ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ยุทธนาวี
                  บ่ายวันนั้นเอง “นาวาล” ได้เรียกประชุมนายทหารชั้นสูงและขุนพลเอกเพื่อหาคำตอบที่ลงตัวให้ได้ว่าจะบุกต่อหรือจะถอยทัพ เสียงสนับสนุนและคัดค้านการบุกต่อมีก้ำกึ่งกัน ไม่สามารถสรุปได้เพราะแต่ล่ะฝ่ายต่างหาเหตุผลสารพัดมาหักล้างกัน ฝ่ายที่จะบุกต่อก็บอกว่าเป็นการจัดการให้เด็ดขาดภายในครั้งเดียวไม่ต้องมาปราบหลายรอบทั้งกำลังทหารก็มีกำลังใจดีกว่าเยอะ ฝ่ายคัดค้านก็โต้กลับด้วยเหตุผลว่า “เซอร์คาร์น” ไม่เคยรบทางน้ำมานานมากแล้วยุทธวิธีเดิมที่เคยใช้ก็อาจจะล้าหลังกว่าพวกซีเตอที่อยู่กับทะเลมานาน โต้กันไปโต้กันมาก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ นาวาลก็ปวดหัวกับความคิดสองทางที่ต่างกันคนละทิศ ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่บุกก็ยังสั่งให้ทหารต่อเรือใว้หลายสิบลำเพื่อจะต้องรบกันเสียจริงๆ 
                  แต่แล้วในที่สุดก็หาข้อสรุปได้คือว่าจะหน่วยทหารกองพิเศษที่เคยฝึกรบทางน้ำไปดูลาดราวของพวกซีเตอกลางทะเล ดูว่าพวกมันจะคิดสู้อยู่หรือไม่ หากคิดจะสู้จะได้เร่งต่อเรือและฝึกทหารให้เตรียมพร้อมทั้งการรับและรุก แต่หากมันจะคิดสลายตัวก็จะเลิกทัพกลับเพื่อไปปราบกลุ่มกบฎอื่นต่อไป
                หน่วยที่จะส่งไปกำลังไปเพียงพันเดียวเพราะหน้าที่มีเพียงการลาดตระเวณดูท่าทีฝ่ายตรงข้าม การจัดทัพให้เพียงเรือเล็กไปเพียง 20 ลำ แต่ในจำนวนพลทหารเป็นยอดฝีมือทหารอยู่กว่าครึ่ง นาวาล จึงมั่นใจว่าจะไม่ตกเป็นรองศัตรูแน่โดยจะให้แม่ทัพหนุ่มวัยสามสิบกว่านาม “ลีค” เป็นหัวหน้ากอง และจะใช้ช่วยเวลากลางคืนในการปฏิบัติ
                  ตกเวลาค่ำทหารทั้งหมดที่ได้รับคำสั่งเตรียมพร้อมลงเรือแต่จะไม่มีการโห่ส่งเพื่อไม่ให้ฝ่ายศัตรูรู้ การพายเรือจะต้องพยายามพายให้เรือนิ่งที่สุด ยิ่งเข้าใกล้ข้าศึกเท่าไหร่ยิ่งต้องนิ่งทั้งคนและเรือ ฝ่ายพวกที่อยู่บนฝั่งก็ต้องคอยดูเหตุการณ์ในทหารโดยสังเกตจากเสียงที่หากดังผิดปกติหรือไฟบนเรือพวกข้าศึกสว่างขึ้นมามากผิดสังเกตทางบนฝั่งก็จะส่งทหารไปช่วยพวกกองพิเศษทันที
                  มันเป็นโชคร้ายของพวก “ลีค” ที่ตอนที่เขาจะไปลาดตระเวนนั้น  “จูล” กำลังออกมาที่ดาดฟ้าเรือของเขาเพื่อดูสถานการณ์ ด้วยประสบการณ์ทางทะเลของเขาเพียงแค่มีสิ่งผิดปกติให้สังเกตเพียงเล็กน้อย จูลก็สามารถสังเกตเห็นได้
              “มีคนกำลังลาดตระเวนดูความเคลื่อนไหวเราอยู่” จูล เปรยคำพูดออกมาด้วยสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น แต่คำพูดของเขาสร้างความฉงนงงงวยให้กับทหารเรือของเขาซึ่งยังไม่ทันได้ผิดสังเกตใดๆ
