คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่4
บทที่4
วันนี้ริวงูจิได้พาเธอไปสวนสาธารณะในตอนเที่ยงกับซาโนะที่กำลังเดินกินโดรายากิอยู่ และในขณะที่เดินไปนั้นก็มีเสียงเชียร์มากมายดังมากแต่ไกล ทำให้รู้ได้ทันทีว่าที่ๆ กำลังจะไปอยู่นั้นคือแหล่งการพนันต่อยตีบ้าบอนั่น
“เอาให้ตาย! เอาให้ตาย! เอาให้ตาย! เอาให้ตาย!”
เสียงเชียร์ดังมาเรื่อยๆ ตามการก้าวเท้าของชาย2หญิง1ที่ดูท่าทางจะเป็นชาย3มากกว่า แต่เมื่อใกล้เข้าไปเสียงเชียร์ก็หยุดลง สายตากองเชียร์จับจ้องร่างสะบัดสะบอมของชายผมทองเหลือง ที่ใบหน้าบวมจากการต่อยและมีเลือดไหลออก อยู่ตรงหน้าของชายผมดำมีรอยแผลที่คิ้วข้างซ้ายตัวสูงใหญ่
เธอจำเขาได้ดี เป็นคนจัดการแข่งพนันนี้ และยังมีลูกน้องลากเธอไปเล่นอะไรบ้าบออีก
“เพราะว่ามีเหตุผลที่หนีไม่ได้ไง! โตเกียวมันจิไค…คิโยมาสะ…! ถ้าอยากชนะก็มีแต่ต้องฆ่าฉัน จะไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด” หนุ่มผมทองฉีกยิ้มออกมาด้วยความมั่นใจ
“…ไปเอาไม้เบสบอลมา! ก็ย่อมได้…จะฆ่าให้ตายเอง” ชายคนนั้นแสยะยิ้มด้วยแววตาที่เอาจริง
“เห้ยคิโยมาสะ”
“หา?!” เขาหันหลังกลับไปมองและอึ้งไปสักพัก
“เดี๋ยวคนดูก็หายหรอก ไม่เห็นต้องจริงจังเลย เป็นคนจัดทั้งที” ผมเปียสีทอง รอยสักมังกรตรงขมับ รองหัวหน้ากลุ่มโตมัน ‘ริวงูจิน เคน’ ฉายา ‘ดราเค่น’ เดินนำมาพร้อมกับซาโนะและยามาริที่อยู่ข้างหลัง
“นี้ๆ ยามะจินโดรายากิหมดแล้วน่ะ” ผมสีบลอนด์ครีม ทรงผมมัดหลวมๆ หัวหน้ากลุ่มโตมัน ‘ซาโนะ มันจิโร่’ ฉายา ‘ไมค์กี้’ ยิ้มให้ยามาริพลางชูมือที่บ๋อแบ๋ไม่มีโดรายากิอยู่
“เพิ่งกินไปเองไม่ใช่รึไง?” เธอถอนหายใจ พลางมองหน้าของหัวหน้าโตมันที่ยิ้มแย้ม แต่มันผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว คนที่เธอกลัวคงมีแต่ริวงูจิคนเดียว
“เหนื่อยหน่อยนะครับ!” ทั้งสนามก้มหัว90องศา ให้กับซาโนะหัวหน้าโตมัน ถึงตอนนี้เธอขอเปลี่ยนคำพูดที่ว่าไม่กลัวซาโนะก็แล้วกัน ลืมไปเลย ว่าเขาเป็นหัวหน้าของแก๊งใหญ่
“เหนื่อยหน่อยนะครับ! เหนื่อยหน่อยนะครับ! เหนื่อยหน่อยนะครับ!” ตลอดทางที่เดินไปหาชายผมทองทั้งหมดต่างก้มตัวให้ พร้อมส่งเสียงว่าเหนื่อยหน่อยนะครับ! หัวหน้า! ทุกย่างก้าว
‘อะไรล่ะเนี้ย…ฉันตามไปจะดีหรอ…?=-=)?’
ตึง!!!
