ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : EPISODE 1 : Nice to meet you
EPISODE 1
Nice to meet you
เสียงจอแจดังมาจากรอบทิศทางของใจกลางกรุงโซล ผู้คนคับคั่งเดินไปมาตามบาทวิถี บ้างก็กำลังหยุดยืนรอสัญญาณไฟเขียวที่ทางม้าลายให้พวกเขาได้เดินข้ามไปยังอีกฝั่งเสียที
รถยนต์บนถนนสามเลนกำลังขับเคลื่อนด้วยความเร็ว ยังไม่ถึงเวลาของคนสองข้างฝั่งถนนให้ไปตามจุดหมายปลายทาง
ร่างเล็กของเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ที่ด้านหลัง ดวงหน้าหวานเงยจดจ้องไปที่สัญญาณไฟรูปคนเดินสีแดงเช่นเดียวกับกลุ่มคนด้านหน้า ต่างกันที่คนเหล่านั้นเริ่มจะหงุดหงิดขณะที่กำลังมองนาฬิกาบนข้อมือของตัวเองไปด้วยเพราะสายแล้ว คงมีหน้าที่หลายๆอย่างที่พวกเขาต้องไปทำ
เจ้าของร่างเล็กด้านหลังค่อยๆเดินออกมาทั้งที่ยังไม่ถึงเวลา .. ขาข้างหนึ่งของเขากำลังจะก้าวลงสู่พื้นถนน
(คุณคะ สัญญาณไฟแดงอยู่นะคะ)
(เฮ่น้อง จะทำอะไร รถยังวิ่งอยู่เลย)
ควรจะมีประโยคเหล่านี้ไล่หลัง หากแต่ความเป็นจริงผู้คนเหล่านั้นกลับไม่สนใจ
.. ไม่ผิดหรอก
ก็ไม่มีใครเห็นเขานี่
สองขาก้าวผ่านข้ามเลนแรก นัยน์ตากลมมองไปเพียงด้านหน้า ไม่ใช่ว่ารู้จุดหมายที่จะไป .. ตรงกันข้าม เขาไม่รู้เลยต่างหากว่ากำลังจะไปที่ไหน
.. เมื่อคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด กลุ่มคนรีบร้อนด้านหลังยังคงอยู่กับที่ ส่วนวิญญาณไร้ตัวตน ไร้ที่ไปอย่างเขากลับสามารถเดินไปได้ก่อนเสียนี่
นี่คือข้อดี ใช่มั้ยนะ
รถบรรทุกคันใหญ่วิ่งด้วยความเร็วมาจากเลนที่สอง เปลือกตาสีอ่อนนวลปิดลงตามสัญชาตญาณ แม้ไม่ได้รับรู้ถึงแรงใดๆมากระทบตัวขณะที่รถเคลื่อนผ่านก็เถอะ .. ยังคงรู้สึกหวิวๆทุกที
ไม่ช้าพื้นคอนกรีตสีเทาคั่นขาวอันเป็นทางม้าลายก็เหลือเพียงเลนเดียวก่อนถึงอีกฝั่งหนึ่ง ดวงตากลมของเด็กหนุ่มลดระดับลงมองพื้นก็เห็นแต่รองเท้าผ้าใบเก่าๆของตัวเองก้าวสลับกัน
มันมีรอยปากกาเขียนอยู่ที่ด้านข้างของรองเท้าคู่นั้น
พัค จินยอง .. ชื่อคือสิ่งเดียวที่เขาพอรู้เกี่ยวกับตัวเอง นอกเสียจากว่าเขาจะยืมรองเท้าของคนอื่นมาใส่น่ะนะ
เอี๊ยดดดดดดดดดดด
