการถ่ายภาพกลับมาด้วย
ไพโอเนียร์ โดยใช้ชื่อโครงการว่า ไพโอเนียร์-วีนัส ลำที่ 1 และ ลำที่ 2 ทำแผนที่ของดาวศุกร์และได้ลงจอดที่พื้นของดาวศุกร์
การสำรวจดาวพุธ
สำรวจครั้งแรกโดยยานมาริเนอร์-10 ทำแผนที่ 1/3 ของดาวพุธทั้งดวงและสำรวจบรรยากาศของดาวพุธ
การสำรวจดาวอังคาร
สำรวจโดยยานมาริเนอร์-4 ยานมาริเนอร์-7 ยานมาริเนอร์-6 ยานมาริเนอร์-8 สำรวจด้านอุณหภูมิ ภูมิประเทศ แรงโน้มถ่วง แร่ต่างๆ และพบปล่องภูเขาไฟ
ยานไวกิ้ง มี ไวกิ้ง 1 กับ ไวกิ้ง 2 พบว่าพื้นที่เต็มไปด้วยหินของภูเขาไฟไม่พบร่องรอยของสิ่งมีชีวิต
การสำรวจดาวพฤหัส
สำรวจโดยยานไพโอเนียร์ 2 ลำ คือ ไพโอเนียร์-10 กับไพโอเนียร์-11มีวอยเอจเยอร์-1 กับวอยเอจเยอร์-2 สำรวจทางด้านภูมิประเทศ
การสำรวจดาวเสาร์
สำรวจโดยไพโอเนียร-11 พบวงแหวนใหม่ 2 วง มีการค้นพบดวงจันทร์ของดาวเสาร์
|
นักบินอวกาศ
|
สิ่งมีชีวิตแรกที่เดินทางไปยังอวกาศคือสุนัขมีชื่อว่าไลก้า โดยขึ้นไปกับยานสปุตนิก 2
นักบินอวกาศคนแรกของโลกคือ ยูริ กาการิน สหภาพโซเวียตขึ้นไปกับยานวอสต๊อก 1
นักบินอวกาศคนแรกที่โคจรรอบโลกคือ จอห์น เกลน สหรัฐอเมริกา
นักบินอวกาศหญิงคนแรกของโลกเป็นชาวโซเวียต ชื่อ วาเลนติน่า เทเรชโกว่า เดินทางไปกับยานวอสต๊อก
ยานอวกาศที่เดินทางไปยังดวงจันทร์เป็นของสหรัฐอเมริกาโดย นีลอาร์มสตรอง เป็นคนแรกที่ได้เดินบน ดวงจันทร์เดินทางไปกับยานอพอลโล 11 |
|
ความหมายของดาวเทียม ดาวเทียมคือห้องทดลองที่บรรจุอุปกรณ์เอาไว้ ส่งขึ้นไปโคจรรอบโลก มีรูปทรงต่างๆ ดาวเทียมมีระยะเวลาโคจรรอบโลกแตกต่างกันขึ้นอยู่กับขนาดและระยะห่างของวงโคจร
|
|
ความหมายของยานอวกาศคือยานที่ทำขึ้นเพื่อใช้สำหรับสำรวจอวกาศ โดยมีวัตถุประสงค์ของการใช้งานในแต่ละครั้งแตกต่างกันไป ตามความต้องการของมนุษย์
| ยานอวกาศ
ยานอวกาศ มี 2 ประเภทคือ ยานอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมและไม่มีมนุษย์ควบคุม
ยานอวกาศที่ไม่มีมนุษย์ควบคุม ส่วนใหญ่สำรวจ ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ และห้วงอวกาศ ระหว่างดาวเคราะห์ จะขอกล่าวถึง โครงการที่สำรวจดวงจันทร์คือ
1. โครงการเรนเจอร์ ออกแบบให้ยานพุ่งชนดวงจันทร์
2. โครงการลูน่าออบิเตอร์ กำหนดให้ยานไปวนถ่ายภาพรอบดวงจันทร์
3. โครงการเซอเวเยอร์ ออกแบบให้ยานจอดลงบนพื้นอย่างนุ่มนวล
ยานอวกาศมีมนุษย์ควบคุม เป็นของสหรัฐอเมริกา มีโครงการต่างๆ ดังนี้
1. โครงการเมอคิวรี่ มีจุดประสงค์ที่จะส่งมนุษย์ขึ้นไปโคจรในอวกาศ สำหรับให้มนุษย์อวกาศขึ้นไปครั้งละ 1 คน โครงการได้ยุติลงไปแล้วในปัจจุบัน
2. โครงการเจมินี มีจุดประสงค์คือ นำมนุษย์ 2 คนขึ้นไปดำรงชีพในอวกาศให้นานที่สุด ฝึกการเชื่อต่อกับยานลำอื่น ปรับปรุงการนำยานลงสู่พื้นและหาผลกระทบที่เกิดจากสภาวะไร้น้ำหนัก โครงการนี้ได้ยุติลงแล้ว
3. โครงการอพอลโล มีจุดประสงค์คือ นำมนุษย์ไปสำรวจดวงจันทร์ ใช้มนุษย์อวกาศครั้งละ 3 คน เป็นโครงการ ต่อจากเมอคิวรี่และเจมินี มนุษย์อวกาศชุดแรกที่หยุดบนพื้นดวงจันทร์เป็นชุดอวกาศที่เดินทางไปกับยานอพอลโล 11 โครงการอพอลโลเรียกว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายมาตลอด มีเพียงอพอลโล 13 ลำเดียวที่เกิดอุบัติเหตุ ขณะมุ่งหน้าสู่ดวงจันทร์ อพอลโล 17 ถือเป็นยานลำสุดท้ายที่เกิดในโครงการนี้
4. โครงการสกายแล็บ จุดประสงค์คือให้มนุษย์ขึ้นไปบนสถานีลอยฟ้าเพื่อค้นคว้าทดลองให้ได้นานที่สุด เป็นโครงการที่ศึกษาเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ การแพทย์ ฟิสิกส์ ผลกระทบของสภาพไร้แรงดึงดูด โครงการนี้มี 3 ชุด
5. โครงการอพอลโล - โซยูส มีจุดประสงค์คือ เพื่อขึ้นไป ทดสอบระบบนัดพบและเชื่อมยานอวกาศ เป็นโครงการ ระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต
6. โครงการยานขนส่งอวกาศ เพื่อใช้เป็นพาหนะสำหรับบรรทุกสิ่งของและมนุษย์ที่ไปบนอวกาศ และเพื่อลดค่าใช้จ่าย ในการใช้ประโยชน์จากอวกาศ ถูกแบบสำหรับคนได้มากถึง 7 คน ในกรณีฉุกเฉินอาจเพิ่มได้เป็น 10 คน ปฏิบัติงานนานครั้งละ 7 วัน พร้อมที่จะใช้งานได้อีกภายใน 14 วัน ถ้าจำเป็นอาจโคจรอวกษสได้นานถึง 1 เดือน ยานลำแรกของ โครงการชื่อ เอ็นเตอร์ไพรส์ ต่อจากนั้นแบ่งเป็นโคลัมเบีย 7 เที่ยว แชลเลเจอร์ 10 เที่ยว ดิสคัฟเวอรี่ 6 เที่ยว แอตแลนติส 6 เที่ยว
คุณเข้ามาเยี่ยมชมลำดับที่
|
|
| | | |
|
|
ความคิดเห็น