[SF] Distance Kris X Lay
คิดถึง...ใครจะซึ้งคำนี้ดีเท่าฉัน
ผู้เข้าชมรวม
410
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
รถตู้สีขาวติดฟิล์มทึบแล่นเข้าไปจอดในที่จอดตรงทางเข้าคอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่งตัวตึกเป็นสไตล์โคโลเนียนสีขาวมีโดมเป็นหลังคาที่พื้นที่สำหรับจอดรับส่งหน้าตัวอาคาร พนักงานรักษาความปลอดภัยแต่งกายสีกรมท่าเดินมาเปิดประตูรถตู้ให้อย่างนอบน้อม
“ขอบคุณมากครับ” ร่างบางในชุดเสื้อคลุมแขนยาวสีดำมีผ้าคาดปิดปากไว้หันไปโค้งนิดเพื่อขอบคุณตามนิสัยประจำตัว
“อี้ชิงพักสองวันก่อนเปิดกล้องนะ”ผู้จัดการที่ตามมาด้วยเอ่ยบอกขณะเดินนำไปยังล๊อบบี้เพื่อรับกุญแจห้องให้ศิลปินที่เดินตามมาข้างหลัง
“ครับ” ร่างบางรับกุญแจมาและโค้งหัวขอบคุณเช่นเคยก่อนจะอีกฝ่ายจะเอ่ยนัดตารางงานให้พักผ่อนและจะโทรมาหาที่ห้องถ้าจะออกไปไหนเพราะได้ห้องพักอยู่อีกด้านในชั้นเดียวกัน
ร่างบางเดินตามพนักงานที่เข็นรถใส่กระเป๋าของเขากับผู้จัดการไปยังห้องพักของเขาก่อน พนักงานจัดการวางกระเป๋าของเขาลงหน้าห้องอย่างเรียบร้อยโค้งลาเพื่อนำกระเป๋าไปยังห้องของผู้จัดการที่อยู่อีกด้าน
“พี่ส่งแค่นี้นะห้องพี่ 3030นะอี้ชิง แต่เอาเป็นว่าโทรเข้าเบอร์ห้องหรือไลน์หาดีกว่าอย่าเดินไปเองมีไรพี่เดินมาหาเองเดี๋ยวหลงไปจะยุ่ง” ผู้จัดการเอ่ยและยิ้มอ่อนโยนเมื่อใบหน้าน่ารักนั้นมู่ลงอย่างขัดใจ
“ผมไม่หลงหรอกน่า ไม่ใช่เด็กสักหน่อย”
“พี่ล้อเล่นฝันดีนะ พรุ่งนี้ถ้าตื่นเช้าไปกินข้าวที่ห้องอาหารได้เลย ถ้าตื่นสายไว้คุยกันอีกที ” ผู้จัดการหนุ่มยิ้มให้อ่ยางใจดีก่อนจะโบกมือหันหลังเดินไปทางห้องตัวเองเมื่อเห็นศิลปินในสังกัดเสียบคีย์การ์ดเข้าห้องไปแล้ว
อี้ชิงลากกระเป๋าจากหน้าห้องเข้าไปในห้องพักก่อนจะยิ้มอย่างพอใจเมื่อเปิดไฟในห้องพบห้องสตูดิโอขนาดย่อมมีเตียงวางอยู่ด้านในสุดกั้นกับห้องรับแขกด้วยม่านหนาสีโอรสที่ตอนนี้ม่านถูกรวบไว้อย่างง่ายๆเพื่อเปิดให้เห็นหน้าต่างบานใหญ่ที่ฉายโชว์สีสันของเมืองในยามค่ำคืนเป็นประกายระยิบระยับอีกด้านนึงมีโต๊ะทำงานวางอยู่
ร่างบางถอนหายใจออกมานิดนึงเมื่อวางเป้ลงบนเตียงแล้วเดินไปชมวิวชั้น 30 ที่กระจกใสบานใหญ่ที่ยาวจรดผนังและสามารถดึงม่านสีโอรสอ่อนๆลงมากั้นแสงได้สามชั้นหากต้องการพักผ่อน อี้ชิงยืนอิงร่างกับกระจกมองแสงสีของเมืองหลวงยามค่ำคืนจากมุมสูงที่ราวกับดวงดาวหลากสีนั้น ตาคู่สวยเพ่งลึกก่อนจะเหม่อนิ่งอย่างตกในภวังค์
