ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ไข่พะโล้
....
......
........
( พายัพ )
"ไอ้ธาร ไอ้ธาร เป็นไงบ้างว่ะ” แมร่งเล่นซะผมหัวใจแทบวายตาย
“เห้ย อะไรมึง กูโอเค ไม่ได้เป็นไรสักหน่อย” เอาจริงๆมั้ยครับ ถ้าไอ้ธารเจ็บแม้แต่น้อย พ่อมันเดือดแน่และคนที่จะโดนเล่นคือผม เพราะผมไปรับปากพ่อของไอ้ธารไว้ว่าจะดูแลไอ้ธารให้ในระหว่างที่อยู่มหาลัย แล้วพอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ผมยอมรับเลยว่ากลัวมากๆ สังเกตจากหน้าผมได้ ณ จุดนี้คือซีดมาก
“มึงเป็นไรว่ะไอ้ยับ” ผมควรทำไงดี ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปให้มันดูน่าสงสาร
“กูขอโทษนะเว้ย ที่กูทิ้งมึงไว้แบบนั้น จนมึงได้รับอันตราย มึงอย่าบอกพ่อมึงเลยนะ กูขอร้อง” เอาแบบนี้แหละไอ้ธารมันขี้สงสารคน
“กูก็ไม่ได้เป็นอะไรนิ แล้วกูจะบอกพ่อเรื่องอะไรว่ะ” มันช่างเป็นคนดีจริงๆครับ ผมเป็นเพื่อนกับไอ้ธารมาตั้งแต่สมัยอนุบาล ประถม มัธยม จนตอนนี้เราเรียนในมหาลัยเดียวกันอีก ผมรู้ทุกเรื่องของไอ้ธาร เหมือนๆกับที่ไอ้ธารมันก็รู้ทุกเรื่องของผม ผมชื่อ “นายพายัพ เทวพันธ์” รุ่นราวคราวเดียวกับกับไอ้ธารเลย
“ไอ้ยับ” จู่ๆไอ้ธารก็ทำหน้าเศร้าแล้วมันก็ร้องไห้ออกมา
“เห้ยมึง เป็นเชี่ยไรเนี่ย ไม่ร้องไห้ดิว่ะ มึงโตแล้วนะเว้ย” ผมรู้ดีครับว่ามันเสียใจเรื่องอะไร
“มึงเห็นใช่มั้ยว่ะ” เห็นเต็มสองตาเลยเพราะผมแอบมองอยู่ห่างๆ
“พี่เขาจำกูไม่ได้”
“มันไม่แปลกหรอกที่พี่เขาจะจำมึงไม่ได้” ขออธิบายหน่อยแล้วก่อน สมัยมัธยมไอ้ธารมันชอบแพ้นู้น แพ้นี่และที่หนักสุดคือมันแพ้ฮอร์โมนตัวเอง สิวเอย รอยแดงเอย ฝ้าเอย จุดด่างดำเอยต่างก็พากันแห่ขันหมากมาสู่ขอใบหน้าขอไอ้ธารจนเต็มไปหมด ตอนนั้นมันโดนล้อจนต้องร้องไห้ทุกวัน โดยเฉพาะรุ่นพี่ที่มันแอบชอบ เดินผ่านแทบไม่ได้เป็นต้องแซว แต่ไอ้ธารมันก็ไม่เคยโกรธ ไม่เคยต่อว่ากลับสักคำ มันปลื้มมากจนรู้ข้อมูลทุกอย่างของรุ่นพี่คนนั้น แต่มันไม่เคยแสดงตัว แล้วพอถึงตอนที่มันเข้าขั้นโคม่าป่วยจนต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนั้นกินระยะเวลาเกือบๆเดือนครึ่ง