ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ยกพลออกศึก
      การจัดทัพถูกออกแบบเป็น 2 ทัพใหญ่คือ
..
1. ทัพหน้า    ให้แม่ทัพผู้จงรักภักดีมาตั้งแต่สมัยที่พระเจ้าเหนือหัวยังทรงเป็นผู้สืบบัลลังก์คือ “แม่ทัพบาร์ไต” วัยสี่สิบกว่าปี เป็นแม่ทัพใหญ่โดยมีผู้ที่ถูกคัดเลือกจากการประลองทั้ง 8 เป็นทหารเอกประจำทัพเคียงข้างหวังจะใช้ความห้าวหาญของนายทหารหนุ่มเหล่านี้ในการเข้าตีพวกซีเตอ พร้อมกำลังพลอีก สามหมื่นนาย ม้าอีก ห้าร้อยตัว
2. ทัพหลวง    ทรงโปรดให้พระอนุชา “นาวาล” เป็นแม่ทัพใหญ่ พร้อมทหารเอก 16 นายคอยอยู่เคียงข้าง มีพลทหารในทัพรวม 50,000 นาย ม้าศึกอีก พันตัว พร้อมด้วยยุทโธปกรณ์อีกจำนวนมากมีหน้าที่คอยหนุนการบุกของทัพหน้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
          ส่วนทางเมืองหลวงจะมีการเตรียมทัพไว้ในเมืองอีก 50,000 นาย เผื่อเรียก หากมีเหตุที่จะต้องขอกำลังเพิ่มหรือเมืองอื่นอาศัยจังหวะนี้โจมตีอาณาจักร ก็จะได้มีการป้องกันที่ดี
          7 วันให้หลังจากการประกาศจัดทัพเป็นวันออกเดินทางของทัพหน้า รุ่งเช้า ชาวเมืองหลวงได้ออกมาดูการจัดทัพใหญ่ของอาณาจักรซึ่งไม่ได้เห็นมานานหลายสิบปีแล้วชุดพลทหารของ “เซอร์คาร์น”  เป็นชุดสีน้ำเงินทั้งตัว มีผ้าคาดผมสีเดียวกับชุด อาวุธก็แล้วแต่กองที่เหล่าทหารอยู่ ทหารทัพหน้าทุกคนจะต้องสวมเกราะเสื้อไว้เพราะโอกาสที่จะต้องเข้าปะทะแบบจังๆ มีอยู่สูงมาก
            เสียงนักดนตรีบรรเลงเพลงปลุกใจ ชวนให้ทหารทั้งหลายพากันฮึกเหิม ตบเท้าเดินด้วยความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง กองทหารเดินหน้าศาลาชั่วคราวที่ประทับของเจ้าเหนือหัว “ลาซันเทีย”  ทรงโบกมือให้กับบรรดาทหารกล้าทัพแรกในรอบหลายสิบปีของอาณาจักรที่จะได้ออกศึก ถึงแม้ทหารพวกนี้ส่วนใหญ่จะเพิ่งเป็นหนุ่มอายุ 20 กว่าปียังไม่เคยออกศึกแต่อาศัยว่าได้รับการฝึกมาเป็นดี ก็ยังเชื่อว่ามีฝีมือการรบเป็นเยี่ยม รอเพียงสถานการณ์ ที่จะมาพิสูจน์ฝีมือของพวกเขาเท่านั้น
             
            ขบวนทหารกำลังเดินออกจากประตูศึกขนาดใหญ่ของเมืองสูงถึง 10 เมตร กว้างประมาณ 12 เมตร ทหารบนเชิงเทินแสดงความเคารพต่อผู้กล้าที่กำลังก้าวออกจากเมืองไปปราบเสี้ยนหนามแผ่นดิน เสียงตบเท้าดังไปทั่วบริเวณ พร้อมทั้งเสียงโห่ฮา ที่กระหึ่มไปทั่วจากเหล่าประชาชนทั้งเมือง เป็นเช้าที่คึกคักที่สุดในรอบหลายปี กำลังทหารมากมายเช่นนี้ประชาชนของเมืองหลวงไม่คิดว่าจะเป็นจริงได้หากย้อนไปเทียบกับสมัยพระเจ้าเหนือหัวองค์ก่อน มันต่างกันมากจนคิดว่านี้คือความฝันที่อาจจะไม่เป็นจริง
                          ..