เสียงดอกยางของรถมอเตอร์ไซค์เสียดสีกับพื้นถนนจากแรงเบรกอย่างกระทันหันดังขึ้นไปทั่ว มันสูงแหลมจนทำให้คนในบริเวณนั้นหันมามองด้วยสายตาแปลกๆแทบจะพร้อมกัน
เขาเป็นอะไร .. เบรกสุดตัวทั้งที่ข้างหน้าว่างเปล่าอย่างนั้น
สำหรับคนอื่นคงคิดอย่างนั้น แต่กับเจ้าของมอเตอร์ไซค์คันสวย เขาไม่ได้เห็นเพียงความว่างเปล่าด้านหน้า
"เฮ่ยน้อง บ้ารึเปล่า อยากเป็นผีเฝ้าถนนหรือไง" เสียงอู้อี้ของคนที่กำเบรกมือจนมิดลอดออกจากหมวกกันน็อคเต็มใบสีดำ เขาตั้งใจส่งต่อไปยังคู่สนทนาที่เอาแต่ยืนมองพื้นอยู่ด้านหน้า
บ้าเอ๊ย! เกือบซวยแต่เช้าแล้วมั้ยละไอแจบอม
"ยังจะก้มอยู่อีก นี่บนถนนนะโว้ยไม่ใช่ห้าง มีสติหน่อย"
เงียบ .. ไม่มีประโยคใดๆส่งกลับมาจากเด็กหนุ่ม มีเพียงใบหน้าหวานที่กำลังเงยขึ้นและค่อยๆหันมองมาที่เขาเท่านั้นเป็นปฏิกิริยาตอบโต้
นัยน์ตาสีช็อคโกแลตจ้องไปที่คนใต้หมวกนั้นอย่างไม่วางตา .. ไม่เห็นใบหน้าหลังกระจกสีดำบนหมวกนั้นฉันท์ใด ก็ไม่เห็นร่างของตัวเองสะท้อนบนกระจกดำมืดฉันท์นั้น
ไม่เห็นเงาก็ถูกแล้ว แต่เขาเห็นเราได้นี่สิ ..
ปี๊นนนนนนน
"จะจอดค้างทำไม ขับไปสิวะ" เสียงจากคนขับรถด้านหลังดังขึ้นหลังจากเสียงแตร อิมแจบอมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองพลางยกมือเลื่อนกระจกบนหมวกให้ยกขึ้นไป
แปลกคน จะให้ขับไปยังไง ก็ไอเด็กนั่นมันยังอยู่ ..
ยังอยู่ตรง..
ตรงไหนแล้วนะ ..
ดวงตาคมเฉียบมองซ้ายขวาด้วยอารามตกใจและงุนงง หายไปแล้ว เด็กคนนั้นหายไปแล้ว
เชี่ย .. เร็วอย่างกับผี
มือกว้างปัดกระจกลงมาปิดบังใบหน้าอีกครั้งก่อนจะออกรถ แม้จะเปิดหน้าให้เห็นเพียงไม่กี่เสี้ยววินาที แต่จินยองที่จ้องอยู่จากอีกฝั่งถนนพิจารณาจนจำได้แม่น .. คนที่มองเห็นเขาเป็นคนแรก
.. เพราะอะไรกันนะ
"ข่าวร้อนตอนเช้าวันนี้ เสนอข่าว คิม ยูนซอก เจ้าของและประธานบริษัทคิมพาวเวอร์กรุ๊ป บริษัทนำเข้าและส่งออกสินค้ารายใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ในขณะนี้ค่ะ"
เสียงใสกดลงต่ำตามแพทเทิร์นผู้ประกาศข่าวเข้าลอดหูอิมแจบอมที่กำลังยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม ริมฝีปากหยักบางปิดรับน้ำสีเข้มแทบจะทันทีก่อนจะค่อยๆลดแก้วเซรามิกลงวางบนโต๊ะเมื่อได้ยินชื่อของคนในข่าว .. คิม ยูนซอก
