ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Tokyo Revengers [Mikey x Oc] : I'm girl

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่8

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.พ. 65


    นั่นน่ะเหรอ​ พวกเมบิอุสที่โตมันกำลังจะปะทะด้วย​ ยามาริมองพวกโอซานาอิที่มาฃ้อมโกดังที่พวกเขาอยู่หมด​ เหมือนกับพวกหมาหมู่ขี้ขลาดยังไงอย่างนั้น

     

    และดูเหมือนกับว่าเป็นคนที่ปาจินแค้นที่สุด…สาายตาของเธอเหลือบมองหัวหน้าหน่วยที่3 ปาจิน​ ที่กำหมัดจะวิ่งเข้าไปต่อยโอซานาอิ​ เธอเข้าใจดีความรู้สึกนั่น​ ทั้งเพื่อนถูกทำร้าย​ แฟนเพื่อนถูกทำร้าย​ ครอบครัวของเพื่อนถูกขู่เข็นรีดไถ่

     

    นั่นน่ะ…เธอไม่เคยให้อภัยกับเขาเลย

     

    “เอะอะเสียงดังโวยวายอะไร​อีก​ โอซานาอิซัง” เสียงแตกหนุ่มของชายหนุ่มที่ค่อนข้างคุ้นเคยดังขึ้น

     

    “ก็แหม​ ให้ไอ้เจ่าพวกเด็กกระโปกมันทำใจซะบ้าง​ โอโตรุ

     

    “ห๊ะ!!”

     

    ยามาริเบิกตากว้างด้วยความตกใจ​ มองกลุ่มคนที่แหวกทางให้ร่างสูงที่มีอาวุธเป็นไม้ไผ่​ แถมตัวก็สูงเหมือนไม้ไผ่อีกด้วย​ บทสนทนาเนมื่อกี้เขาเรียกว่า​ ‘โอซานาอ​ิซัง’​? ทั้งที่หมอนั่นเป็นศัตรูกับเธอและทั้งโตมัน!

     

    “ไหนไอ้พวกเด็กกระโปก​ มาเรียงตัวกันตรงนี้ซะ”

     

    พรึ่บ!

    โอโตรุยื่นไม้ไผ่มาข้างหน้าพวกไมค์กี้​ เหมือนท้าทายให้มายืนเรียงตัวและเขาพร้อมที่จะฟาดไม่ยั้ง

     

    ฝีมือของโอโตรุเทียบเท่ากับปีศาจ​ ขนาดเธอยังไม่รู้เลยว่าในหัวเขาคิดอะไรอยู่​ แต่สิ่งที่แปลกไปก็คือ…ผมเพลาสีดำสนิทเหมือนปีอีกาที่ปิดหน้าเผยแค่ลูกกระตาข้างหนึ่ง​ พร้อมใบหน้าที่แสยะยิ้มร่า

     

    ในเมื่อเป็นเพื่อนของตัวเอง​ เองตัวก็ต้องจัดการ​ นี่คือสิ่งที่ยามาริคิดก่อนจะเดินไปประจันหน้ากับโอโตรุ เพื่อนคนแรกและคนสนิทของตน

     

    “ย…ยามะจิน?”

     

    ไมค์กี้พูดด้วยความตกใจ​ มองร่างเล็กที่เอาหน้าอกแบนตรงหัวใจ​ใกล้ไม้ไผ่สีเงิน​ พลางอ้าแขนทั้งสองข้างบังตัวพวกเขาที่อยู่ข้างหลัง​ แม้จะไม่มิดก็ตามแต่เธอจะปกป้องให้ถึงที่สุด

     

    เพื่อนข้างหลังของเธอเองก็เป็นคนสำคัญเช่นกัน

     

    “โอโตรุ​ ไหนนายบอกว่าไม่สังกัดอยู่แก๊งไหนไง​ แล้วนี่หมายความว่าไง?” ยามาริเอียงคอด้วยความสงสัย

     

    “…เธอก็เหมือนกันนิ​ บอกว่าไม่อยากยุ่งกับนักเลง​ แต่มาอยู่กับพวกโตเกียวมันจิไคเนี่ย?”

     

    โอโตรุลดไม้ไผ่ของตนลงเหมือนจะพูดคุยกับยามาริดีๆ

     

    “แต่ฉันไม่ได้เข้าร่วมแก๊งหรือเป็นลูกน้องมันจิโร่สักหน่่อย”

     

    “มันจิโร่…?”

     

    โอโตรุหันมองไมค์กี้ที่นั่งอย​ู่ข้างหลัง​ สีหน้าของเขาและแววตาของโอโตรุดูหงุดหงิดไม่ต่างกัน

     

    ซาโนะ​ มันจิโร่​ คือชื่อจริงของไม​ค์กี้

     

    ซาโนะ​ มันจิโร่​ คือคนที่พรากสิ่งสำคัญไปจากเขา

     

    มันจิโร่…ฮ่า​ฮ่า​ ดูสนิทสนมกันดีนะ

     

    ปั่ก!!!!

