ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สหายกล้า...นาวิกโยธิน

    ลำดับตอนที่ #8 : ยกพลขึ้นบก.....หัวใจสำคัญของพวกเรา....นาวิกโยธิน........(พร้อมบทอธิบายพิเศษ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 51
      0
      17 มี.ค. 48

             การฝึกผ่านไปแล้ว 3 วัน วันที่ 4 ของเราจะเริ่มขึ้นบนเรือขนส่งในวันรุ่งขึ้น แต่เย็นวันนั้นเราได้พักผ่อนเต็มที่ ทุกอย่างมีพร้อมสับสำหรับเรา ยกเว้นอย่างเดียวคือของมึนเมาทุกชนิด



              เรามีแม้กระทั่งห้องฉายภาพยนตร์ขนาดเล็ก มีนมร้อนให้ดื่มตลอดคืน มีการอนุญาตแม้กระทั่งการเล่นพนัน การเล่นดนตรีและเต้นท่าบ้าๆ บอๆ ในห้องโถงกลางจนถึง เที่ยงคืน แต่ไม่มีสุราใดๆ ทั้งสิ้น



              ทหารสนุกกับการละลายทรัพย์อันน้อยนิดในกระเป๋าด้วยการพนันต่างๆ นานา ทั้งรูปแบบของไพ่ ทอยลูกเต๋า หรือแม้กระทั่ง การคลำสิ่งของแล้วทายว่าสิ่งนั้นคืออะไร อาจจะฟังเหมือนเด็กๆ เล่นกัน แต่หากมีแต่การเล่นไพ่ทั้งคืน ทหารจะไม่พนันกันอย่างแน่นอน



              ดีล โฮวี่ ให้เหตุผลว่า “ตอนนั้นทุกคนมีเงินติดตัวอยู่คนละไม่เท่าไหร่ เพราะเราไม่คาดฝันว่า ระหว่างการฝึกจะมีวิธีละลายทรัพย์แบบนี้อยู่ด้วย”



              เรือขนส่งขนาดกลาง จุผู้โดยสารได้ประมาณ 500 คน ตอนนี้มีชีวิตอยู่บนเรือเพียงสามร้อยเศษ เหตุผลคือเพื่อต้องการให้ทหารได้ใช้พื้นที่ในการฝึกบนเรือได้อย่างเต็มที่ บางห้องในเรือจึงว่างพอที่จะจัดเป็นห้องนันทนาการสำหรับทหารฝึก



               ห้องนอนบนเรือมีทุกอย่างพร้อม มีหมอน ผ้าปูเตียง ผ้าห่มสีขาวสะอาดตา แต่ทหารมักจะใช้มันไม่ถูกจุดประสงค์สักเท่าไหร่ พวกเขาใช้หมอนในการฝึกการต่อสู้ระยะประชิดจนไส้หมอนแตก ใช้ผ้าห่มอาวุธใช้บดบังทัศนวิสัยของคู่ต่อสู้ก่อนการโจมตี



                “ทหารบางนายอาจจะอยู่กับกฎระเบียบมานาน เมื่อมีช่องว่างให้ระบาย พวกเขาจึงไม่ลังเลที่จะทำมัน ทั้งที่จะทำให้พวกเขาดูสติไม่ค่อยดีหากมีคนภายนอกมาเห็นก็ตามที” คำกล่าวของผู้ฝึกคนหนึ่งบนเรือ



                เช้าวันต่อมามีการทำกายบริหารเล็กๆ น้อยๆ บนชั้นดาดฟ้าเรือ มีการแนะนำผู้นำฝึกบนเรือให้รู้จัก ซึ่งไม่ค่อยจะมีทหารนายใดสนใจจำชื่อมากนัก เพียงแต่จะรอคอยการฝึกภาคปฏิบัติซะมากกว่า



