ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Tokyo Revengers [Mikey x Oc] : I'm girl

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่6

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.87K
      196
      5 ก.ค. 64

    บทที่6

     

    ซาโนะ มันจิโร่ เริ่มหาข่าวเกี่ยวกับยามาริที่ข่าวนั้นถูกปิดกั้นในโรงเรียน เขาในตอนนี้มีเรื่องต้องเคลียร์อยู่เยอะ ทั้งเรื่องของ ‘ปาจิน’ คนในกลุ่มของเขา และยามาริที่ไม่ได้มาโรงเรียนตั้ง1อาทิตย์

     

    “ยามะจินไม่ได้มาโรงเรียนหลายวันแล้ว บางทีอาจจะป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลก็ได้” ริวงูจิที่ยืนเหม่อมองดาดฟ้าก็พูดขึ้นกับมันจิร่ ที่กำลังกินโดรายากิอย่างหงอยเหงา

     

    “อืม…”

     

    “งั้นวันเสาร์นี้ไปหาที่โรงพยาบาลในชิบูย่าไหมล่ะ?”

     

    “อืม…” มันจิโร่ตอบเสียงเรียบ ท่าทีหงอยเหงาของเขายังไม่หายไป

     

    บนดาดฟ้าเงียบไม่มีใครพูดคุยกัน ถ้าเป็นตอนนั้นที่มียามารินั่งกินขนมปังและนม มาพูดคุยด้วยรอยยิ้มก็คงไม่เงียบมากขนาดนี้หรอก

     

    ..

    .

     

    จนถึงวันเสาร์ สภาพของมันจิโร่ตอนนี้แทบจะเหมือนเด็กที่ขาดแม่ไปเลย ไม่ทำอะไรเลยสักนิดแต่ก็ยังกินเสร็จและหลับอยู่เหมือนเดิม โดยชุดโรงพยาบาลสีเขียว

     

    “ไมค์กี้ ถึงแล้วนะ” ริวงูจิที่อุ้มตัวไมค์กี้อยู่ก็พูดเรียกเขาให้ตื่น และเมื่อถึงโรงพยาบาลไมค์กี้ก็ไม่รีรอที่จะลงจากหลังของร่างสูงและเข้าโรงพยาบาลไป แต่ไม่รู้ว่ายามาริอยู่ห้องไหนน่ะสิ

     

    “ให้ตายสิ รอกันก่อนสิ!” ริวงูจิตามเข้าไปในโรงพยาบาล เขาเดินตรงไปทางหน้าห้องๆ หนึ่งที่ข้างในมีร่างของผู้หญิงผมน้ำตาล ที่ใบหน้าฟกช้ำเต็มไปด้วยบาดแผล

     

     

    “นั่นใครน่ะ?” ซาโนะถามขึ้น

     

    “แฟนของเพื่อนปาน่ะ ห้าวันแล้วที่ยังไม่ได้สติ” ริวงูจิตอบ

     

    “มาทำอะไรกันที่นี่ พวกนายน่ะ?! ยังจะกล้าเสนอหน้ามาที่นี่อีก! กลับไปซะ!!” เสียงทุ้มต่ำของชายสูงวัยดังขึ้น พร้อมกับเดินมาหาทั้งสองคนด้วยใบหน้าที่โกรธเคือง

     

    ริวงูจิหันไปทางเขาและก้มหัวลงตามมารยาท มันจิโร่ก็หันและยืนเอามือล้วงกระเป๋าอยู่อย่างงั้น

     

    “ตั้งใจจะทำอะไร…เป็นเพราะขยะอย่างพวกนาย ลูกสาวฉันถึงได้เจ็บปางตาย!” ชายสูงวัยที่คาดว่าน่าจะเป็นพ่อของแฟนเพื่อนปาจิน ต่อว่าใส่ริวงูจิและมันจิโร่

     

    “ไม่ต้องก้มหัวให้หรอก เคนจิน พวกเราไม่ได้ผิดสักหน่อย…” ซาโนะหันกลับมามองชายสูงวัย “แต่ว่า อย่าโทษมั่วซั่วแบบนี้สิ ตาลุง”

     