    “อั่ก!!”

    “ยามะจิน!!!”

    โอโตรุยกไม้ไผ่ฟาดเข้าไปขมับของยามาริโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว​ ตามมาด้วยเสียงของไมค์กี้ที่ลุกขึ้นดังจากข้างหลังอย่างหลุดความขรึมของตน​ ทั้งหมดต่างพากันวิ่งมาดูสภาพของยามะจิน​ แต่แล้วก็ต้องชะงักกับเสียงพูดของโอโตรุ

     

    “ที่ฟาดเมื่อกี้แค่สลบ​ ไม่ตายหรอก”

     

    เขาพูดด้วยท่าทางเย็นชา​ ทั้งที่ยามาริบอกเขาเป็นเพื่อนคนแรกมาโดยตลอด​ แต่เขากลับทำอย่างนี้ได้อย่างง่ายดาย

     

    “ไอ้พวกเมบิอุ​ส…ไอ้เวรระยำ!!”

     

    แม้ปาจินจะไม่ค่อยรู้จักกับยามาริแต่ได้ยินไมค์กี้พูดถึงเธอบ่อยมาก ได้แต่สงสัยจนมาถึงวันนี้ก็รู้…

     

    หมอนี่มันโง่เหมือนไมค์กี้จริงด้วย!!

     

    เพราะรักพวกพ้องมากกว่าตัวเองทำให้ชอบไปเสี่ยงหลายๆ​ เรื่อง​ แค่ไมค์กี้เสียคนสำคัญไปสองคนมันก็มากพอแล้ว

     

    “ย้ากกกก!!”

     

    ปาจินวิ่งเข้าไปต่อยโอโตรุ แต่เขาก็ใช้ไม้ไผ่ฟาดกลับอย่างไม่ออมแรง

     

    “ปาจิน!!”

     

    เพื่อนที่เป็นคู่หูของเขา​ เปยัง​ พูดพลางจะวิ่งเข้าไปรับตัวแต่แล้วก็ได้ยินเสียงดราเค่นดังขึ้น

    “ไมค์กี้! ทาเคมิจจิ! เป!! พวกแกหยุดเดี๋ยวนี้!!”

     

    “!” ไมค์กี้หันขวับว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้ดราเค่นเรียกเขาอย่างนั้น

     

    ใช่…ไมค์กี้ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังวิ่งเข้าไปหาผู้คนตรงหน้า​ ด้วยท่าทางอยากจะไคว้คว้าและปกป้องเอาไว้ให้ได้​ แสงสว่างที่นอนราบกับพื้นพลางละลายหายไป

     

    ไม่เอาอีกแล้ว…ทั้ง​ ชินอิจิโร่​ ยูเรจิน… ทำไมถึงไม่ให้เขาปกป้อง

     

    “ดูทีท่าทางโอโตรุสิ” 

     

    “โอโตจิน…”

     

    ดวงตาสีทมิฬ​มองร่างสูงที่ก้มหน้า​ ปริปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง

     

    “ใช่…ยามาริเป็นเพื่อนสมัยเด็กของฉัน​ เป็นเพื่อนคนแรกที่ฉันห่วง​ แต่ว่า…ฉันก็มีความลับอยู่เหมือนกัน…”

     

    ..

    .

     

    นั่นมันเป็นช่วงใกล้เปิดเทอม​ อากาศก็เริ่มหนาวนิดหน่อย

     

    “วันนี้จะไปไหนดี​ ฉันอยากกินไอติม”

     

    นั่นคือเสียงยามาริในวัยเด็กที่พูดพลางท้องร้องข้างฉัน

     

    “ก่อนเธอจะไปอยู่กับพ่อแม่บุญธรรมฉันจะตามใจก็ได้” ฉันพูดออกมา

     

    ฉันถูกเก็บมาเลี้ยงอยู่ที่สถานเด็กกำพร้าที่เดียวกับซาโอโตะ​ ยามาริตอนนั้นเธอเป็นเด็กผู้หญิง​ผมยาวที่ห้าว​ และมีเพื่อนเยอะจนฉันอิจฉา​ แต่แล้วความอิจฉาก็แปรเปลี่ยนเป็นความเคารพเมื่อมีพ่อแม่บุญธรรมเข้ามารับเลี้ยงตัวฉันไป

     

    “หลังจากนี้ลูกชื่อ​ คิริโอะ​ นะ”

     

    นั่นเป็นชื่อแรกของฉันที่ไม่น่าภูมิใจสักเท่าไหร่​ เพราะอะไรน่ะเหรอ…?

