คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่8
นั่นน่ะเหรอ พวกเมบิอุสที่โตมันกำลังจะปะทะด้วย ยามาริมองพวกโอซานาอิที่มาฃ้อมโกดังที่พวกเขาอยู่หมด เหมือนกับพวกหมาหมู่ขี้ขลาดยังไงอย่างนั้น
และดูเหมือนกับว่าเป็นคนที่ปาจินแค้นที่สุด…สาายตาของเธอเหลือบมองหัวหน้าหน่วยที่3 ปาจิน ที่กำหมัดจะวิ่งเข้าไปต่อยโอซานาอิ เธอเข้าใจดีความรู้สึกนั่น ทั้งเพื่อนถูกทำร้าย แฟนเพื่อนถูกทำร้าย ครอบครัวของเพื่อนถูกขู่เข็นรีดไถ่
นั่นน่ะ…เธอไม่เคยให้อภัยกับเขาเลย
“เอะอะเสียงดังโวยวายอะไรอีก โอซานาอิซัง” เสียงแตกหนุ่มของชายหนุ่มที่ค่อนข้างคุ้นเคยดังขึ้น
“ก็แหม ให้ไอ้เจ่าพวกเด็กกระโปกมันทำใจซะบ้าง โอโตรุ”
“ห๊ะ!!”
ยามาริเบิกตากว้างด้วยความตกใจ มองกลุ่มคนที่แหวกทางให้ร่างสูงที่มีอาวุธเป็นไม้ไผ่ แถมตัวก็สูงเหมือนไม้ไผ่อีกด้วย บทสนทนาเนมื่อกี้เขาเรียกว่า ‘โอซานาอิซัง’? ทั้งที่หมอนั่นเป็นศัตรูกับเธอและทั้งโตมัน!
“ไหนไอ้พวกเด็กกระโปก มาเรียงตัวกันตรงนี้ซะ”
พรึ่บ!
โอโตรุยื่นไม้ไผ่มาข้างหน้าพวกไมค์กี้ เหมือนท้าทายให้มายืนเรียงตัวและเขาพร้อมที่จะฟาดไม่ยั้ง
ฝีมือของโอโตรุเทียบเท่ากับปีศาจ ขนาดเธอยังไม่รู้เลยว่าในหัวเขาคิดอะไรอยู่ แต่สิ่งที่แปลกไปก็คือ…ผมเพลาสีดำสนิทเหมือนปีอีกาที่ปิดหน้าเผยแค่ลูกกระตาข้างหนึ่ง พร้อมใบหน้าที่แสยะยิ้มร่า
ในเมื่อเป็นเพื่อนของตัวเอง เองตัวก็ต้องจัดการ นี่คือสิ่งที่ยามาริคิดก่อนจะเดินไปประจันหน้ากับโอโตรุ เพื่อนคนแรกและคนสนิทของตน
“ย…ยามะจิน?”
ไมค์กี้พูดด้วยความตกใจ มองร่างเล็กที่เอาหน้าอกแบนตรงหัวใจใกล้ไม้ไผ่สีเงิน พลางอ้าแขนทั้งสองข้างบังตัวพวกเขาที่อยู่ข้างหลัง แม้จะไม่มิดก็ตามแต่เธอจะปกป้องให้ถึงที่สุด
เพื่อนข้างหลังของเธอเองก็เป็นคนสำคัญเช่นกัน
“โอโตรุ ไหนนายบอกว่าไม่สังกัดอยู่แก๊งไหนไง แล้วนี่หมายความว่าไง?” ยามาริเอียงคอด้วยความสงสัย
“…เธอก็เหมือนกันนิ บอกว่าไม่อยากยุ่งกับนักเลง แต่มาอยู่กับพวกโตเกียวมันจิไคเนี่ย?”
โอโตรุลดไม้ไผ่ของตนลงเหมือนจะพูดคุยกับยามาริดีๆ
“แต่ฉันไม่ได้เข้าร่วมแก๊งหรือเป็นลูกน้องมันจิโร่สักหน่่อย”
“มันจิโร่…?”
โอโตรุหันมองไมค์กี้ที่นั่งอยู่ข้างหลัง สีหน้าของเขาและแววตาของโอโตรุดูหงุดหงิดไม่ต่างกัน
ซาโนะ มันจิโร่ คือชื่อจริงของไมค์กี้
ซาโนะ มันจิโร่ คือคนที่พรากสิ่งสำคัญไปจากเขา
มันจิโร่…ฮ่าฮ่า ดูสนิทสนมกันดีนะ
ปั่ก!!!!
