ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Under score "โปรดเติมช่องว่าง...ในหัวใจ"

    ลำดับตอนที่ #1 : สายตาที่พล่ามัว

    • อัปเดตล่าสุด 23 พ.ค. 61


    ....
    ......
    ........
    ( สายธาร )


            สวัสดีครับผมชื่อ “สายธาร” หรือเรียกเต็มๆว่า “นายธารธารา อัศวมงคลชัย” อายุ 18 ปี ตอนนี้ผมเรียนจบมัธยมแล้ว และกำลังจะศึกษาต่อในมหาลัยชื่อดังxxx คณะแพทยศาสตร์ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่ายินดีเอามากๆพวกคุณว่าจริงมั้ย แต่ปัญหาคือรุ่นพี่ที่ผมแอบชอบเขาก็เรียนที่นี่เหมือนกันนะสิ จะบ้าตาย แต่ถ้ามองโลกในแง่ดีคือมหาลัยออกจะใหญ่โตแถมยังเรียนคนละคณะอีก แน่นอนครับว่ามันยากมากที่จะมาเจอกัน ผมเองก็หวังเช่นนั้นนะ วันนี้ทางคณะเขานัดมารับรหัสนักศึกษาซึ่งผมเองก็มานั่งรอตั้งแต่ 8.00 น. ตามเวลานัดเปะๆ ( คงเป็นคุณเท่านั้นที่ทำให้ใจผมหยุดเหงา ) ไม่ต้องตกใจครับเสียงมือถือผมเอง โครตจะเชยเลย ปลายทางคือไอ้ยับเยิน สงสัยจะโทรมาบอกว่าตื่นสายชัวร์

            “ไงมึง” คำทักทายของเพื่อนสนิทระหว่างผมกับมัน

            “ฮัลโล ไอ้ธารกูตื่นสายว่ะ” นั่นไง ผมว่าแล้ว

            “คือจะบอกว่าให้กูรับรหัสแทนมึงใช่มั้ย” 

            “แหมๆๆ มึงนี่รู้ใจกูจริงๆเลยนะ” ผมขอมองบนแป๊บ

            “เออๆ เชิญมึงนอนต่อเลยครับ”

            “ขอบใจนะมึง” แล้วปลายทางก็วางสายใส่ผมทันที นอกจากจะใช้งานผมแล้วมันยังจะเสียมารยาทใส่ผมอีก ไอ้เพื่อนเวร เกือบลืมแนะนำไป คนเมื่อสักครู่คือเพื่อนสนิทผมตั้งแต่อนุบาลยันปัจจุบันมันชื่อไอ้ยับเยิน ไม่สิชื่อนี้ผมเรียกมันคนเดียว “พายัพ” นี่แหละชื่อมันจริงๆ ไอ้นี่มันเป็นคนชอบตื่นสาย ชอบนอนเป็นชีวิตจิตใจ สมัยก่อนเพื่อนๆในห้องมักจะเรียกมันว่าสายอาชีพ เพราะมันชอบมาโรงเรียนสายจนนับเป็นอาชีพได้เลย กลับมาที่เรื่องผมดีกว่า ตอนนี้ผมได้รับรหัสแล้วและกำลังจะไปหอสมุด เอาจริงๆป่ะ คือผมเดินหลงมาไหนก็ไม่รู้ มองรอบๆแล้วมีแต่นิสิตใส่เสื้อช็อปสีแดง ชิปหายแล้วนี่มันหน้าตึกคณะวิศวะนิ งามไส้แล้วกู ผมรีบเดินหนีจากตึกนี้อย่างรวดเร็ว ขณะที่กำลังก้มหน้าก้มตาเดินอย่างตั้งใจก็เสือกไปชนกับใครบางคนที่เดินสวนมาพอดี เชี้ยแล้วแว่นตกหายไปไหนเนี่ย โอ้ย..ให้ตายเหอะยิ่งไม่อยากจะอยู่แถวนี้อยู่ด้วย