พ่อไอ้ธารที่อยู่เกาหลีรู้เรื่องเข้าจึงต้องเอาไอ้ธารไปรักษาตัวที่นู้นต่อ ยอมรับครับว่าผมไม่ได้ติดต่อกับมันอีกเลย จนกระทั่งม.4 เทอม2 ผมได้ข่าวว่ามันกลับบ้านแล้ว ผมดีใจสุดๆเลิกเรียนปุ๊ปผมก็รีบไปหามันที่บ้าน แต่พอไปที่บ้านกลับเจอใครไม่รู้นั่งให้อาหารปลาอยู่หน้าบ้าน ผมมองไปรอบๆก็เห็นลุงคนสวนคนเดิมตัดต้นไม้อยู่ สักพักไอ้เด็กคนนั้นมันเรียกชื่อผมว่าไอ้ยับเยิน ผมตกใจมากเพราะนอกจากไอ้ธารแล้วไม่มีใครเรียกผมชื่อนี้ ผมเลยเข้าไปดูมันใกล้ๆ เชื่อมั้ยครับว่านั่นคือไอ้ธาร มันเปลี่ยนไปมากทั้งผิวพรรณที่ขาวผ่อง ใบหน้าที่เรียบเนียนใสกิ๊ก แต่สิ่งนึงที่เปลี่ยนไปคือมันใส่แว่นเท่านั้นเอง ผมกอดมันด้วยความดีใจมากๆครับ นั่นเป็นเหตุผลครับที่ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมไอ้รุ่นพี่คนนั้นจะจำมันไม่ได้ เพราะตัวผมเองก็เคยจำมันไม่ได้เช่นกัน ผมขับรถจากมหาลัยมาส่งมันที่บ้านเจอแม่นมของไอ้ธารมันทำกับข้าวอยู่ในครัว ผมก็เข้าไปทักตามมารยาทครับ แต่อีกมุมนึงของห้องครัวผมก็เห็นเด็กคนหนึ่งยืนล้างผักอยู่
“สวัสดีครับป้าวรรณณา นี่วันนี้จะทำเมนูอะไรครับ”
“อ้าวคุณพายัพ สวัสดีค่ะ วันนี้ป้าจะทำไข่พะโล้ของชอบคุณธารเขานะค่ะ”
“โห แล้วของชอบผมล่ะครับป้า”
“แหมๆๆ..ไม่ต้องน้อยใจไปค่ะ เดี๋ยวป้าทำให้ ไข่ตุ๋นทรงเครื่องใช่มั้ยค่ะ”
“ครับป้า ป้ารู้ใจผมจริงๆเลย”
“เออ อาร์มมานี่หน่อยลูก” ไอ้เด็กคนนั้นมันหน้าคุ้นๆแหะ อย่าบอกนะว่า
“สวัสดีพี่พายัพยัง จำพี่เขาได้มั้ยลูก” เยร็ดดเข้..ลูกป้าวรรณณาจริงๆด้วย ทำไมมันดูดีขึ้นจังว่ะ
“สวัสดีครับพี่พายัพ” หน้ามันนิ่งมากครับ เหมือนไม่อยากจะเจอผมยังไงไม่รู้ เอ๊ะ!!..หรือผมคิดไปเอง
“ดีครับน้องอาร์ม ไม่เจอกันนานโตขึ้นเยอะเลยเนอะ” เมื่อก่อนตอนเด็กๆป้าวรรณณามักจะเอาอาร์มมาอยู่ด้วยในช่วงปิดเทอม ผมชอบแกล้งน้องมันมากเพราะตอนนั้นอาร์มมันอ้วนจ่ำม่ำและขี้งอแง ผมกับไอ้ธารเลยชอบแกล้งเอามากๆ
“ครับ ไม่มีไรแล้วใช่มั้ยแม่ ผมล้างผักต่อนะ” สีหน้ามันดูเศร้าๆแหะ ตั้งแต่ป.6 มันก็ผ่านมานานแล้วที่ไม่เจอน้องมัน ตอนนี้มันโตขึ้นมาก คงไม่อยากเล่นเป็นเด็กๆเหมือนเมื่อก่อนแล้วมั้ง แล้วผมมาระลึกชาติอะไรตอนนี้ว่ะ บ้าจริงๆๆ