“อั่ก!!”
“ยามะจิน!!!”
โอโตรุยกไม้ไผ่ฟาดเข้าไปขมับของยามาริโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว ตามมาด้วยเสียงของไมค์กี้ที่ลุกขึ้นดังจากข้างหลังอย่างหลุดความขรึมของตน ทั้งหมดต่างพากันวิ่งมาดูสภาพของยามะจิน แต่แล้วก็ต้องชะงักกับเสียงพูดของโอโตรุ
“ที่ฟาดเมื่อกี้แค่สลบ ไม่ตายหรอก”
เขาพูดด้วยท่าทางเย็นชา ทั้งที่ยามาริบอกเขาเป็นเพื่อนคนแรกมาโดยตลอด แต่เขากลับทำอย่างนี้ได้อย่างง่ายดาย
“ไอ้พวกเมบิอุส…ไอ้เวรระยำ!!”
แม้ปาจินจะไม่ค่อยรู้จักกับยามาริแต่ได้ยินไมค์กี้พูดถึงเธอบ่อยมาก ได้แต่สงสัยจนมาถึงวันนี้ก็รู้…
หมอนี่มันโง่เหมือนไมค์กี้จริงด้วย!!
เพราะรักพวกพ้องมากกว่าตัวเองทำให้ชอบไปเสี่ยงหลายๆ เรื่อง แค่ไมค์กี้เสียคนสำคัญไปสองคนมันก็มากพอแล้ว
“ย้ากกกก!!”
ปาจินวิ่งเข้าไปต่อยโอโตรุ แต่เขาก็ใช้ไม้ไผ่ฟาดกลับอย่างไม่ออมแรง
“ปาจิน!!”
เพื่อนที่เป็นคู่หูของเขา เปยัง พูดพลางจะวิ่งเข้าไปรับตัวแต่แล้วก็ได้ยินเสียงดราเค่นดังขึ้น
“ไมค์กี้! ทาเคมิจจิ! เป!! พวกแกหยุดเดี๋ยวนี้!!”
“!” ไมค์กี้หันขวับว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้ดราเค่นเรียกเขาอย่างนั้น
ใช่…ไมค์กี้ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังวิ่งเข้าไปหาผู้คนตรงหน้า ด้วยท่าทางอยากจะไคว้คว้าและปกป้องเอาไว้ให้ได้ แสงสว่างที่นอนราบกับพื้นพลางละลายหายไป
ไม่เอาอีกแล้ว…ทั้ง ชินอิจิโร่ ยูเรจิน… ทำไมถึงไม่ให้เขาปกป้อง
“ดูทีท่าทางโอโตรุสิ”
“โอโตจิน…”
ดวงตาสีทมิฬมองร่างสูงที่ก้มหน้า ปริปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง
“ใช่…ยามาริเป็นเพื่อนสมัยเด็กของฉัน เป็นเพื่อนคนแรกที่ฉันห่วง แต่ว่า…ฉันก็มีความลับอยู่เหมือนกัน…”
…
..
.
นั่นมันเป็นช่วงใกล้เปิดเทอม อากาศก็เริ่มหนาวนิดหน่อย
“วันนี้จะไปไหนดี ฉันอยากกินไอติม”
นั่นคือเสียงยามาริในวัยเด็กที่พูดพลางท้องร้องข้างฉัน
“ก่อนเธอจะไปอยู่กับพ่อแม่บุญธรรมฉันจะตามใจก็ได้” ฉันพูดออกมา
ฉันถูกเก็บมาเลี้ยงอยู่ที่สถานเด็กกำพร้าที่เดียวกับซาโอโตะ ยามาริตอนนั้นเธอเป็นเด็กผู้หญิงผมยาวที่ห้าว และมีเพื่อนเยอะจนฉันอิจฉา แต่แล้วความอิจฉาก็แปรเปลี่ยนเป็นความเคารพเมื่อมีพ่อแม่บุญธรรมเข้ามารับเลี้ยงตัวฉันไป
“หลังจากนี้ลูกชื่อ คิริโอะ นะ”
นั่นเป็นชื่อแรกของฉันที่ไม่น่าภูมิใจสักเท่าไหร่ เพราะอะไรน่ะเหรอ…?
