ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรารักนาย ได้นานแค่ใหน

    ลำดับตอนที่ #1 : ผูกค้อมือ

    • อัปเดตล่าสุด 3 มี.ค. 51


    Chet 1
    ผมเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งในจำนวนกลุ่มเพื่อนหลายคนที่ถือว่าน่าตาพอใช้ได้(พอไปวัดไปวาได้...อิอิ) ตัวไม่สูงเท่าไหร่แค่ 166 (เกือบเตี้ยแล้วตู) หลังจากเรียนจบชั้นม.ต้นแล้ว ได้มีโอกาสเข้ามาเรียนต่อ ม. ปลาย ซึ่งอยู่ในตัวอำเภอ ห่างจากบ้านของผมเกือบ 20 กิโล นั่งรถประจำทางไปกลับ เป็นวิถีชีวิตในระดับม.ปลาย และได้เกิดเหตุการณ์ที่ผมไม่มีวันลืม 
     
                   ในช่วงเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงเปิดเรียนและเป็นวันปฐมนิเทศต้อนรับน้องใหม่ด้วย บรรยากาศก็เหมือนทั่วไป แต่น่าประทับใจที่สุดคือการบายศรีสู่ขวัญที่รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ทั้งนักเรียนและอาจารย์รวมแล้วประมาณ 600 คน เห็นจะได้(กะเอาคับ) ผมไม่รู้จักใครเลยเพราะในหมู่บ้านของผมมีผมเพียงคนเดียวที่เข้ามาเรียนที่นี่ ในขณะที่นักเรียนทั้งใหม่-เก่ากำลังสาละวนในการผูกแขนอยู่ ก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง   น่าตาดี ผิวขาว รูปร่างผอม สูงกว่าผมนิดนึง   สอดสายตามากระทบตาผม ในมือมีฝ้ายสีขาวกับไข่ต้มหนึ่งฟอง เขายิ้มพรางเดินมาตรงหน้าผม แล้วนั่งคุกเข่าลงพูดว่า
    “มา เดี๋ยวผูกแขนให้”
    จากคนที่ไม่เคยรู้จักใครมาก่อน เมื่อได้รับสัมพันธไมตรีแบบนี้รู้สึกอบอุ่น ในใจคิดว่า คนนี้น่าจะคบเป็นเพื่อนได้ ผมอึ้งไปพักนึง   ก็ต้องตื่นจากอาการเคลิ้ม เมื่อมีเสียงมากระทบโสตประสาทอีกครั้ง 
    “ยื่นมือของนายมาสิ”
    ผมส่งมือขวาให้อย่างว่าง่าย (ส่อแววใจง่ายคับ) จากนั้นเด็กหนุ่มจึงนำไข่ต้มวางที่มือผม เพียงแต่มือสัมผัสกันเท่านั้นแหละผมรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ทั้งที่ในห้องเปิดแอร์เย็นสบาย   เขาใช้ฝ้ายสีขาวผูกที่ข้อมืออย่างหลวม ๆ ปากก็ทำขมุบขมิบพึมพำ (เล่นไสยศาสตร์ด้วย จะสะกดตูอะป่าวฟะ…คิดไปเองคับ)   ผมต้องหันไปมองที่ต้นเสียงอีกครั้ง เมื่อเด็กหนุ่มถามด้วยแววตาและรอยยิ้มที่แสดงออกถึงความเป็นมิตร
    “นายชื่ออะไร” 
    “เชษฐ์” ผมตอบสั้น ๆ เพื่อเป็นการยอมรับสัมพันธไมตรี (จริงๆ แล้วอึ้งพูดไม่ออกคับ)
    “เรียกเราว่า หนึ่ง ก็แล้วกัน” พอพูดจบก็ลุกเดินออกไป
     
    พอกลับถึงบ้านก็ปาเข้าเกือบ 5 โมงเย็น  
    บ้านไม้สองชั้น ที่ร่มรื่นด้วยไม้ดอกไม้ประดับ
    “เป็นไง ไปเรียนวันแรก เพื่อนคงเยอะน่าดูสินะ” เสียงแม่ตะโกนออกมาจากในครัว
    “เปล่า…ไม่มีนี่แม่...” ผมพูดพรางเดินเข้าไปในบ้าน    พอเปิดเข้าไปในห้องนอนผมก็รูกสึกถึงความเปลียนแปลง จากห้องที่รกข้าวของกระจัดกระจายเพราะความรีบร้อนเมื่อตอนเช้า   กลับเป็นความสะอาดเรียบร้อยเป็นระเรียบ ไม่ใช่ใครที่ไหนมาทำก็คงเป็นฝีมือแม่นั้นเอง
    ผมวางกระเป๋าแล้วถอนเสื้อผ้าออกหมด no กกน. ไม่ชอบใส่   นุ่งผ้าเช็ดตัวแทนเดินตรงไปที่ห้องน้ำ
    “เชษฐ์…อาบน้ำเสร็จยังลูก จะได้มากินข้าวพร้อมกัน” แม่พูดพร้อมกับยกสำรับออกมา ถือว่าครอบครัวผมเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ผมเป็นลูกชายคนเดียว และยังมีพี่สาวแต่แต่งงานไปแล้ว จึงเหลือแต่ผม แม่ และพ่อเท่านั้น
     
    พอถึง 3 ทุ่มก็เข้านอน เพราะไม่มีอะไรทำ ปกติจะทำการบ้านหรืออ่านหนังสือ แต่เนื่องจากเป็นวันปฐมนิเทศจึงไม่มีการเรียนการสอนแต่อย่างใด 
    ได้เรื่องแล้วสิคับ หลับตาลงคราใดเห็นแต่ใบหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้น(ไสยศาสตร์มีจริงคับ) นอนพลิไปพลิมาก็นอนไม่หลับสักที อย่าถามนะว่าผมนอนหลับได้อย่างไร…จ้างก็ไม่บอก…กิจวัตรก่อนนอน อิอิอิ
     
    ขณะที่ผมนั่งรออาจารย์อยู่ในห้อง เสียงที่ผมคุ้นหูก็ดังขึ้น
    “เชษฐ์…เป็นไง โหมาแต่เช้าเลยนะ”พอผมหันไปที่ต้นเสียงก็จำได้ทันที
    “อ้าว…หนึ่งเองเหรอ นึกว่าใคร” หนึ่งพูดคุยกับเพื่อนทุกคนทั่วไป แต่หนึ่งจะสนิทกับผมมากเป็นพิเศษ ผมเองก็มีหนึ่งเท่ามั้นที่พอจะเป็นเพื่อนคุยได้ เราคุยกันได้สักพัก ก่อนที่จะมีการเรียนการสอน
    “วันศุกร์นี้ไปเที่ยวบ้านเราไหมฟะ บ้านเราอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน” หนึ่งชวนผมไปเที่ยวบ้าน แม้พึ่งจะคบกันได้ไม่กี่วัน   เพียงเท่านั้นแหละคับ ผมก็เริ่มคิดแผนการ(ไม่ใช่แผนการชั่วร้ายคับ) คือจะขออนุญาตแม่มานอนบ้านเพื่อน จะกลับบ้านเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ เพื่อเป็นการเซฟค่าใช้จ่าย ตอนแรกแม่ไม่ยอมเพราะเป็นห่วง ในที่สุดแม่ก็ตกลง (เห็นม้าย…ไม่ใชแผนการชั่วร้ายสักหน่อย คิกคิก)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×