“ไอ้ยับ มึงมาทำอะไรในนี้” ลูกเจ้าของบ้านมาตามถึงในครัว
“มีไรว่ะมึง” ผมถามมันด้วยๆสีหน้าเอ๋อๆ
“เปล่า กูเห็นมึงไม่อยู่ที่ห้องรับแขก” เล่นใหญ่ไปอีก ผมรู้ครับว่ามันไม่อยากให้ผมพูดเรื่องวันนี้ให้คนในบ้านรู้
“แม่นม ผมให้พี่นิดจัดห้องให้น้องอาร์มให้แล้วนะครับ อยู่ติดกับห้องผมเลย” อ้าว ไอ้ธารรู้เรื่องแล้วหรอว่ะ ทำไมมันไม่ยอมบอกผมว่ะ
“อุ้ย..คุณธาร ไม่เป็นไรค่ะ ให้อาร์มนอนกับป้าก็ได้” ผมเหมือนเป็นอากาศเลยอ่ะ
“โธ่แม่นม น้องมันโตแล้วนะ คงอยากมีพื้นที่ส่วนตัวบ้าง ใช่มั้ยอาร์ม” แหมๆๆเข้ากันดีจังนะ ไอ้เด็กนั่นก็ไม่ขัดสักอย่าง
“ขอบคุณมากค่ะคุณธาร อาร์มขอบคุณพี่เขายัง” มันเดินมาหาไอ้ธารด้วยใบหน้ายิ้มแย้มต่างจากผมเมื่อกี๊มาก ไอ้เด็กนี่สองมาตรฐานชัดๆ
“งั้นคุณธารกับคุณพายัพไปรอป้าที่โต๊ะอาหารนะค่ะ ป้าจะยกอาหารไปเสิร์ฟ” ในระหว่างที่ทานข้าวผมก็เอาแต่จ้องหน้าไอ้เด็กนั่นเพราะมันนั่งตรงข้ามกับผม ทุกครั้งที่พ่อไอ้ธารไม่อยู่มันจะให้ทุกคนในบ้านกินข้าวพร้อมมัน โต๊ะเดียวกัน ไม่ว่าจะคนสวน แม่บ้าน การ์ด รปภ. แม่นม คือมันทำตัวเป็นกลางสุดๆไม่เหมาะเลยกับการเป็นลูกมาเฟีย มันหันไปมองป้าวรรณณาเหมือนป้าอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ไม่ยอมพูด และด้วยความหวังดีของผม ผมเลยเป็นฝ่ายเปิดประเด็น
“ป้าวรรณณามีไรจะพูดรึป่าวครับ” ทุกคนรอบโต๊ะอาหารหันไปหาป้าวรรณณากันหมด
“เอ่อ คือ จริงก็มีอยู่ค่ะ แต่ไว้คุยก็ได้ค่ะ” พอป้าแกพูดแบบนี้ ต่อมเผือกผมยิ่งทำงานมากขึ้น
“ไม่เป็นไรครับป้าพูดออกมาเลย” ไอ้ธารมองมาทางผมครั้งนึง เหมือนจะด่าผมว่าเสียมารยาท
“คือป้าว่าจะขอย้ายไม่อยู่ด้านนอกอ่ะค่ะ”
“ทำไมล่ะครับป้า” ไอ้ธารเป็นฝ่ายพูดเองเลยทีนี้
“คือ หลังจากที่แม่ของป้าเสีย เจ้าอาร์มก็ต้องอยู่คนเดียว ป้าจึงจะให้อาร์มย้ายมาอยู่ด้วย แล้วป้าจะให้มันเรียนที่นี่ด้วยเลย จึงคิดว่าจะย้ายไปเช่าบ้านใกล้โรงเรียนอ่ะค่ะ น่าจะดีกว่า” โห ดราม่าซะงั้น ผมผิดเลยอ่ะที่เปิดประเด็น