ภาพผู้ชายวัยราวๆห้าสิบปีในสูทสีดำดูภูมิฐานตัดกับผมสีดอกเลา ใบหน้ายิ้มแย้มแต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขามปรากฏอยู่บนจอทีวีเล็กๆที่ติดตั้งให้ห้อยลงมาจากเพดานภายในร้านอาหารที่แจ็คสันเป็นเจ้าของ โดยที่เจ้าตัวกำลังขลุกอยู่กับข้าวของที่หลังครัวเพื่อเตรียมเปิดร้านในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
ปกติแล้วอิมแจบอมไม่ค่อยมีเวลามาอุดหนุนที่ร้านของแจ็คสันนัก พอได้โดนบังคับให้ว่างถึงได้มีโอกาสมาหาได้บ่อยขึ้น
"โดยที่คุณ คิม ยูนซอก ได้ออกมาประกาศข่าวใหญ่ในวันนี้ว่า จะยกบริษัทและอำนาจการบริหารทั้งหมดให้กับทายาทเพียงคนเดียว คิม ยูคยอม ในวัยยี่สิบสองปีในอีกไม่นานนี้ โดยที่ตัวเองจะขอผันตัวไปลงการเลือกตั้งในสมัยหน้านี้ค่ะ"
นั่นไง .. มาทั้งพ่อทั้งลูก
อิมแจบอมถอนหายใจพลางคิดย้อนไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ..
คนอย่างนั้นน่ะเหรอ เจ้าของบริษัท กับอนาคตนักการเมือง
"มาจับฉันนี่รู้รึเปล่าว่าฉันลูกใคร ฮะ ไอพวกโง่เอ๊ย"
เสียงโวยวายยืดยานแทบฟังไม่ได้ศัพท์ดังก้องไปทั่วสถานีตำรวจ โดยมีต้นเสียงมาจากชายหนุ่มวัยราวๆยี่สิบปีคนหนึ่งที่อยู่หลังลูกกรงเหล็ก ร่างสูงโปร่งที่ยืนโงนเงนซัดเซด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลล์ขัดกับรูปลักษณ์ดูแข็งแรงอย่างนั้นทำให้เหล่าตำรวจในบริเวณนั้นต่างส่ายหัวไปตามๆกัน
หนึ่งในนั้นคืออิมแจบอม นายตำรวจผู้เป็นคนลากชายที่กำลังโวยวายอยู่ในขณะนี้ออกมาจากบาร์เพราะการทะเลาะวิวาทอย่างหนักด้วยเหตุผลแค่ว่า.. ไม่ถูกชะตา
"เฮ่ ไอตำรวจตาตี่ ฉันจะบอกให้นะ ว่าฉันน่ะ.." คนในห้องกรงยังคงแสดงท่าทางอวดเก่งไม่หยุดทั้งที่ตาแทบลืมไม่ขึ้นอยู่รอมร่อ ".. ฉันน่ะ คิม ยูคยอม ลูกประธานบริษัทคิมพาวเวอร์กรุ๊ปเลยนะ คิม ยูนซอกน่ะ เข้าใจรึเปล่า .. อึก ปล่อยฉันไปได้แล้ว"
อิมแจบอมวางมือกว้างเท้าเอวหย่อนขาลงข้างหนึ่ง ฟันขบริมฝีปากตัวเองเบาๆเพื่อยับยั้งอารมณ์ร้อนของตัวเอง .. เชื่อคำโบราณไว้ อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา
"ไอ้ตาตี่เอ๊ย ปล่อยกู.."
