แทนรัก-กุล KOOKV - นิยาย แทนรัก-กุล KOOKV : Dek-D.com - Writer
×

    แทนรัก-กุล KOOKV

    โดย Kojuu_30

    ไม่อยากคิดเกินเพื่อน แต่เพื่อนคิดเดินได้นะ

    ผู้เข้าชมรวม

    79

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    79

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    จำนวนตอน : 0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  27 ต.ค. 65 / 20:34 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ไม่รู้ว่าเนิ่นนานเท่าไหร่แล้วที่เสียงของนาฬิกาปลุกเริ่มเตือนให้ผมลุกออกจากเตียงโง่ๆ นี่ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่คิดที่จะเอื้อมมือไปปิดมัน เพราะตอนนี้สิ่งผมกลัวที่สุดก็คือความเงียบ….ถ้าไร้เสียงทุกอย่างแล้ว น้ำตาของผมมันจะกลับมาไหลอีกรอบไหม

    ผมไม่อยากเป็นแบบนั้น เวลาที่น้ำตาผมไหล มันมักจะตอกย้ำว่าข้างกายนี้เคยมีอีกคนนอนอยู่ด้วยกันเสมอ แต่พอไม่มีแล้ว ความทรงจำนั้นก็วิ่งเข้ามาทำร้ายผมซ้ำ ๆ มันทรมานนะ ทรมานมาก ๆ อยากกอดเขาอีกครั้ง ถ้ามีโอกาส……

     

    ก็อก ก็อก ก็อก

     

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงของเพื่อนสนิทอย่างกุลตะโกนเรียกให้ผมออกไปเปิดประตูให้มัน หลังจากที่รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อคืน ไอ้กุลก็ทักข้อความและโทรมาไม่หยุด แต่ผมไม่มีอารมณ์แม้แต่จะอ่านหรือฟังคำเตือน คำปลอบโยนจากใครเลย

    “รัก มึงมาเปิดประตูให้กูเลยนะ”

    เจ้าของเสียงทุ้มยังคงเรียกหาเพื่อนรักอย่างแทนรักไม่หยุดตั้งแต่ที่รู้ว่ามันถูกแฟนทิ้งเมื่อคืน กุลแทบไม่เป็นอันทำงาน กลัวว่ารักมันจะทำอะไรโง่ ๆ อย่างที่เคยทำมาแล้วครั้งหนึ่ง

    “ไอ้รัก!”

    แกร่ก

    หลังจากที่ทนฟังเสียงตะโกนเรียกของเพื่อนสนิทไม่ไหว ร่างบางจึงจำใจลุกขึ้นไปเปิดประตูให้ และพอประตูเปิดออก ร่างหนาอย่างกุลก็พุ่งเข้ามาจับตัวเพื่อน ก่อนจะสำรวจข้อมือทั้งสองไปมา

    “กูไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” อย่างที่คิดคือกุลมันน่าจะกลัวว่าผมทำร้ายตัวเองล่ะมั้ง เพราะผมเคยทำแบบนี้มาแล้ว ตอนนั้นก็เกือบตายอยู่เหมือนกัน ถ้าไม่ได้กุลมันช่วยไว้

    “บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าไม่ให้กลับมาคบกับมันอีก” กุลเอ่ยพลางจูงข้อมือผมมานั่งที่โซฟา

    “ขอโทษที่ไม่ฟัง” ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่กุลมันเตือนผมแบบนี้ ผมอยากจะเชื่อมันได้สักครั้งนะ แต่ไม่รู้ทำไมความรักของผมมันถึงดึงผมเข้าไปหาความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    “กูกลัวมากนะ”

    “กลัวอะไรวะ”

    “กลัวมึงจะทำอะไรโง่ๆ เหมือนที่ผ่านๆ มา แล้วเมื่อคืนกูก็ติดงานอีก”

    “รู้น่า ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” ผมเข้าใจดีว่ากุลมันงานหนักแค่ไหน ขนาดตอนนี้มันยังอยู่ในชุดสูททำงานเลย เพราะหลังเรียนจบมันแทบไม่ได้มาสังสรรค์กับเพื่อน เนื่องว่าต้องทำหน้าที่แทนพ่อที่ใกล้เกษียณ และต้องรับช่วงต่อในการดูแลบริหารทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลอีก

    ครับ กุลมันรวย….