หัวใจดวงน้อยเต้นแรงก่อนจะแผ่วลงเมื่อคิดถึงใครอีกคนที่เวลานี้คงอยู่แผ่นเดียวกัน
เหมือนจะใกล้กันเหลือเกิน......หากความจริงมันช่างแสนไกล
…. KrrrrrrrrrrrrrrK rrrrrrrrrrrrrrrrr…………. เสียงมือถือดังไล่หยดน้ำที่กำลังก่อตัวให้ร่างบางหลุดจากภวังค์ความคิด
มือเรียวควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก่อนจะกดรับ
“ว่า” เสียงหวานเอ่ยเรียบๆเมื่อเห็นเบอร์คนที่โทรเข้ามา
“ถึงโรงแรมแล้วใช่ป่าวพี่” เสียงจื่อเทาน้องเล็กคนจีนดังมาตามสาย
“อื้อ มีไรเทาทำไมไม่พักพรุ่งนี้นายบินไปไต้หวันได้แล้วไม่ใช่เหรอ” อี้ชิงถามไปบ่นไปตามนิสัยก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะที่สองดังลอดเข้ามาในสาย เขายิ้มอ่อนๆคงเป็นเซฮุนแน่ๆ
“ผมจะฝากของให้พี่เอากลับมาเกาหลีให้หน่อย เดี๋ยวมีคนเอามาให้ที่ห้อง” เทาเอ่ย
“อ้อได้สิ แต่รู้เหรอพี่อยู่ห้องไหน ให้พี่ลงไปเอาที่ล๊อบบี้ไหม เพื่อนนายจะขึ้นมาได้เหรอ”
“ รู้ พี่ห้อง 3020ใช่ปะ”
“อื้อ เขาจะมารึยังพี่จะได้รอ ไม่งั้นจะอาบน้ำก่อนเหนียวตัวหมดแล้ว นายก็เหมือนกันพาเซฮุนพักผ่อนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องเดินทางอีกนะอย่ามัวแต่เล่นกันล่ะ ไม่งั้นพี่จะฟ้องซูโฮ”
“โอ้ยย พี่อี้ชิงผมวางละฝากเอาของกลับมาด้วยนะ ไม่อยู่ฟังพี่บ่นแล้วเปลืองค่าโทรศัพท์” เสียงเซฮุนบ่นงึมงัมตามสายตัดพ้ออี้ชิงมาอย่างน่ารักด้วยอีกคนทำให้ร่างบางยิ้มออกมานิดๆ
“เอาเถอะๆไม่บ่นก็ได้พี่แค่ห่วงนี่ ส่วนของอะเดี๋ยวจะเอากลับไปให้แล้วจะไปขูดรีดค่าฝากให้สิ้นเนื้อประดาตัวเลย”
“เชื่อผมเถอะถ้าพี่เห็นของแล้วพี่ไม่อยากมาเรียกค่ารับฝากจากผมหรอก ไปจริงๆละนะพี่”
“รีบนอนละ” อี้ชิงสำทับไปอีกปลายสายพียงหัวเราะไม่ได้รำคาญอย่างท่าทางที่แสดงออกเพราะรู้ว่าอี้ชิงเป็นห่วงทุกคนไปหมดใครๆถึงได้รัก จางอี้ชิง กันทั้งนั้น
“พี่ด้วยนะขอให้ฝันดี ผมอยากให้พี่มีความสุข” “ผมด้วย ผมด้วยน้าอี้ชิง” เสียงใสของเซฮุนแย่งพูดเข้ามาในสายก่อนจะตัดสายไป
อี้ชิงยิ้มให้โทรศัพท์ในมือก่อนจะส่ายหน้ายิ้มๆเมื่อนึกถึงเด็กซนสองคนที่ปลายสายเมื่อครู่อย่างเอ็นดู.