            “น้องครับ นี่ใช่แว่นตาของน้องป่าว” ใครว่ะ เสียงหล่อมาก แถมเก็บแว่นผมได้ด้วย

            “ไหนครับพี่ ขาสีดำป่ะ” ผมต้องถามก่อนเพื่อความมั่นใจ

            “อ่อ ไม่ใช่นะ มันเป็นสีเงินอ่ะ” นั่นไง ไม่ใช่จริงๆด้วย ดีนะที่ถามก่อน ไม่งั้นได้หน้าแตกแน่

            “ไม่ใช่ของผมแล้วแหละ” รอไรล่ะก้มหน้าก้มตาหาต่อสิ มองก็ไม่เห็น แม่งจะโดนขี้หมาขี้แมวมั้ยเนี่ย เห้อ ถอนหายใจยาวๆหน่อย คงโดนคนแถวนี้เดินเตะไปแล้วมั้ง เอาว่ะเดินไปทั้งอย่างนี้แหละ ชีวิตผมวันแรกช่างเป็นอะไรที่น่าจดจำมากๆ เส้นทางที่แสนจะมัวหมองของผมมันช่างน่าสมเพสจริงๆ ตอนนี้ผมหาที่พักพิงได้แล้ว ชักช้าอยู่ใยผมรีบโทรหาไอ้ยับทันที นี่ก็เพ่งหน้าจอจนจะแตกอยู่แล้ว

             “ฮัลโล ไอ้ยับ มาช่วยกูด้วย” ทำเสียงเศร้าๆใส่ให้มันสงสารหน่อย

            “เห้ย นี่มึงเป็นไร เกิดไรขึ้น มึงบอกกูมาดิ” มันตกใจมากเลยครับ เล่นซะรู้สึกผิดเลย

            “มาหากูหน่อย แว่นตากูหาย”

            “อะไรนะ แล้วมึงอีท่าไหนให้มันหาย” คือการทำแว่นตาหายนี่ต้องมีท่าประกอบด้วยหรอ

            “แล้วแต่มึงนะ รหัสมึงอยู่กับกู ถ้ายังอยากได้ก็ต้องรีบมาเอา ไม่งั้นกูจะ...” ผมดูเป็นคนชั่วขึ้นมาทันที

            “แหมมึง กูก็ต้องไปอยู่แล้วป่าวว่ะ งั้นมึงรอแปป ส่งโลมาด้วย”

            “อืม” ผมก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอกนะ แต่มันลำบากจริงๆ เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เชื่อมั้ยว่าไอ้ยับมันมาถึงแล้ว มันก็คงต้องเชื่อล่ะครับเพราะคอนโดมันอยู่ใกล้มหาลัยมากๆ ต่างจากผมที่ต้องแหกขี้หูขี้ตาตื่นมาแต่เช้าเพราะบ้านผมมันไกลเอามากๆ แต่ก็แค่ช่วงอาทิตย์แรกแหละเพราะอาทิตย์หน้าผมก็ย้ายมาพักในหอของมหาลัยแล้ว มันสะดวกแถมยังใกล้ด้วย 

           “อ่ะ แว่นตา” 

           “โห ว่องไว รวดเร็วมากๆ” 

            “นี่กูลงทุนซื้ออันใหม่ให้มึงเลยนะ”

            “เออๆๆ ขอบใจมึงมากนะ” แต่กูแค่ให้มึงมาหาป่าวว่ะ แล้วเสือกซื้อแว่นตามาอีก

            “งั้นมึงไปคณะนิเทศกับกู”

            “ไปทำไม” ไอ้นี่เริ่มแปลกๆขึ้นเรื่อยๆแล้ว

            “บอกให้มาก็มาดิ ไม่งั้นกูเอาแว่นคืนนะ” เอาอีกแล้ว คนอย่างมันมันเนี่ยจะไม่หวังสิ่งตอบแทนเลยคงยากอ่ะ และที่ไปเนี่ยไม่ต้องทายให้ลำบากเลยครับ ผมบอกตรงนี้เลยว่ามันไปดูสาวๆชัวร์ เพื่อนผมคนนี้มันหื่นและบ้ากามเอามากๆ ไม่รู้ว่ามันไปเก็บกดที่ไหนมา ในใจผมลึกๆแล้วผมก็อยากไปนะ 

