ตอนที่ 14 : บทที่ 7 เสือซ่อนลาย (1)
แก้วกานดาหอบแฟ้มเอกสารแล้วพาตัวเองขึ้นลิฟท์ไปในชั้นผู้บริหารก่อนที่จะวางงานทุกสิ่งทุกอย่างไว้บนโต๊ะ แล้วเริ่มต้นสะสางงานตั้งแต่ถึงที่ทำงานในตอนเช้าตรู่ของต้นสัปดาห์
สายจนตะวันโด่งบุคคลสำคัญของโลกก็ยังไม่ย่างเท้าเข้าบริษัท นี่เธอคงไม่ต้องทำถึงขนาดไปแซะเขาออกมาจากเตียงนอน เพียงเพราะว่าเขายังปรับเวลาไม่ได้ในขณะที่เดินทางกลับมาถึงสองสัปดาห์เต็ม
เธอต้องทำยังไงดีถึงจะสามารถปฏิบัติต่อเขาได้แบบที่ไม่มีอคติได้กัน ช่วงแรกเธอเข้าใจดีว่าเจ็ทแลก ไม่สามารถปรับเวลาได้เพราะเคยอาศัยอยู่อีกฟากของโลกซึ่งช่วงเวลาจะตรงกันข้ามกัน แต่พอนานเข้าเธอรู้แล้วว่าขี้เกรียจทำงาน กลับมาประเทศไทยได้สองอาทิตย์เรื่องการปรับตัวเข้ากับดินฟ้าอากาศรอบตัวคงเป็นเรื่องเล็กได้แล้ว
ยิ่งคิดยิ่งเพิ่มความโมโหในเมื่อก่อนออกจากบ้านเธอได้แจ้งกำหนดกราคร่าว ๆ ไว้ให้กับเขาแล้วว่าต้องเข้าประชุมกับกรรมการบริหารในเวลาบ่ายโมงครึ่ง และถึงเวลานี้เกือบจะสิบโมงอยู่แล้ว แม้แต่เงาของเขาก็ยังไม่เห็น หวังว่าคงจะไม่โทรมาบอกว่าไม่สบายและไม่สามารถมาทำงานได้ทันหรอกนะ เธอจะทำยังไงกับคนที่ดื้อด้านขั้นสุดยอดคนนี้ได้ แถมยังเป็นต้นเหตุให้เธอเสียเงินก้อนโตหากทำงานนี้ไม่สำเร็จ
แก้วกานดาหงุดหงิดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่จะเหลือบเห็นว่าร่างสูงใหญ่ของใครอีกคนที่เธอภาวนาให้เขาก้าวเท้าเข้าบริษัทอย่างไม่บิดพลิ้ว กำลังเดินเข้ามา พร้อมกับบางสิ่งบนใบหน้าที่หายไป ตะไคร่น้ำบนใบหน้าถูกแซะออกเป็นที่เรียบร้อยเผยให้เห็นใบหน้าอันแท้จริงที่ชวนมองถึงขั้นเพ้อถึงได้ ใบหน้าขาวเกลี้ยงเกลาภายใต้ไรหนวดยาวเฟิ้ม พอกำจัดออกแล้ว ถึงเห็นว่าเขาเป็นคนที่หน้าตาหล่อดูดี มีมาดนักธุรกิจ และไม่เหมือนคนที่อายุสามสิบสาม มองเผิน ๆ เขาหน้าจะอายุยี่สิบต้น ๆ มากกว่า หากเปรียบเทียบกับใบหน้าของเธอที่ดูยังไงแล้วน่าจะแก่กว่าเขาอยู่หลายปี
หนวดถูกโกนออกจนใบหน้าเกลี้ยงเกลาเผยให้เห็นถึงริมฝีปากว่าแดงระเรื่อเพียงใด แนวกรามดูคมสัน จมูกโด่งได้รูปรับกับในตาสีชานี่ตัวเธอเองไม่ได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่ นั่นเขาคือผู้ชายคนเมื่อวานจริง ๆ ไม่ผิดแน่ ๆ โอบรรยากาศในการทำงานวันนี้ดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
