ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Tokyo Revengers [Mikey x Oc] : I'm girl

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่7

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.75K
      193
      14 ก.ค. 64

    บทที่7

     

    ยามาริตื่นขึ้นมาในห้องของตัวเองเช่นเคย ยามนี้เป็นตอนเช้าที่ถูกผ้าม่านปิดบังเอาไว้ เธอชำเลืองมองมันจิโร่ที่นอนอยู่ข้างๆ อย่างกับเด็กน้อย เห็นอย่างนี้แล้วก็อดที่จะเอาคืนถึงเรื่องเมื่อวานไม่ได้ที่ทำให้เธอตกใจ

     

    ถึงแม้ว่าจะเอาคืนไปแล้วก็เถอะ…

     

    ยามาริถกหน้าผากของเขาออก พร้อมกับวาดปากกาลงบนหน้าผากของเขาและเขียนเป็นคำว่า ‘ผีที่น่ากลัวที่สุด’ เป็นการประชดประชันอย่างไงอย่างงั้น และยังไม่พอแค่นี้ เธอเขียนรูปวงกลมตรงจมูก ขีดหนวดสายหนวดที่แก้มแต่ละข้าง แถมด้วยขีดเส้นๆ ที่ขอบตตา แต่ยังไม่ทันเขียนเสร็จ…

     

    พรึ่บ

    “เล่นจนพอใจรึยัง?” มันจิโร่ลืมตาขึ้น พร้อมกับมือของเขาที่กำข้อมือของเธอที่ในมือถือปากกาเมจิกอยู่

     

    “เอ๊ะๆๆๆๆ! ฉันเปล่าทำอะไรเลยนะ! แค่เห็นมีอะไรติดอยู่ที่หน้านายแค่นั้นเอง!Q[]Q)!” จากที่แกล้งเล่นๆ สนุกๆ เขาก็ทำลายความสนุกของเธอจนได้

     

    “เอาออกโดยใช้ปากกาเมจิกเนี้ยนะ?”

     

    “ม่ะ ไม่นะ! ฉะ ฉันแค่…หยิบปากกาเมจิกมาเล่นๆ น่ะ” เธอแฉต่อไปอย่างเนียนๆ (หรอว่ะ?)

     

    “เมื่อคืนเธอก็เตะฉันไปแล้วนะ ยังจะเอาอะไรอีก?” ตอนนี้เธอจะแฉต่อไปไม่ไหวแล้ว ไม่คิดเลยว่ามันจิโร่จะรับรู้ไวขนาดนี้ แต่เธอเล่นเขาซะจนลืมว่าเขาเป็นหัวหน้าแก๊งโตมันไปเลย!!

     

    “งั้นฉันขอ ‘ทวงคืน’ ก็แล้วกัน” มันจิโร่ยกยิ้มร้าย ทำเอาเธอเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที นี้เธอไปหาเรื่องถูกคนรึเปล่าเนี้ย?!!

     

    “ดะ ดะ เดี๋ยวสิ! ทวงคืน??? พูดอะไรของนาย--” เขาแย่งปากกาเมจิกมาจากเธอ

     

    “อยู่นิ่งๆ ล่ะ เดี๋ยวมันออกมาเละ”

     

    “อะ เอ๊ะ--?? เหว๋อ?!” มันจิโร่พลักตัวยามาริลงกับพื้น และคร่อมตัวเธอลงพร้อมกับขีดเขียนปากกาเมจิกด้วยความสนุกสนาน

     

    “มันจักจี้นะ!! อ้ะ!” เธอพยายามดิ้นแต่ก็ถูกตัวของเขากดทับตัวเธอไว้

     

    จนสุดท้ายก็ต้องจำใจอยู่นิ่งๆ ให้เขาเล่นสนุกกับการขีดเขียนหน้าของเธอ

     