            “เห้ย ไอ้ธารมึงว่าคนไหนแจ่มสุดว่ะ” ผมไม่ได้สนใจคำถามของไอ้ยับเลย เพราะสาวๆคณะนิเทศแจ่มๆทั้งนั้นเลย คนนั้นก็ขาว คนนี้ก็สวย โอ้ยยย…ใจผมละลายหมดแล้ว 

            “มองใหญ่เลยนะมึง ใครกันน๊า ที่บอกไม่อยากมา” ไอ้ยับเริ่มแซวขึ้นมาอีกครั้ง ผมเลยใช่มือของผมผลักหัวมันไปทีนึง มันทำเป็นร้องโอดโอย แม่ง…ช่างเป็นผู้ชายสตอเบอรรี่จริงๆ ในระว่างที่ผมกับไอ้ยับกำลังแอบส่องสาวๆนั้น ก็มีมือดีที่ไหนไม่รู้มาสะกิดด้านหลังผม ผมรู้สึกได้แต่ก็คิดว่าเป็นมือของไอ้ยับและพอเห็นไอ้ยับแอบถ่ายรูปอยู่ ก็เลยเริ่มเอะใจเพราะถ้าสองมือของไอ้ยับถ่ายรูปอยู่แล้วมือที่มาสะกิดเป็นมือของใคร ผมค่อยๆเหลียวหลังมองช้าๆเห็นเป็นรองเท้าคัตชูหนังสีดำ กางเกงสเล็คสีดำมันและเสื้อช็อปสีแดง ชิบหายแล้วนี่มันเด็กคณะวิศวะนิ มาทำอะไรกันที่นี่ว่ะ ผมรีบสะกิดไอ้ยับให้มันรู้ตัว แต่เมื่อมันหันมาเห็นสิ่งแรกที่มันทำคือยกสองมือขึ้นพนมพร้อมทักทาย 

            “สวัสดีครับพี่ๆ” หลังจากนั้นมันก็ใส่เกียร์วิ่ง 4 x 100 เมตรหายไปในพริบตา ด้วยผมคิดว่าไอ้ยับจะเป็นมีมารยาท หึ ที่ไหนได้ล่ะมันก็ชั่วอีกเหมือนเคย แล้วผมจะผมยังไงกับเหตุการณ์นี้ดี เอาว่ะไหนๆก็ไหนๆแล้วทำแบบไอ้ยับแล้วกัน ผมยกมือขึ้นพนมและกล่าวทักทายว่า 

            “สวัสดีครับรุ่นพี่” ผมเองก็ใส่เกียร์พร้อมออกตัว แต่แม่งมือใบลานของรุ่นพี่จับไหล่ผมเอาไว้ งามไส้แล้วตู ใจผมเต้นแรงมากเพราะผมกลัวสุดๆ 

            “คุณมาทำอะไรที่คณะนี้ครับ” คำถามที่โครตสุภาพนั่นทำไมมันทำให้ผมรู้สึกว่ามันเยือกเย็นแปลกๆ 

            “เอ่อ คือผม คะคะคือผม” เอาแล้วไง สั่นเป็นเจ้าเข้าไปอีก คำพูดก็ตะกุตะกะ 

            “ผมถามคุณ คุณได้ยินมั้ย” เออ คือตูได้ยินแล้วไง ตะคอกเพื่อ? 

