ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องย่อหม้อสุกี้

    ลำดับตอนที่ #1 : เรื่องย่อดิบ ๆ

    • อัปเดตล่าสุด 17 มิ.ย. 50


    คือพี่ไปเข้าคอสเรียนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์มา  แล้วพอดีมีโอกาสฟัง lecture อาจารย์ 2-3 ท่านที่ทำวิจัยเกี่ยวกับพลังงาน
    พอดีพี่เองตอนทำ thesis ศึกษาเกี่ยวกับ recycle  แล้วพอได้ฟังเรื่องเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน   Ecology   Green Architecture แล้วเกิดฮึดขึ้นมา
    ได้ไอเดียว่า  ความจริงพวกเราเนี่ยกินพลังงานมาก ๆ  ทั้ง ๆ เป็นเรื่องสำคัญ  แต่กลับไม่ค่อยมีใครสนใจ
    น้ำแข็งขั้วโลกก็กำลังละลาย  และด้วยอัตราการละลายของน้ำแข็งขั้วโลกเท่าขณะนี้  กทมเราจะอยู่ใต้ระดับน้ำทะเลภายใน 30-60 ปี  
     
    (ฟังดูมีหลักการเชียวเรา  หะเอิ๊ก ๆ อย่าเพิ่งเวียนเฮดนิคิ)
     
    ทีนี้  ...มีอาจารย์ท่านหนึ่ง   แกเป็นสถาปนิก   แกออกแบบบ้านผลิตพลังงาน   ซึ่งไอเดียดีมาก ๆ แต่น่าตาโหลยโท่ยไปหน่อย  หุหุ
    (คือปกติแล้วสถาปนิกจะเน้น design  หรือไม่ก็ building tech  ทางใดทางหนึ่ง
    สองค่ายนี้ไม่ลงรอยกัน    เหมือนหมอเมดกะหมอศัลย์มั๊ง)
    แต่พี่รักในความตั้งใจดีต่อสิ่งแวดล้อมของแก   ถึงแกออกจะเพี๊ยน ๆ และอีโก้กระฉูดไปหน่อยก็เหอะ
    แกออกแบบบ้านที่ประหยัดพลังงานมาก ๆ ถึงขนาดสามารถผลิตพลังงานได้ด้วย   ถ้าตัดไฟ  ตัดน้ำทิ้งก็อยู่ได้ 
     
    พี่เลยอยากอัญเชิญแกมา Modify ใหม่  
    เอาความเป็น Sci ออกไปนิด  เอาความเป็น art ใส่เข้าไปหน่อย 
    ที่สำคัญเอาอายุมากออกไป    แล้วเอาความเท่  น่ารักแปะเข้าไปเสริมเยอะ ๆ หน่อย   
    5555แล้วเราก็จะได้พระเอกของเรา   >____^   
    พระเอกเป็นสถาปนิกเก่งทั้งบุ๋นและบู้  คือดีไซน์เก่ง  เก่งด้านวิศวกรรมด้วย  55555   เป็นคนบ้างาน  อีโก้สูงสาด ๆ
    ปากเสียนิด ๆ พอน่ารัก   ชอบทำเป็นดุ   ทำเป็นนักวิชาก๊าร  วิชาการ   แต่จริง ๆ แอบเพี๊ยน  แอบฮา  แอบบ้า   แอบเป็นคนมีน้ำใจ
     
    ฉากก็คือบ้านประหยัดพลังงาน   ที่พระเอกออกแบบ
     
    แล้วนางเอกก็ควรจะมาแบบไม่รู้อีโหน่อีเหน่  ไม่มีสำนึกด้านพลังงานเลย  
    เธอเป็นเหมือนคนอ่าน  เหมือนเด็ก ๆ ยุคนี้  คนทั่วไปที่ออกจะวัตถุนิยมนิด ๆ  
    มาแนว  ประหยัดพลังงานเร๊อะ  เช๊อะ
    นี่ไง  ฉันน่ะประหยัดพลังงานสุด ๆ   ประหยัดพลังงานตัวเองย่ะ   เน้นสะดวก  สบาย
    ขึ้นบันไดไปชั้นสามก็ต้องกดลิฟท์แล้ว
     