ริวงูจิเตะท้องของคิโยมาสะที่โค้งตัวเล็กน้อยใส่ซาโนะ ทำให้เขาจุกท้องและก้มลง90องศาพลางกุมหน้าท้องของตัวเองไว้
“คิโยมาสะ…กลายเป็นพวกอวดดีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เวลาทักทายหัวหน้ามันต้องก้มองศานั้นสินะ”
“คะ…ครับ…” เขาพูด พลางกุมหน้าท้องตัวเองไว้
ซาโนะต้องตรงเข้าไปหาชายผมทองที่ล้มลงกับพื้น นัยน์ตาสีฟ้าจ้องกับนัยน์ตาสีดำม่วงอยู่สักพัก และซาโนะก็เอ่ยถามชื่อของเด็กหนุ่มตรงหน้า
“นายน่ะ ชื่ออะไร?”
“ฮา…ฮานะกาคิ ทาเคมิจิ…” เขาพูดด้วยท่าทีสั่นกลัวเล็กน้อย
“งั้นหรอ ทาเคมิจจิ”
“เอ๋? ทาเคมิจจิ?” เขาทำหน้าเหว๋อเล็กน้อย เหมือนตอนที่ยามาริได้ชื่อใหม่เหมือนกันเลย
“ไมค์กี้พูดแบบนั้นก็ถูกแล้วใช่ไหมล่ะ? ทาเคมิจจิ” ริวงูจิพูด เหมือนที่พูดกับยามาริเหมือนตอนแรก
“อา คนชื่อใหม่มาเพิ่มแล้วแฮะ=-=)” คำพูดในใจของเธอหลุดออกมาอย่างดัง ทำให้พวกเพื่อนที่คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของฮานะกาคิ คุยซุบซิบกันอยู่
“เห้ยๆ นั่นคนที่มาตัวต่อตัวกับยามาตะเมื่อก่อนหน้ารึเปล่า?” หนุ่มมัดผมจุกใส่แว่นสีแดงกระซิบกับหนุ่มผมทองอ่อน
“อาจใช่ก็ได้ ได้ยินว่าชื่อซาโอโตะ ยามาริน่ะ”
“ยามาริ?! ได้ข่าวว่าเคยต่อยหน้าไมค์กี้ด้วยไม่ใช่หรอ?!” หนุ่มหมัดผมรวบต่ำสีดำเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนที่สายตาทั้งสามจะจับจ้องซาโนะที่ย่องตัวลงจับหลังหัวฮานะกาคิที่กึ่งนอนกึ่งนั่ง
“นายน่ะ เป็นเด็กมัธยมต้นจริงหรอ?” ฮานะกาคิเบิกตากว้างเล็กน้อย
“ทาเคมิจจิ ตั้งแต่วันนีี้ไปนายเป็นเพื่อนของฉัน นะ?” สิ้นสุดคำพูด ซาโนะก็ผละตัวออก และเดินไปหาคิโยมาสะ “นายเป็นคนจัดงานนี้หรอ?”
“ค…ครับ” ซาโนะยิ้มให้ก่อนจะเตะเสยค้างคิโยมาสะ และจับหัวของของเขาเอาไว้
“นายเป็นใครไม่ทราบ” สิ้นสุดคำพูดหมัดของซาโนะก็ซัดใส่หน้าของคิโยมาสะจนบวมเป่งเป็นสีแดง ซาโนะก็เหยียบหัวเขาซ้ำอีกรอบ
“เอาล่ะ กลับกันดีกว่าเคนจิน ยามะจิน” เขายิ้มด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยเลือดเล็กน้อย ก่อนจะเหยียบข้ามหัวคิโยมาสะและเดินออกจากตรงนั้นไป “การพนันต่อยตีอะไรเนี้ย ไร้สาระชะมัด”
“อย่าทำให้โตมันเสียชื่อไปมากกว่านี้สิ…” ริวงูเดินเอามือล้วงกระเป๋าตาม ยามาริก็เดินตามตัวเกรง เพราะเมื่อกี้เธอเห็นตอนที่คิโยมาสะโดนเสยคาง และเห็นหน้าของซาโนะตอนนั้นโคตรน่ากลัว
ดีนะ ที่ตอนนั้นเธอไม่โดนเสยคางน่ะ คงได้เข้าโรงบาลพักใหญ่…
และในที่พวกเขาเดินกลับโรงเรียนอยู่นั้น คนที่เห็นอะไรเปื้อนนิดๆ หน่อยๆ อย่างยามาริ ก็ทนไม่ได้ที่เห็นหน้าซาโนะมีเลือดเปื้อนอยู่ ก็จัดการใช้แขนเสื้อเช็ดหน้าเขาซะเลย
“ทำอะไรน่ะ ยามะจิน?!” เขาหน้าเหว๋อเล็กน้อย
“ก็นายมีเลือดเปื้อนหน้าอยู่น่ะสิ หน้านายก็ยิ่งหล่อๆ ด้วย เดี๋ยวก็เสียโฉมหมดหรอก” เธอใช้แขนเสื้อเช็ดเลือดบนหน้าซาโนะ
“อืม ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ”
“ไม่ได้ห่วงสักหน่อย…” เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมาก ก็ยังทำตัวเย็นชาเหมือนเดิม
…
..