    ครืน…

    ““เอ๊ะ? / หา?”” ทั้งสองคนหันไปมองบานประตูห้องที่ถูกเปิดอยู่ เผยให้เห็นมิสากิที่สวมเสื้อยืดสีฟ้าอ่อน กางเกงขาสั้นสีน้ำตาลเป็นคนเปิดประตู และจ้องมองร่างทั้งสองที่เหมือนว่า…กำลังทำอะไรกันอยู่ แต่เห็นจากหน้าที่มีปากกาเมจิกก็น่าจะคิดอย่างอื่นได้

     

    “เอ๋?!! นี้พวกนายทำอะไรกันเนี้ยยย?!!” มิสากิร้องออกมาด้วยความตกใจ พร้อมกับออกจากห้องและปิดประตูออกไป

     

    “เดี๋ยวมิสากิ!! ไม่ใช่อย่างน้านนนนน!!Q[]Q)!!”

     

    ..

    .

     

    “อะแฮ่ม! แล้วทำไม…ไมค์กี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?!” มิสากิที่นั่งพับเพียบอยู่ ชี้ที่มันจิโร่ที่หน้าโดนขีดเขียนเป็นรูปหนวดแมว ส่วนยามาริก็โดนขีดที่แก้มเป็นวงกลมวนๆ เท่านั้น

     

    “กะ ก็เออ…มันจิโร่เขาแค่ขอค้างบ้านแค่คืนเดียวน่ะ แล้วทำไมมิสากิถึงเข้ามาได้ล่ะ?!” เธอชักจะเริ่มสงสัยแล้วสิ ว่าบ้านของตัวเองปิดแน่นมิดชิดแล้ว แต่ทำไมถึงมีคนชอบเข้ามาบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วยล่ะ?=-=)?

     

    “ก็ฉันกดกริ่งและเคาะประตูหลายรอบแล้ว แต่ยามาริจังไม่ตอบน่ะสิ แล้วประตูก็ไม่ได้ล็อกด้วย”

     

    ยามารินึกถึงตอนที่เธอไปเปิดประตูให้ริวงูจิเมื่อคืน สงสัยตอนนั้นคงลืมล็อคประตูแน่นอนเลย

     

    “งะ งั้นที่มามีอะไรหรอ?;^^)” ยามาริเปลี่ยนเรื่องคุย

     

    “ก็จะไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลน่ะสิ แต่เธอดันออกมาก่อน ก็เลยมาเยี่ยมที่บ้านน่ะ”

     

    “ง้ะ งั้นหรอ ขอโทษทีไม่ได้บอกนะ” มิสากิยิ้มเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร “อะ เออ…มันจิโร่คุง ไปอาบน้ำก่อนเลยก็ได้นะ”

     

    “อืม ก็ได้นะ แต่ก็ขอยืมชุดหน่อยแล้วกัน!” มิสากิขมวดคิ้วออกมาอย่างเห็นได้ชัด

     

    “เออ ก็ได้อยู่หรอก มีอยู่ตัวนึงช่วยรอก่อนนะ” เธอเปิดตู้เสื้อผ้าของตนออก และหาเสื้อผ้าของเธอที่เหมาะกับมันจิโร่

     

    เธอหยิบเสื้อคอกว้างสีดำและเสื้อกล้ามสีขาวให้ แม้มันจะดูไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ แต่เธอก็ไม่มีเสื้อผ้าที่เหมาะมากว่านี้แล้ว จึงยื่นเสื้อตัวนี้ให้มันจิโร่ และกางเกงสีดำยาวให้เขา

     

    “ขอบคุณ” มันจิโร่รับมา และเดินออกไปอาบน้ำ

     

    นี้เธอเผลอตามใจอีกแล้วหรอ? ให้ตายสิ…

     

    ..

    .