    แล้วทีนี้เธอต้องมาอยู่บ้านนี้   เลยเกิดเหตุการณ์แบบขำ ๆ ฮา ๆ   ตีกับนายสถาปนิกสุดเพี๊ยนที่เรียนเก่งได้ทุนจบด๊อกเตอร์ด้านนี้มา
    พระเอกเป็นคนออกแบบบ้านนี้  อาจเป็นบ้านตัวอย่างในโครงการหมู่บ้านจัดสรรร้างที่พ่อนางเอกทำไว้แล้วเจ๊ง   พระเอกเก็บค่าแบบไม่ได้เลยมาอยู่บ้านนี้ 
    (รักผลงานด้วย  มาดูแล  มันอาจเป็น passion  อาจเป็นบ้านหลังแรกที่ได้ทำงานประหยัดพลังงานที่ตัวเองฝัน   เลยหวง  อยากมาทดลองอยู่เอง)
     
    พอดีนางเอกที่กำลังเรียนอยู่ต่างประเทศ  พ่อไม่มีเงินส่งเรียนจบจน เพราะบริษัทเจ๊ง  เลยต้องกลังมาเมืองไทยแบบไม่จบ  กลายเป็นถือวุฒิ ม 6 ดีมั๊ย  (คือต้องมีปมในใจนิดนึง )
    พอไม่มีบ้านอยู่  บ้านพ่ออาจโดนแบ๊งยึด  เลยต้องมาอยู่บ้านตัวอย่างในโครงการ...   อะไรประมาณนี้ดีป่ะคะ 
     
    พอมาแย่งบ้านได้พระเอกอาจต้องระเห็จออกไปอยู่ข้าง ๆ ซึ่งเป็นสำนักงานขาย โทรม ๆ   (น่าฉงฉานที่ซู๊ด)
    แต่พระเอกอาจกลัวเธออยู่แบบไม่ประหยัดพลังงาน   ทำให้บ้านนี้เสียชื่อ  จ่ายค่าไฟแพงเกินกว่า concept ที่ตั้งไว้ 
    เลยตามตอแยนางเอกไม่เลิก  คอยมาดู  คอยมากำกับ 
    (คือบ้านประหยัดพลังงาน  ของอาจารย์พี่นะ  เค้าจะการันตีว่าค่าไฟฟ้าจะไม่เกิน 200 บาทต่อเดือน  
    และถ้าตัดน้ำตัดไฟจากการไฟฟ้าการประปาก็อยู่ได้ค่ะ   แกบ้ามากจริง ๆ )
     
    ก็เลยตีกันนัวเนีย   น่ารักดี
    เช่น  
    เธอเปิดไฟทั้งบ้านเพราะกลัวผี   แต่โดนพระเอกเราดุ   'นี่...พ่อเธอเป็นเจ้าของเขื่อนยันฮีหรือไง'
    'ต๊ายยยยย...ยันอะไรนะ   ลามก!!!'    เธออาจไม่รู้ว่าเขื่อนภูมิพลน่ะคือเขื่อนยันฮี    เป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งสิ้น 743,800 กิโลวัตต์   brah  ๆๆๆ
     
    หรือแบบประมาณ...  ตอนแรกเธอก็ดื่มน้ำแล้วก็คิดว่าน้ำบ้านนี้เป็นน้ำแร่ 
    แต่สำลักพรวดออกมาพอพระเอกบอกขำ ๆ ว่าเป็นน้ำ Recycle ผสมระหว่างน้ำค้าง  น้ำแอร์  กับน้ำจากถังบำบัดจากท่อน้ำทิ้ง  
    55555  
    แล้วแม่คุณก็ต้องเต้น ๆ ๆ   'ต๊าย  นี่แกให้ฉันกินน้ำฉี่เร๊อะ???  นายตายซะเหอะ'
    แล้วก็ค่อย ๆ โดน  สอนว่าการทำน้ำประปาเนี่ยต้องใช้พลังงานมหาศาลแค่ไหน
    น้ำทิ้งต่างกับน้ำโสโครกยังงัย    น้ำแอร์ความจริงเป็นน้ำกลั่นที่สะอาดมาก  ฯลฯ
     
     
     
    ไอเดียก็คือ  อยากให้คนอ่าน   อ่านแล้วมีความรู้เรื่อง environment   eco-product   green มีสติ  มีสำนึกคิดถึง energy saving  
    แต่ไม่เคลียด   ขำ ๆ   กุ๊กกิ๊ก ๆ  
    แบบค่อย ๆ รักกัน  สุดท้าย   นางเอกเราก็ไม่กดลิฟท์  แต่จะเดินขึ้นชั้นสามด้วยขาตัวเอง  
    เวลาร้องไห้ก็จะไม่ใช้ทิชชู่เปลือง   5555  
    อาจมีฉากน่ารัก ๆ แบบจุดเทียนประชด  แต่ดันได้บรรยากาศหวาน ๆ อะไรแบบนั้นก็ได้
     