    “ไอ้หนอนแมลงพวกนี้!! กลางค่ำกลางีคืนเอาแต่ส่งเสียงโหวกเหวก พวกแกมันถึงได้เป็ยแค่ขยะสังคมไง!!” ชายสูงวัยก็ยังคงต่อว่ามันจิโร่อยู่ แม้แม่ของแฟนเพื่อนปาจินจะห้ามเอาไว้

     

    คำพูดที่ว่าเป็นขยะสังคมนั้น ทำให้มันจิโร่แสดงสีหน้าโกรธกริ้วออกมา

     

    “เอาแต่สร้างความรำคาญและทำร้ายคนอื่น…พอโตไปก็เป็นผู้ใหญ่ก็คงไม่พ้นทำเรื่องเลวๆ อยู่ดีนั่นแหละ! ไอ้พวกเด็กเหลือขอ!!” มันจิโร่ผู้ถือตัวเองว่าเป็นใหญ่ในโตมัน ก็ทำหน้าไม่พอใจกับคำพูดของชายสูงวัยตรงหน้า

     

    “คิดว่ากำลังพล่ามกับใครอยู่ไม่ทราบ-- เดี๋ยว ทำบ้าอะไรเนี้ย?!” ริวงูจิกดหัวมันจิโร่ต่ำลง เท่าที่ตัวกำลังทำอยู่

     

    “ทุกอย่าง พวกผมจะรับผิดชอบเองครับ” มันจิโร่พยายามที่จะลุกขึ้นยืน แต่เพราะแรงกดของร่างสูงทำให้เขาทำได้แค่ร้องเรียก

     

    “คิดว่าขยะ2คนก้มหัวให้ แล้วลูกสาวของฉันจะกลับมางั้นหรอ?!” ชายสูงวัยก็ยังคงต่อว่าทั้งสองคนอยู่ แม้มันจิโร่จะรู้ว่าพวกเขาไม่ผิด และอยากจะบอกชายตรงหน้า แต่ริวงูจิก็สั่งให้เขาหุบปากไป

     

    “ลูกสาวน่ะ…อยู่ในอาการโคม่ามาตลอด…” น้ำตาไหลออกมาจากผู้เป้นพ่อ พร้อมน้ำเสียงที่สั่น “ทั้งหน้า ทั้งร่างกาย…มีแต่บาดแผลทั้งนั้น…!”

     

    “ทำไมกัน…เด็กคนนี้ไปทำอะไรให้พวกนาย…” เมื่อได้ยินคำนี้ ผู้เป็นแม่ก็ทนไม่ไหวและหลั่งน้ำตาออกมาเหมือนกัน

     

    “ทั้งทีเป็นเด็กอ่อนโยน…ทั้งที่เป็นลูกสาวที่น่ารัก แต่กลับ…อยู่ในสภาพแปลกประหลาดแบบนี้…” สิ้นสุดคำพูด ชายสูงวัยก็เข้าไปหาภรรยาของตน และเดินออกไปจากตรงนั้นพร้อมกับถึงท้ายว่า ‘อย่าให้พวกฉันเห็นหน้าอีกเป็นครั้งที่สอง’

     

     

    “เอ๊ะ? นาย…” เสียงของยามาริเอ่ยขึ้น เมื่อออกมาจากห้องผู้ป่วยด้วยชุดโรงพยาบาล และเธอก็ออกมาเจอกับฮานะกาคิที่ยืนหลบอยู่ตรงกำแพง

     

    “เหว๋อ?!” เขาร้องเสียงหลง

     

    “เออ นายคือ…ฮินะมากิ ทาเคมิจิ?” เธอครุ่นคิดชื่อของเขาอยู่นาน จนเกิดได้ชื่อแปลกๆ ขึ้น และยังหนักกว่ามันจิโร่อีก

     

    “ผะ ผม ฮานะกาคิ ทาเคมิจิครับ…” เขาโค้งตัวลงเล็กน้อย ถึงจะไม่รู้จักกันก็เถอะ

     

    “งั้นหรอ แล้วนายมาทำอะไรที่นี่?” เธอถามเขา ฮานะกาคิก็เลิกลั่กไม่รู้จะพูดอะไร

     

    “อะ เออ…เรื่องมันยาวน่ะครับ--”

    “ยามะจินนน! อยู่ที่นี้เองงงง!!” มันจิโร่ที่ได้ยินเสียงเธออยู่ใกล้ ก็ตรงดิ่งเข้ามาและโพ่กอดยามาริ จนเธอแทบเซล้มลงเพราะแรงกระแทกของอีกฝ่าย พร้อมกับน้ำหนักที่หนักกว่าเธอเยอะ