     

    เมื่อมันจิโร่อาบน้ำล้างหน้าให้สะอาดไม่มีรอยเมจิก และแต่งตัวด้วยชุดที่ยามาริให้เสร็จก็เดินขึ้นมาบนห้อง ก็เห็นว่ามิสากิไม่อยู่แล้ว และเมื่อไปถามยามาริก็บอกว่า ‘ออกไปรอข้างนอก’ มันจิโร่จึงขอไปรอข้างนอก ให้ยามาริอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ

     

    “นายออกมาทำไม?” มิสากิที่มองมันจิโร่เดินออกมารอข้างนอก

     

    “ก็อยากมาน่ะ มีปัญหาหรอ?” มันจิโร่ยืนพิงกำแพง

     

    “ไม่ แต่แค่…เหมือนนายจะสนิทกับยามาริจังเยอะเกินไปนะ”

     

    “ถ้าเรื่องนั้นน่ะ มันเป็นแค่อุบัติเหตุน่ะ” เขาคิดว่ามิสากิหมายถึงเรื่องที่เขาคร่อมตัวยามาริ เพื่อแค่ที่จะขีดเขียนลงใบหน้าของเธอ

     

    “ไม่ใช่สักหน่อย…” เธอก้มหน้าลง ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างจากเธอ จนต้องหันหน้ามา

     

    “นายก็รู้นิ ว่านายเป็นหัวหน้าแก๊งนักเลง…และยัง…และยังให้ยามาริจังไปยุ่งเรื่องพวกนี้อีก!” มอสากิเงยหน้าขึ้นด้วยน้ำตาที่คลออยู่

     

    “……” มันจิโร่เงียบ

     

    “นายไม่รู้เลยหรอว่าเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนยามาริจังไปโดนอะไรมา?! ทั้งโดนเตะ โดนต่อย แล้วก็…โดนแทง” มันจิโร่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินว่ายามาริโดนแทง

     

    “ทั้งที่เป็นแบบนั้น แต่นายยังให้เธอไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้อีก!” เธอหันตัวตรงมาทางเขา “ขอร้องล่ะ…อย่ามายุ่งกับยามาริเลย”

     

    “……” เขามองตัวมิสากิที่โค้งตัวลงขอร้องทั้งน้ำตา “…ยามะจินเป็นเพื่อนของฉัน ถ้าเธอไม่ชอบใจก็ไม่เป็นไร”

     

    “ไม่ได้ไม่ชอบใจสักหน่อย! ฉัน…ฉันเป็นห่วงยามารินะ…” เธอเงยหน้าขึ้น

     

    “ใช่…ฉันก็เป็นห่วงยามะจิน แต่ก็ขาดยามะจินไปไม่ได้เหมือนกัน…” มันจิโร่เดินมาตบไหล่มิสากิ

     

    “หลังจากนี้ฉันจะไม่ให้ยามะจินเจ็บตัวแน่นอน ถ้ายามะจินเป็นอะไรไปก็สามารถตบฉันได้สบายเลยนะ” เขายิ้มอ่อนด้วยความจริงใจ

     

    “……” มิสากินิ่งเงียบ พลางเช็ดน้ำตาของตัวเองที่ล้นออกมา “แล้ว…ฉันจะเชื่อใจนายได้ไง?”

     

    “ก็ให้ยามะจินเป็นพยานสิ ฉันพูดจริงทำจริงนะ”

     

    “……” มิสากิคิดไตร่ตรอง “ตกลง…แต่นายต้องสัญญานะ”

     

    “อืม สัญญาเลย”

     

     

    เมื่อยามาริเดินออกมาจากบ้านก็สวมเสื้อยืดคาตัววีสีดำ กางเกงขาสั้นสีขาว รองเท้าผ้าใบสีเทา และเมื่อมันจิโร่เห็นดังนั้นก็แทบจะถอดกางเกงให้ยามาริ เพราะเธอไม่เคยใส่กางเกงขาสั้นจนเห็นต้นขาขนาดนี้มาก่อน

     

    “ยะ ยามะจินจะใส่ชุดนี้ไปธุระจริงหรอ?!” มันจิโร่เอ่ยขึ้น

     

    “ก็ใช่นิ แต่ฉันไปตอนบ่ายน่ะ” เธอมองอาการท่าทางเขาที่ดูเลิ่กลั่กผิดปกติ

     

    “เดินบ่าย?! งั้นก็ไปโกดังที่นิชูด้วยกันมั้ย?!” เขาตาเป็นประกาย กดดันให้เธอตอบไป

     

    “เอ๊ะ? ละ แล้วเสร็จตอนไหนล่ะ?”

