ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Tokyo Revengers [Mikey x Oc] : I'm girl

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่5

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.94K
      200
      4 ก.ค. 64

    บทที่5

     

    ยามาริเดินทางไปโรงเรียนด้วยตาที่ยังตื่นไม่เต็ม พลางกุมท้องตัวเองเอาไว้ เพราะเมื่อคืนมันจิโร่และริวงูจิพาเธอมาส่งที่บ้านพร้อมกับขนมเป็นของขอโทษกับเหตุการณ์เมื่อวาน

     

    ซึ่งตอนนี้เท้าของเธอก็เริ่มหายบวมแล้ว เพราะวันนั้นมันจิโร่และริวงูจิช่วยดูแลเธอจนถึงเที่ยงคืน เธอเองก็รู้สึกผิดเล็กน้อยที่ทำให้พวกเขาเดือดร้อนมาดูแลเธอ แต่ทำไงได้ สุดท้ายริวงูจิและมันจิโร่ก็เผลอหลับที่บ้านของเธอจนได้ ตื่นมาตอนเช้าพวกเขาก็ไม่อยู่แล้ว สงสัยริวงูจิคงพาตัวมันจิโร่กลับบ้านไปแล้ว

     

    “หาว~ แต่ว่านะ…ริวงูจิไปเอากุญแจบ้านฉันมาจากไหนฟร้ะ…?!” เธอพูดพลางน้ำตาคลอเล็กน้อยหลังจากหาวอีกรอบ

     

    “อ้ะ! อรุณสวัสดิ์ ยามาริจังงงง~” เสียงของมิสากิดังมาจากข้างหลังเธอ

     

    “อะ อืม อรุณสวัสดิ์ เอ๊ะ…เธอเปลี่ยนทรงผมอีกแล้วหรอ?” ยามาริชี้ผมเปียสองข้างพร้อมกับหน้าม้าสีน้ำตาลอ่อน ที่เมื่อวานไม่ได้มีอยู่สักนิด

     

    “ก็เห็นเพื่อนชอบล้อว่าเป็นยัยเถิกนี้หน่า เลยลองตัดผมหน้าหน่อยน่ะ^^)”

     

    “เห แต่แบบนี้ไม่เหมือนกับเธอเลยนะ มันต้องแบบนี้!” ยามาริเปิดหน้าม้าของมิสากิขึ้น เป็นการแกล้งที่เธอมักชอบทำกับมิสากิเป็นประจำ

     

    “เพิ่งตัดมานะ เดี๋ยวมันก็ยุ่งหรอก!” มิสากิปัดมือของยามาริออก ก่อนที่จะกุมหน้าม้าของตนเองไว้ด้วยอารมณ์งอนแก้มป่อง

     

    “ฮ่าๆๆ โทษทีๆ” เธอหัวเราะให้ ก่อนจะเดินเข้าโรงเรียนไปพร้อมกับมิสากิ

     

     

    ครืน…

    ยามาริเปิดประตูเข้าห้องเรียนของเธอตามปกติพร้อมกับมิสากิที่เดินตามมาข้างหลัง แต่แปลก…ภายในห้องนั้นไม่มีใครอยู่เลย ทั้งๆ ที่ตอนนี้น่าจะเป็นเวลา8โมงกว่าแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครมาเลยสักคน

     

    ‘แปลกแฮะ…ทั้งๆ ที่หัวหน้าห้องน่าจะมาแล้วแท้ๆ รวมถึงคนในห้องด้วย…’ ยามาริทำหน้าเครียดอย่างเห็นได้ชัด

     

    “เป็นอะไรรึเปล่า ยามาริจัง?” มิสากิถามด้วยความเป็นห่วง

     

    “อืมๆ ไม่เป็นไร” เธอเดินเข้าไปในห้องและวางกระเป๋าลงข้างโต๊ะ พร้อมกับมิสากิที่วางกระเป๋าไว้บนโต๊ะของตน

     

    ‘คงโดดเรียนอีกแล้วสินะ…’ ยามาริมองไปรอบๆ หาตัวของมันจิโร่แต่ก็ไม่พบ จึงคาดเดาได้ว่าวันนี้เขาต้องโดดเรียนอีกแน่

     

    แต่มันจะโดดกันทั้งห้อง และเหลือแค่เธอกับมิสากิไม่ได้นะ!!