.
ตอนเย็นวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ซาโนะและริวงูจิพาเธอมาเดินเล่นในชิบูย่า คงนับครั้งได้ที่เธอได้เข้าร้านขายเสื้อผ้า และแน่นอนคนที่เสนอที่นี้ให้ริวงูจิต้องเป็นซาโนะแน่นอน
“ทำไมถึงพาฉันมาที่นี้ล่ะเนี้ย?” เธอมองไปรอบห้องที่มีแต่เสื้อภาพทุกแบบ
“ก็เธอแต่งตัวเหมือนผู้ชายเลยนี้หน่า ฉันอยากเห็นเธอในชุดอื่นน่ะ อ๋อ แล้วก็นี้ด้วยฉันซื้อมาเพื่อเธอเลยนะ” ซาโนะหยิบวิกผมยาวสีดำจากถุงช้อปปิ้งที่ไม่รู้ว่าไปได้มาตอนไหน
“นี้นายอยากให้ฉันผมยาวขนาดนั้นเลยหรอ?=-=)?”
“แค่อยากเห็นน่ะ ได้มั้ย? นะ?” เขาทำตาอ้อนวอนและยื่นวิกผมให้เธอ
“อา…ก็ได้ๆ งั้นฉันใส่ชุดนี้--”
“เอ้า เอาชุดนี้ไป” ริวงูจิยื่นถุงช้อปปิ้งที่ใส่เสื้อผ้าไว้ให้เธอ ซึ่งพวกนี้ไปซื้อกันตั้งแต่ตอนไหนล่ะเนี้ย?! หรือว่าวางแผนกันเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว?!
ถึงจะไม่รู้ว่าข้างในเป็นชุดอะไร แต่เธอก็รับมาและเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนก็นั่งรออยู่สักพักจนเธอออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านั่น
“เป็นไงบ้าง?” เธอเดินออกมาพร้อมกับสวมวิกผมสีดำยาวหน้าม้า ที่ดูเหมือนจะเป็นผมจริงของเธอเลย กับเสื้อแขนกุดสีขาว กระโปรงสีดำลายแถบขาวกับรองเท้าส้นสูง แต่ที่อยากถามมากว่าไปเอาเงินมาจากไหนซื้อของแบบนี้ให้เธอกัน?!
‘แต่ว่านะแขนสั้นเนี้ย หนาวชะมัด…’ เมื่อออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อ ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศก็พัดผ่านตัวเธอไป ทำให้คนที่ใส่เสื้อแจ็คเก๊ตทั้งวัน ต้องจับแขนสองข้างของตนด้วยความหนาวสั่น
“เคนจิน! นายเอาอะไรให้ยามะจินเนี้ย?!” ซาโนะถอดเสื้อคลุมของตนออก และนำมาคลุมให้เธอ พลางหันไปหาริวงูจิที่เป็นคนเลือกเสื้อผ้าให้ยามาริ
“ก็นายบอกว่าหาเสื้อที่เหมาะกับยามะจินไง ไม่ชอบหรอ?” ริวงูจิกอดอก
“กะ…ก็…ชอบสิ แต่มันไม่จำเป็นต้องแขนกุดเลยนิ!” ซาโนะหน้าอ่อนแดงเล็กน้อย เป็นครั้งแรกเลยนะเนี้ยที่เธอเห็นเขาหน้าเปลี่ยนสีแบบนี้
“เสื้ออะไรฉันก็ใส่ได้น่า ไม่เป็นไรหรอก” เธอพูดพลางถอดเสื้อคลุมของซาโนะออกและใส่ให้เขาดั่งเดิม โดยให้เหตุผลว่าเสื้อคลุมนี้เหมาะกันนายมากกว่า
“แต่ว่านะริวงูจิ ไอ้ส้นสูงเนี้ยฉันเพิ่งใส่เป็นครั้งแรกนะ ถ้าล้มขึ้นมานายรับผิดชอบด้วย…=-=)”
“งั้นก็ควงแขนฉันไงสิ” ซาโนะจับแขนเธอและมาควงไว้กับแขนของตน แต่เพิ่งรู้นะเนี้ยว่าพอเธอใส่ส้นสูงแล้วเนี้ย ตัวสูงเท่าซาโนะเลย
“ดะ เดี๋ยวนายก็ล้มไปด้วยหรอก” เธอดูค่อนข้างเกรงใจซาโนะมากเป็นพิเศษ เพราะเคยทำไม่ดีเขาไว้ พอเวลาที่เขาคอยชวนเธอไปนู้นนี้ก็ไม่อยากรบกวน (จริงๆ เธอเป็นคนโดนรบกวนเองไม่ใช่หรอ?=-=)?