......ติ๊ง......... ยังไม่ทันได้นั่งลงกับเตียงนุ่มเสียงกดออดก็ดังขึ้นอี้ชิงสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองก่อนจะเดินไปส่องตาแมวหากแต่ไม่เห็นใครนอกจากเงาทอดมาร่างบางคิดว่าคงเป็นเพื่อนจื่อเทานั่นแหละมือเรียวจึงปลดล๊อคกลอนและเปิดประตูออก
หน้าประตูว่างเปล่าอยู่ครู่ก่อนร่างสูงจะก้าวจากด้านข้างมาปรากฏในสายตา ร่างสูงที่เคยคุ้นตา ไม่จำเป็นต้องเงยหน้าอี้ชิงก็รู้ว่าใครหัวใจดวงน้อยเหมือนราวกับหยุดเต้นไปชั่วขณะ ลมหายใจขาดห้วงราวกับอยู่ๆเขาก็ลืมวิธีการหายใจไปแล้ว ร่างบางสั่นน้อยๆก่อนสติจะขาดหาย
“อี้ชิง” เสียงห้าวทุ้มเอ่ยแผ่วเบาราวกับกระซิบเรียกสติและลมหายใจชอง จาง อี้ ชิง ให้กลับมา
ร่างบางหมุนตัวกลับเร็วราวถูกพายุไล่หลังกระพริบดวงตาถี่รัวเพื่อไล่หยาดน้ำใสที่ก่อตัวขึ้นรวดเร็วราวกับพายุมือเรียวจะดันประตูปิดหากร่างใหญ่ของอีกคนดันตัวเข้ามา ทำให้เขาเสียหลักถลำตัวเข้าไปในห้อง จนร่างสูงนั้นเข้ามาในห้องได้ทั้งตัวและเป็นคนปลดมือเขาออกเพื่อปิดประตูซะเอง
“เอ๊ะ” อี้ชิงอุทานออกมา ตาคู่สวยตวัดมองอย่างไม่พอใจขณะตัวถอยเข้ามาถึงโซฟาที่ไม่ได้ห่างจากประตูเข้านัก
“คุยกับพี่ก่อนได้ไหม”
“เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน เชิญคุณกลับไปเถอะ” ร่างบางหันหลังกลับยืนนิ่งสะกดลมหายใจผ่อนให้ร่างตัวเองไม่สั่นจนควบคุมไม่ได้ ปากอิ่มสวยเม้มเข้าหากันแน่นขบฟันเข้ากับกลีบปากเพื่อกลั้นเสียงที่จะหลุดรอดออกมา
ร่างสูงรวบเอวบางเข้าหาตัวแผ่นหลังสั่นระริกแนบชิดไปกับแผ่นอกกว้างที่ที่เคยอบอุ่นเสมอสำหรับอี้ชิง
แต่ไม่ใช่เวลานี้
ร่างบางเกร็งตัวแน่นหากไร้เรี่ยวแรงจะฝืนตัวออกจากอ้อมกอดแข็งแรงนั้นมือเรียวยกขึ้นปิดปากก่อนจะยอมปล่อยเสียงสะอื้นพร้อมหยดน้ำตาออกมาอย่างสุดกลั้น
กลิ่นเดิมที่คุ้นเคย
อ้อมแขนที่เขาเคยเป็นเจ้าของ
แผ่นอกกว้างที่ จางอี้ชิง เคยนึกอิจฉา
หากแต่ก็รักความอบอุ่นจากอ้อมอกนั้นเป็นที่สุด
ผู้ชายคนเดิม คนที่เขารักอย่างสุดหัวใจ หากก็ เกลียดจนแทบขาดใจเช่นกัน
อู๋ อี้ ฝาน
“ฮึก...ฮืออ ปล่อย” เสียงหวานขาดห้วงเพราะเจือด้วยแรงสะอื้น
“พี่คิดถึง” เสียงกระซิบข้างหูทำให้ร่างบางหมดเรี่ยวแรงมือบางกดปิดปากตัวเองแน่นขึ้นอย่างทรมาน
พยายามบอกว่าไม่ บอกตัวเองว่าจะไม่อ่อนแอ
บอกว่าไม่คิดถึง หากปากที่จะโกหกกลับอ้าไม่ขึ้น
หัวใจกลับร้องบอกว่าเขาเองโหยหา อ้อมแขนนี้ น้ำเสียงนี้ อย่างสุดหัวใจ .