     

    “ห้ะ นายอีกแล้วหรอ?” ริวงูจิที่ตามมันจิโร่มา ก็พบกับฮานะกาคิที่ยืนอยู่ตรงหัวมุม พูดเหมือนกับว่าพวกเขาเคยเจอกันยังไงอย่างงั้น

     

    “อะ อะ อะ เออคือว่า…” ฮานะกาคิชำเลืองมองยามาริที่โดนมันจิโร่กอดไม่ปล่อย “คือว่า…แค่มาเยี่ยมเขาน่ะครับ;^^)”

     

    “หืม…หมายถึงยามะจินน่ะเหรอ?” มันจิโร่มองเขม่งมาทางฮานะกาคิ คงเพราะด้วยเหตุที่ว่าฮานะกาคิรู้ว่ายามาริอยู่ที่นี้ก่อนเขาน่ะสิ

     

    “คะ ครับ!” ฮานะกาคิยืนตัวเกรง

     

    ‘นี้ฉันไม่ได้เจอเขาแค่1อาทิตย์ หัวไปโดนอะไรมารึเปล่า?=-=)?’

     

    “อ่า…จริงด้วย ฉันยังไม่ได้บอกชื่อเลยสินะ” สิ่งที่เธอพูดขึ้น มันหมายความว่าฮานะกาคิยังไม่รู้จักชื่อเธอเลยสักนิด หรือว่า1อาทิตย์มาเธอไม่ได้อยู่กับพวกมันจิโร่ เลยไม่รู้เลยว่าเขาพูดถึงเธอมากน้อยแค่ไหน

     

    “ระ รู้สิครับ! ถึงแม้คุณจะไม่ได้บอกก็เถอะ แต่ไมค์กี้คุงเป็นคนบอก(บ่น)แทบทุกวันเลย…” เธอเงยมองไมค์กี้ที่ยังคงกอดเธออยู่ โดยไม่สนใจโลกภายนอกเลยสักนิด

     

    “เออ ดราเค่นคุง…ไมค์กี้คุงเนี้ยเป็นแบบนี้ตลอดเลยหรอ?”

     

    “ก็นะ พออยู่กับยามะจินทีไรก็เป็นแบบนี้ทุกที” ริวงูจิเหนื่อยกับการกระทำของหัวหน้าโตมัน ที่ตอนนี้กอดยามาริไม่ปล่อย อย่างกับไม่ได้เจอกันมานาน (ทั้งๆ ที่เพิ่งผ่านไป1อาทิตย์เอง=-=)

     

    “เห้ย ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วน่า ยามะจิน…เธอมีแผลไม่ใช่หรอ?”

     

    “เอ๊ะ?” ซาโนะร้องออกมา พลางก้มมองดีๆ ก็พบกับยามาริที่ใบหน้ามีรอยฟกช้ำเล็กน้อย

     

    “อ่าก็ใช่น่ะนะ แต่หมอบอกว่าวันนี้ออกได้แล้วน่ะ” เธอยิ้มแห้งให้มันจิโร่

     

    “งั้นก็ออกเลย ฉันจะรออยู่ข้างนอกนะ”

     

    “ไมค์กี้ ลืมแล้วรึไงว่า ‘มิตสึยะ’ จะมารับนายน่ะ” มันจิโร่แก้มป่องใส่ ความเอาแต่ใจของเขาที่อยากจะอยู่กับยามาริออกอาการ

     

    “งั้นก็ให้ยามะจินไปด้วยสิ!”

     

    “ไม่ได้”

     

    “ได้!”

     

    “ไม่ได้”

     

    ทั้งสองมองหน้ากันอยู่สักพัก เหมือนว่าความเอาแต่ใจของมันจิโร่จะดูเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนเสียงรถมอเตอร์ไซค์ดังขึ้น

     

    “ได้เวลาแล้วไมค์กี้” ริวงูจิหันมองทางออกโรงพยาบาล

     

    “งั้นฉันขอให้ยามะจินไปด้วย!” เขายังคงดื้อด้าน

     

    “เออ…เดี๋ยวฉันไปเองก็ได้ ถ้าหมออนุณาตแล้วเดี๋ยวส่งข้อความไปนะ;^^)”

     

    “ยามะจินจะส่งข้อความมาหาฉันหรอ?!” เขาตาเป็นประกาย

     

    “อา…ก็นะ” เธอเหงื่อตกเล็กน้อย ก่อนที่หมอท่านนึงจะเดินมาตามตัวเธอให้ไปตรวจอีกรอบ

     

    ..