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะคอยดูแลยามะจินเอง” ซาโนะยิ้มอ่อนให้เธอ และเดินตรงออกจากร้านพร้อมกับริวงูจิ
ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนี้ก็คือยามาริเดินเซไปเซมา บ้างก็ขอให้พวกเขาหยุดพักก่อนจะเธอก็ค่อยถอดรองเท้าส้นสูงนั้นออก พร้อมกับรอยบวมที่เท้าอย่างเห็นได้ชัด
ว่าแล้วเชียว…เธอคงไม่เหมาะกับการใส่รองเท้าส้นสูงจริงๆ
“เป็นอะไรมากรึเปล่า?” ริวงูจิที่เป็นคนเลือกรองเท้าให้เธอก็ถามขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่ปนความรู้สึกผิด
“ก็นะ เพิ่งเคยใส่ส้นสูงครั้งแรกนี้หน่า เจ็บอยู่เหมือนกัน…” ยามาริลูบเท้าของตนที่บวมอยู่
“ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อนนะ…” ริวงูจิชิดหลังพิงกำแพง พลางเอามือล้วงกระเป๋า ซาโนะก็มานั่งข้างๆ ดูอาการของเธอ
“เอายาไหม?” เขาเอ่ยขึ้น พลางชายตามองเท้าของเธอที่บวมด้วยความรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรน่า อย่าทำหน้าแบบนั้นสิซาโนะคุง” เพราะปกติเขามักจะยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน แต่พอครั้งนี้รอยยิ้มนั้นถูกกลบไปด้วยความรู้สึกผิด จนทำให้เธอเองก็เริ่มรู้สึกผิดที่ตัวเองเอาแต่เป็นตัวถ่วงให้เขา
“นี้ซาโนะคุง”
“อะไรหรอ?” เขาเงยหน้าขึ้น
“ขอเรียกนายว่ามันจิโร่ได้ไหม?” ซาโนะอึ้งไปชั่วครู่ “นายก็ด้วยนะ ขอเรียกเคนด้วยเหมือนกัน”
นึกว่าจะมีแค่ซาโนะคนเดียวที่เธอจะเรียกแบบนี้ เขาถึงกับทำแก้มป่องหันหน้าหนี ด้วยความงอนโดยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้
“เฮ้อ…ฉันขอปฏิเสธ เรียกแค่ไมค์กี้ก็พอ” ริวงูจิที่เห็นท่าทีของซาโนะก็เอ่ยขึ้น เพราะปกติที่เห็นเขาทำแก้มป่องบ่อยๆ ก็เพราะแค่ตอนที่ไม่มีธงปักอยู่บนอาหารฟาสฟู้ดส์ แต่ครั้งนี้ก็ทำแก้มป่องเพราะแค่ยามาริเรียกชื่อริวงูจิด้วยความสนิทสนมอีกคน
“อะ อ่า…ก็ได้ งั้นมันจิโร่ ฉันขอเรียกนายแบบนี้นะ” เธอยิ้มให้หัวหน้าโตมันที่ใบหน้าแดงอ่อนเล็กน้อย
“อืม เรียกแบบนี้ดีแล้วล่ะ” เขายิ้มตอบ “งั้นยามะจินก็ใส่รองเท้าเหมือนเดิมเถอะ”
“ใส่ผ้าใบมันก็เจ็บเหมืิอนกันนะ แค่เดินเท้าเปล่าก็เจ็บแล้ว” ริวงูจิหยิบส้นสูงกลับใส่ถุงช้อปปิ้งที่ข้างในมีรองเท้าผ้าใบของเธออยู่
‘ถ้าฉันลอยได้ก็คงไม่เจ็บเท้าแบบนี้หรอก=-=)’
“งั้นฉันจะอุ้มยามะจินเอง!”