ชายหนุ่มเดินผ่านมาหยุดที่โต๊ะของแก้วกานดาพอดี ในขณะที่หญิงสาวกำลังจ้องมอมาที่เขาอย่างลืมตัว หรือเรียกได้ว่าจ้องจนตาไม่กระพริบ จนส่งผลให้เขาหยุดยืนมองมาที่เธอ และเธอเองก็ยังคงจ้องเขาอยู่โดยที่ยังไม่ปรับตัวเองให้กลับเข้าสู่โหมดปกติ
"จมูกผมงอกมาอีกอันเหรอ คุณถึงมองราวกับว่าผมเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก"
คนมองต้องชะงักสายตาออก พร้อมกับเบนกลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ก้มหน้าจ้องมองแฟ้มเอกสารที่ดูยังไงแล้วน่าจะอ่านได้ไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ในตอนนี้
"เปล่าค่ะ" เสียงปฏิเสธถูกเปล่งออกอย่างแผ่วเบา แต่หญิงสาวก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมามองก่อนที่อีกฝ่ายจะส่ายหน้าอย่างละอา แล้วทำท่าหมุนตัวเดินเข้าห้องไป แต่ก็ต้องชะงักเท้าและหันมาสั่งเครื่องดื่มที่เธอ
"กาแฟดำไม่เค็มหนึ่งแก้ว ด่วน" พอสั่งจบก็หันหลังเข้าห้องทำงานไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันให้เธอได้ อ้าปากตอบรับ มีเพียงแค่เสียงพึมพรำในลำคอที่ได้ยินเพียงแค่คนพูดเทานั้น
"ค่ะ" แก้วกานดาพยักหน้ารับกับแผ่นหลังที่เดินจากไปไกลจนหายลับเข้าไปในห้องด้านหลังเธอ โอเครมีแค่ความหล่ออย่างเดียวที่นำติดตัวมาด้วยส่วนทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว
สายตาของแก้วกานดากวาดมองทั่วภายในห้องทำงานของปณิธานด้วยความรู้สึกที่แปลกออกไปไม่เหมือนเดิม เมื่อเดินก้าวเข้ามาพร้อมกับ น้ำและกาแฟ ในขณะที่เขากำลังก้มอ่านหนังสือโดยมีแฟ้มเอกสารวางกองสุมอยู่บนโต๊ะทำงานแทบจะท่วมหัว
ถ้าเป็นคุณธนิต ณ เวลานี้เขาจ้ะต้องกำลังจมจ่ออยู่กับบรรดาแฟ้มเอกสารต่าง ๆ และเมื่อเธอเดินเข้ามาคำถามนับสิบจะต้องถูกคุณธนิตถามและเธอเป็นคนอธิบาย แต่สำหรับคุณปณิธานคนนี้ เธอได้แต่ทำหน้าเหนื่อยหน่ายกับกองงานบนโต๊ะตัวเองแล้วก็ก้มหน้าอ่านหนังสืออย่างสบายใจทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เก้าอี้ที่นั่งอยู่ไฟแทบไหม้อยู่แล้ว