     

    ตุบ! ตุบ! ตับ!

     

    “ฮึก…ผมขอโทษ…ฮึก!”

     

    ฉันคร่ำครวญเมื่อทำอะไรผิดพลาดลงไป ทั้งโดนทุบตี​ โดนเตะ​ โดนต่อยสารพัด​ แค่นอนดึกก็ต่อย​ ไปโรงเรียนสานก็เตะ​ เกรดตกก็ถีบ​ ฉันเกลียดการมีครอบครัว

     

    เกลียด​ เกลียด​ ​เกลียด ​เกลียด ​เกลียด ​เกลียด ​เกลียด ​เกลียด ​เกลียด ​เกลียด​

     

    มีแต่ต้องกำจัด…

     

    แต่พอมาถึงวันนี้กลับแปลกไป​ มีตำรวจจำนวนมากมาถึงหน้าบ้าน​ และจับกุมเจ้าพวกพ่อแม่ที่ทำร้ายลูกบุญธรรม​ของตนโดยที่หลักฐาน​ทั้งที่เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย

     

    หลังจากนั้นฉันก็ถูกส่งมาที่โรงพยาบาลเพื่อรักษาตัว

     

    “ไง​ แผลเป็นไงบ้าง”

     

    “?”

     

    และเป็นยามาริคนอรกที่เธอมาเยี่ยมฉัน

     

    เธอเล่าทุกอย่างให้ฉันฟัง​ เธอเป็นคนแจ้งความและถ่ายรูปถ่ายวิดีโอเก็บเป็นหลักฐาน​ สาเหตุก็เพราะเธอเป็นห่วงฉันที่ไม่ค่อยมีเพื่อนคุย ถ้าไปอยู่กับครอบครัวชีวิตจะเป็นไงบ้าง ยามาริห่วงทุกคนที่เป็นเพื่อนในบ้านสถานเด็กกำพร้า เพราะความผูกพันธ์แม้จะไม่ได้ใหล้ชิดแต่เธอก็ยังห่วงอยู่

     

    “ทำแบบนี้กับเด็กทุกคนที่ไปมีครอบครัวเลยเหรอ?”

     

    “อืม จะดูไปเรื่อยๆ ราวๆ 3เดือนน่ะ”

     

    “คงเหนื่อยน่าดู…”

     

    “เอ๊ะ?! ไม่เหนื่อยเลยๆ ก็ฉันอยากให้ทุกคนมีความสุขนี่นา ง^.^)ง”

     

    ฉันคิดว่ามันคงจะเหนื่อยแต่สีหน้าของเธอมันไม่เหนื่อยเลย มันกลับสดใสอย่างคาดไม่ถึง ถ้าเป็นฉันคงเลิกตั้งแต่คนแรกที่ไปดูแล้ว…

     

    “แล้วว่าแต่นายชื่ออะไรเหรอ? ถ้าจะกลับสถานเด็กกำพร้าก็ต้องมีชื่อนะ!”

     

    “เอ๊ะ? ชื่อ…”

     

    คิริโอะ

     

    “ค…”

     

    “?”

     

    “…”

     

    “…”

     

    “โอโตรุ”

     

    “งั้นเหรอ! โอโตรุสินะ ฉันยามาริ ยินดีที่ได้รู้จัก โอโตรุ ^^)!”

     

    แต่วันที่ฉันไม่อยากให้มันมาถึงก็เกิดขึ้น ในวันที่ยามาริถูกรับเลี้ยงไปในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง เธอและฉันเป็นพี่ที่ใหญ่ที่สุดในสถานเด็กกำพร้า ก็หมายความว่าฉันต้องอยู่คนเดียวกับเด็กพวกนี้ ซึ่งฉันไม่ถูกกับเด็กเท่าไหร่…

     

    ยามาริก็ยังร้องไห้ฟูมฟายลาจากกับเด็กน้อยอยู่เลย ก่อนวันที่พ่อแม่บุญธรรมของเธอจะรับมาเลี้ยงฉันก็เลี้ยงไอติมเธอไปจำนวนมากเท่าที่เธอต้องการให้อิ่มยันชาติหน้า

     

    ฉันไม่อยากให้เธอไปจริงๆ เลยนะ…

     

    หรือเธอจะเป็นคนแรกที่ฉันบอกจนต้องตามไปดูที่บ้านกัน?