            “อ่อ คือผมจะไปหอสมุดอ่ะครับ มีคนบอกผมว่าให้มาทางนี้” จะเนียนมั้ยอ่ะ 
      
            “อ่อหรอ ผมคิดว่าคุณมาแอบส่องสาวเสียอีก” ไอ้นี่ไม่ยอมเชื่อแหะ แต่ทำไมพูดจาไม่เข้าหูเอาซะเลย ผมจึงเงยหน้าโดยก่อนหน้านี้ผมก้มมาตลอด เอาจริงๆคือเริ่มเมื่อยคอแล้ว ไอ้เหี้ย!! ผมอุทานในใจนี่มัน… 

             “เห้ย!!...น้องระวัง” เป็นประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินในตอนนั้น

    ....
    ......
    ........
    ( พีท )


            “ไงมึง ไม่เจอกันเป็นเดือน” คำทักทายของเพื่อนๆในคณะผมเอง หลังจากที่สอบเสร็จกันเพื่อนๆผมมันก็แยกย้ายกันไปเที่ยว เหลือผมคนเดียวที่ใช้ชีวิตกับร้านซ่อมเครื่องยนต์ทั้งเดือน 

            “สบายดีว่ะ ไหนของฝากจากเมกาว่ะ” พวกนี้มันรู้ครับว่าผมพูดเล่น 

            “นี่โว้ย เอาไป” ไอ้ภูแม่งซื้อนาฬิกามาให้ว่ะ ไอ้นี่โครตใจเลย 

            “ไอ้พีท กูไม่ได้ซื้อไรมานะ แต่กูมีนี่มาให้” ส่วนไอ้ทิวมันกลับต่างจังหวัดกับครอบครัวมา 

            “เยร๊ดดดเข้..ขนมหม้อแกงของโปรดกู ขอบใจมากว่ะ” นี่แหละครับแก๊งผมมีกันอยู่ 3 คน ฉายาคือ “แก๊งเทพบุตรสุดเถื่อน” ได้มาอย่างไรอันนี้ผมก็ไม่รู้ แต่ในทวิตมีแฮทแท็กนี้ขึ้นอยู่อันดับต้นๆของมหาลัย สาวๆชอบแก๊งเรามากครับ คนที่ขายออกสุดคือไอ้ภู ของมันแน่อยู่แล้วครับเพราะไอ้นี่ทั้งหล่อ ทั้งรวย เรียนดี แถมยังเดือนคณะวิศวะอีกต่างหาก ส่วนผมกับไอ้ทิวก็ไม่ได้ว่าจะแย่นะครับ แค่เราไม่ได้เด่นเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างไรผมก็เป็นหัวหน้าแก๊ง ปีนี้พวกผมก็อยู่ปีสี่กันแล้วซึ่งผ่านไปไวมาก ตอนมาเป็นเฟรชชี่ยอมรับเลยว่าทรมานถึงขั้นอยากลาออกเลยล่ะ เพราะการรับน้องของที่นี่ยาวนานมาก ไหนจะเกียร์ ไหนจะธง เห้อ…พูดแล้วก็ยังเหนื่อยไม่หาย แต่ในปีนี้พวกผมทั้ง 3 คนได้รับเป็นตำแหน่งเฮดว๊าก แต่ไม่ใช่หัวหน้าเฮดว๊ากหรอกนะ รับรองว่าปีนี้ต้องสนุกแน่ๆ เออจริงสิผมเองลืมแนะนำตัว ผมชื่อ “นายพีระ พิพัฒน์สกุล” หรือเรียกผมว่า “พีท” ก็ได้นะ ตอนนี้อายุก็ 21 ย่าง 22 แล้วพอที่จะมีครอบครัวแล้ว 555 ผมล้อเล่นนี่ผมยังเรียนไม่จบเลยและที่สำคัญคือผมยังโสด 

            “ไอ้พีท ไปคณะนิเทศกัน ไอ้คิวเพื่อนกูคณะนิเทศส่งภาพน้องปี 1 มาให้ดูว่ะ แจ่มๆทั้งนั้นเลย” เอาแล้วไงกะแล้วว่าจะต้องมีคนเริ่มชวนไปเหล่สาว 