หญิงสาวตัดสินใจถอยห่างออกมาเงียบ ๆ เพราะอีกฝ่ายไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง และเธอเองก็ไม่อยากสบสายตาในเวลานี้ และคิดว่าน่าจะให้เวลาเขาอีกสักนิดให้เขาได้ทำความคุ้นเคยกับห้องทำงาน โต๊ะทำงานไม้สักหรืออะไรก็ตามแต่ในห้องนี้ไปก่อนแม้กระทั่งหนังสือในมือเล่มนั้นของเขาด้วย
เวลาผ่านไปราว ๆ ครึ่งชั่วโมงแก้วกานดาเอาแผนงานไตรมาสที่ 1 เข้ามาภายในห้อง เจ้านายของเธอก็ยังคงอ่านหนังสือเหมือนเดิมโดยที่ยังไม่หยิบงานบนโต๊ะขึ้นมาดู ทำราวกับว่ากำลังนั่งพักผ่อนอยู่ที่บ้าน
เวลาผ่านไปอีกสักพักเธอนำเอกสารงบการเงินจากฝ่ายบัญชี กับรายงานยอดขายจากฝ่ายการตลาดเข้ามาให้ เขาก็ยังอ่านหนังสือเหมือนเดิมโดยไม่หยิบงานบนโต๊ะขึ้นมาดูและนั่งอยู่ในท่าเดิมเหมือนก่อนหน้านี้ นี่มันใกล้เวลาประชุมขึ้นมาแล้วนะ หากไม่หยิงงานขึ้นมาดูแล้วเขาจะคุยกับใครรู้เรื่อง คุณธนิตแทบไม่ต้องเอาหน้ามุดรูกำแพงเลยหรือไงกัน แก้วกานดาทำได้เพียงแค่สบตในใจ ก่อนจะเม้มริมฝีปากเข้าหากันแล้วถอยหลังเดินห่างออกมาเหมือนเคย
เวลาผ่านไปอีกสักพักใหญ่แก้วกานดาในใบสั่งซื้อจากฝ่ายพัสดุเข้ามาให้ เขาแค่ขยับเปลี่ยนท่านั่งและ เขาก็ยังคงอ่านหนังสือเหมือนเดิมโดยไม่หยิบงานบนโต๊ะขึ้นมาดูอีกเหมือนเคย อะไรกัน หนังสือเล่มนั้นมันมีดีอะไรทำไมเขาถึงได้อ่านมันเกินสองชั่วโมงแล้ว ไม่เดือดร้อนเรื่องอะไรเลย
เขาอยู่ที่เดิมตำแหน่งเดิมตั้งแต่สิบโมงจนถึงเที่ยง และมื้อกลางวันก็มีน้องสาวมาพาไปทานข้าวพร้อมกับสาว ๆ ภายในบริษัท ที่อยากทำความรู้จักเจ้านายแบบเอ๊กเซ็กครูทรีฟ แล้วพากันเดินออกไปจากห้อง ทิ้งกองเอกสารกองโตไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม
แก้วกานดาแอบเปิดเอกสารบนโต๊ะดู ในส่วนที่ต้องการให้พิจารณา ก็มีรายเซ็นต์พร้อมตราประทับ ที่สำคัญแก้คำผิดในส่วนของเอกสารที่ผิดพลาดพร้อมโน้ตเล็ก ๆ ให้เธอเอางานที่ต้องแก้ไขกลับเข้ามาดูช่วงบ่าย ข้อผิดพลาดเล็กน้อยที่เล็ดรอดผ่านสายตาเธอมาก่อน เธออาจจะเสียสมาธิไปบ้างเพราะมัวกังวลเกี่ยวกับเรื่องงานที่เธอคิดว่าเขาไม่หยิบไม่จับขึ้นมาดู แต่ความจริงแล้วเขาดูและทำแล้วทั้งหมด เพียงแต่เธอคาดไม่ถึงเองเท่านั้น