     

    “ไม่ถึงบ่ายหรอก ไปน้าๆๆๆ” เขาเขย่ามือเธอ

     

    “อะ อะ เออก็ได้ๆ แต่ต้องไม่เลยบ่ายนะ” เขาร้องดีใจและปล่อยมือเธอ

     

    “แล้วว่าแต่มิสากิล่ะ?” เธอมองไปรอบๆ ก็ไม่เจอกับเพื่นสนิทของตน

     

    “บอกว่าขอกลับก่อนน่ะ งั้นก็ไปกันเถอะ!^^)”

     

    ..

    .

     

    เมื่อพวกเขามาถึงโกดังที่นิชู ก็เริ่มการประชุมเกิดขึ้น ปาจิน เปยังและริวงูจิก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน และก็ถามถึงยามาริที่มันจิโร่พาตัวมาด้วย ริวงูจิเลยบอกว่าเป็นแขกที่มันจิโร่พามา ทั้งหมดจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากและเข้าประเด็นเรื่องการพูดคุย

     

    ทั้งหมดที่พวกเขากำลังพูดอยู่นั้น ยามาริแทบไม่ได้ฟังอะไรเลยสักนิด ที่จะบอกคือแทบหลับเลยล่ะ แต่ก็ต้องทำเป็นเก็กและยืนหลับอยู่ทั้งๆ อย่างนั้นเพื่อเลี่ยงปัญหาที่ฌะอต้องเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง

     

    ตึก ตึก ตึก

    แต่แล้วเสียงฝีเท้าของใครบางคนก็เดินเข้ามาที่โกดังในนิชู

     

    “ไมค์กี้คุง!” เสียงของฮานะกาคิดังขึ้นเรียกมันจิโร่ ทำให้เธอตื่นจากการยืนหลับและหันไปหาเสียงฮานะกาคิ

     

    “มีอะไร ทาเคมิจจิ?” มันจิโร่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม

     

    “ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่?” ริวงูจิขมวดคิ้ว รวมถึงทุกคนในนี้ที่ไล่เขาออกไปด้วย ยกเว้นยามาริที่กำลังสะลึมสะลืออยู่

     

    “โทษที ตอนนี้กำลังคุยเรื่องสำคัญอยู่” แม้ริวงูจิจะพูดอย่างงั้น แต่ฮานะกาคิก็ยังคงเดินตรงมาทางพวกเขา และพูดสิ่งที่เหลือเชื่อออกมา

     

    “เรื่องว่าขัดแย้งกับเมบิอุส…หยุดมันได้รึเปล่าครับ?”

     

    “หา?” มันจิโร่อุทานออกมา พลางมองมาที่ฮานะกาคิ

     

    “ความขัดแย้งครั้งนี้ ถึงจะไม่มีอะไรมายืนยันแน่ชัด แต่มีใครกำลังชักใยอยู่เบื้องหลัง!” เขาเหงื่อตกเพราะกังวลกับสิ่งที่พูดออกไป แล้วปาจินก็จับหัวของฮานะกาคิและพลักตัวเขาออกไปเต็มแรงจนล้มลงนอนไถลไปกับพื้น

     

    “มันใช่เรื่องที่แกจะมาล้อเล่นมัย เนอะ ปาจิน” เปยังเอ่ยขึ้น

     

    “ไปให้พ้น ถ้ายังปากดีอีกโดนฆ่าแน่” พวกเขาหันกลับไปคุยเรื่องสำคัญอีกครั้ง โดยที่ยามาริลืมตาตื่นเต็มตาแล้ว และเห็นฮานะกาคิที่ล้มอยู่