     

     

    “เห้ย ซาโอโตะ ยามาริ อยู่รึเปล่า? ว่าไปนั่น…” ร่างของชายผมทองยาว ร่างกำยำ สูงเลยบานประตูเดินเข้ามาอย่างหาเรื่อง

     

    “ห้ะ…?!” ยามาริหันหาร่างสูงที่เดินเข้ามา ด้วยใบหน้าที่เหงื่อตก

     

    ‘ซาวะมิกิ เร็นตะ! เอ…ไม่น่าใช่นะ’

     

    “เดี๋ยวสิ! นายเข้ามาห้องคนอื่นตามใจชอบได้ยังไง?!” มิสากิที่โต๊ะอยู่แถวๆ หน้า ก็หันตัวมาทางร่างสูงด้วยความไม่พอใจ

     

    “หา? อะไรว่ะยัยนี้ ฉันไม่ได้มีธุระกับแกสักหน่อย” เขาพลักตัวของมิสากิออกไป และเดินตรงไปหายามาริและกระชากคอเสื้อของเธอขึ้น

     

    “อะไรของนาย?!!”

     

    “จำฉันไม่ได้รึไง? จะบอกให้ก็ได้…” เขายกยิ้มขึ้น “ซาวะกิริ รินตะ”

     

    “แล้วฉันไปทำอะไรให้นายล่ะ?!” เธอทำเป็นตีหน้าซื่อไม่รู้จักคนตรงหน้า แต่น่าแปลกที่ตอนนั้นเธอใส่หน้ากากไว้ และไม่มีใครรู้หน้าของเธอจนเธอกลับบ้าน หรือว่าซาวะกิริเขาแอบตามเธอมาถึงบ้าน?

     

    “อย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้! แกน่ะเป็น--”

    “ช่วยปล่อยมือข้างนั่นด้วยค่ะ!” มิสากิโผล่มาข้างหลังซาวะกิริ และจับแขนของเขาที่กำคอเสื้อของยามาริอยู่ให้ปล่อย

     

    “ชิ! แกอีกแล้วเรอะ?!” ซาวะกิริพลักตัวมิสากิออกด้วยความแรง จนเธอตัวเซถอยออกเล็กน้อย

     

    “เห้ย! อย่าทำอะไรมิสากินะ!” ความกริ้วของเธอรุกอีกครั้ง คนที่ไม่เกี่ยวข้องก็อย่าเอาเขามาเกี่ยว นี้คือสิ่งที่เธอยึดมั่น

     

    ตึก!

    เธอตบไหล่ซาวะกิริแต่ไม่ได้ออกแรงอะไรมาก คอยเก็บอารมณ์โกรธกริ้วไว้ในใจให้มันลุกลามจนเก็บมันไม่ไหว

     

    “มีเรื่องอะไรก็พูดมา…” เธอชำเลืองมองร่างตรงหน้าด้วยความโกรธ และซาวะกิริก็หันมาสนใจเธอแทนตามคาด

     

    “วันเสาร์นี้มาเจอกับพวกฉัน ที่โกดังร้างแทบชิบูย่า” เธอค่อนข้างตะหงิดใจกับคำว่า ‘พวกฉัน’ หมายความว่าไม่ได้อยู่ที่นั่นคนเดียวแน่นอน บางทีถ้าเธอไปที่นั่นอาจเป็นกับดักให้เธอโดนรุมก็ได้

     

    “ฉันจะ--”

    “ห้ามเอาเจ้าหน้ากากอารมณ์เศร้ามาล่ะ เพราะเจ้านั่นน่ะ…เป็นตัวประกัน” แผนของเธอที่จะพาโอโตรุไปด้วยถูกดักโดยคนตรงหน้า แถมยังพูดว่าโอโตรุเป็นตัวประกันอีก คนอย่างโอโตรุเนี้ยนะ “ถ้าเธอไม่มาตามนัดล่ะก็ เจ้านั่นได้ตายแน่”

     

    เธอยืนอึ้งไปสักพัก ก่อนที่ซาวะกิริจะเดินออกไปนอกห้องพร้อมกับแสยะยิ้มในชัยชนะของตน ที่ทำให้หน้ากากอารมณ์สุขจนมุมและต้องมาตามนัดของเขา

     