            “ไหนเอามาดูดิ เชร็ดดดดเค๊ก เออ..เด็ดจริงว่ะ” ไอ้ทิวกับไอ้ภูไม่รอช้ารีบเก็บกระเป๋าทันที ผมเองก็ไม่ได้น้อยหน้าวิ่งต่อขาแทบไม่ทัน  ในระหว่างที่กำลังเดินไปคณะนิเทศก็ดันมาเจอกับอธิการพอดี ชักช้าอยู่ใยยกมือไหว้สิครับ อธิการวานพวกเราช่วยขนของขึ้นตึก เห็นปุ๊ปก็ใช้งานปั๊ปกันเลยทีเดียว ผมเลยขอไปเข้าห้องน้ำก่อน พูดง่ายๆคือชิ่งหนี เหลือไอ้ภูกับไอ้ทิวที่ต้องอยู่รับกรรม ขณะที่ผมนั้นวิ่งไปมองหลังไปผมก็ดันไปชนกับรุ่นน้องคนนึง งานเข้าแล้วมั้ยล่ะ ชนน้องเขาล้มยังไม่พอ จังหวะที่จะเข้าไปช่วยพยุงขึ้นมาเท้าผมเสือกไปเหยียบแว่นน้องจนเลนส์แตกเลย 

            “เป็นอะไรมั้ยครับ นี่แว่นน้องป่ะ” ผมแกล้งถามไปงั้นๆทั้งๆที่รู้ว่ามันใช่

            “ไหนครับพี่ ขาสีดำป่ะ” เหมือนน้องถามแบบลังเล อีกอย่างเลนส์แตกแบบนี้จะให้ใส่ก็กะไรอยู่

            “อ่อ งั้นไม่ใช่อ่ะ ขามันสีเงิน” โกหกหน้าด้านๆมาก ผมรู้สึกแย่มากๆครับ เพราะผมเห็นน้องเดินไปอย่างช้าๆสงสัยจะมองทางไม่เห็น ผมจึงเดินตามน้องแบบห่างๆจนเห็นน้องได้ที่นั่งและเหมือนพยายามจ้องมือถือเพื่อจะโทรหาใครสักคน ผมยืนดูอยู่สักพักครับก็เห็นน้องอีกคนเดินมาหาพร้อมกับซื้อแว่นตาอันใหม่มาด้วย สงสัยจะเป็นคู่เกย์กันแน่ๆ แต่นั่นก็ทำให้ผมสบายใจขึ้น แล้วทำไมเราต้องเป็นห่วงน้องมันด้วยว่ะ 

            “ไอ้พีท” เสียงตะโกนมาแต่ไกลของไอ้ทิว ผมยกมือโบกแล้วยิ้มแห้งๆใส่ 

            “ทีแบบนี้ ไวเลยนะครับเพื่อน” ไอ้ภูพูดจนผมหลุดขำออกมา 
     
            “ก็พวกมึงช้าเองอ่ะ” การเอาตัวรอดไม่ใช่เรื่องผิดใช่มั้ยครับ 

            “เออเดี๋ยวไปห้องประชาสัมพันธ์กับกูก่อนนะ” ไอ้ทิวเอ่ยขึ้นมาแบบนี้เสนอว่างานจากอธิการยังไม่จบ 