     

    “เป็นอะไรรึเปล่า?” เธอเอ่ยถ่าม

     

    “ม่ะ ไม่ครับ สบายมาก” ฮานะกาคิเอ่ยขึ้น และได้ยินสิ่งที่พวกเขากำลังพูดอยู่ “ไม่ได้ครับ จะมีความขัดแย้งกับเมบิอุสไม่ได้ครับ…ไม่งั้นโตมันจะติดกับครับ”

     

    ปาจินเริ่มทนไม่ไหวและเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของฮานะกาคิ และบอกให้ยามาริถอยออกไป ก่อนที่จะเอ่ยให้ฮานะกาคิลุกขึ้น และเขาก็ลุกขึ้นตามคำกล่าว

     

    ผัวะ!! ผัวะ!! ผัวะ!!

    หมัดของปาจินพุ่งตรงอัดหน้าของฮานะกาคิ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมกับคำพูดคำที่ฮานะกาคิบอกต่างๆ นานา และพูดถึงเรื่องเหตุการณ์ร้ายที่เพื่อนเขาและแฟนของเพื่อนเขาถูกกลุ่มเมบิอุสลุมทำร้าย และเรื่องนี้ยามาริไม่รู้เรื่องเลยสักนิด

     

    “เดี๋ยวสิ! พอได้แล้ว!!” ยามาริเข้าไปห้ามปาจิน แต่ทุกคนที่ยืนอยู่ก็ห้ามเธอเอาไว้

     

    “ทาเคมิจจิ เข้าใจที่นายพูดแล้วล่ะ…ต้องลุยกับเมบิอุส” ฮานะกาคิหันมาทางมันจิโร่ “นายมันไม่เข้าใจอะไรเลย”

     

    “พูดอะไรน่ะ…คุยกันด้วยเหตุผลก็ได้นิ มันจิโร่คุง” ยามาริแม้จะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่เธอก็พยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาใจเย็น

     

    “ในเมื่อฉันตัดสินใจจะลุยแล้ว โตมันก็ต้องลุยกับเมบิอุส” ทุกสิ่งทุกอย่างมันจิโร่ได้กำหนดเอาไว้แล้ว ฮานะกาคิถึงกับล้มตัวลงด้วย

     

    “ผมถอยไม่ได้ครับ ถ้าลุยกับเมบิอุสขึ้นมา โตมันก็จะจบสิ้นครับ!” เขาพูดด้วยน้ำตาที่คลออยู่ “อุตส่าห์ได้สนิทกับไมค์กี้คุงและดราเค่นคุงแล้วแท้ๆ! การที่โตมันต้องมาจบสิ้นแบบนี้…ผมไม่ยอมหรอกครับ!”

     

    ปาจินกะเดินเข้าไปต่อยอีกครั้ง แต่ริวงูจิก็รั้งแขนเอาไว้ และบอกให้มันจิโร่ช่วยสืบหาข้อมูลของเมบิอุสดูสักนิด

     

    “เคนจิน นี่นายจะแข็งข้อกับโตมันเหรอ?”

     

    “หา? ไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อย” ริวงูจิหันมองมันจิโร่

     

    “ก็เห็นว่าพูดอย่างนั้นนั่นแหละ” ทั้งสองคนต่างมองหน้ากันภายใต้ความเงียบ อีกฝ่ายที่เป้นทั้งหัวหน้าและรองหัวหน้าตอนนี้เริ่มที่จะมีความเห็นไม่ลงรอยกัน จนเหมือนมีเสียงของใครบางคนเอ่ยขึ้น

     

    “มีเรื่องกันเองมันไม่ใช่สิ่งที่ดีนักหรอก” ทั้งหมดหันมองต้นตอของเสียง

     