“แม่นมก็อยู่ที่นี่แหละครับ จะย้ายออกไปทำไมล่ะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณธาร ป้าคิดดีแล้ว คุณท่านดีกับป้ามาก เอาจริงๆคือป้าไม่อยากรบกวนท่านอีกอ่ะค่ะ”
“ได้ยินแล้วใช่มั้ยป๊า” ทุกคนงงกันหมด ใช่ครับผมก็งง ว่าไอ้ธารมันเอ่ยถึงพ่อมัน จู่ๆเสียงของพ่อมันก็ดังขึ้นมา
“ได้ยินแล้ว พ่อจะให้ลูกจัดการเรื่องนี้นะ พ่อเชื่อว่าลูกคิดเหมือนพ่อ” ไอ้ธารแอบโทรหาพ่อมันตอนไหนว่ะ ไอ้นี้มันร้ายจริงๆ
“ทุกคนได้ยินแล้วนะครับ ผมขอสั่งให้ป้ากับอาร์มอยู่ที่นี่ต่อ โดยผมจะคิดค่าห้องของอาร์มเพื่อให้ป้าสบายใจ ส่วนเรื่องโรงเรียนของอาร์ม ผมจะหาให้เองครับ โดยเอาโรงเรียนที่เป็นทางผ่านในการไปมหาลัยของผม เพื่อที่อาร์มจะได้ไม่ต้องเสียค่าเดินทาง แบบนี้ป้าโอเคมั้ยครับ” เยร็ดด...เข้ ไอ้ธารแมร่งโครตผู้นำเลย มันดูโตจากเมื่อก่อนมาก มันตัดสินใจได้เฉียบขาดมาก ผมคนนึงแหละขอปรบมือให้
“คุณธารพูดจริงๆนะค่ะว่าจะคิดค่าห้อง ไม่ให้อาร์มอยู่ฟรี”
“ครับป้า ป้าอยู่กับผมมานาน ดูแลผมตั้งแต่ผมยังเด็ก ถ้าผมช่วยป้าไม่ได้ผมก็เนรคุณมาก เพราะงั้นถือว่าผมขอร้องนะครับ”
“ขอบคุณค่ะคุณธาร อาร์มขอบคุณพี่เขาสิลูก ฝากขอบคุณคุณท่านด้วยนะค่ะ” ไอ้ธารแมร่งหล่อเลย ไอ้เด็กนั่นมันยิ้มได้แล้ว ผมรู้สึกเหมือนโลกสดใสมาเลยอ่ะ
....
......
........
( สายธาร )
แป๊บเดียวเวลาผ่านไปไวมากทางคณะผมนัดรวมตัวรับน้องสักที คือผมรอวันนี้มานานมากเพราะถ้ารับน้องเสร็จ ผมก็จะได้เรียนจริงๆ จังๆ สักที ผมกับไอ้ยับเรียนคณะเดียวกันแต่คนละสาขา โชคดีอยู่ที่คณะรับน้องรวมกัน วันนี้ก็คงไม่มีพิธีอะไรมากมายครับ แค่มีอธิการมาพูดพบปะและก็มีกิจกรรมทำความรู้จักเพื่อนๆในคณะเท่านั้นเอง ช่วงเที่ยงผมกับไอ้ยับนัดกันว่าจะไปกินข้าวที่โรงอาหารของมหาลัย ระหว่างทางผมก็โดนหนุ่มๆคณะนิเทศแซวประมาณว่าจะจีบผมอ่ะ ให้ตายเหอะ..ผมไม่ได้ชอบผู้ชายป่ะ แล้วหน้าผมหวานมันผิดมากมั้ย
“น้องธารใช่มั้ยครับ พี่ขอไลน์หน่อยดิ” แรงได้อีกครับ ไอ้นี่ถึงกับรู้ชื่อเลยอ่ะ
“ไม่ได้เล่นครับ ถึงเล่นก็ไม่ให้ครับ ผมขอตัว”