              ฝ่าย “ซีเตอ” พอทราบเรื่องการยกทัพมาปราบของเหล่าทหารจากเมืองหลวงก็ยิ่งคิดหนักใจเพราะข่าวก่อนหน้านี้ที่ได้ยินก็รู้ว่าพวกอาณาจักรทางตะวันออกที่เสียประโยชน์การค้าจะยกทัพมาปราบเอง ก็หนักใจมากอยู่แล้ว
              “ซีเตอ” มีกำลังพลประมาณ 30,000 นาย ถึงจะเล็กแต่อาศัยว่าเคยเป็นพวกโจรสลัดเก่า โดยถ้าหากต้านทัพทางบกไม่ไหวก็จะหนีลงทะเลซึ่งพวกนี้จะถนัดมาก ครั้งนี้ก็อาจจะต้องใช้แผนนี้ เพราะกำลังทหารมันเทียบกันไม่ได้เลย
              ฝ่ายบรรดาผู้นำพวกซีเตอ มี “จูล” เป็นหัวหน้าใหญ่ อดีตก็คือกัปตันโจรสลัดเก่าที่มีอำนาจสูงสุดทางทะเลตะวันออกของ “เซอร์คาร์น” วางแผนโดยให้ซ่อมบำรุงเรือเก่าที่เคยใช้มาให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานโดยทหารส่วนใหญ่จะต้องป้องกันการบุกของทัพหน้าของเซอร์คาร์นให้ได้นานที่สุดโดยวางแผนให้ต้านทานไว้ให้ได้ 3 วันบรรจบเหมาะกับที่ทัพหลวงของเซอร์คาร์นจะตามมาทัน บวกกับเวลาเดินทัพในตอนนี้อีกประมาณ 10 วัน จะต้องซ่อมเรือให้เสร็จตามที่กำหนดไว้ หากทำได้ตามนี้หากค่ายบนบกแตกพ่ายก็จะได้หนีลงเรือมาตั้งมั่นบนทะเลได้ตามถนัด
           
              ทัพหน้าของเซอร์คาร์นได้รับคำสั่งให้เดินทัพมากขึ้น 1 ชั่วโมงของทุกวัน จากปกติที่การเดินทัพส่วนใหญ่จะเดินทัพกันตั้งแต่ 2 โมงเช้า จนถึง 5 โมงเย็น “บาร์ไต” ได้สั่งให้ขยายเวลาเดินทัพในตอนเย็นอีก 1 ชั่วโมง โดยส่งผลจะทำให้เดินทัพถึงที่หมายเร็วขึ้นอีกประมาณ 1 วันทำให้ถึงเป้าหมายในเวลาเพียง 9 วัน !! นี้เป็นการวางแผนของ ลาซันเทีย เขาเชื่อว่าพวกซีเตอจะไม่รู้แผนการรบทางบกอย่างแยบคายแบบนี้ จึงคิดเอาแบบพอดีๆ ตามข้อมูลชาวบ้านๆ พวกนี้คงไม่รู้ว่าคนทั่วไปเดินกับพวกทหารเดินมันไม่เหมือนกัน
              ทัพหน้าลุเข้าจนใกล้ค่ายพวกซีเตอเข้าไปเรื่อยๆ การเดินทางเข้าสู่วันที่ 3 จึงได้เวลาเดินทางของทัพหลวงตามที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้
              ความอันตรายของทัพหลวงจะอยู่ที่ ยุทโธปกรณ์ ที่ประกอบขึ้นมาใหม่ซึ่งมีอานุภาพการใช้งานยอดเยี่ยม และบางอย่างเป็นอาวุธที่คิดขึ้นมาใหม่ตามสมัยสงครามที่ทดแทนแบบเดิมที่ไม่ได้ใช้มานานและล้าหลังลงไปมาก
              ..
              ถึงตอนนี้ทัพหน้าได้มาประชิดห่างจากค่ายของพวกซีเตอไม่กี่ไมล์โดยพวกซีเตอยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไป หากเดินทัพอีกไม่เกินครึ่งวันตามแผนปกติก็จะอยู่ในระยะที่เข้าตีได้ ระหว่างนี้จะต้องเก็บออมแรงเอาไว้จึงให้วันที่ 9 ของการเดินทางทั้งวันเป็นการเดินในทางระยะที่เหลือก่อนที่จะพักและเข้าตีในตอนเช้ามืดของวันรุ่งขึ้น ..