    .

     

    เธอเดินออกมาจากโรงพยาบาลในเวลาประมาณ4โมงเย็น เมื่อออกมาแล้วเธอก็เดินกลับบ้านของตน โดยที่ยังไม่ได้ทักข้อความไปหามันจิโร่สักนิด

     

    เมื่อมาถึงหน้าบ้านเธอก็สังเกตเห็นดวงไฟที่เปิดอยู่ในห้องนอนชั้นบนของเธอ นี้หรือว่าเธอโดนผีหลอกแล้วน่ะ?!!

     

    ปัง!

    เธอเปิดประตูเสียงดังเพื่อหวังว่าอาจมีโจรบุกรุกเข้ามาและตกใจจนวิ่งหนี แต่ภายในบ้านกลับเงียบสงบตามเคย แต่ทำไมให้ความรู้สึกว่ามีคนอยู่ด้วยเลย

     

    ตึก…ตึก…

    เธอค่อยๆ ยองขึ้นไปชั้นบนเปิดประตูแงบๆ ก้าวข้าห้องช้าๆ และแล้วไฟในห้องของเธอก็ดับลง ความมืดปกคลุมไปทั่วห้องเพราะม่านที่เธอปิดไว้ตรงหน้าต่าง ทั้งที่เป็นห้องของเธอแท้ๆ แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนมีคนอยู่ในนี้เลย

     

    เธอเดินตรงไปที่สวิตช์ไฟ เพราะเมื่อห้องสว่างจะให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในห้องนี้

     

    พรึ่บ!

    “บู!” มันจิโร่เปิดไฟฉายส่องใบหน้าตัวเองใต้ล่างหวังจะให้เธอกลัวหัวหด แต่ดูเหมอนว่าเขาจะเหมือนผีเกินไปนะ

     

    “อ๊ากกกกกกกก!!!” เธอกรีดร้องลั่นด้วยความกลัวและตกใจ ขาที่เคยแข็งของเธอกลับสั่นระริกระรี้จนแทบทรุด

     

    “ล้อเล่นน่า ยามะจินเนี้ยขี้กลัวจังนะ” มันจิโร่เปิดสวิตช์ไฟขึ้น และจังหวะนั้นระหว่างขาของเขาก็ถูกเตะขึ้นอย่างแรงโดยคนข้างหน้า

     

    ปั่ก!

    ตัวของมันจิโร่ทรุดคดลงไปนอนกับพื้น พลางเอามือสองข้างกุมเป้ากางเกงของตัวเองไว้

     

    “ยามะจินใจร้ายอะ…Q^Q”

     

    “เอ๊ะ?! นายเองหรอ?! ขอโทษนะมันจิโร่!” เธอรีบลงไปดูอาการของมันจิโร่ทันที

     

    “เฮ้อ…ทำอะไรไม่ระวังเลย ไมค์กี้” ริวงูจิที่ยืนอยู่ตรงมุมห้องก็เดินออกมา

     

    “เอ๊ะ?!! นี้หรือว่าพวกนายวางแผนแกล้งฉันน่ะ?!” ดูจากสถานการณ์แล้วมันก็จริงอย่างที่เธอว่า แต่แค่ผิดแผนไปนิดหน่อย

     

    “ไมค์กี้เป็นคนบอกว่าจะมาที่บ้านเธอ และแกล้งเล่นเฉยๆ ฉันไม่เกี่ยว”

     

    “นายก็เห็นด้วยไม่ใช่หรอ…?Q^Q?” เขายังคงนอนกุมเป้าตัวเองอยู่ นี้มันสภาพของตัวท็อปแห่งโตมันจริงๆ รึเปล่าเนี้ย

     

    ยามาริจับตัวมันจิโร่ลุกขึ้นนั่ง และถามอาการของเขาว่าเป็นยังไงบ้าง แต่เขาก็ตอบว่าขอแค่นั่งนิ่งๆ ก็พอ

     

    “แล้วว่าแต่…” ยามาริชายตามองริวงูจิ “พวกนายเข้ามาในนี้ได้ยัง?”