ดังนั้นจุดผิดพลาดเล็กน้อยที่ผ่านสายตาเธอมาเขากลับหามันเจอแทนที่จะเป็นเธอที่ต้องสกรีนงานก่อนส่งให้เขา และที่สำคัญงานที่กองอยู่บนโต๊ะที่เธอคิดว่าไม่ได้ถูกจับขึ้นมาดูล้วนผ่านการพิจารณาแล้วทั้งสิ้น ไอ้ที่นิ่ง ๆ อยู่ก็คือทำเสร็จแล้วไม่ใช่ยังไม่ได้ทำอย่างที่เข้าใจ แก้วกานดารู้สึกผิดกับความคิดตัวเองที่ประเมิณเจ้านายของตัวเองในระดับต่ำ ชนิดที่ว่าหงุดหงิดกับท่าทางสบายไม่รู้ร้อนรู้หนาวนั้นมาเกือบชั่วโมง ใครจะไปรู้ว่าจากคนที่ดูไม่สนใจอะไรแต่กลับทำงานได้จริงจังแถมรอบครอบอีกด้วย ความเงียบเข้ามาปลุกคลุมชั่วขณะ แก้วกานดาจมจ่ออยู่กับความคิดของตัวเอง จนต้องตกใจกับเสียงเรียกของอานนท์และสุภัทราเพื่อนรักสองคนแทน
“ยืนจนแมลงวันบินออกมาจากปากแล้ว แก้ว”
“อ้าวมาถึงกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตอนที่เธอกำลังยืนเหม่อเมื่อห้านาทีที่แล้ว”
หลังจากตรวจดูงานบนโต๊ะเสร็จเรียบร้อยแล้วแก้วกานดาก็ออกไปกินข้าวพร้อมกันกับอานนท์และสุภัทราในช่วงเที่ยงก่อนที่จะกลับเข้ามาในสนามรบของการทำงานอีกครั้งเพราะช่วงบ่ายต้องมีการประชุมผู้ถือหุ้นพร้อมกับเปิดตัวว่าที่เจ้านายของเธอที่เข้ามารับตำแหน่งอย่างเต็มตัว และมีความสบายใจเพิ่มไม่ต้องจิตตกเป็นกังวลว่าเขาจะไม่สนใจและพยายามทำลายเก้าอี้ประธานบริษัทของตัวเองอย่างที่เธอเข้าใจ อย่างน้อย ๆ เขาก็ได้เริ่มเรียนรู้ที่จะบริหารงานอย่างจริงจัง เลขาส่วนตัวที่เป็นเพียงผู้ช่วยของเขาทำได้เพียงทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสุดกำลัง ส่วนที่เหลือก็คงเป็นตัวคุณปณิธานที่ต้องพิสูจน์ตัวเองภายใต้การบริหางานในสภาวะกดดันแบบนี้
บางครั้งการเงียบแต่ข้อมูลก็เพียบนะคะ ท่านประธานของเราเขาเป็นเสือซุ่มแน่ ๆ
ขอบคุณทุกยอดวิว ขอบคุณที่เปิดเข้ามาอ่าน ติชมคอมเม้นมาเพื่อป็นคลังกำลังใจมหาศาลมาให้หน่อยน้า อ้อนนนน ทำตาปริบ ๆ พรีสสสสสส
รักเสมอ ๆ กรองแก้วดารา
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ฝ่ายต่างเลือกจะไม่พูดถึง ว่ารู้จักกันมาก่อนถึงตอนนี้อานนท์เองก็ยังไม่มีใคร ค่ะ ขอบคุณมากๆเลยนะคะที่ช่วยเก็บรายละเอียดให้จริง ๆ แล้วบางอย่างก็มองข้ามไปด้วยความสมเหตุสมผลบางอย่างก็ยังไม่อนบเนียน ผู้เขียนจะบอกว่าเป็นเรื่องแรกจริง
ที่ลองเขียน วันนี้ยังคิดอยู่เลยรายละเอียดส่วนเพิ่มเติมมันขาดไปเยอะ กำลังไร่อ่านและกลับไปรีไรท์เพิ่มเติมให้นะคะ ความระเมียดละไมหลายอย่างก็หายไป ภาษาไทยก็อ่อน คำผิดก็มีมาก จะรีบเข้าไปเก็บและ รีไรท์แก้ไขและปรับปรุงให้อีกนะคะ