    เมื่อเสียงก้าวเท้าของชายร่างใหญ่ค่อยๆ ก้าวห่างออกไปจนไม่ได้ยินเสียง ยามาริก็ทรุดลงกับพื้นบางพูดลอยว่า ‘ไม่จริง ไม่จริง’ อยู่อย่างงั้น เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าคนอย่างโอโตรุจะโดนพวกซาวะกิริจับไปเป็นตัวประกันแบบนั้น

     

    “เป็นอะไรรึเปล่า ยามาริจัง?!” มิสากิรีบมาดูอาการของเธอ

     

    “ไม่…ไม่…ไม่เป็นไร…” ยามาริรีบลุกขึ้นมาอย่างไว เพื่อไม่ให้มิสากิเป็นห่วงมากกว่านี้

     

    เธอยังไม่เชื่อหรอกที่ว่าโอโตรุถูกจับไปเป็นตัวประกัน เพื่อความแน่ใจเธอหยิบมือถือแบบพับขึ้นมา หาเบอร์ของโอโตรุที่เม็มไว้ว่า ‘ไอ้ไม้ไผ่เฮ็งซวย’ เอาไว้อยู่

     

    ตรู้ดดดดดด…กึก

    …[ครับ]…เสียงปลายสายเอ่ยขึ้น

     

    “โอโตรุ?! ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?” เธอรีบตรงดิ่งเข้าประเด็น

     

    …[เอ๊ะ? เออก็…กำลังจะไปรับน้องชายน่ะ มีอะไรรึเปล่า?]…เขาตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆ เธอก็โทรมาและถามเข้าประเด็นโดยตรง เพราะนับครั้งได้เลยล่ะ ที่เธอจะโทรมาหาเขา

     

    “งั้นหรอ…โล่งอกไป…” เธอกุมหน้าอกของตัวเอง พลางถอนหายใจ

     

    …[แล้วถามทำไมล่ะ? หรือว่าหึงคิดว่าฉันไปกับผู้หญิงน่ะ?^^]…เสียงปลายสายพูดกวนส้นใส่เธอ นี้แหละโอโตรุตัวจริงไม่มีใครเลียนแบบได้หรอก

     

    “พูดบ้าๆ อย่าหลงตัวนักสิ แค่นี้แหละ”

     

    …[เอ๊ะ?? ดะ เดี๋ยว--]…ปลายยังพูดไม่ทันจบ ยามาริก็ตัดสายทิ้งไปดื้อๆ ปล่อยให้โอโตรุที่กำลังขับมอเตอร์ไซค์อยู่ก็ทำได้แต่สงสัย

     

     

    ผ่านไป10นาที คนในห้องต่างทยอยเข้ามาในห้องพร้อมกับเสียงพูดคุยเบาดังกันเป็นธรรมดา ยามาริก็ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้และมองโต๊ะว่างข้างๆ เธอใกล้หน้าต่าง มันจิโร่ก็ยังคงไม่มาเรียนอีก ทั้งๆ ที่ปกติก็ต้องเข้ามาในตอนเช้าเหมือนเคย

     

    นี้หรือว่าเธอกำลังเหงางั้นหรอ? ไม่ๆ เธอส่ายหน้าไปมาเพื่อลบสายตาไม่ให้จดจ่ออยู่กับโต๊ะว่างที่ขึ้นภาพรอยยิ้มของมันจิโร่

     

    ครืน…

    “นั่งที่กันได้แล้วจ้ะ” อาจารย์สาวเดินเข้ามาในห้อง พร้อมบอกให้นักเรียนในห้องที่ยืนพูดคุยกันอยู่ ก็ต่างพากันแยกย้ายกลับโต๊ะเรียนของตน

     

    และอาจารย์ก็สอนในวิชาของตนตามเดิม แต่ยามาริแทบไม่ได้จดจ่อกับเรื่องตรงหน้าเลย เธอเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่มันจิโร่ไม่ได้เข้าห้องเรียน ขนาดทางเดินมาโรงเรียนเธอก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา

     

     

    เมื่อจบวิชานี้อาจารย์คนถัดไปก็มาสอนตามเคย และมันจิโร่ก็ยังไม่มา…

     

     

     

    จนถึงตอนเย็นในเวลาเลิกเรียน ยามาริเดินกลับบ้านด้วยท่าทีผิดแปลกไป ทั้งวันเธอยังไม่เห็นหัวมันจิโร่เลยด้วยซ้ำ เพราะอะไรทำให้เธอต้องกังวลเรื่องของเขาขนาดนี้ด้วย

     

    “ชิ” ยามที่นึกถึงใบหน้าของมันจิโร่ที่อยู่กับเธอแทบตลอด เพียงแค่วันนี้ที่เขาไม่ได้อยู่กับเธอ

     

    ติ้ง!

    เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์มือถือแบบพับ ดังมาจากกระเป๋ากางเกงเธอ ยามาริหยิบมือถือขึ้นมาและเปิดดูข้อความของคนแปลกหน้าที่เธอจำไม่ได้เลยว่าเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ตอนไหน

     

    “…ห้ะ…” เธอกำมือถือแน่น ชายตามองหน้าจอในช่องแชทที่มีรูปของเด็กสาวผมสีดำถักเปียสองข้างและปล่อยหน้าม้า ‘ทำไมมิสากิถึงอยู่ในรูปล่ะ?’ เธอคิดในใจพลางจ้องมองรูปดีๆ ก็พบว่ามือสองข้างของมิสากิไขว้ไว้ของหลัง เหมือนถูกมัดข้อมือไว้ กับเทปปิดปากสีดำที่ปิดปากเธอเอาไว้

     

    ทั้งที่ไม่อยากยุ่งกับอะไรพวกนี้แล้วแท้ๆ ทำไมคนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องมาโดนอะไรแบบนี้ เพื่อนของเธอทำไมต้องมาเจอแบบนี้ด้วย เป็นเพราะเหตุการณ์ครั้งนั้น…ไอ้ไม้ไผ่เฮ็งซวยเอ้ย!!

     

    เธอหันหลังกลับและตรงดิ่งไปทางโกงดังร้างในชิบูย่า ความโกรธเกรี้ยวที่ครั้งนี้เธอจะไม่ยอมยกโทษให้กับคนพวกนั้นเด็ดขาด เธอจะเอาคืนให้สาสมในครั้งนี้ ถึงต้องฆ่าเธอก็ยอม

     

    ..

    .

     

    “แฮ่ก…แฮ่ก…” เธอหอบเหนื่อยอยู่ในโกดังร้างแถวชิบูย่า มองไปรอบๆ ในความมืดที่แสงอาทิตย์ส่องไม่ถึง

     

    เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาใกล้หลายเท้า ไม่ใช่มีแค่คนเดียวแต่มีประมาณ3…ไม่สิ 6คน ทั้งที่แต่ก่อนมี100คนแท้ๆ สงสัยคงยังไม่ออกจากโรงพยาบาล เพราะฉะนั้นตัวท็อปของแก๊งนี้คงมากันหมด

     

    “มาจนได้สินะ…” ซาวะกิริเผยตัวออกมาจากเงามืดพร้อมรอยยิ้มแสยะ และลูกน้องอีก5คน

     

    “มิสากิอยู่ไหน?” เธอระงับอารมณ์โกรธด้วยมือที่กำหมัดแน่น

     

    “ฮุ…ฮ่าๆๆๆๆ!! เห้ยๆ ไปเอาตัวเพื่อนยัยนี้มาดิ!” ลูกน้องของซาวะกิริกลับเข้าไปในเงามืด พร้อมกับร่างของมิสากิที่สะบัดสะบอมถูกจับกลุ่มผมข้างบนอยู่

     

    “มิสากิ--” เมื่อเธอก้าวเท้าเข้าไปใกล้มิสากิ ซาวะกิริก็ชักมีดออกมาจี้ที่คอของมิสากิ จนเธอต้องหยุดอยู่กับที่

     

    “ถ้าไม่อยากให้ยัยนี้เป็นอะไรไป แกก็มาแทนที่สิ…” ซาวะกิริเดินตรงมาทางยามาริ และถีบเธอกระแทกเข้ากำแพงจนล้มลง

     

    “ถ้าอยู่เฉยๆ ให้พวกฉันเอาคืน ยัยนั่นก็ไม่ต้องเจ็บตัว” ซาวะกิริจิกหัวเธอขึ้นมา มองใบหน้าความโกรธกริ้วของเธอ ทำให้เขาแสยะยิ้มออกมาและใส่หมัดเข้าหน้าของเธอ

     

    ผัวะ!! ผัวะ!! ปั่ก!