     

    ““ทางหน้าต่างน่ะ”” ทั้งสองคนตอบประสานเสียง

     

    ‘หน้าต่าง?!! นี้มันชั้นสองนะเฟ้ย! พวกนายเป็นลิงหรือคนว่ะเนี้ย?!!’

     

    “จริงด้วยสิ พรุ่งนี้ไปโกดังในนิชูไหม? ฉันจะให้เธอไปในฐานะแขก--”

    ““ขอปฏิเสธ / ขอค้าน”” ยามาริและริวงูจิต่างมองหน้ากัน เหมือนต่างฝ่ายต่างไม่อยากไป และไม่อยากให้ไป ทั้งสองจึงจับมือกันพลางยิ้มให้มันจิโร่

     

    “แล้วทำไมถึงปฏิเสธล่ะ?!” มันจิโร่ถาม

     

    “อ่าก็…มีธุระน่ะ”

     

    “งั้นก็เลื่อนไปก็ได้นิ!”

     

    “ไม่ล่ะ มันจำเป็นทุกวันอาทิตย์” มันจิโร่นิ่งเงียบ พลางก้มหน้าและเงยมามองยามาริ

     

    “งั้นวันนี้ฉันขอนอนด้วย!^^)” เขายิ้มอ่อน

     

    “เดี๋ยวดิไมค์กี้! ของแค่นี้ไม่จำเป็นต้องนอนก็ได้!” ริวงูจิเอ่ยค้าน เพราะถ้ามันจิโร่นอนอยู่นี้เขาก็ต้องนอนที่นี้ด้วยเช่นกัน

     

    “แต่ฉันอยากนอนกับยามะจินนิ! ถ้ายามะจินอนุณาตก็ได้ไม่ใช่หรอ?”

     

    “ก็ได้ ไม่เป็นไร” เธอตอบหน้าตาซื่อ

     

    “เดี๋ยวดิ--”

    “เย้~!! ฉันชนะ!” มันจิโร่กอดอกด้วยความภาคภูมิใจ ยามาริก็ยิ้มแห้งพลางหัวเราะแหะๆ

     

    “งั้นฉันกลับก่อนล่ะ” ริวงูจิลุกขึ้น

     

    “เอ๊ะ? ไม่นอนด้วยกันหรอ?” มันจิโร่ถาม

     

    “ไม่ล่ะ แต่อย่าลืมด้วยที่โกดังใกล้นิจู” สิ้นสุดคำพูดหลังจากมันจิโร่ ริวงูจิก็เดินออกจากห้องไป แต่ลืมไปรึเปล่าว่าพวกเขาเข้าทางหน้าต่าง เพราะประตูมันล็อกอยู่น่ะ “เฮ้ยามะจิน ช่วยเปิดประตูบ้านหน่อยสิ”

     

    “อะ อ่า…อืม;=-=)” เธอลงไปเปิดประตูบ้าน ให้ริวงูจิเดินออกไปโดยเขาก็บอกลาก่อนจะไป

     

    “งั้นฉันอาบน้ำที่นี่นะ” เมื่อยามาริเดินขึ้นมาชั้นบนและเข้าห้อง มันจิโร่ก็แกะยางที่มัดลวบผมข้างหน้าของเขาออก

     

    “อ่า…แต่นายต้องใส่ชุดเดิมนะ”

     

    “ไม่เป็นไร ฉันขอใส่ชุดของยามะจินนะ”

     

    มานอนเปลืองน้ำเขายังจะขอใส่ชุดของเจ้าของบ้านอีกหรอ!! ไอ้ความเอาแต่ใจนีี้นี่มันอะไรกัน?!!