....จาง อี้ ชิง หลอกตัวเองไม่ได้เลย
“พี่มาทำไม มาให้อี้เห็นอีกทำไม” ร่างบางเอ่ยเสียงขาดห้วงราวกับครางออกมาจากหัวใจ
“พี่คิดถึง อี้ชิง” เสียงทุ้มนั้นหนักแน่นทุกๆคำยิ่งพาให้หัวใจที่แพ้อยู่แล้ว แพ้มากกว่าเดิม
น้ำตาไหลหนักขึ้นจนมือเรียวหยุดที่จะเช็ดมันได้แต่ปล่อยให้มันไหลออกมาราวกับทำนบทลาย นานเหลือเกินที่เขาเก็บน้ำตาเอาไว้ไม่ร้องไห้ไม่ว่าเรื่องอะไร เพราะรู้ว่าจะไม่มีใครซับน้ำตาให้เหมือนเคย
เขาไม่อยากอ่อนแอเพราะยิ่งร้องไห้หัวใจก็ยิ่งเจ็บปวด
ยิ่งคิดถึง...มันก็ยิ่งโหยหา
และยิ่งทำให้ทรมานมากเหลือเกิน
คริส กอดร่างบางตรงหน้าแน่นขึ้นแน่นจนแทบจะหลอมร่างขาวบางนั้นรวมเข้ากับตัวเขากอดให้สมกับความคิดถึงเขารู้ว่าตัวเองเขาเองสร้างความเจ็บช้ำเจ็บปวดให้คนในอ้อมแขนมาแค่ไหน นับจากวันที่จากมาเขาก็ไม่สามารถติดต่ออี้ชิงได้เลย ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน แม้แต่ในแผ่นดินเดียวกันร่างบางก็ดูจะหลบหนีเขาได้อย่างอัศจรรย์ ที่สำคัญช่วงแรกไม่มีใครยอมช่วยเขาทุกคนโกรธที่เขาเดินจากมา
แต่เหตุผลมันมีมากมายเกินกว่าจะอธิบายมันออกมาให้หมดถึงความจำเป็นที่เขาต้องเลือกจากมา
อยากจะบอกใครเล่าอยากจะเดินจากความรัก ความผูกพันทั้งกลุ่มเพื่อนน้องๆที่อยู่กันมานาน เคยมีความฝันร่วมกัน
แต่เมื่อวันนึงความฝันของเราจำต้องเดินคนละเส้นทางเขาก็ต้องเลือก
ใครเล่าจะไม่อยากอยู่ใกล้หัวใจตัวเอง
ใครเล่าจะอยากปล่อยหัวใจตัวเองไว้โดยไม่ดูแล
ใครเล่าจะไม่อยากอยู่ใกล้คนที่รักดังดวงใจ....
แต่ชีวิตไม่เคยใจดี ...ไม่มีใครได้ทุกอย่าง เขาเองก็เช่นกัน
เวลาเนิ่นนานที่เขาเองก็เจ็บปวด อี้ชิงเองก็เจ็บปวด
เมื่อเขาปรับความเข้าใจกับ จื่อเทาได้เขาถึงได้มายืนอยู่ตรงนี้โดยความช่วยเหลือของจื่อเทา และเซฮุน คริสมีคำพูดมากมายอยากเอ่ย อยากบอกอยากอธิบาย หากเมื่อเห็นใบหน้าที่แสนคิดถึงตรงหน้า ลิ้นก็คับจนจุก พูดอะไรไม่ออก
หัวใจเต้นกระหน่ำและได้แต่ร้องว่า คิดถึง คิดถึงอี้ชิงเหลือเกิน................
“อย่าหนีพี่อีกเลยได้ไหม อี้ชิง ไม่รักพี่อีกแล้วจริงๆเหรอ” เสียงทุ้มสั่นร่างบางรับรู้ได้ว่าคนที่กอดเขาตอนนี้กำลังร้องไห้เช่นกันน้ำตาอุ่นร้อนหยดลงบนต้นคอขาว ทำให้อี้ชิงแทบสะดุ้งเหมือนถูกของร้อน
“ฮึก..ไม่ ไม่เคยเลยสักวัน” ร่างบางสะอื้นเหมือนสำลักเมื่อพลิกตัวกลับมากอดร่างใหญ่ซบใบหน้าลงกับอกกว้างแล้วร้องไห้โฮออกมาเหมือนเด็กๆจนกายสั่นสะท้าน
“ฮึก..ไม่เคยเลิกรักพี่ได้เลย..” เสียงหวานแม้จะขาดห้วงเพราะแรงสะอื้นแต่คนฟังได้ยินมันชัดเจนแขนแกร่งกอดรัดร่างบางเข้ามาจนขมไปกับอกของเขา
น้ำตาไหลออกมาจากตาคู่คมจนหยดลงต้องปรางแก้มขาวคนในอ้อมกอดจึงเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะเอื้อมสองมือมาจับที่ใบหน้าและกดให้ก้มลงมารับจุมพิตซับน้ำตาจากปากอิ่มแดงอย่างนุ่มนวล
“พี่รักอี้ชิง อยู่ใกล้ก็รัก ห่างแค่ไหนก็รัก รักอยู่คนเดียว” เสียงเข้มเอ่ยแผ่วเบาหากกังวานนั้นหนักแน่นไม่ต่างจากดวงตาที่แสดงชัดถึงข้อความในหัวใจ
.............................................
.............................................................................