    เสียงของคนหลายคนที่กำลังเตะยามาริที่กุมหัวและนอนคดอยู่บนพื้น แม้เธอจะโกรธแค้นมากเพียงใด แต่เพื่อช่วยมิสากิไม่ให้มายุ่งกับเรื่องแบบนี้ ถ้าเธอต่อยเจ้าพวกนี้ก็คงอยู่ไม่เป็นสุขอีกแน่

     

    ในความคิดของเธอตอนนี้คิดแต่เรื่องหน้ากากรูปยิ้มที่ค่อยปิดบังใบหน้าของเธอไว้ เมื่อใส่เข้าไปเธอก็มั่นใจว่าจะไม่มีใครเห็นใบหน้าของเธอ และสามารถเตะต่อยกับคนนับร้อยอย่างบ้าคลั่ง แต่เมื่อถอดหน้ากากก็เป็นแค่ไอ้ขี้ขลาด ขี้กลัวอยู่ดี

     

     

    “อย่าทำอะไรยามาริจังนะ!!” เสียงของมิสากิ ทำให้ทุกคนหยุดการกระทำและหันหลังไปทางมิสากิ

     

    เธอลุกขึ้นมาด้วยร่างที่สะบัดสะบอม และยังมองเขม่งมาทางร่างทั้ง5ที่กำลังรุมยามาริอยู่ แต่เธอไม่รู้เลยว่าคนที่6อยู่ข้างหลังและพลักตัวเธอให้ล้มลงกระแทกพื้น

     

    “อย่ามาปากเก่งหน่อยเลย!” คนข้างหลังถีบหลังของมิสากิ จนเธอแทบกระอักเลือดหายใจถี่

     

    ทั้งที่อยู่เฉยๆ แล้วแท้ๆ ทั้งที่ปล่อยให้ทวงคืนแล้วแท้ๆ ทำไมมิสากิถึงยังโดนอะไรแบบนีี้อยู่ล่ะ ยามาริไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อน เธอจะไม่ยอมเป็นหนที่สอง แม้จะไม่มีหน้ากากเธอก็เตรียมใจพร้อมแล้ว

     

    ผัวะ!!

    เธอลุกหมัดขึ้นมาต่อยเข้ากลางหน้าซาวะกิริอย่างจังเขาเดินเซโซแทบล้มลุก เลือดกำเดาไหลออกมาจากจมูกและยังไม่พอ ยามาริใช้เท้าเสยค้างซาวะกิริจนเขาตัวลอยและล้มลงนอนกับพื้น

     

    “เฮ้ยแก!! อย่าลืมว่านี้ตัวประกัน!” ชายที่อยู่กับมิสากิก็ใช้มีดจี้คอของเธอ แต่นั่นไม่ทำให้ยามาริหวั่นไหวหรอก

     

    เธอวิ่งอ้อมไปข้างหลังเขา และจับแขนสองข้างล็อคไว้ข้างหลัง และยังพูดด้วยเสียงเยือกเย็นว่า ‘ถ้าพูดออกมาแค่คำเดียว ฉันจะหักแขนนาย’ ทำให้ชายคนนั้นตัวสั่นเทาด้วยความกลัว เหมือนมีกลุ่มก้อนพลังงานบางอย่างอยู่ข้างหลังเขา

     

    “……” เธอฟากหลังมือเข้าที่ท้ายทอยของเขา จนทำให้เขาสลบและล้มลงกลับพื้น

     

    “มีใครจะมาอีกไหม…?” เธอจ้องเขม่งทางร่างชาย1คน แต่เจ้าพวกนี้มันหมาลอบกัด ต้องอยู่ที่ไหนสักที่ในนี้แน่นอน

     

    ฉึก!