                ในวันที่ 4 บนเรือขนส่งนี้เองที่เราเพิ่งจากทราบว่า เหตุที่พวกเรามีเวลาว่างมากมายขนาดนี้เป็นเพราะว่า พวกพลร่ม กำลังใช้พื้นที่บนหาดเป้าหมายของพวกเราอยู่ เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่า อาจจะต้องมีการบุกเข้าทางตอนใต้ของอิตาลี หากสัมพันธมิตรยังขับไล่ “นาซี” ออกจากฝรั่งเศสไม่ได้ภายในเร็วๆ นี้ เพราะฐานที่มั่นในแผ่นดินยุโรปของสัมพันธมิตรแทบจะไม่เหลืออีกแล้ว พวก “รัสเซีย” ก็แทบจะรบเพื่อรักษาดินแดนตัวเอง มากกว่าที่จะร่วมมือโจมตีเยอรมัน ถึงตอนนี้ ประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรเริ่มจะหันมาป้องกันตนเอง มากกว่าการร่วมมือเพื่อประโยชน์ส่วนรวม หัวหน้าใหญ่อย่างอังกฤษก็ไม่ได้มีจำนวนกำลังพลที่มากพอจะหนุนเข้าช่วยในพื้นที่การปะทะอย่างฮอลแลนด์ น่านน้ำในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย หรือบริเวณช่องแคบอังกฤษ



                พลร่มของอังกฤษนั้นได้ชื่อว่ามีประสิทธิภาพดีในระดับหนึ่ง แต่การที่จะเข้าทะลวง อิตาลี พวกเขาจะต้องดีกว่านี้ โดยอังกฤษได้รับการสนับสนุนครูฝึกจาก อเมริกา ที่มีแบบแผนการฝึกที่ดีกว่ามาช่วยเพิ่มทักษะให้กับพลร่มอังกฤษ ซึ่งเป็นหน่วยทหารที่ได้รับเงินเดือนมากที่สุดของกองทัพอังกฤษ แสดงให้เห็นว่า กองทัพอังกฤษ ฝากความหวังไว้กับพวกพลร่มเป็นอย่างมาก



                วันที่ 6 บนเรือ หมวด “ฮาวี่” บอกกับพวกเราว่า พรุ่งนี้ก่อน 03.00 ให้นาวิกโยธิน ทุกนายอยู่ในสภาพเตรียมพร้อมแล้วรอการเรียกรวมพลเพื่อฝึกการยกพลขึ้นบก



                แน่นอน พวกเรารอคำสั่งนี้มานานกว่า 5 วันแล้ว เราทั้งหมดในหน่วยที่ 8 พร้อมเต็มที่ “แม็คคารีดส์” พล่ามไม่หยุดปากว่าหากเขาเหยียบผืนทรายได้เมื่อไหร่จะทะลวงแนวต้านบนฝั่งนำทางทุกคน ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะหน้าที่ของนาวิกโยธินคือ นำหน้าทหารราบขึ้นฝั่ง ทำลายแนวต้านบนฝั่ง เพื่อให้ทหารราบบุกเข้าไปในแผ่นดินใหญ่ นาวิกโยธินมีหน้าที่สำคัญหลังจากนั้นคือยึดและเคลียร์หาดให้เรียบร้อย  



                 เช้ามืดวันที่ 7 บนเรือ นาวิกโยธินหน่วยที่ 8 จำนวน 51 นาย มาในชุดฝึกเต็มสูบ อาวุธครบมือ ไม่มีรอยยิ้มและเสียงพูดคุยจากนาวิกโยธินแต่อย่างใด



                 “ชุดของพวกเราไม่เหมือนกับทหารราบ กว่าสามร้อยนาย ทำให้เราดูสะดุดตาเป็นพิเศษ ชุดของพวกเรากันน้ำไม่ใช่ลดการซับน้ำอย่างของทหารราบ พวกเรามีอาวุธที่มีประสิทธิภาพกว่า พวกเราถูกฝึกมานานกว่า พวกเราเก่งกว่า พวกเราได้รับเงินเดือนมากกว่า เพราะพวกเรา เสี่ยงกว่า…….แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะพวกเราพร้อมที่จะเสี่ยง !! ” โรบิน เอ็ดเวิดส์ กล่าว