              “รัวธนูลงน้ำเดี๋ยวนี้ !!” คำสั่งของเขายิ่งสร้างความแปลกใจให้กับพลทหารใกล้เคียงเป็นยิ่งนัก แต่คำสั่งก็คือคำสั่ง พลทหารที่ได้ยินคำสั่งทุกคนทำตาม
              “ตรงหน้าเรือของเรา ห่างออกไป 20 เมตร”
                นายทหารทุกคนเล็งธนูไปตามที่เจ้านายบอกแล้วลั่นสายธนูออกไปยังเป้าหมาย ลูกธนูนับร้อยดอกถูกส่งลงสู่ผิวน้ำ บางดอกตกและจมน้ำลงไป แต่มีบางดอกที่กระทบอะไรซักอย่างก่อนที่จะตกกระทบกับผิวน้ำ
              “โอ๊ย !!!” เสียงนี้ .คนร้องแน่นอน และก็อยู่ในบริเวณที่ “จูล” แนะลูกน้องเขาให้ยิงลงไปซะด้วย
              จูลทายถูก หรือจะเรียกว่าประสบการณ์มันบอกให้ทำ น่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า เขาอยู่กับทะเลมาเป็นสิบๆ ปี ย่อมรู้สิ่งที่ทะเลเป็นตามธรรมชาติและไม่เป็นไปตามธรรมชาติได้ เซอร์คาร์น ประมาทเขามากเกินไป และนี้คือบทลงโทษที่ กองทัพของเซอร์คาร์นได้รับ
                  ทหารของเซอร์คาร์นที่กำลังว่ายน้ำหนีตายอยู่ในทะเล ได้ขอร้องให้ลีคออกคำสั่งถอย แต่ไม่ทันใดขอร้องแต่ประการใด ลีคก็สั่งให้ทุกคนหนีเอาตัวรอดกันเอง เขาก็ไม่ได้คิดจะสู้แต่ประการใด ซ้ำยังหนีก่อนลูกน้องของตน ตอนนี้เรือที่ใช้เป็นพาหนะ ก็กลับกลายต้องพลิกท้องเรือขึ้นเป็นที่กำบัง แล้วค่อยๆ ตีขาหนีไป ทหารซีเตอบางส่วนพยายามขอที่จะใช้ธนูไฟในการโจมตีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการโจมตีแต่ “จูล” ได้สั่งห้ามเพราะอาจจะทำให้พวกศัตรูบนฝั่งกรูกันมาก็ได้
                  ..
              รุ่งเช้าอีกวันมีพวกทหารเซอร์คาร์นมานอนหมดแรงบนฝั่งเป็นจำนวนหลายร้อยนาย แน่นอน พวกนี้คือพวกที่ไปสู้หรือพวกที่ไปตายเมื่อคืนนี้ทั้งหมดบางคนก็สิ้นใจเสียแล้ว เพราะต้องว่ายน้ำหนีมาถึง 10 ไมล์ (ประมาณ 16 กิโลเมตร) ทหารพยาบาลบนฝั่งได้พยายามช่วยเหลือตามกำลังที่มีอยู่อย่างเต็มที่ บางคนอาการยังพอนั่งเป็นท่าไหวก็ขอเพียงอาหารแล้วขอนอนพักก็พอ แต่บางคนก็อาการปางตาย ทั้งเหนื่อยและได้รับบาดเจ็บจากการถูกโจมตีเมื่อคืนอีก ก็แล้วแต่ความอดทนของแต่ล่ะนายด้วย
                ฝ่ายนายทหารชั้นสูงของกองทัพเซอร์คาร์นประชุมกันอีกครั้ง ว่าจะเอาอย่างไรต่อไปกับศึกครั้งนี้ เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ทหารหมดกำลังใจไปมากเหมือนกันจะทำอะไรก็ต้องรีบทำให้ชัดเจน “นาวาล” ตัดสินใจให้บุกไปจัดการพวกซีเตอให้เด็ดขาด แต่ก็ได้รับการทักท้วงจากนายทหารหลายนาย อาจจะเป็นเพราะว่า นาวาล ตัดสินใจด้วยความแค้นมาก่อนหลักการซึ่งอาจจะทำให้กองทัพเสียหายไปมากกว่าเดิม แต่ นาวาล ยืนยันว่าจะบุกด้วยเหตุผลว่า ตอนนี้พวกซีเตอกำลังเริงร่าที่สามารถได้ชัยชนะเมื่อคืนนี้หากไม่ปราบก็ได้รู้กันไปทั่วว่า “เซอร์คาร์นมีจุดอ่อนที่การรบทางน้ำ” คราวนี้อาจจะทำให้พวกซีเตอได้ใจเที่ยวกวาดปล้นตามท่าเรือของเซอร์คาร์นไปทั่ว จึงจำเป็นต้องแสดงแสนยานุภาพที่แท้จริงของเซอร์คาร์นออกมา