     

     

     

     

    ฉันไม่ปล่อยให้เวลามันเสียเปล่าหรอกต้องรีบสะกดรอยตามไปจนมาถึงบ้านของยามาริ

     

    ฉันไม่อยากจะเชื่อสายตาเมื่อเห็นพ่อบุญธรรมของเธอกำลังตีเธอด้วยความเกรียวโกรธ ความหลังในอดีตของฉันฝุดขึ้นมา ฉันไม่อยากให้เธอต้องมาเจออะไรแบบนี้เหมือนที่ฉันเจอ…

     

    ฉันไม่ให้อภัยผู้ใหญ่อย่างแก

     

    ครั้งนั้นที่เพลิงไหม้ลามไปทั่วบ้านหลังโตของครอบครัวซาโอโตะ เพลิงนั้นไม่คิดจะหยุดจนในที่สุดรถดับเพลิงได้เข้ามาช่วยชีวิตเด็กสาวคนหนึ่งในบ้านที่เป็นลูกสาวบุญธรรม ซึ่งมาอยู่บ้านหลังนี้ได้ไม่กี่เดือน

     

    ทั้งพ่อและแม่เสียชีวิตถูกเพลิงครอบ ทุกคนต่างประนามลูกสาวบุญธรรมว่าเป็นฆาตรกร แม้จะไม่มีหลักฐานว่าเธอเป็นคนทำผิด แต่ผู้คนก็ต่างประนามเธอว่าเป็นปีศาจเหมือนหลายปีก่อนจนตอนนี้ข่าวเริ่มซาลง เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาที่เข้ามาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ชิบูย่า

     

    เจอกับเพื่อนสมัยอยู่บ้านเด็กกำพร้าอย่าง โอโตรุ และแสร้งเป็นเพื่อนกับเขา เพราะเธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าโอโตรุตามเธอมาที่บ้านตลอดคอยจับผิดพ่อแม่บุญธรรมเธอ จนตอนนี้เขากลายเป็นนักเลงและทำสิ่งนั้นเอง ทำในสิ่งที่ผู้อ่อนแอไม่สามารถเอาชนะผู้ที่แข็งแกร่งได้

     

    เขากดขี่มัน บังคับมัน ทำร้ายมัน จนตอนนี้เขาเหมือนปีศาจในคราบเพื่อนสมัยเด็ก

     

     

    ..

    .

     

     

    “ฉันรู้อยู่แล้วว่านายเป็นคนทำ” ยามาริลุกตัวขึ้นมาด้วยขมับที่เปื้อนเลือด

     

    “เห๊ะ?” 

     

    “แต่ก็ลืมไม่ลงหรอก…นายยังเป็นเพื่อนกับฉัน แต่ตอนนี้…”

     

    ปั่ก!!!

     

    “ฉันแค่ต้องการ​ ‘Revengers’ (แก้แค้น)”​

     

    ขาเล็กที่ไม่คิดว่าจะไปถึงขมับได้​ แต่อย่างน้อยก็เตะได้ถึงคอ​ กระแทกลงไปกับพื้นตามร่างสูงมีนามว่าโอโตรุ

     

    “อั่ก!”

     

    โอโตรุนอนราบลงกับพื้นโกดัง​ นั่นทำให้ฝั่งเมบิอุสและโตมันตกตะลึงเป็นอย่างมาก

     

    “1…”

     

    “…”

     

    “2…”

     

    “…”

     

    “3…”

     

    ทาเคมิจิยืนอึ้งก่อนจะนึกถึงเรื่องในอนาคตพลางคิด

     

    หลายนาทีผ่านไป…อย่าบอกนะว่า

     

    โตมันเป็นฝ่ายชนะ?!

     

     

    TBC.

    เรากลับมาแล้ว​ววว​ ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจเรานะคะเราดีใจมากๆ​ เลยฮืออ​ เดี๋ยวเราจะรีบมาต่อให้จบภาคเมบิอุสให้ได้เลยและพวกเราจะไปถึงวัลฮัลล่าหรือบารุฮาระกัน!

    อดีตของยามาริกับโอโตรุก็ดูท่าจะปวดตับน่าดู​ ลองคิดสิถ้าเราน้องอยู่กับคนที่ฆ่าคนสำคัญของตน​ และต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้​ คอยเก็บอาการมันก็ค่อยข้างเจ็บปวดน่าดู

    แต่ฉากเด็ดที่น้องพูดว่า​ ‘ฉันต้องการ​ Revenger’ ใครไม่คิดว่าแซ่บแต่เราคิดว่าแซ่บ! ยามะจินก็มีความผัดสัวเหมือนกันนะคะ!

    ปกติเราแต่งประมาณ9,000เกือบหมื่นตัวอักษร ครั้งนี้ขอลดหน่อยไม่อยากให้ทุกคนรอนาน หวังว่ามันจะไปสั้นไปนะคะ ;-;

     

    และก็ขอบคุณทุกคนที่รอกันอยู่​นะคะ​ ขอบคุณทุกๆ​ กำลังใจที่ส่งมานะคะ​ ไรท์จะทำให้ดีที่สุดเลยย​

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×