            “ก็อธิการวานต่อให้กู 2 คนเอาเอกสารไปให้เจ้าหน้าที่ที่ก้องประชาสัมพันธ์” นั่นไงผมว่าแล้วเชียว แต่ให้ทำไงได้เน๊าะ ผมกับเพื่อนๆเอาเอกสารไปให้มาเสร็จเป็นอันจบหน้าที่ และความตั้งใจแรกของพวกเราทั้ง 3 คนก็วนกลับมาในความคิด แล้วพอมาถึงที่คณะผมก็เจอกับโจทย์เก่า นั่นคือไอ้คู่เกย์เมื่อกี๊ เห็นพวกมันมาทำลับๆล่อๆสงสัยมาด้วยจุดประสงค์เดียวกันกับพวกผม ไม่สิ!..มันชอบผู้ชายนิ จะมาดูสาวๆทำไม สงสัยผมต้องเข้าไปแกล้งสักหน่อย ผมเดินย่องๆเข้าไปทางด้านหลังแล้วใช้มือสะกิดเบาๆ ผมอมยิ้มเล็กน้อยเพราะพวกมันคงแปลกใจว่าใครสะกิด ไอ้แว่นนี่มองจากด้านหลังคุ้นๆจังว่ะเหมือนผมเคยรู้จักนะ แต่แมร่งนึกไม่ออก ไอ้อีกคนหันมาเจอผมยืนสูงพอๆกับมันก็ตกใจแถมยังมีมารยาทยกมือไหว้ผมอีก แต่พอไหว้เสร็จเท่านั้นแหละวิ่งหางจุกตูดเลย เหลือไอ้แว่นที่ยืนก้มหน้าไม่กล้าสบตาผม มันเตี้ยกว่าผมไม่มากแต่ก็ถือว่าเตี้ย ผิวมันแมร่งขาวออร่ามาก สงสัยเป็นลูกคุณหนู มันยกมือไหว้ผมเช่นกันแต่ดันไม่มองหน้าผม ผมเลยจับไหล่มันไว้และถามไปว่า 

            “มาทำอะไรที่นี่ครับ” ผมแกล้งถามไปงั้นแหละ แต่น้องมันสะดุ้งเหมือนตกใจ พูดติดๆขัดๆ 

            “ผมถามคุณ คุณได้ยินมั้ย” เพิ่มโทนเสียงให้ดังขึ้น คราวนี้น้องมันตัวสั่นเลยครับ น้องมันตอบผมว่าจะไปหอสมุด มีคนบอกให้มาทางนี้แต่มันก็ยังก้มอยู่เหมือนเดิม เหมือนน้องมันกลัวมากอ่ะตัวสั่นจนผมสังเกตได้ ผมเลยพูดจี้จุดประสงค์ของน้องที่มา 

            “อ่อหรอ ผมคิดว่ามาแอบส่องสาวซะอีก” คราวนี้น้องสตั๊นไปเลยสงสัยรับความจริงไม่ได้ เอาจริงๆผมก็ไปพูดกวนตีนน้องเขาเอง น้องมันยอมมองหน้าผมแล้ว แม่งเอ้ย หน้าน้องใสมาก ปากนี่แดงก่ำ หน้านี่จะหวานไปไหนถ้าใส่วิกคงสวยเลยอ่ะ ผมเหลือบขึ้นมองด้านบนแป๊ปนึงก็เห็นว่าป้ายรับน้องคณะนิเทศกำลังจะตกลงมาผมบอกให้น้องระวัง แล้วผมก็รีบดึงตัวน้องเข้ามาไว้ในอ้อมอกผม เราทั้งคู่ล้มตัวลงนอน ไอ้ทิวกับไอ้ภูรีบเข้ามาดูผมทันที รุ่นพี่ในคณะนิเทศรีบมาเก็บป้ายทันที ไอ้หน้าหวานสลบไปแล้ว ผมคิดว่ามันคงตกใจมาก รุ่นพี่คนนึงในคณะนิเทศอุ้มน้องไปปฐมพยาบาลทันที ผมเป็นห่วงมันนะเพราะสาเหตุนึงก็เป็นผมที่มีส่วนผิด แฟนมันวิ่งหน้าตาตื่นมาเชียว แหม..ทีตอนแรกวิ่งทิ้งแฟนเลย แต่แฟนมันคงรักมากเพราะหน้าตามันเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง ผมกับไอ้ภูและไอ้ทิวพากันไปหาไรกินกันต่อ แน่นอนว่าผมไม่ลืมที่หิ้วขนมหม้อแกงไปด้วย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×