                  มีการยืนยันจากหน่วยควบคุมการฝึกแล้วว่าจะมีการใช้กระสุนจริงในการฝึก ร.ท. “ฮาวี่  เดนสัน” ถ่ายทอดคำสั่งจากหน่วยกลางว่า ให้เราทำลายแนวต้านที่จุดที่กำหนดไว้ โดยเลือกใช้อาวุธได้ตามสถานการณ์ และเมื่อทำลายเป้าหมายสำเร็จให้เคลียร์หาดสำหรับให้เรือขนส่งยานพาหนะนำรถถัง ปืนใหญ่ และอาวุธหนักขึ้นหาด โดยกำชับว่า “นี่คือการฝึกโดยใช้กระสุนจริง ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ  หากเพียงขาดสติและประมาทเพียงเสี้ยววินาที”



                    จ่าเอก ดาร์ตัน ฟอร์ด และ จ่าโท มัลคอล์ม ฮันท์ จะเป็นผู้นำหน่วย โดยทั้งสองแต่งตั้งให้ พลฯ “เจสัน กัลลาล์ด” เป็นพลสื่อสารให้สัญญาณ กับพวกทหารราบ พลฯ “อัลเบิร์ต ดายาส” และ พลฯ “แอนโธนี่  ดาร์ตัน” เป็นพลปืน ค. สนับสนุน



                     04.30 น. หน่วยกลางถ่ายทอดสัญญาณเตรียมพร้อมในการฝึกยกพลขึ้นบก นาวิกโยธิน หยุดรอหน้าประตูท้องเรือเตรียมลุยฝ่าน้ำขึ้นบก ทหารมีวิธีสร้างกำลังใจให้ตนเองแตกต่างกันออกไป บางนายใช้วิธี กระโดดเหยาะๆ อยู่กับที่ บางนายพร่ำสวดมนต์เบาๆ แต่มากที่สุดคือการเป่าปากเพื่อลดอาการเกร็ง



                    ไม่นาน ประตูท้องเรือค่อยๆ เปิดออก จ่า “ฮันท์” บอกเราว่าหากสั่งให้บุก ให้ทุกนาย “โห่” ให้ดังที่สุด พวกเราเตรียมเต็มที่ เสียงกระสุนเริ่มสาดใส่ตัวเรือโดยเจตนา มันไม่ได้สร้างความหวาดหวั่นให้เราแม้แต่น้อย แต่มันคือแรงปลุกใจสำคัญของเราให้ร้อนเต็มที่



                     ประตูท้องเรือเปิดออกเต็มที่ จ่าเอก “ดาร์ตัน ฟอร์ด” สั่งบุก…..!! พวกเราตะโกน “โห่” สุดเสียง พร้อมๆ กับ นาวิกโยธินจากหน่วยอื่นๆ ที่ทยอยลงจากเรืออีกหลายสิบลำเช่นกัน นาวิกโยธินกว่า 600 นาย วิ่งกรูเข้าหาพื้นที่เป้าหมายตามที่แบ่งกันไว้ เป้าหมายของหน่วยที่ 8 อยู่ที่ดวงไฟสีเขียว 3 ดวงที่เรียงกันเป็นแนวตั้ง พวกเราวิ่งอย่างเต็มที่โดยชูปืนขึ้นเหนือหัว เสียงปืนจากบนหาดที่ยิงกระทบเรือบ้าง ยิงลงน้ำบาง บวกกับเสียงร้องของนาวิกโยธินกว่า หกร้อยนาย ทำให้ทั่วทั้งหาดกึกก้องไปทั่วอย่างน่าอัศจรรย์



                      เมื่อ นาวิกโยธินขึ้นหาดสำเร็จ มีคำสั่งให้ทหารบนหาดยิงไล่หัวที่ความสูง 1 เมตรเหนือพื้น เพื่อบังคับให้นาวิกโยธิน หมอบสู้ ซึ่งนาวิกโยธินทั้งหมดรู้ดีอยู่แล้วว่าจะต้องมีการยิงไล่หัวจึงไม่มีนาวิกโยธินได้รับอันตรายจากบทฝึกย่อยนี้ ทุกนายในหน่วยยิงปืนประจำกายเข้าใส่เป้าหมาย ระหว่างที่ “ดายาส” และ “ดาร์ตัน” กำลังประกอบฐานและปืน ค. เข้าด้วยกัน