    “เอ๊ะ…” ดวงตาเธอเบิกกว้าง หันกลับไปมองชายคนข้างหลังที่เสียบมีดเข้าหลังของเธอ เลือดซิบๆ ไหลออกมาจนนองเปื้อนเสื้อฮู้ดของเธอ

     

    เสียงร้องหลงดังออกมา ร่างของยามาริดิ้นลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด เป็นครั้งแรกที่เธอโดนของมีคมแทงเข้าอย่างจัง ทั้งๆ ที่คิดว่าจะไม่เจ็บปวดแล้วแท้ๆ

     

    “ยามาริจัง?!!!” มิสากิร้องเรียกชื่อเธอด้วยความสิ้นหวัง

     

    “แก…เพราะแกทำให้รินตะตกต่ำขนาดนี้…!!” ชายคนที่แทงเธอเเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธ

     

    “เรื่องแค่นั้นต้องแทงกันเลยเรอะ?!! เห้ยจิน นี้แกบ้าไปแล้วหรอว่ะ?!” แก๊งของซาวะกิริต่างพากันกระวนกระวาย จากเหตุการณ์ที่เพื่อนของตนไปแทงคนเข้า

     

    “หนีกันดิว่ะ!! ยืนบื่อหาพระแสงอะไรว่ะ!!” ชายอีกคนยกตัวซาวะกิริขึ้น และอีก2คนก็มาช่วยพยุงตัวคนที่หมดสติ และเรียกให้จินรีบหนีไปกับพวกเขา

     

    “แย่แล้ว!! ยามาริจัง!” มิสากิหาของมีคมมาตัดเชือกที่มัดข้อมือเธออยู่ และเจอหินปลายแหลมมาตัดเชือกออก แม้มันจะบาดมือเธอจนเลือดไหล แต่ตอนนี้ต้องสนใจยามาริก่อน

     

    “แข็งใจไว้นะ ฉันจะเรียกรถพยาบาลให้!” มิสากิรีบหยิบมือถือของตนขึ้นมา และโทรสายด่วนรถโรงพยาบาลมาโดยตรงที่โกดังร้างแถบชิบูย่า

     

    ถ้ารถพยาบาลมาช้ามันจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ ถ้ายามาริตายไปเธอควรทำยังไง? ความคิดนี้วนอยู่ในหัวของมิสากินับไม่ถ้วน น้ำตาที่ไหลออกมาเมื่อมองยามาริที่มาช่วยเธอจนต้องเป็นแบบนี้

     

    ถ้าเธอแข็งแกร่งขึ้น และไม่โดนลักพาตัวไปก็คงดี…มิสากิเอาแต่โทษตัวตัวเอง

     

    วี้หวอ วี้หวอ!

    เสียงรถพยาบาลดังเข้ามาใกล้โกดัง และจอลงข้างหน้าพร้อมกับรถเข็นผู้บาดเจบ เจ้าหน้าที่บอกให้มิสากิถอยไป และพยุงตัวยามาริขึ้นและพามิสากิไปทำแผลที่มือด้วย

     

    มิสากินั่งกลุ้มอยู่ในรถพยาบาล เหมือนทุกอย่างช้าไปหมดเพราะความใจร้อนของเธอ มิสากิแค่อยากให้ยามาริรอดก็แค่นั้น อย่าให้เธอตายเลย…

     

    ตี้ดดดดดดด!

    เสียงชีพจรลากยาวดับลง ทีมแพทย์ก็ช่วยกันปั้มหัวใจของยามาริอย่างสุดความสามารถ จนเมื่อรถมาถึงโรงพยาบาลก็พาตัวเธอเข้าห้องฉุกเฉิน

     

    ไฟห้องผ่าตัดเปิดอยู่ มิสากินั่งรออยู่หน้าห้องผ่าตัดอย่างใจจดใจจ่อ เธอเปิดมือถือมาดูก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบ2ทุ่มแล้ว ทั้งๆ ที่ยามาริมาตอน6โมง และตอนนี้ก็ผ่านไปเกือบ2ชั่วโมงแล้ว

     

    มิสากิทำได้แค่รอ รอ รอ และรอ จนเวลาผ่านไป20นาที ไฟห้องผ่าตัดก็ปิดพร้อมกับหนึ่งในทีมแพทย์เดินออกมา มิสากิจึงลุกขึ้นรอฟังผลการผ่าตัด

     

    “พ้นขีดอันตรายแล้วครับ” มิสากิยิ้มดีใจ เธออยากที่จะกรี๊ดออกมาดังๆ แต่เพราะนี้เป็นโรงพยาบาลตอน3ทุ่ม ก็ไม่อยากรบกวนคนไข้และหมอ พยาบาลในนี้

     

    “แล้วยามาริจะออกโรงพยาบาลวันไหนหรอค่ะ?”