“โทษนะพี่ นี่แฟนผม” ไอ้ยับทำเรื่องงามไส้อีกแล้ว มโนไปอีกว่าผมเป็นแฟนมัน แต่ก็ดีครับเพราะที่มันทำก็ช่วยให้ผมหลุดพ้นจากรุ่นพี่พวกนั้นได้ วันนี้ที่โรงอาหารคนเยอะมากจัง ผมกับไอ้ยับยืนต่อคิวเพื่อจะซื้อข้าวราดแกง ผมดูรีวิวของมหาลัยมานิสิตส่วนใหญ่บอกว่าร้านนี้เด็ดจริงไรจริง โดยเฉพาะของโปรดผมไข่พะโล้ อีกสามคิวครับก็จะถึงคิวผมแล้ว ยอมรับเลยว่าหิวมากๆ ผมมองไปที่ถาดไข่พะโล้มันยังเหลือไข่อีก 4 ใบแน่นอนครับว่ายังไงมันก็หมดที่ผมแน่นอน แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อไอ้คนข้างหน้ามันซื้อพะโล้หมดถาดเลย แล้วมันก็ซื้อแค่ไข่พะโล้อย่างเดียวด้วย หมดกันความฝันของผมแล้วที่เด็ดไปกว่านั้นคือไข่ตุ๋นของไอยับก็หมดเช่นกัน ความซวยบังเกิดชัดๆผมนี่อยากดูหน้ามันจริงๆ เลยวิ่งไปดักด้านหน้าโดยแอบดูตรงเสา แมร่ง..ซวยซ้ำซวยซ้อนไปอีกเมื่อคนที่ผมอยากเห็นหน้าคือไอ้พี่พีท โธ่เอ้ย..หรือพี่มันจะแกล้งเราว่ะ แต่พี่มันไม่รู้นี่หว่าว่าพี่เราชอบไข่พะโล้
“อ้าวน้องคนนั่นนิ” เสียงคุ้นๆดังมาจากด้านหลังผม ผมนี่สะดุ้งเลย และไอ้คนที่ทักคือไอ้พี่ภู ผมอยากจะบ้าตาย
“หวัดดีครับพี่”
“ดีครับ น้อง…”
“ผมชื่อสายธารครับ”
“ครับ พี่ชื่อภูตะวันนะ”
“อ่อครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะพี่” ผมรีบไปหาไอ้ยับและดึงแขนมันออกจากโรงอาหารอย่างรวดเร็ว ผมแปลกใจนิดหน่อยนะเรื่องพี่ภู จู่ๆก็บอกแนะนำตัวให้รู้จัก ให้ตายเหอะ
“เห้ยไอ้ธารมึงจะพากูไปไหนเนี่ย” เสียงบ่นไอ้ยับดังมาตลอดทาง ซึ่งผมได้เฉลยคำตอบมันด้วยการพามาที่สหกรณ์
“นี่ไงมึง สหกรณ์มอเรา” หน้าของไอ้ยับเอ๋อแเดกไปเลย
“มาเพื่อ” ผมลากมันเข้าไปในสหกรณ์
“มึงอยากได้หรืออยากกินอะไรมึงเลือกเลยนะไอ้ยับ กูเลี้ยงเอง” สิ้นคำพูดผมเท่านั้นแหละครับไอ้ยับก็หยิบตะกร้ามาเลย ส่วนผมก็หยิบเช่นกันครับแต่ผมไม่ได้เลือกของหลายอย่าง อย่างเดียวที่ผมเลือกคือขนมไทยชนิดนึงและที่สำคัญคือผมหยิบมาหมดเลย
“โห..ไอ้ธาร มึงซื้ออะไรเนี่ย” วันนี้ผมคงทำไอ้ยับงงไปหลายรอบ