บนเตียงกว้างขนาดควีนไซส์มีสองร่างอิงแอบกันอยู่กลางเตียงร่างแนบร่างแทบจะหลอมรวมเป็นร่างเดียวกันบดเบียดแนบชิดเท่าไหร่ก็ราวกับไม่เคยพอ
ร่างสูงใหญ่อิงหลังกับหมอนใบใหญ่ที่พิงไว้กับหัวเตียงโดยมีร่างบอบบางขาวสว่างในชุดนอนเนื้อนุ่มเบียดทับอยู่กับอกสองแขนแกร่งโอบรอบร่างเล็กแนบชิดตัวก้มศีรษะลงแนบริมฝีปากกับหน้าผากเนียนฟังคนที่ซบอกพูดบ่นหงุงหงิงอย่างสุขใจ
หลังจากปรับความเข้าใจกันเขาก็ให้ร่างบางที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนจะขึ้นมานอนคุยกันบนเตียงกว้างนอกเหนือจากเวลาที่ปล่อยให้ อี้ชิง อาบน้ำ เขาทั้งสองแทบไม่แยกออกจากกันเลยเขาเฝ้ากอด เฝ้าจูบ เฝ้าหอม ร่างนุ่มในอ้อมแขนราวกับจะชดเชยเวลาที่ห่างไกล ทดแทนช่วงคิดถึงโหยหาหากเท่าไหร่ดูเหมือนจะไม่พอ
“โกรธพี่มากเหรอ” คริสกระซิบถามริมฝีปากยังแตะซับไปทั่วใบหน้าเนียน
“โกรธสิ ไม่ใช่โกรธที่พี่ไป แต่โกรธที่พี่ไม่เคยบอกอะไรเลย ไม่ให้อี้ได้เตรียมใจ อยู่ๆพี่ก็ไป โดยทิ้งความเจ็บปวด ความเสียใจไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่ทำ พี่ไปเหมือนไม่มีหัวใจ ไม่แคร์ว่าคนที่ยังอยู่ตรงนี้ที่ไม่เคยรับรู้อะไร จะเจ็บปวดเสียใจแค่ไหน คนข้างหลังที่ถูกทิ้งไว้โดยไม่เคยรู้อะไรเลย พี่รู้ไหมว่ามันเจ็บ” เสียงหวานสั่นเครือขึ้นมาอีกครั้ง กายบางก็สั่นน้อยๆ
“มันไม่ง่ายหรอกนะกับการตัดสินใจ พี่อยากบอกอี้ แต่พี่กลัว กลัวถ้าอี้รั้งไว้ พี่จะแพ้ตัวเองและไปไหนไม่ได้ สุดท้ายมันอาจจะแย่ลงกว่าเดิม พี่ไม่ได้อยากทำแบบนี้แต่อี้เข้าใจใช่ไหมที่ที่เราเคยยืน อาจจะไม่ใช่ที่ของเรา พี่ยอมออกมาทั้งที่ยังรัก เพราะวันนึงเมื่อเวลารักษาเราทุกอย่างจะดีขึ้น เราจะยิ้มให้กันได้เหมือนเดิม ถ้าทนอยู่แล้วออกมาด้วยความเกลียด พี่ก็กลัวว่าพวกเราจะมองหน้ากันไม่ได้อีกแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยอ่อนโยนเจือแววเศร้าไว้เต็มเปี่ยม
มือเรียวที่ทาบอยู่บนอกแกร่งถูกมือใหญ่ยกมือขาวบางขึ้นมาแตะจูบทีละนิ้ว ทีละนิ้ว อย่างอ่อนโยน ตาคมเหลือบมองหน้าหวานที่ซับสีระเรื่อหากดวงตาคู่สวยเป็นประกายเขินอายและอ่อนหวานกลีบปากอิ่มยิ้มนิดๆ คนที่แตะปากอุ่นลงกับนิ้วสวยจูบลงกลางฝ่ามือบางเบาๆอีกครั้งก่อนจะกดจมูกลงข้างแก้มนุ่มอย่างแสนรักก่อนจะพูดต่อให้คนที่รอคอยฟัง
“พวกเราเติบโต ผ่านอะไรมาด้วยกันมากมาย ความผูกพันมันลบเลือนไม่ได้หรอกนะ แม้สิ่งที่พี่ตัดสินใจทำมันจะดูใจร้าย แต่พี่ยืนยันว่าพี่เสียใจ แต่ไม่ว่าอยู่ที่ไหนพี่ก็เฝ้ามองพวกเราอยู่ แม้จะไม่ได้ร่วมทางเดินก็ตาม ตอนนี้ทุกคนคงเข้าใจสิ่งที่พี่ทำเหลือแต่อี้คนเดียวเนี่ยละ” ชายหนุ่มพูดและไถจมูกโด่งปัดกับจมูกอีกคน
“ก็อี้เสียใจและพยายามจะตัดใจจากพี่ด้วย พี่ไม่รู้หรอกว่ามันทรมานแค่ไหนที่วันนึงที่ว่างข้างตัวว่างเปล่า ไม่ว่าจะร้องไห้เสียงดังแค่ไหนก็เอาอะไรกลับคืนมาไม่ได้ ยิ่งติดต่อกับพี่อี้ก็กลัวจะตัดใจไม่ได้ อี้กลัวว่าจะยืนไม่ไหวแต่ไม่มีวินาทีไหนเลยที่อี้ตัดใจจากพี่ได้”
“รักกันต่อไปได้ไหม อี้ชิงได้โปรด อย่าตัดใจจากพี่เลยนะ ถึงเราจะต้องอยู่ไกลกันแต่ปล่อยทุกอย่างไปตามหัวใจได้ไหม อย่าตัดเป็นตัดตาย ถ้าเรายังรักกันก็รักกันต่อไปเถอะนะ ”
.....................................