"จะเงียบดีๆหรือให้เอาอะไรอุดปาก ฮะ หุบปากไปเลย!" สุดท้ายอิมแจบอมก็ห้ามตัวเองไม่ได้อยู่ดี .. ขาข้างหนึ่งก้าวไปข้างหน้าอย่างอัตโนมัติขณะที่มือข้างหนึ่งกำลังจะลอดลูกกรงเข้าคว้าคอเสื้อยูคยอม ปากดีอย่างนี้ลองดูหมัดตาตี่สักหน่อยมั้ยวะ
"ผู้กองอิมแจบอม หัวหน้าเรียกพบครับ" เสียงเบากล้าๆกลัวๆจากตำรวจยศน้อยดังขึ้นขัดจังหวะ อิมแจบอมหันไปมองพร้อมกับย่นคิ้วเข้าหากัน..ก็หัวหน้าจะเรียกพบเขาได้แต่ละครั้งไม่เคยมีเรื่องดีบ้างเลยสักครั้งน่ะสิ "ละ แล้วก็ .."
".. หัวหน้าสั่งให้ปล่อยตัวคิมยูคยอมได้เลยครับ"
"อะไรนะ?"
คำสั่งบ้าบออะไรของแม่งวะ !
ก๊อก .. ก๊อก
"เข้ามา"
ด้านหลังผู้บังคับบัญชาร่างอ้วนปรากฏอยู่ในกรอบสายตา อิมแจบอมก้าวเข้ามาภายในด้วยความรวดเร็วพร้อมกับแบกอารมณ์คุกรุ่นมาอย่างเต็มเปี่ยม
ถึงจะเป็นหัวหน้า ก็ไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งข้ามหน้าที่กันแบบนี้
"หัวหน้าทำแบบนี้หมายความว่าไงครับ ทำไมถึงปล่อยไปแบบนั้นทั้งๆที่ยังไม่มีคนมาประกันตัว แล้วหัวหน้าออกคำสั่งในคดีผมทั้งที่ผมไม่รู้ได้ยังไง .."
แผ่นหลังอ้วนค่อยๆหันมาประจันหน้าหลังจากที่อิมแจบอมยิงคำถามใส่ สายตานิ่งงันค่อยๆมองทอดตั้งแต่หัวจรดเท้าของผู้กองข้างหน้า "คุณมีสิทธิ์ตั้งคำถามมากมายขนาดนี้กับผมด้วยหรอ"
"คุณคงจะรู้ใช่มั้ยว่าคนที่คุณจับมาเป็นใคร และพ่อของเขาเป็นใคร"
อิมแจบอมพยักหน้า พอจะรู้แล้ว .. ที่แท้ก็เรื่องเส้นสายนี่เอง วงจรอุบาทว์อีกแล้วสินะ
"รู้? แล้วทำไมถึงไม่ปล่อยไป ยังจะจับมาอยู่ทำไม"
"อย่าหลงในจรรยาบรรณให้มากไปหน่อยเลย มันแดกไม่ได้หรอกนะผู้กองอิม.. " ร่างอ้วนอืดอาดค่อยๆเดินเข้ามาใกล้อีกฝ่าย ก่อนจะพูดด้วยหน้าตาและน้ำเสียงเย้ยหยัน ซึ่งอิมแจบอมเกลียดที่สุด
"ไม่งั้นก็อยู่เป็นผู้กองโง่ๆต๊อกต๋อยแบบนี้ไปเถอะ พวกฉลาดเท่านั้นแหละที่จะมีชีวิตรอ----"
ใช่แล้ว ..ประโยคของหัวหน้าถูกคั่นด้วยหมัดของอิมแจบอม .. ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงด้วยคำสั่งพักงานสามเดือนเป็นสิ่งตอบแทน
ผลั่ก
"หน้าเครียดเชียวมึงไอแจบอม เป็นไง ดวงดีขึ้นมาบ้างยังจ๊ะ"
แจ็คสันพูดด้วยน้ำเสียงระรื่นหลังจากที่ผลักหัวเพื่อนรักจนคะมำไปหนึ่งป้าบ อิมแจบอมกุมหัวก่อนจะมองกลับด้วยตาขวาง แม่ง.. คอกูเกือบหัก
"ดีบ้าอะไรล่ะ นี่ก็เพิ่งเกือบขี่รถชนเด็กมาเนี่ย"