                ถึงแม้จะฟังแล้วดูมีเหตุผลมากขึ้น แต่ก็มีนายทหารบางนายยังไม่เห็นความจำเป็นอยู่ดีในการแสดงแสนยานุภาพทางทะเลของเซอร์คาร์น โปรดติดตามตอนต่อไป
                  แต่แล้วในที่สุดก็หาข้อสรุปได้คือว่าจะหน่วยทหารกองพิเศษที่เคยฝึกรบทางน้ำไปดูลาดราวของพวกซีเตอกลางทะเล ดูว่าพวกมันจะคิดสู้อยู่หรือไม่ หากคิดจะสู้จะได้เร่งต่อเรือและฝึกทหารให้เตรียมพร้อมทั้งการรับและรุก แต่หากมันจะคิดสลายตัวก็จะเลิกทัพกลับเพื่อไปปราบกลุ่มกบฎอื่นต่อไป
                หน่วยที่จะส่งไปกำลังไปเพียงพันเดียวเพราะหน้าที่มีเพียงการลาดตระเวณดูท่าทีฝ่ายตรงข้าม การจัดทัพให้เพียงเรือเล็กไปเพียง 20 ลำ แต่ในจำนวนพลทหารเป็นยอดฝีมือทหารอยู่กว่าครึ่ง นาวาล จึงมั่นใจว่าจะไม่ตกเป็นรองศัตรูแน่โดยจะให้แม่ทัพหนุ่มวัยสามสิบกว่านาม “ลีค” เป็นหัวหน้ากอง และจะใช้ช่วยเวลากลางคืนในการปฏิบัติ
                  ตกเวลาค่ำทหารทั้งหมดที่ได้รับคำสั่งเตรียมพร้อมลงเรือแต่จะไม่มีการโห่ส่งเพื่อไม่ให้ฝ่ายศัตรูรู้ การพายเรือจะต้องพยายามพายให้เรือนิ่งที่สุด ยิ่งเข้าใกล้ข้าศึกเท่าไหร่ยิ่งต้องนิ่งทั้งคนและเรือ ฝ่ายพวกที่อยู่บนฝั่งก็ต้องคอยดูเหตุการณ์ในทหารโดยสังเกตจากเสียงที่หากดังผิดปกติหรือไฟบนเรือพวกข้าศึกสว่างขึ้นมามากผิดสังเกตทางบนฝั่งก็จะส่งทหารไปช่วยพวกกองพิเศษทันที
                  มันเป็นโชคร้ายของพวก “ลีค” ที่ตอนที่เขาจะไปลาดตระเวนนั้น  “จูล” กำลังออกมาที่ดาดฟ้าเรือของเขาเพื่อดูสถานการณ์ ด้วยประสบการณ์ทางทะเลของเขาเพียงแค่มีสิ่งผิดปกติให้สังเกตเพียงเล็กน้อย จูลก็สามารถสังเกตเห็นได้
              “มีคนกำลังลาดตระเวนดูความเคลื่อนไหวเราอยู่” จูล เปรยคำพูดออกมาด้วยสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น แต่คำพูดของเขาสร้างความฉงนงงงวยให้กับทหารเรือของเขาซึ่งยังไม่ทันได้ผิดสังเกตใดๆ
              “รัวธนูลงน้ำเดี๋ยวนี้ !!” คำสั่งของเขายิ่งสร้างความแปลกใจให้กับพลทหารใกล้เคียงเป็นยิ่งนัก แต่คำสั่งก็คือคำสั่ง พลทหารที่ได้ยินคำสั่งทุกคนทำตาม
              “ตรงหน้าเรือของเรา ห่างออกไป 20 เมตร”
                นายทหารทุกคนเล็งธนูไปตามที่เจ้านายบอกแล้วลั่นสายธนูออกไปยังเป้าหมาย ลูกธนูนับร้อยดอกถูกส่งลงสู่ผิวน้ำ บางดอกตกและจมน้ำลงไป แต่มีบางดอกที่กระทบอะไรซักอย่างก่อนที่จะตกกระทบกับผิวน้ำ