ร่างบางเงียบซุกใบหน้าลงกับอกกว้างห่อตัวให้เล็กลงราวกับหนาวทั้งที่ตอนนี้เขามีทั้งอกอุ่นและอ้อมแขนที่คุ้นเคยน้ำตาคลอรื้นที่หน่วยตาสวย แขนแกร่งโอบกระชับร่างบางเข้าหาแน่นจนอี้ชิงรู้สึกเจ็บแต่เขากลับยินดีให้แขนคู่นี้โอบบีบจนร่างเขาจมลงกับอกถึงจะเจ็บแต่มันก็ทำให้เขารู้ว่า....อ้อมกอดนี้คือของจริง
“อย่าเลิกรักพี่ได้ไหม” ใบหน้าหล่อเหลาซบลงกับกลุ่มผมนุ่มจูบกลุ่มไหมนุ่มหอมและเอ่ยขอร้องซ้ำแล้วซ้ำอีก
“พี่รู้ว่ารักทางไกลมันยาก แต่เรายังไม่ทันได้พยายามเลยถ้าวันนึงอี้จะไม่รอ หรือ มีใครที่รักเขามากกว่าพี่สัญญาพี่จะไปและจะไม่โกรธอี้แม้แต่นิดเดียว”
“ฮึก...อี้รักพี่ ถ้าวันนึงพี่มีใครพี่ต้องบอกอี้นะ อย่าให้อี้รู้เอง ไม่ว่าวันนึงพี่จะรักใครนอกจากอี้ พี่ต้องบอกด้วยตัวเองอย่าโกหกนะ อี้จะได้ทำใจ อย่าให้อี้รู้เองเพราะอี้จะเสียใจยิ่งกว่าพี่ไม่รัก”
“สัญญาคนดี พี่สัญญา” ทุกคำว่าสัญญาปากอุ่นก็ทาบลงกับปากอิ่มซ้ำๆราวกับจะย้ำให้ชัด
อี้ ชิง คือนางฟ้า คือหยดน้ำเย็นฉ่ำ รอยยิ้มของอี้ชิงคือแสงสว่าง เขาไม่เคยรู้สึกรักใครได้มากเท่านี้มาก่อนทั้งหวง ทั้งห่วงตั้งแต่เกิดมาด้วยรูปร่างหน้าตาแบบเขาไม่แปลกที่มีคนมากมายเข้ามาแต่คริสไม่เคยรู้สึกถึงความรักที่เรียกได้ว่ารักจริงๆแบบที่เขารู้สึกกับอิ้ชิงเลยสักนิด จาง อี้ ชิง คนที่เจอครั้งแรกแบบไม่ได้ตั้งตัว คนที่มองมาที่เขาแล้วพูดว่า หล่อจัง เขาชินกับคำพวกนี้แต่เมื่อมันออกมาจากปาก อิ่มเต็มดวงตาแสนจริงใจ มันทำให้เขารู้สึกเขินขึ้นมาไม่ได้
จากนั้นพวกเขาก็อยู่ด้วยกันตลอด เสน่ห์ในความเป็นธรรมชาติของอี้ชิง ทำให้เขาเผลอมองด้วยความเอ็นดูบ่อยครั้งคนตัวบางที่มักจะเดินหลงทาง มึนๆ เอ๋อๆ จนเขาต้องคอยดึงไว้ให้อยู่ใกล้ตัวตลอดเวลารู้ตัวอีกทีเขาก็ตกหลุมรัก จาง อี้ ชิงความอ่อนโยน อบอุ่นของอี้ชิง ช่วยลดความกระด้างเย็นชาในตัวเขาลงเรื่อยๆ
คริสรู้สึกว่าตัวเขาเย็นฉ่ำสดชื่นทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้อี้ชิง ในเวลาที่รู้สึกแย่แค่มือนุ่มกับยิ้มหวานๆก็ทำให้เขารู้สึกมีพลังขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกความรู้สึกลึกซึ้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจนทำให้วันที่เขาตัดสินใจจากไปเหมือนคนใจร้ายทำร้ายจิตใจคนรักเพราะเขารู้ว่า
ถ้าอี้ชิงขอ คริสจะอยู่
ถ้าอี้ชิงรั้ง เขาจะแพ้