“ขนมหม้อแกงไง มึงไม่รู้จักรึไง ของมึงจะให้กูจ่ายมั้ย” ไอ้ยับรีบวางทันที เห็นแก่กินชะมัด จริงๆแล้วผมแค่แกล้งคนๆนึงที่มันบังอาจเหมาไข่พะโล้ผมไป คิดแล้วแค้นไม่หาย จากนั้นผมกับไอ้ยับก็พากันมานั่งที่ใต้ต้นไม้แห่งหนึ่งของมอ ผมเอาขนมหม้อแกงมาแกะกิน ขณะที่กำลังกินอย่างอร่อย
“มึงจะแกล้งพี่เขาใช่มั้ย” คำถามที่แทงใจดำสุดๆ
“อะไรของมึง กูแค่อยากกินป่าวว่ะ” บ่ายเบี่ยงไปทั้งๆคำตอบมันใช่
“หรอ กูเชื่อมึงตายแหละ มึงคิดว่ากูลืมหรอ ไม่ใช่เพราะมึงหรอที่ทำให้พี่เขาชอบกินขนมหม้อแกง” ไอ้ยับมันจะย้อนอดีตเพื่อ.... แต่เอาจริงๆมันก็เป็นเพราะผมนั่นแหละ เรื่องมันก็นานมาแล้วคือผมรู้มาว่ารุ่นพี่คนนั้นเขาไม่ชอบกินขนมไทยเลย ผมเองก็แปลกใจนะเป็นคนไทยซะเปล่า แล้วด้วยความที่ผมแอบชอบพี่เขาไงเลยรู้เรื่องนี้ดี ผมเลยอยากจะช่วยพี่เขา ผมกับไอ้ยับระดมสมองกันเต็มที่จึงได้ความคิดนั้นออกมา คือเอาขนมหม้อแกงมาทำเป็นเค้ก โดยหน้าเค้กเป็นช็อกโกแลตแต่ด้านในเป็นขนมหม้อแกง ผมฝากแฟนคลับให้เอาไปให้พี่เขาที่ห้อง พอดีเลยที่วันนั้นเป็นวันเกิดพี่เขาพอดี ( คือรู้อยู่แล้วต่างหากและตั้งใจจะทำด้วย ) ผมกับไอ้ยับลงทุนปีนต้นไม้เพื่อสังเกตการณ์และก็เห็นว่าพี่เขากินได้ ผมยิ้มอย่างมีความสุขมากเพราะผมประสบความสำเร็จกับเป้าหมายที่ผมได้ตั้งไว้ จนตอนนี้ผมไม่คิดว่ารุ่นพี่คนนั้นจะบ้าคลั่งขนมหม้อแกงขนาดนี้ แต่สูตรหม้อแกงของแม่นมผมมีเจ้าเดียวนะ ไม่ได้ทำขายด้วย
“เออไอ้ธาร..กูว่าวันศุกร์นี้จะไปค้างบ้านมึงนะ” ผมนี่เกือบสำลักขนม
“ไปนอนด้วย…มึงไปทำไมว่ะ” สายตามันจิกมาที่ผม
“ก็มึงต้องย้ายมาอยู่หอใน กูเลยต้องช่วยมึงขนสัมภาระไง” จริงด้วย..นี่ผมลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าต้องย้ายมาอยู่หอ
“เออดี เฉพาะอาร์มคนเดียวคงไม่ไหวแน่ๆ” สิ้นประโยคนี้ไอ้เพื่อนที่นั่งข้างๆหันจวับด้วยความตกใจ
"จริงดิ ที่น้องอาร์มจะมาช่วย" ผมหยักหน้าไปทีนึง ก่อนอีกฝ่ายจะหันไปกินต่อ ส่วนตัวผมเองก็แอบตื่นเต้นเหมือนกันนะ เพราะนี่จะเป็นครั้งแรกที่ผมจะได้ใช้ชีวิตนอกบ้าน ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้หรือเปล่า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น