     

    “อะ อ่า…หวังจะมีนะเดี๋ยวไปเตรียมให้ นายไปอาบน้ำรอเลย อยู่ชั้นล่างถัดจากห้องครัว” เมื่อเธอที่ตั้งห้องน้ำ มันจิโร่ก็พยักหน้าและไปตามที่เธอบอก

     

    ระหว่างที่เสียงน้ำจากฟักบัวไหลอยู่ ยามาริก็หาเสื้อที่เหมาะกับมันจิโร่อยู่นาน เพราะเธอมักจะไม่ค่อยมีเงินที่จะซื้อเสื้อเลย1อาทิตย์ก็มักจะใส่เสื้อและกางเกงวนอยู่แค่5ตัวเท่านั้น

     

    “ว่าแล้วเชียว ว่าต้องไปหาเสื้อของคุณพ่อให้ใส่…” เธอถอนหายใจ พลางปิดตู้เสื้อผ้าเล็ก และเดินลงจากห้องไปอีกห้องหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำ

     

    เอี๊ยด…

    “ขออนุญาต…เอาเสื้อคุณพ่อให้มันจิโร่ใส่นะค้า” เธอพูดเสียงเบา และเปิดไฟห้องที่ดูเหมือนเป็นห้องเก็บของซะมากกว่า

     

    เธอเปิดตูเสื้อผ้าของพ่อออก และมองหาเสื้อที่พอดีและเหมาะกับมันจิโร่แต่เพราะเก็บมันไว้นาน หยากไย่และฝุ่นก็เลยเกาะเต็ม

     

    “จริงด้วย ต้องของไปให้ด้วยนี้หน่า ขออนุญาตนะค้า” สาเหตุที่เธอต้องพูดแม้นีี้เพราะเกรงใจพ่อของเธอ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยู่แล้วก็ตาม

     

    เธอหยิบกล่องใบเล็กที่อยู่ในลิ้นชักตู้เสื้อผ้าออกมา และเปิดมันพร้อมมองรูปภาพเด็กผู้ชายผมสีบลอนด์ที่เหมือนลำตัวจะถูกไฟเผาไปหมด พร้อมกับเด็กผู้หญิงผมสีดำยาวยืนอยู่ข้างๆ

     

    “เอ๊ะ? อะไรล่ะเนี้ย…” เธอจดจ่ออยู่รูปนั้นอยู่นาน จนได้สติเมื่อเสียงของมันจิโร่ดังขึ้น

     

    “ยามะจิน~ อยู่นี้รึเปล่า?” เขาเปิดประตูเข้ามา ด้วยชุดเดิมที่เขาใส่วันนี้

     

    “อะ อืม! ยังหาชุดไม่ได้เลย นายใส่ชุดนั่นไป--”

    “ไม่เอา ฉันอยากใส่ชุดยามะจิน!” เขาทำแก้มป่อง

     

    สุดท้ายก็ต้องจำใจยกเสื้อที่ต้องใส่ในวันอาทิตย์เป็นเสื้อยืดสีขาว กางเกงสีส้มคลุมเข่าให้มันจิโร่ ตั้งแต่เธอเจอกับเขาก็ต้องอดทนกับความเอาแต่ใจนี่ของมันจิโร่ ให้ตายสิ อยากรู้ว่าริวงูจิต้องเป็นคนอดทนขนาดไหนกัน

     

    แต่ยังไงก็ช่าง เป็นครั้งแรกเลยที่มีเพื่อนมานอนในบ้านเธอ ทั้งที่คิดว่าจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวตลอดไปแล้วแท้ๆ การมีเพื่อนนี้ดียังนะ ถึงจะไม่มากก็เถอะ…

     

    แต่เธอก็ยังยิ้มกับเขาไปด้วยกัน ไม่อยาก…ให้มันหายไปอีกแล้ว…

     

     

    TBC.

    เพื่อเวลาที่เสียไปหนึ่งอาทิตย์ เขามานอนด้วยกันค่ะ!! //กรี๊ด// เรารู้สึกว่ายามะจินจนไปรึเปล่าว่ะ ที่มีเสื้อผ้าใส่แค่5ตัวในหนึ่งสัปดาห์?=-=)? แต่เพราะจนนั่นแหละ มันจิโร่เลยได้ใส่เสื้อนาง>///<)

     

    ช่วงลงโคตรถี่วันต่อวันเลย ไม่ได้รีบหรอก แต่รู้สึกคลั่งน้องไมค์กี้ขึ้นเรื่อยๆ จากตอนที่13 ตอนน้องบูเนีี้ย เลยคิดว่าถ้ายามาริโดนแกล้งมั่งจะเป็นไง (ก็ตามสภาพ) กุมเป้ากันเลยทีเดียว55555

     

    และเหตุผลที่ลงถี่เพราะ…โรงเรียนเลื่อนเปิดอีกแล้วจ้ะ༼つಠ益ಠ༽つ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×