เขาถึงต้องทำแบบนั้นมันเจ็บปวดไม่ต่างจากการคว้ามีดคมกริบปาดผ่าหัวใจออกมาสดๆทั้งที่ยังหายใจอยู่เขาดีใจที่ตัวเองเข้มแข็งพอจนมีวันนี้ วันที่ได้กอดร่างหอมนุ่มที่แสนรักไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง แม้จะไม่ได้ดูแลด้วยตัวเองเหมือนเดิม ไม่ได้เดินเส้นทางเดียวกัน.....แต่เราก็ยังรักกันได้
“พี่รักอี้นะ รักมาก จนไม่รู้ว่าจะรักใครได้เท่านี้รึเปล่า” เขากระซิบแผ่วเบาไปให้ถึงห้วงนิทราของคนที่ร้องไห้เงียบกับอกเขาจนหลับไปมันคือเรื่องจริงที่คริสรักอี้ชิงมาก จนนึกภาพการรักคนอื่นไม่ออกจริงๆ
..................................................
.............................................................................
ช่วงเวลาพักก่อนเริ่มถ่ายละครของอี้ชิง ตอนเช้าคนตัวเล็กไปบรีฟงาน ส่วนคริสแยกไปถ่ายรายการก่อนจะกลับมาเจอกันตอนบ่ายจัดที่ห้องพักของอี้ชิง โดยชายหนุ่มหิ้วอาหาร ขนมมากมายเข้ามาด้วยจนคนตัวเล็กตาโตบ่นว่าจะกินยังไงหมดพวกเขาก็ใช้เวลาที่เหลืออยู่ด้วยกันโดยแทบไม่ห่างกันเลย
คริสกับอี้ชิงดูทีวีด้วยกันโดยนั่งเบียดกันบนโซฟาโดนพาดขาอี้ชิงไว้บนตักเขาทั้งสองข้างส่วนตัวก็แนบอิงกับไหล่ที่และเขาก็กอดไว้ตลอดเวลารายการในทีวีมีแต่คนตัวเล็กที่สนใจ แต่เขาสนใจคนในอ้อมแขนมากกว่าเฝ้ากอด เฝ้าหอม เฝ้าจูบซ้ำไปมา เพื่อจะเฝ้ามือเวลาอี้ ชิง แกล้งทำไม่สนใจ แต่ใบหน้าใสกับขึ้นสีระเรื่ออ่อนดูน่าเอ็นดู
คริสแกล้งแหย่คนรักให้โวยวาย โมโหเพื่อจะดูหน้าหวานขัดใจ ก่อนจะเข้าไปง้องอนให้ยิ้มสวยเหมือนเดิม เวลากินข้าวพวกเขาก็กินจานเดียวกันนั่งเบียดอยู่ฝั่งเดียวกันตัวติดกันตลอดเวลาเขามีความสุขมากแม้จะอยู่กันแต่ในห้องแคบๆนี้แต่สำหรับเขาแค่มีอี้ชิงไม่ว่าที่ไหนก็มีความสุข
คู่รักพัวพันนัวเนียกันแบบที่ต่างคนต่างรู้สึกว่าเท่าไหร่ไม่พอเข็มนาฬิกาไม่เคยหยุดเดินพวกเขาจึงพยายามชดเชยเวลาที่ห่างกันและเผื่อความอบอุ่นและแรงใจสู้กับวันข้างหน้าที่ต้องห่างกันอีกให้มากพอแม้จริงๆมันจะไม่เคยพอเลยก็ตาม
“ก่อนวันที่อี้กลับเกาหลีพี่จะกลับแคนนาดานะ” เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลังก่อนจะรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่คลุมมาตัว
เสื้อแจ๊คเก็ทสีดำของคริสคลุมลงมาบนไหล่บอบบางพร้อมกับอ้อมแขนแกร่งที่รัดมารอบเอวก่อนใบหน้าคมจะวางแนบลงกับบ่าลาด อี้ ชิงเอียงหน้ารับสัมผัสอุ่นก่อนใบหน้าด้านข้างจะแนบกันอยู่แบบนั้นดวงตาเหม่อมองวิวยามเช้าของชั้นที่ 30เลื่อนลอย มือบางสอดรับกับมืออุ่นบีบกันและกันแน่นจนเจ็บ