                                                                                                                                              โปรดติดตามตอนต่อไป
1. ทัพหน้า    ให้แม่ทัพผู้จงรักภักดีมาตั้งแต่สมัยที่พระเจ้าเหนือหัวยังทรงเป็นผู้สืบบัลลังก์คือ “แม่ทัพบาร์ไต” วัยสี่สิบกว่าปี เป็นแม่ทัพใหญ่โดยมีผู้ที่ถูกคัดเลือกจากการประลองทั้ง 8 เป็นทหารเอกประจำทัพเคียงข้างหวังจะใช้ความห้าวหาญของนายทหารหนุ่มเหล่านี้ในการเข้าตีพวกซีเตอ พร้อมกำลังพลอีก สามหมื่นนาย ม้าอีก ห้าร้อยตัว
2. ทัพหลวง    ทรงโปรดให้พระอนุชา “นาวาล” เป็นแม่ทัพใหญ่ พร้อมทหารเอก 16 นายคอยอยู่เคียงข้าง มีพลทหารในทัพรวม 50,000 นาย ม้าศึกอีก พันตัว พร้อมด้วยยุทโธปกรณ์อีกจำนวนมากมีหน้าที่คอยหนุนการบุกของทัพหน้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
          ส่วนทางเมืองหลวงจะมีการเตรียมทัพไว้ในเมืองอีก 50,000 นาย เผื่อเรียก หากมีเหตุที่จะต้องขอกำลังเพิ่มหรือเมืองอื่นอาศัยจังหวะนี้โจมตีอาณาจักร ก็จะได้มีการป้องกันที่ดี
          7 วันให้หลังจากการประกาศจัดทัพเป็นวันออกเดินทางของทัพหน้า รุ่งเช้า ชาวเมืองหลวงได้ออกมาดูการจัดทัพใหญ่ของอาณาจักรซึ่งไม่ได้เห็นมานานหลายสิบปีแล้วชุดพลทหารของ “เซอร์คาร์น”  เป็นชุดสีน้ำเงินทั้งตัว มีผ้าคาดผมสีเดียวกับชุด อาวุธก็แล้วแต่กองที่เหล่าทหารอยู่ ทหารทัพหน้าทุกคนจะต้องสวมเกราะเสื้อไว้เพราะโอกาสที่จะต้องเข้าปะทะแบบจังๆ มีอยู่สูงมาก
            เสียงนักดนตรีบรรเลงเพลงปลุกใจ ชวนให้ทหารทั้งหลายพากันฮึกเหิม ตบเท้าเดินด้วยความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง กองทหารเดินหน้าศาลาชั่วคราวที่ประทับของเจ้าเหนือหัว “ลาซันเทีย”  ทรงโบกมือให้กับบรรดาทหารกล้าทัพแรกในรอบหลายสิบปีของอาณาจักรที่จะได้ออกศึก ถึงแม้ทหารพวกนี้ส่วนใหญ่จะเพิ่งเป็นหนุ่มอายุ 20 กว่าปียังไม่เคยออกศึกแต่อาศัยว่าได้รับการฝึกมาเป็นดี ก็ยังเชื่อว่ามีฝีมือการรบเป็นเยี่ยม รอเพียงสถานการณ์ ที่จะมาพิสูจน์ฝีมือของพวกเขาเท่านั้น
             
            ขบวนทหารกำลังเดินออกจากประตูศึกขนาดใหญ่ของเมืองสูงถึง 10 เมตร กว้างประมาณ 12 เมตร ทหารบนเชิงเทินแสดงความเคารพต่อผู้กล้าที่กำลังก้าวออกจากเมืองไปปราบเสี้ยนหนามแผ่นดิน เสียงตบเท้าดังไปทั่วบริเวณ พร้อมทั้งเสียงโห่ฮา ที่กระหึ่มไปทั่วจากเหล่าประชาชนทั้งเมือง เป็นเช้าที่คึกคักที่สุดในรอบหลายปี กำลังทหารมากมายเช่นนี้ประชาชนของเมืองหลวงไม่คิดว่าจะเป็นจริงได้หากย้อนไปเทียบกับสมัยพระเจ้าเหนือหัวองค์ก่อน มันต่างกันมากจนคิดว่านี้คือความฝันที่อาจจะไม่เป็นจริง
                          ..