    อะไรแบบนั้นน่ะค่ะ
    ตอนแรกพี่คิดจะให้นางเอกเป็นนักการตลาด  ด้าน Marketing      ได้เรียน  แต่ไม่จบ    
    (พี่อยากบอกคนอ่านด้วยว่า    ปริญญาไม่ได้สำคัญที่สุด   ไม่จบ  ไม่มีวุฒิ  ไม่มีคนรับเข้าทำงาน  ก็หาหนทางเองได้)
     
    นางเอกหางานไม่ได้เลยเปิดบริษัทเอง  เล็ก ๆ ที่บ้านนี่แหละ   ทำงานโฆษณา   (จะได้มีตัวละครอื่น ๆ ขำ ๆ )   
    พอดี๊  ไปรับงานมา  บริษัทผลิตหลอดไฟ  เครื่องใช้ไฟฟ้าอยากเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่
    แล้วนางเอกอาจจ้างฟรีแล้น   โดนทิ้งงาน  หรือน้อง Graphic   ติดปัญหาอะไรสักอย่าง   ต้องส่งงานพรุ่งนี้แล้วไม่มีส่ง 
    พระเอกก็เลยมาแอบช่วย  
    (คนนอกวงการเราไม่รู้หรอกว่าสถาปนิกนั้น  ทำได้ทุกอย่างตั้งแต่ถ่ายรูปยัน Photoshop  ยันออกแบบเวที  บู๊ธ   ทำหนัง  ฯลฯ )   อะไรแบบนั้น
    ผลงานก็เลยโดนใจลูกค้ามาก  เพราะพอดีพระเอกรู้เรื่องไฟฟ้าเยอะไง     
    นางเอกเลยค่อย ๆ ญาติดีขึ้นกับอีตาสถาปนิกเพี๊ยนไม่ยอมจ่ายค่าไฟ
    ส่วนพระเอกอาจจะไม่ค่อยมีตังค์   โดนลูกค้าไม่จ่ายค่าแบบมาเยอะ  (อยากแฉเรื่องนี้มานานแล้ว) เลยมาเป็นลูกจ้างนางเอก
     
    แล้วสุดท้ายก็มาช่วยกันกะพระเอก  ทำโครงการของพ่อที่ทำไว้ต่อจนสำเร็จเป็นหมู่บ้านประหยัดพลังงาน  
    อาจได้สปอนเซอร์จากบริษัทหลอดไฟที่เป็นลูกค้าบริษัทโฆษณานี่แหละ  
    อิอิ    มั่วไปโน่น  แต่ก็เนียนใช้ได้ป่ะ
     
    แต่ถ้ากรมาศอยากเปลี่ยนให้นางเอกเป็นหมอฟันก็ได้นะคะ   
     
     
    สรุป   ไอเดียพี่   อยากให้เราเอาเรื่องซีเรียส ๆ อย่าง  Energy Saving  นี้จับมาเขียนเป็น romantic  comedy  กัด ๆ ขำ ๆ
    เอาพฤติกรรมทำลานทรัพยากรของพวกเรานั่นแหละ  มาเขียนประชด ๆ จับมาเป็นพฤติกรรมนางเอกให้มันเว่อร์ ๆ 
    ส่วนอีตาพระเอกก็ Anti แบบเว่อร์ ๆ  สอดแทรกความรู้เรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับ  Energy Saving  เฮียแกชอบทำตัวเป็นนักวิชาการไง 
     
    ให้คนอ่าน  อ่านแล้วเดินขึ้นชั้นสามด้วยขาตัวเอง   ใช้กระดาษอย่างมีสติสักหน่อย  แยกขยะก่อนทิ้งสักนิดก็ยังดีน่ะค่ะ
     
    และสุดท้ายนะ  กรมาศต้องคิดฉากจบหวาน ๆ   แบบประมาณว่า   ตอนเข้าหอ  นางเอกอาจบอกว่า  ดับไฟเหอะเพ่  ประหยัดพลังงานนิคิ
    พระเอกเราก็อาจจะตอบว่า   น่า...   เปิดไว้สักดวง   ผมจายอมจ่ายค่าไฟแล้วคร๊าบ     อิอิ
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×