    “เอาแต่พูด ‘เมบิอุส’ ‘เมบิอุส’ อยู่นั้นแหละ” ชยที่สวมเสื้อสีแดงกางเกงสีแดงเดินเข้ามาเรื่อยๆ “ช่วยหยุดเรียกชื่อแก๊งของฉันติดกันจะได้รึเปล่า? ไอ้พวกเด็กมัธยมต้นเอ๊ย”

     

    “แกคือ โอซานาอิ!” ปาจินเอ่ยขึ้น กับคู่อริของตัวเองที่ถ้อมาถึงที่นี่ “แก…”

     

    “นี่นาย ทางนี้แก่กว่า2ปีเชียวนะ” เขาชี้หวีที่อยุ่ในมือไปทางปาจิน “ต้องเรียกว่าท่านสิ”

     

    เมื่อได้ยินดังนั้นปาจินจึงไม่ทน และควบคุมมาอารมณ์ไม่อยู่จึงวิ่งเข้าไปต่อยเพราะอีกฝ่ายเองก้เป็นคู่อริของตนเองเช่นกัน จนถูกสวนหมัดเข้ามาจนล้มตึงนอนกับพื้นเพียงแค่หมัดเดียว

     

    “แหม สุดท้ายก็เลเวลเด็กมัธยมต้น” เขาพูดเยาะเย้ย “โตเกียวมันจิไคหรอ? เปลี่ยนชื่อดีกว่าน่า…เป็น ก๊วนเด็กมัธยมต้น ก็ไม่เลว”

     

    เสียงบรืนรถดังมาแต่ไกลอยู่หน้าโกดัง และเป็นใครไปไม่ได้นอกจากลูกน้องของแก๊งเมบิอุส

     

    “ได้ยินว่าอยากต่อยตีกับเมบิอุสสินะ” เขาดีดนิ้วเรียกพวกแก๊งทั้งหมดของตน ที่มาอยู่หน้าโกดังให้้เข้ามาในนี้เพื่อเปิดศึกกับแก๊งโตมันที่มีเพียง4คนเท่านั้น ถ้าไม่รวมฮานะกาคิและยามาริ

     

    ลูกน้องของเมบิอุสต่างพากันเดินเข้ามา บางคนก็พกอาวุธเป็นไม้เบสบอล บาคนก็เดินเข้ามาตัวเบาแต่กำลังเต็มเปี่ยม

     

    “ทางนี้ก็เลยเป็นฝ่ายมาหาเองไงล่ะ” ยามาริที่มองเห็นพวกแก๊งเมบิอุส ก็ถึงกับเลิ่กลั่กหาหน้ากากแต่เพราะฌะอไม่ได้พกมันมาไง และไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายเธอจะจัดการได้อย่างสบายก็ตาม

     

    “ไมค์กี้จัง นี่แหละสงคราม” เสียงโห่ร้องของแก๊งเมบิอุสล้นออกมาด้วยความมั่นใจ แม้ว่าอีกฝ่ายจะได้เปรียบก็ตาม

     

    ยามาริเริ่มจะกังวลและอยากจะเอาหมัดอัดหน้ามันจิโร่ชะมัด!! ทำไมพออยู่กับคนพวกนี้ต้องเกิดเรื่องต่อยตีกันตลอดด้วยล่ะเนี้ย?! ถ้าเสื้อของเธอที่ไมค์กี้ใส่อยู่เปื้อนเลือดขึ้นมาจะรับผิดชอบได้ไหม เพราะเธอเองก็ขี้เกียจซักซะด้วยสิ!

     

     

    TBC.

    จบไปแล้วกับอีกตอน หายกันไปนานมาก และน้องไมค์กี้ก็ไปเอาเสื้อยามะจินมาใส่อีกแล้วว //ตัวเรานี้เชื่อมโยงเก่งจริงๆ

     

    ถ้าหากว่าเสื้อเปื้อนขึ้นมาไมค์กีี้ต้องซักให้ด้วยนะ!! และห้ามให้ยามะจินบาดเจ็บด้วย!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×