"กูก็บอกแล้วให้มึงไปทำบุญบ้าง ที่ไปดูดวงมาอาทิตย์ที่แล้วเขาก็บอกอยู่ว่าชีวิตมึงคงไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่ปะ .." แจ็คสันพูดทีเล่นทีจริงพลางหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้าม ดวงตาคมโตมองไปที่เพื่อนคนดวงซวยข้างหน้าด้วยความเป็นห่วงอยู่ลึกๆ ถึงจะไม่ค่อยพูดกันด้วยคำพูดดีๆเท่าไหร่นักตามประสาเพื่อนสนิท แต่ทุกๆครั้งที่ต่างฝ่ายต่างมีเรื่องไม่สบายใจ อีกฝ่ายจะเป็นผู้ผ่อนมันให้เบาลงเสมอ
หวังแจ็คสันกับอิมแจบอมเป็นเพื่อนกันตั้งแต่วัยประถม จนถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปวัยสามแยกกันแล้ว มีหรือแจ็คสันจะไม่รู้ว่ารอยยิ้มที่คนตรงข้ามมีให้ในตอนนี้มันมีไว้เพื่อกลบเกลื่อนความเครียดในใจ
อาชีพตำรวจคือสิ่งที่เพื่อนของเขารัก มันคือความสุขอันดับแรกๆของอิมแจบอม แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เขาทุกข์ไปแล้ว
" .. เออ แล้วความรักรูปแบบที่คาดไม่ถึงของมึงอะ เจอยัง" คนเดิมยังคงถามอย่างต่อเนื่องหวังให้อีกฝ่ายคลายเครียดลงได้บ้าง ขณะที่อิมแจบอมตอบด้วยการส่ายหัวเบาๆ .. ก่อนความรักจะมา ขอความโชคดีมาในชีวิตเขาก่อนน่าจะดีกว่า
"มึงว่า คนเรามันจะดวงตกได้ถึงขนาดไหนวะ"
"เฮ่ย มึงอย่าคิดมากดิ ชีวิตคนเรามันต้องมีขึ้นมีลง ดูอย่างกูนี่ .." เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาพูดพร้อมกับผายมือออกไปด้านข้างด้วยตั้งใจจะสื่อถึงร้านอาหารที่เขาสร้างมาเองกับมือ ".. กว่าจะมาถึงขนาดนี้ขาดทุนมาตั้งเท่าไหร่มึงก็รู้ แล้วดูวันนี้ดิ"
"ขาดทุนมากกว่าเดิม ใกล้เจ๊งแล้วอะนะ" อิมแจบอมพูดขัดใบหน้ากำลังยิ้มปริ่มของแจ็คสันด้วยน้ำเสียงกวนส้นเท้า
"ไอห่าแจบอม ปากไม่เป็นมงคลเลยนะมึงอะ"
ถึงจะด่าไปอย่างนั้น แต่นี่แหละ ไอแจบอม ต้องด่ากันแบบนี้แหละถึงจะสบายใจ
Rrrrrrrrrrrrrrrrr
เสียงสั่นจากสมาร์ทโฟนที่วางคว่ำอยู่บนโต๊ะดังขึ้นดึงให้แจ็คสันผู้เป็นเจ้าของหยิบขึ้นมาดู ก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองที่อิมแจบอมแล้วยิ้มนิดๆ
"โอ๊ะ ความรักกูโทรมาว่ะ"
ความน่าหมั่นไส้อบอวลไปทั่วใบหน้าหลังจากเห็นว่าปลายสายคือ ชเว ยองแจ คนรักที่คบกันมาตั้งแต่เรียนมัธยม และกำลังจะเป็นคู่ชีวิตกันในอีกไม่นานนี้
เพราะเขากำลังวางแผนจะขออีกฝ่ายแต่งงานในอีกไม่กี่วันนี่แหละ
เหม็นความรักชิบหาย .. แจบอมคิดพลางเบะปากเล็กน้อยแล้วจึงพยักหน้าให้คนตรงข้ามที่ทำท่าบอกว่าจะออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก
แจ็คสันกับบทสนทนาจ๊ะจ๋าห่างไกลออกไปจนหยุดที่หน้าร้าน เช่นเดียวกับสายตาของอิมแจบอมที่มองตามไป หากแต่ไม่ได้หยุดที่คนกำลังคุยโทรศัพท์อย่างที่ควรจะเป็น ..