“ส่วนนี่ฝากไว้แทนตัวพี่” ปากอุ่นกดจูบลงบนแก้มนุ่มและค้างไว้เนิ่นนานจนได้เสียงกดออดเรียกอี้ชิงอยู่หน้าห้องร่างสูงจึงผละริมฝีปากออกอย่างแสนเสียดาย
ตาคู่คมกับตาคู่สวยพบกันอีกครั้ง คริสก้มลงจูบเปลือกตาบางไม่ให้หยดน้ำใสไหลรินออกมา มือเรียวจับแก้มเขาประครองเอาไว้ก่อนจะดึงให้ก้มต่ำลงและคนตัวบางเข่ยงตัวครึ่งแตะกลีบปากอิ่มที่ปากเขาชั่วครู่
เมื่อผละออกใบหน้าหวานไม่มีน้ำตา
ปากอิ่มสวยก็คลี่ยิ้มหวานออกมาเจิดจ้ายิ่งกว่าแสงสว่างของดวงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาให้เขา
“อี้ชิงรักพี่คริสนะ รักเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนคิดถึงอี้ด้วยนะ”
“พี่คิดถึงตลอดเวลาแม้แต่เวลาที่เราอยู่ด้วยกัน จำไว้นะตัวพี่อยู่ห่างไกลแต่หัวใจพี่ติดตามอี้ไปทุกที่ สู้ๆกลับการคัมแบคนะ และไม่ต้องกลัวยอดขายปกอี้จะน้อยนะ ”
“หือ”
“นอกจากแฟนไซน์และแฟนคลับที่จะซื้อแล้ว แฟนครับคนนี้” นิ้วยาวชี้ลงที่อกตัวเองคลี่ยิ้มอบอุ่น
“ก็จะเหมาไม่ให้น้อยหน้าเลยละ”
เสียงกดออดเรียกดังขึ้นมาอีกครั้งสองร่างจึงยอมผละออกจากกัน อี้ชิง จูบปลายคางครึ้มอีกครั้งก่อนโอบเสื้อกระชับตัว คว้าเป้เดินออกไป
รอยยิ้มค้างที่ริมฝีปากคริสมองรอบห้องอีกครั้งก่อนจะคว้ากระเป๋าของตัวเองเตรียมออกไปบ้างเมื่อมองเห็นรถตู้ของอี้ชิงขับออกไปแล้วและลู่หานก็ส่งข้อความเร่งว่าจะมารับเขาที่หลังตึกแล้ว
สนามบินปักกิ่ง.............
อี้ชิงกระชับเสื้อที่ใส่อยู่ก่อนจะสะพายเป้ขึ้นหลังเพื่อเตรียมลงจากรถเดินทางกลับเกาหลี กลิ่นที่เจ้าของเดิมยังกรุ่นอวลอยู่กับเสื้อจนเขารู้สึกได้ราวกับร่างสูงใหญ่ยังเป็นเงาเดินข้างกันเหมือนที่เคย
ใบหน้าหวานยิ้มให้ตัวเองก่อนจะก้าวลงจากรถพร้อมยิ้มให้กลุ่มแฟนคลับที่มารอส่งเขาและโค้งศีรษะทักทายอย่างที่เคยทำเสมอมา
รอยยิ้มสวยประดับบนใบหน้าเมื่อมองผ่านหน้าต่างเครื่องบินออกไปยิ้มให้กับก้อนเมฆก่อนจะเอ่ยลาฝากท้องฟ้าส่งให้ถึงใครอีกคนที่แม้จะอยู่คนละฟากของฝั่งฟ้า
แต่ก็เขาก็เชื่อว่าอีกฝ่ายจะรับรู้ได้
“คิดถึงอีกแล้วครับ”
Never Ending Kray Love Story
I believe but you…????
Talk wiz me
ฝากฟิคแก้คิดถึงจากมโนด้วยนะคะ ไร้ท์เตอร์มือใหม่
ถ้าชอบก็อยากได้คอมเม้นท์ ติชม กันนิดนึงนะคะ
ถ้าสกรีมในทวิตเตอร์ ติดแทค #ฟิคระยะทาง ก็ดีนะคะ
เผื่อสักวันเราจะลุกมาแต่งฟิคยาวบ้าง ^_^
ผลงานอื่นๆ ของ Kristolay ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Kristolay
ความคิดเห็น