                     ไม่นาน ดายาส และดาร์ตัน ก็ประกอบปืนและฐานเสร็จ และยิงเข้าใส่เป้าหมาย จำนวน 2 ลูก ตามคำสั่งการฝึก แล้ว พลฯ “เจสัน  กัลลาล์ด” ก็ส่งสัญญาณไฟกระพริบให้ทหารราบบนเรือ(ของเรา) ขึ้นหาดได้ โดยระหว่างนี้พวกเราจะต้องยิงปืนประจำกายต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าทหารราบจะบุกเข้าแผ่นดินใหญ่ได้



                       พวกทหารราบเวลาขึ้นบกจะง่ายกว่าเรามาก พวกนี้จะไม่ต้องหมอบเพราะถือว่าจะต้องเร็วในการเข้าตีฐาน ไม่ต้องมีการวางแผนอะไรมาก มีหน้าที่เพียงวิ่งไปข้างหน้าและยิงศัตรูให้สิ้นซาก แต่หากจะถามว่าให้เราย้ายไปเป็นเหล่าราบจะไปไหม คำตอบคือ…..ไม่………!! เพราะโอกาสจะตายคาสนามรบก็ง่ายกว่าเช่นกัน….





                                                                                                                                              โปรดติดตามตอนต่อไป

    เป็นพิเศษ...............................

    นาวิกโยธิน จะมีโอกาสตายเพราะนาวิกโยธินหน่วยนั้นไม่มีความสามารถเอง เพราะการฝึกนาวิกโยธินเป็นเรื่องของแทคติก การวางแผน

                    และการวัดสมองคู่ต่อสู้ก่อนที่จะโจมตี เนื่องจากนาวิกโยธินรบกันด้วยกองกำลังเพียงไม่กี่ร้อย



    ทหารราบ   ต่อให้เก่งแค่ไหนหากแต่หน้าที่คือการกระทำตามคำสั่งของหน่วยบัญชาการ หากข้างหน้าคือศัตรูจำนวนมหาศาลก็ต้องเข้าไปสู้

                   เพราะไม่ได้มีคำสั่งให้ถอย เพราะทหารราบนับพันจะต้องฟังคำสั่งจากหน่วยเพียงหน่วยเดียว



                   อธิบายกันง่ายๆ คือ นาวิกโยธินจะได้รับคำสั่งแล้วไปทำเอง หาทางบุกเอง ป้องกันเอง ยกตัวอย่าง \"หน่วยนาวิกโยธินที่ 8 ได้รับคำสั่งให้ป้องกันฐาน A\" เท่านั้น......คือคำสั่ง ส่วนจะป้องกันอย่างไร ก็เรื่องของหน่วยที่ 8



                   แต่พวกทหารราบจะได้รับคำสั่งแล้วให้ทำตาม ยกตัวอย่าง \"กองพันทหารราบที่หนึ่งป้องกันฐาน A\" นี่คือคำสั่งใหญ่ หลังจากนั้นจะมีคำสั่งย่อยมาเป็นระยะๆ เช่น \"ปีกซ้าย สองร้อยนาย ตั้งแนวต้านปืนกล\"ซึ่งก็ต้องจัดกำลังพลตามนั้น ซึ่งสรุปแล้วก็คือ  ทหารราบ จะต้องฟังคำสั่ง เป็นระยะๆ แล้วปฎิบัติตาม ส่วนนาวิกโยธิน จะรับคำสั่งแล้วก็ปฎิบัติอย่างไรก็ได้ให้คำสั่งนั้นสัมฤทธิ์ผล



                  นี่เป็นที่มาที่ทำให้ผู้เขียนใช้คำว่า \"นาวิกโยธินเสี่ยงกว่า (เพราะต้องคิดและทำเอง) พลาดแล้วก็ตายกันเอง หากทำไม่ได้ก็กลับมาถูกขังแทน\" ส่วนทหารราบมีโอกาสตายคาสนามรบมากกว่าเพราะต่อให้ยากก็ต้องทำ เพราะการขัดคำสั่งก็อาจจะมีโอกาสตายสูงกว่า



                  เอาเป็นว่าถ้างง.......แล้วจะหาคำที่เข้าใจง่ายมาอธิบายภายหลัง..............ผู้เขียน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×