              “โอ๊ย !!!” เสียงนี้ .คนร้องแน่นอน และก็อยู่ในบริเวณที่ “จูล” แนะลูกน้องเขาให้ยิงลงไปซะด้วย
              จูลทายถูก หรือจะเรียกว่าประสบการณ์มันบอกให้ทำ น่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า เขาอยู่กับทะเลมาเป็นสิบๆ ปี ย่อมรู้สิ่งที่ทะเลเป็นตามธรรมชาติและไม่เป็นไปตามธรรมชาติได้ เซอร์คาร์น ประมาทเขามากเกินไป และนี้คือบทลงโทษที่ กองทัพของเซอร์คาร์นได้รับ
                  ทหารของเซอร์คาร์นที่กำลังว่ายน้ำหนีตายอยู่ในทะเล ได้ขอร้องให้ลีคออกคำสั่งถอย แต่ไม่ทันใดขอร้องแต่ประการใด ลีคก็สั่งให้ทุกคนหนีเอาตัวรอดกันเอง เขาก็ไม่ได้คิดจะสู้แต่ประการใด ซ้ำยังหนีก่อนลูกน้องของตน ตอนนี้เรือที่ใช้เป็นพาหนะ ก็กลับกลายต้องพลิกท้องเรือขึ้นเป็นที่กำบัง แล้วค่อยๆ ตีขาหนีไป ทหารซีเตอบางส่วนพยายามขอที่จะใช้ธนูไฟในการโจมตีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการโจมตีแต่ “จูล” ได้สั่งห้ามเพราะอาจจะทำให้พวกศัตรูบนฝั่งกรูกันมาก็ได้
                  ..
              รุ่งเช้าอีกวันมีพวกทหารเซอร์คาร์นมานอนหมดแรงบนฝั่งเป็นจำนวนหลายร้อยนาย แน่นอน พวกนี้คือพวกที่ไปสู้หรือพวกที่ไปตายเมื่อคืนนี้ทั้งหมดบางคนก็สิ้นใจเสียแล้ว เพราะต้องว่ายน้ำหนีมาถึง 10 ไมล์ (ประมาณ 16 กิโลเมตร) ทหารพยาบาลบนฝั่งได้พยายามช่วยเหลือตามกำลังที่มีอยู่อย่างเต็มที่ บางคนอาการยังพอนั่งเป็นท่าไหวก็ขอเพียงอาหารแล้วขอนอนพักก็พอ แต่บางคนก็อาการปางตาย ทั้งเหนื่อยและได้รับบาดเจ็บจากการถูกโจมตีเมื่อคืนอีก ก็แล้วแต่ความอดทนของแต่ล่ะนายด้วย
                ฝ่ายนายทหารชั้นสูงของกองทัพเซอร์คาร์นประชุมกันอีกครั้ง ว่าจะเอาอย่างไรต่อไปกับศึกครั้งนี้ เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ทหารหมดกำลังใจไปมากเหมือนกันจะทำอะไรก็ต้องรีบทำให้ชัดเจน “นาวาล” ตัดสินใจให้บุกไปจัดการพวกซีเตอให้เด็ดขาด แต่ก็ได้รับการทักท้วงจากนายทหารหลายนาย อาจจะเป็นเพราะว่า นาวาล ตัดสินใจด้วยความแค้นมาก่อนหลักการซึ่งอาจจะทำให้กองทัพเสียหายไปมากกว่าเดิม แต่ นาวาล ยืนยันว่าจะบุกด้วยเหตุผลว่า ตอนนี้พวกซีเตอกำลังเริงร่าที่สามารถได้ชัยชนะเมื่อคืนนี้หากไม่ปราบก็ได้รู้กันไปทั่วว่า “เซอร์คาร์นมีจุดอ่อนที่การรบทางน้ำ” คราวนี้อาจจะทำให้พวกซีเตอได้ใจเที่ยวกวาดปล้นตามท่าเรือของเซอร์คาร์นไปทั่ว จึงจำเป็นต้องแสดงแสนยานุภาพที่แท้จริงของเซอร์คาร์นออกมา
                ถึงแม้จะฟังแล้วดูมีเหตุผลมากขึ้น แต่ก็มีนายทหารบางนายยังไม่เห็นความจำเป็นอยู่ดีในการแสดงแสนยานุภาพทางทะเลของเซอร์คาร์น โปรดติดตามตอนต่อไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น