              ฝ่าย “ซีเตอ” พอทราบเรื่องการยกทัพมาปราบของเหล่าทหารจากเมืองหลวงก็ยิ่งคิดหนักใจเพราะข่าวก่อนหน้านี้ที่ได้ยินก็รู้ว่าพวกอาณาจักรทางตะวันออกที่เสียประโยชน์การค้าจะยกทัพมาปราบเอง ก็หนักใจมากอยู่แล้ว
              “ซีเตอ” มีกำลังพลประมาณ 30,000 นาย ถึงจะเล็กแต่อาศัยว่าเคยเป็นพวกโจรสลัดเก่า โดยถ้าหากต้านทัพทางบกไม่ไหวก็จะหนีลงทะเลซึ่งพวกนี้จะถนัดมาก ครั้งนี้ก็อาจจะต้องใช้แผนนี้ เพราะกำลังทหารมันเทียบกันไม่ได้เลย
              ฝ่ายบรรดาผู้นำพวกซีเตอ มี “จูล” เป็นหัวหน้าใหญ่ อดีตก็คือกัปตันโจรสลัดเก่าที่มีอำนาจสูงสุดทางทะเลตะวันออกของ “เซอร์คาร์น” วางแผนโดยให้ซ่อมบำรุงเรือเก่าที่เคยใช้มาให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานโดยทหารส่วนใหญ่จะต้องป้องกันการบุกของทัพหน้าของเซอร์คาร์นให้ได้นานที่สุดโดยวางแผนให้ต้านทานไว้ให้ได้ 3 วันบรรจบเหมาะกับที่ทัพหลวงของเซอร์คาร์นจะตามมาทัน บวกกับเวลาเดินทัพในตอนนี้อีกประมาณ 10 วัน จะต้องซ่อมเรือให้เสร็จตามที่กำหนดไว้ หากทำได้ตามนี้หากค่ายบนบกแตกพ่ายก็จะได้หนีลงเรือมาตั้งมั่นบนทะเลได้ตามถนัด
           
              ทัพหน้าของเซอร์คาร์นได้รับคำสั่งให้เดินทัพมากขึ้น 1 ชั่วโมงของทุกวัน จากปกติที่การเดินทัพส่วนใหญ่จะเดินทัพกันตั้งแต่ 2 โมงเช้า จนถึง 5 โมงเย็น “บาร์ไต” ได้สั่งให้ขยายเวลาเดินทัพในตอนเย็นอีก 1 ชั่วโมง โดยส่งผลจะทำให้เดินทัพถึงที่หมายเร็วขึ้นอีกประมาณ 1 วันทำให้ถึงเป้าหมายในเวลาเพียง 9 วัน !! นี้เป็นการวางแผนของ ลาซันเทีย เขาเชื่อว่าพวกซีเตอจะไม่รู้แผนการรบทางบกอย่างแยบคายแบบนี้ จึงคิดเอาแบบพอดีๆ ตามข้อมูลชาวบ้านๆ พวกนี้คงไม่รู้ว่าคนทั่วไปเดินกับพวกทหารเดินมันไม่เหมือนกัน
              ทัพหน้าลุเข้าจนใกล้ค่ายพวกซีเตอเข้าไปเรื่อยๆ การเดินทางเข้าสู่วันที่ 3 จึงได้เวลาเดินทางของทัพหลวงตามที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้
              ความอันตรายของทัพหลวงจะอยู่ที่ ยุทโธปกรณ์ ที่ประกอบขึ้นมาใหม่ซึ่งมีอานุภาพการใช้งานยอดเยี่ยม และบางอย่างเป็นอาวุธที่คิดขึ้นมาใหม่ตามสมัยสงครามที่ทดแทนแบบเดิมที่ไม่ได้ใช้มานานและล้าหลังลงไปมาก
              ..
              ถึงตอนนี้ทัพหน้าได้มาประชิดห่างจากค่ายของพวกซีเตอไม่กี่ไมล์โดยพวกซีเตอยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไป หากเดินทัพอีกไม่เกินครึ่งวันตามแผนปกติก็จะอยู่ในระยะที่เข้าตีได้ ระหว่างนี้จะต้องเก็บออมแรงเอาไว้จึงให้วันที่ 9 ของการเดินทางทั้งวันเป็นการเดินในทางระยะที่เหลือก่อนที่จะพักและเข้าตีในตอนเช้ามืดของวันรุ่งขึ้น ..
                                                                                                                                              โปรดติดตามตอนต่อไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น