ร่างเล็กของใครบางคนยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เด็กผู้ชายผิวขาวนวลในเสื้อฮู้ดสีเทากับกางเกงสามส่วนเหนือเข่าสีดำดูเหมือนกำลังยืนหันมาทางเขาอย่างตั้งใจ
ลมอุ่นพัดเบาๆในฤดูใบไม้ผลิทำให้ผมหนาสีดำขลับปลิวไปตามแรงธรรมชาติและตกลงเหนือคิ้วหนาเป็นจังหวะ ดวงตาคู่สวยมองมาที่เขาอย่างที่คิดไว้ พอรวมกับปลายจมูกรั้นที่รับกับปากกลมๆนั้นทำให้เขาพอจะนึกอะไรออก
นี่มันไอเด็กคนเมื่อเช้านี่
แม่งตามกูมาหรอวะ
รู้ตัวอีกทีก็ผลักประตูออกมาอยู่ที่หน้าร้านเป็นที่เรียบร้อย สองขายาวก้าวไปยังจุดหมายที่ยังคงอยู่ที่เดิม ต่างกันก็ตรงที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆจากเด็กหนุ่มข้างหน้าเพิ่มเข้ามาให้อิมแจบอมได้สัมผัส
พอได้มายืนใกล้ๆแบบนี้ถึงได้เห็นว่าอีกฝ่ายตัวเล็กมากเหลือเกินเมื่อเทียบกับคนตัวสูงราวๆหนึ่งร้อยแปดสิบอย่างเขา เล็กขนาดที่ทำให้ใบหน้าที่อยู่ระดับหน้าอกต้องเงยขึ้นมามองเกือบสุดคอในตอนนี้
"นาย.. คือคนที่ฉันเกือบชนเมื่อเช้าหรือเปล่า"
".." หากเทียบเป็นสัญญาณโทรศัพท์คงจะใช่ประโยคนี้
เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้ง ..
"ฉันถามก็ตอบ หรือว่าเจ็บตัวตรงไหนหรือเปล่.." คนตัวสูงถามพลางยื่นมือเข้าไปจับ แต่ก็ไม่ถึงเพราะอีกฝ่ายก้าวถอยหนีอย่างรวดเร็ว
แหน๊ ไอเด็กนี่ มันกวนตีน
นั่นคือสิ่งที่อิมแจบอมคิด.. ส่วนพัคจินยองที่ถอยหลังกลับไปนั้นได้แต่สับสนไปด้วยความคิดที่ตีกันอยู่ในใจ
มองเห็นเราจริงๆหรอ.. แล้วเขาจะสัมผัสเราได้หรือเปล่า
ถ้าเขาสัมผัสเราไม่ได้ เขาก็จะรู้ใช่มั้ยว่าเรา.. ไม่ใช่คน
ยังให้รู้ไม่ได้ พัคจินยองต้องรู้ก่อนว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้คนตรงหน้าเป็นคนเดียวที่สามารถมองเห็นเขาได้
"แล้วลุง.. ลุงเป็นใครหรอ"
"เป็นใคร? ฉันต้องตอบนายว่าอะไรหรอ .." คนตัวสูงพูดพลางเดินล้วงกระเป๋าเข้าไปใกล้ เขากำลังแกล้งทำท่าทางหาเรื่องใส่เด็กข้างหน้า ..ตลกดีเวลาที่เห็นหน้ากลมๆย่นคอเข้าไปแบบนั้น
"ฉันคือคนที่สามารถจับเด็กหัวใสที่แกล้งเดินผ่านรถเพื่อจะเอาค่าเสียหายแบบนายเข้าคุกได้ไง .." อิมแจบอมพูดพร้อมกับเดินไปเรื่อยๆจนหลังของพัคจินยองติดกับกระจกร้าน
ก็แค่เด็กสิบแปดมงกุฏ มุขแบบนี้เขาเจอมาตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ " .. ว่าไง ยอมรับหรือเปล่า"
ตาใสๆมองไปที่ใบหน้าคมคายของคนตรงหน้า แม้ผมสีดำจะยาวลงปรกไปค่อนดวงตาแต่ก็พอมองเห็นสายตาคมเฉี่ยวดูดุดันแต่ก็น่าพึ่งพาในเวลาเดียวกัน
และที่สำคัญ .. พัคจินยองเห็นเงาของตัวเองในนั้น
.. เข้าใจแล้ว ลุงคนนี้ ..