ตุบ! ตุบ! ตับ!
“ฮึก…ผมขอโทษ…ฮึก!”
ฉันคร่ำครวญเมื่อทำอะไรผิดพลาดลงไป ทั้งโดนทุบตี โดนเตะ โดนต่อยสารพัด แค่นอนดึกก็ต่อย ไปโรงเรียนสานก็เตะ เกรดตกก็ถีบ ฉันเกลียดการมีครอบครัว
เกลียด เกลียด เกลียด เกลียด เกลียด เกลียด เกลียด เกลียด เกลียด เกลียด
มีแต่ต้องกำจัด…
แต่พอมาถึงวันนี้กลับแปลกไป มีตำรวจจำนวนมากมาถึงหน้าบ้าน และจับกุมเจ้าพวกพ่อแม่ที่ทำร้ายลูกบุญธรรมของตนโดยที่หลักฐานทั้งที่เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย
หลังจากนั้นฉันก็ถูกส่งมาที่โรงพยาบาลเพื่อรักษาตัว
“ไง แผลเป็นไงบ้าง”
“?”
และเป็นยามาริคนอรกที่เธอมาเยี่ยมฉัน
เธอเล่าทุกอย่างให้ฉันฟัง เธอเป็นคนแจ้งความและถ่ายรูปถ่ายวิดีโอเก็บเป็นหลักฐาน สาเหตุก็เพราะเธอเป็นห่วงฉันที่ไม่ค่อยมีเพื่อนคุย ถ้าไปอยู่กับครอบครัวชีวิตจะเป็นไงบ้าง ยามาริห่วงทุกคนที่เป็นเพื่อนในบ้านสถานเด็กกำพร้า เพราะความผูกพันธ์แม้จะไม่ได้ใหล้ชิดแต่เธอก็ยังห่วงอยู่
“ทำแบบนี้กับเด็กทุกคนที่ไปมีครอบครัวเลยเหรอ?”
“อืม จะดูไปเรื่อยๆ ราวๆ 3เดือนน่ะ”
“คงเหนื่อยน่าดู…”
“เอ๊ะ?! ไม่เหนื่อยเลยๆ ก็ฉันอยากให้ทุกคนมีความสุขนี่นา ง^.^)ง”
ฉันคิดว่ามันคงจะเหนื่อยแต่สีหน้าของเธอมันไม่เหนื่อยเลย มันกลับสดใสอย่างคาดไม่ถึง ถ้าเป็นฉันคงเลิกตั้งแต่คนแรกที่ไปดูแล้ว…
“แล้วว่าแต่นายชื่ออะไรเหรอ? ถ้าจะกลับสถานเด็กกำพร้าก็ต้องมีชื่อนะ!”
“เอ๊ะ? ชื่อ…”
คิริโอะ
“ค…”
“?”
“…”
“…”
“โอโตรุ”
“งั้นเหรอ! โอโตรุสินะ ฉันยามาริ ยินดีที่ได้รู้จัก โอโตรุ ^^)!”
แต่วันที่ฉันไม่อยากให้มันมาถึงก็เกิดขึ้น ในวันที่ยามาริถูกรับเลี้ยงไปในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง เธอและฉันเป็นพี่ที่ใหญ่ที่สุดในสถานเด็กกำพร้า ก็หมายความว่าฉันต้องอยู่คนเดียวกับเด็กพวกนี้ ซึ่งฉันไม่ถูกกับเด็กเท่าไหร่…
ยามาริก็ยังร้องไห้ฟูมฟายลาจากกับเด็กน้อยอยู่เลย ก่อนวันที่พ่อแม่บุญธรรมของเธอจะรับมาเลี้ยงฉันก็เลี้ยงไอติมเธอไปจำนวนมากเท่าที่เธอต้องการให้อิ่มยันชาติหน้า
ฉันไม่อยากให้เธอไปจริงๆ เลยนะ…
หรือเธอจะเป็นคนแรกที่ฉันบอกจนต้องตามไปดูที่บ้านกัน?