‘เอ๋?=-=)?’
“นายเคยอุ้มคนด้วยหรอ? ฉันอุ้มนายเกือบทุกวันได้สบายๆ แค่ยามะจินไม่ขนามือหรอก” ซาโนะคิ้วกระตุกเล็กน้อย
พรึ่บ!
“ยังไงฉันก็จะอุ้มยามะจิน!” ซาโนะอุ้มตัวยามาริขึ้น โดยที่เธอยังไม่ทันตั้งตัวต้องร้องออกมาเสียงหลง
“เดี๋ยวสิ! อุ้มกันแบบนี้มัน-- เหว๋อ?!” ซาโนะพยายามจะอุ้มตัวเธอขึ้นบ่าเล็กๆ ของเขา แม้ตัวของเธอจะค่อนข้างเบาแต่ซาโนะก็เสียการทรงตัวและล้มลงไปพร้อมกับยามาริ
“เจ็บๆๆ…เป็นอะไรรึเปล่าซาโนะคุง?” เธอลุกตัวขึ้น ก้มมองร่างของซาโนะที่อยู่เบื้องล่าง ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้ระหว่างขาของเธอ ริวงูจิเห็นแบบนั้นก็กุมขมับและหันไปทางอื่น
“ซาโนะคุง?!!” เธอตกใจจนลืมพูดชื่อเขาเป็นมันจิโร่ ยามาริรีบถอยตัวออกจากบนตัวซาโนะจนก้นติดพื้น
“ม่ะ ไม่เป็นไร…” ซาโนะลุกตัวขึ้น พลางมองหน้าของยามาริที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ใบหน้าของเธอแดงระเรือกมือไม้สั่นไม่เป็นท่า และหลบหน้าของซาโนะอย่างเร็ว
“เป็นอะไรไปยามะจิน?!” ซาโนะลุกเข้ามาดูอาการของเธอ
“ปะ เปล่า…ไม่มีอะไร///” เธอลุกขึ้นยืน แต่ลืมไปว่าเท้าของเธอบวมอยู่ สุดท้ายก็ล้มตัวลงอีกครั้ง
พรึ่บ…
“ทำอะไรก็ให้มันระวังๆ หน่อยสิ” ริวงูจิเข้ามารับตัวของเธอไว้ทัน
“ฉันจะเป็นคนแบกยามะจินเอง ได้รึเปล่าไมค์กี้?” เขาหันมองซาโนะที่ลุกขึ้นปัดกางเกงของตน
“ได้สิ ฉันน่ะแบกไม่ไหวอยู่แล้ว” เขาเอามือล้วงกระเป๋า
“อืม ได้ใช่ไหมยามะจิน?” ริวงูจิขออนุญาตยามาริที่กำลังจะถูกอุ้ม
“อะ อ่า…ตามใจ-- เหว๋อ?!” ได้ยินแค่ตามใจ ริวงูจิก็ยกตัวเธอขึ้นแบกขึ้นบนบ่า และบอกให้เธออยู่นิ่งๆ จับหัวของเขาไว้กั้นตก เธอก็ทำตามแต่โดยดี
“งั้นก็ไปกันเถอะ ขอบคุณที่มาเที่ยวกับพวกฉันนะ” ซาโนะกลับมายิ้มอ่อนดั่งเดิม ทำให้ยามาริรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก นี้แหละถึงสมกับเป็นซาโนะ ไม่สิ…มันจิโร่
TBC.
แอบมีฉากหวานด้วยแหละะ ริวงูจิเขาเอ็นดูยามะจินมาก5555 ยามะจินหลังจากนี้อาจจะดูเอ๋อๆ ไปหน่อยนะค้า เพราะตั้งแต่เจอกับซาโนะคุงก็เป็นอย่างงั้น-- //ใจเย็นยามะจิน อย่าเพิ่งต่อยเราา
เมื่อเอ๋อซาโนะก็หลง อะไรจะง่ายขนาดน้านนนน //ต่อไปอาจมีฉากหวานอีก รอติดตามได้เลยน้าา(~˘▾˘)~
ความคิดเห็น