     

    “ประมาณ2อาทิตย์ครับ สามารถมาเยี่ยมได้ทุกเมื่อเลยนะครับ”

     

    “งั้นหรอค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” เธอโค้งตัวเป็นการขอบคุณ ถึงแม้อยากจะไปดูยามาริสักนิด แต่เธอก็เลือกที่จเดินออกจากโรงพยาบาลและกลับบ้านไป

     

    ..

    .

     

    ทีวีฉายข่าวเรื่องของเด็กมัธยมคนหนึ่งที่โดนแทงโดยคู่อริที่มีความแค้นมาก่อนหน้า แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ข่าวดังอะรไก็ผ่านมา1อาทิตย์แล้ว มิสากิในช่วงเสาร์-อาทิตย์ก็ไปเยี่ยมยามาริบ่อยๆ และยังเอาของฝากไปให้อีก

     

    ในห้องเรียนก็ยังคงส่งเสียงดังกันตามเดิม มันจิโร่ที่เดินเข้ามาในห้องและนั่งประจำที่พร้อมกับหันมองหน้าต่างดั่งเดิม นี้ผ่านมาอาทิตย์นึงแล้วเขายังไม่เห็นยามาริมาเรียนเลย ตั้งแต่วันนั้นที่เขาไม่มาโรงเรียนมันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่

     

    เขาจึงตัดสินใจถามเรื่องนี้กับคนในชมรมคาราเต้ที่เธออยู่ ทุกคนก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ได้เห็นหน้ามาหลายวันแล้วเหมือนกัน น่าจะป่วยหรือไม่สบาย

     

    แต่มันจิโร่ก็ค้านพร้อมบอกว่าไปบ้านยามาริมาแล้ว แต่ก็ไม่เจอใครสักคนอยู่เลย นี้มันเป็นเชิงบอกว่าไปบุกรุกบ้านยามาริโดยไม่ได้รับอนุญาตน่ะสิ

     

    “เออคือว่า…เรื่องนั่นเราเองก็ไม่รู้น่ะ” รุ่นพี่โยชิวะเอ่ยขึ้นพลางเกาท้านทอยตัวเอง ทุกคนในชมรมต่างรู้ว่ายามาริเข้าโรงพยาบาลไป แต่เพราะมิสากิเธอขอร้องให้พวกเขาเก็บเงียบและบอกเหตุผลว่าไม่อยากให้มันจิโร่เข้าไปยุ่งกับเธอ จนเกิดเรื่องอีก

     

    “งั้นฉันไปหาเพื่อนของยามะจินก็แล้วกัน” มันจิโร่เดินออกจากชมรมไปและเดินวนหามิสากิอยู่นาน ก็เจอเธอที่กำลังเดินเข้าห้องเรียนอยู่

     

    “นี้เธอน่ะ รู้มั้ยว่ายามาริเป็นอะไร ทำไมถึงไม่มาโรงเรียน” มันจิโร่ตบไหล่เธอเบาๆ

     

    “นายไม่จำเป็นต้องรู้ และไม่ควรยุ่งเรื่องนี้ด้วย…” คำพูดหลังท้ายเธอพูดออกมาเบาๆ และเดินเข้าไปห้องเรียนอย่างเมินเฉยใส่มันจิโร่

     

    มันจิโร่ยืนนิ่งพลางเอามือล้วงกระเป๋า ในเมื่อไม่มียามาริอยู่ในห้อง เขาก็ไม่มีธุระอะไรที่จะอยู่ในห้องตัวคนเดียว

     

    ต้องสืบแล้ว…ต้องตามหายามาริ ถ้าเขาไม่เห็นหน้าเธอสักวันก็คงบ้าตายแน่

     

     

    TBC.

    ฉากหวานไม่มี มีแต่ฉากช้ำใจ55555;-; อยากถามหน่อยว่าถามบรรยายเป็นมันจิโร่พออ่านแล้วจะขัดหูรึเปล่า ถ้าไม่ชอบเราจะเปลี่ยนเป็นซาโนะเหมือนเดิมนะคะ (อิดิฉันเขียนผิดและลบบ่อยมาก)

     

    ทั้งมันจิโร่ทั้งยามาริไม่ได้เจอหน้ากันก็ยังเหงา อะไรจะตรงใจกันขนาดนั้นนน๐><)๐

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×