ฉันไม่ปล่อยให้เวลามันเสียเปล่าหรอกต้องรีบสะกดรอยตามไปจนมาถึงบ้านของยามาริ
ฉันไม่อยากจะเชื่อสายตาเมื่อเห็นพ่อบุญธรรมของเธอกำลังตีเธอด้วยความเกรียวโกรธ ความหลังในอดีตของฉันฝุดขึ้นมา ฉันไม่อยากให้เธอต้องมาเจออะไรแบบนี้เหมือนที่ฉันเจอ…
ฉันไม่ให้อภัยผู้ใหญ่อย่างแก
ครั้งนั้นที่เพลิงไหม้ลามไปทั่วบ้านหลังโตของครอบครัวซาโอโตะ เพลิงนั้นไม่คิดจะหยุดจนในที่สุดรถดับเพลิงได้เข้ามาช่วยชีวิตเด็กสาวคนหนึ่งในบ้านที่เป็นลูกสาวบุญธรรม ซึ่งมาอยู่บ้านหลังนี้ได้ไม่กี่เดือน
ทั้งพ่อและแม่เสียชีวิตถูกเพลิงครอบ ทุกคนต่างประนามลูกสาวบุญธรรมว่าเป็นฆาตรกร แม้จะไม่มีหลักฐานว่าเธอเป็นคนทำผิด แต่ผู้คนก็ต่างประนามเธอว่าเป็นปีศาจเหมือนหลายปีก่อนจนตอนนี้ข่าวเริ่มซาลง เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาที่เข้ามาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ชิบูย่า
เจอกับเพื่อนสมัยอยู่บ้านเด็กกำพร้าอย่าง โอโตรุ และแสร้งเป็นเพื่อนกับเขา เพราะเธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าโอโตรุตามเธอมาที่บ้านตลอดคอยจับผิดพ่อแม่บุญธรรมเธอ จนตอนนี้เขากลายเป็นนักเลงและทำสิ่งนั้นเอง ทำในสิ่งที่ผู้อ่อนแอไม่สามารถเอาชนะผู้ที่แข็งแกร่งได้
เขากดขี่มัน บังคับมัน ทำร้ายมัน จนตอนนี้เขาเหมือนปีศาจในคราบเพื่อนสมัยเด็ก
…
..
.
“ฉันรู้อยู่แล้วว่านายเป็นคนทำ” ยามาริลุกตัวขึ้นมาด้วยขมับที่เปื้อนเลือด
“เห๊ะ?”
“แต่ก็ลืมไม่ลงหรอก…นายยังเป็นเพื่อนกับฉัน แต่ตอนนี้…”
ปั่ก!!!
“ฉันแค่ต้องการ ‘Revengers’ (แก้แค้น)”
ขาเล็กที่ไม่คิดว่าจะไปถึงขมับได้ แต่อย่างน้อยก็เตะได้ถึงคอ กระแทกลงไปกับพื้นตามร่างสูงมีนามว่าโอโตรุ
“อั่ก!”
โอโตรุนอนราบลงกับพื้นโกดัง นั่นทำให้ฝั่งเมบิอุสและโตมันตกตะลึงเป็นอย่างมาก
“1…”
“…”
“2…”
“…”
“3…”
ทาเคมิจิยืนอึ้งก่อนจะนึกถึงเรื่องในอนาคตพลางคิด
หลายนาทีผ่านไป…อย่าบอกนะว่า
โตมันเป็นฝ่ายชนะ?!
TBC.
เรากลับมาแล้วววว ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจเรานะคะเราดีใจมากๆ เลยฮืออ เดี๋ยวเราจะรีบมาต่อให้จบภาคเมบิอุสให้ได้เลยและพวกเราจะไปถึงวัลฮัลล่าหรือบารุฮาระกัน!
อดีตของยามาริกับโอโตรุก็ดูท่าจะปวดตับน่าดู ลองคิดสิถ้าเราน้องอยู่กับคนที่ฆ่าคนสำคัญของตน และต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ คอยเก็บอาการมันก็ค่อยข้างเจ็บปวดน่าดู
แต่ฉากเด็ดที่น้องพูดว่า ‘ฉันต้องการ Revenger’ ใครไม่คิดว่าแซ่บแต่เราคิดว่าแซ่บ! ยามะจินก็มีความผัดสัวเหมือนกันนะคะ!
ปกติเราแต่งประมาณ9,000เกือบหมื่นตัวอักษร ครั้งนี้ขอลดหน่อยไม่อยากให้ทุกคนรอนาน หวังว่ามันจะไปสั้นไปนะคะ ;-;
และก็ขอบคุณทุกคนที่รอกันอยู่นะคะ ขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่ส่งมานะคะ ไรท์จะทำให้ดีที่สุดเลยย
ความคิดเห็น