เป็นตำรวจสินะ
เขาต้องช่วยอะไรเราได้บ้างแน่ๆ
"เฮ่ คุณมึงอิมแจบอมมายืนพูดคนเดียวอะไรตรงนี้ครับ"
เสียงสากคุ้นหูจากด้านหลังทำให้อิมแจบอมต้องหันกลับไปมอง แจ็คสันทำหน้ายิ้มๆกวนตีนเหมือนเคย ..ทั้งที่จริงๆแล้วในใจเริ่มจะวิตกกับเพื่อนข้างหน้าเหลือเกิน
มันยืนคุยกับกระจกร้านเป็นวรรคเป็นเวรไปทำไมวะ หรือแม่งเพี้ยนไปแล้วจริงๆ
"อะไร กูก็ยืนอยู่กับไอเด็กนี่ไง .. เอ้า"
"เด็กไรมึง กูไม่เห็นมีใครเลย"
อิมแจบอมถอยหลังจากกระจกร้านแล้วมองซ้ายขวาอีกครั้งไม่ต่างกับเมื่อเช้า เด็กนั่นหายไปอีกแล้ว .. คงตั้งใจหนีพอรู้ว่าเป็นตำรวจแน่ๆ
"เออ ช่างแม่ง งั้นเดี๋ยวกูเข้าไปช่วยมึงเปิดร้านละกัน จะถึงเวลาแล้วนี่" พูดพลางมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะดึงประตูแล้วก้าวเข้าไปในร้าน ทิ้งให้แจ็คสันยังคงงงๆกับสิ่งที่เห็นขณะคุยโทรศัพท์อยู่เมื่อครู่
"กระจกร้านกูมันมีอะไรวะ.. " ใบหน้าโน้มไปใกล้กระจกเพื่อสอดส่องดูความผิดปกติแต่ก็ไม่พบอะไรที่พอจะเข้าท่า ".. หรือแม่งจะคุยกับผี"
มือสองข้างลูบแขนที่เริ่มรู้สึกขนลุกแล้วเดินตามอิมแจบอมเข้าไปด้านใน เผยให้เห็นพัคจินยองที่ยืนหัวเราะอยู่ด้านหลังของแจ็คสันเมื่อครู่
คุณอิมแจบอม.. คงได้เจอกันอีกบ่อยๆแน่ครับ
ยินดีที่ได้พบกันนะครับ "ลุง"
- SMALL TALK -
คอมเม้นท์ติชมได้นะคะ เราน่าจะอัพประมาณอาทิตย์หรือสองอาทิตย์ไม่เกินนี้นะคะ
ถ้าเกินคือเราอาจจะใกล้วายชีวันเพราะภารกิจอันหนาแน่น
ตอนนี้ก็เกริ่นๆตัวละครไปก่อนเนอะ จะพยายามมาต่อให้เร็วนะคะ -/|\-
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านเด้อจ้า
#ghostluckBN
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น