    “แล้วดีขึ้นยัง”

    “คิดว่าไง?” ผมสบมองกับดวงตากลมโตทว่าก็ดูดุจนไม่กล้าจ้องนาน เพราะกลัวกุลมันจะด่าที่เห็นสองตาของผมบวมช้ำขนาดนี้

    “กินไรยัง” ผิดคาดแหะ ผมนึกว่ามันจะด่าผมสะอีก

    “ยังดิ นี่โมงเอง”

    “หกโมงเช้า”

    “เออ แล้วจะให้รีบกินไปไหนครับ ท่านประธาน”

    “อย่ากวน” ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วเชิงให้ผมหยุดล้อคำว่าท่านประธานเสียที เพราะหลังจากที่กุลมันได้รับตำแหน่งประธานบริษัท เพื่อนทุกคนต่างก็ไม่มีใครเรียกชื่อเล่นมันอีกเลย

    “แล้วรีบมาทำไม”

    “มาดูนายแบบอู้งาน ไหนว่ามีงานตอนตีห้า”

    “เท” ผมไม่สามารถไปถ่ายงานทั้งที่ตาบวมแบบนี้ได้หรอกนะ เพราะถ้าไป ช่างแต่งหน้าด่าพ่อแน่นอน

    “อือ” ไอ้กุลตอบเพียงแค่นั้น ก่อนจะคลายเนคไทค์ออกหลวม ๆ ผมจ้องมองการกระทำตรงหน้า ก่อนจะสำรวจร่างกายของเพื่อนที่ดูแปลกตาอย่างเห็นได้ชัด

    “เสื้อมึงตัวเล็กไปนะ”

    “ทำไม”

    “ก็ดูดิ กระดุมแทบจะกระเด็นออกมาอยู่แล้ว” ไม่ใช่ว่ากุลมันอ้วนอะไรหรอกนะ แต่เพราะเห็นกล้ามเนื้อตรงบริเวณแขนกับอกมันแล้ว น่าจะเพราะไปออกกำลังกายมาแน่ๆ เพราะผมกับกุลไม่ได้เจอกันมาเป็นเดือนแถมตอนนั้นมันก็หุ่นเท่าๆ ผมเองมั้ง

    แต่ดูตอนนี้สิ…

    “เออ รู้สึกอึดอัดเหมือนกัน ว่าจะไปหาซื้อใหม่อยู่”

    “มึงมีความรักป่ะเนี่ย ดูหล่อขึ้นเยอะเลย” จริง ๆ กุลมันหล่อนานแล้ว แต่ด้วยความที่ผมเป็นเพื่อนมันมานาน เลยไม่รู้สึกพิเศษอะไรมากนัก

    “กูมีนานแล้วนะความรัก”

    “หืม อย่าบอกนะว่ามึงยังแอบรักเพื่อนคนนั้นอยู่อะ”

    “อือ”

    “เชี่ย ไอ้กุล ตั้งแต่ปี 2 เลยนะที่มึงบอก” ตั้งแต่ที่กุลมันบอกผมว่าแอบรักเพื่อนคนหนึ่ง สมัยที่ยังเรียนมหาลัยฯ ผมยังไม่เห็นมันสนใจใครเลย แล้วมันก็ไม่บอกด้วยว่าเพื่อนคนนั้นเป็นใคร แต่ถ้าให้ผมเดาน่าจะเป็นไอ้จิมแน่นอน เพราะที่ผ่านมานอกจากผมที่มันคอยดูแล ก็มีไอ้จิมนั่นแหละ

    แต่เดี๋ยวนะ ถ้านอกเหนือจากไอ้จิม คนที่มันดูแลอยู่ตลอดมันก็คือผมนี่หว่า ลองแกล้งถามดีมั้ยนะ…

    “กุล”

    “หืม?”

    “ชอบกูเหรอ”

    “…..”

    หลังจากที่ได้ยินคำถามจากอีกคน ใบหน้าหล่อที่กำลังวุ่นกับการแกะกระดุมเม็ดบนของเสื้อออกก็รีบหันมามองหน้าสวยทันที เพราะจู่ๆ แทนรักก็ถามขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้มันไม่เคยถามอะไรแบบนี้เลย

    “เงียบแบบนี้ไม่ใช่ชัวร์”

    “แล้วถ้าใช่อะ”

    “…...” พอได้ยินประโยคเมื่อครู่ ผมก็แทบไปไม่เป็น เพราะคำถามของผม หวังแค่ว่ากุลมันจะตอบว่า บ้าเหรอ ใครมันจะไปชอบเพื่อนตัวเองวะ อะไรเทือกนั่น แต่พอได้ยินคำถามที่ตรงกันข้ามแบบนี้ก็เล่นทำเอาผมไปไม่เป็นเหมือนกัน

    “ว่าไง”

    ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ

    จู่ๆ ภายในอกซ้ายของผมมันก็เต้นแรง แค่เพราะไอ้กุลยื่นหน้าเข้ามาใกล้เองนะ ทำไม….

    “พอเลย มึงนี่ขยันแกล้งกูจริงๆ นะ” ผมต้องตัดบรรยากาศนี้ทิ้ง เพราะตอนนี้ผมแทบไม่คิดเรื่องความสัมพันอื่นกับใครเลย ยิ่งเป็นไอ้กุลที่เป็นเพื่อนที่ผมรักที่สุดแล้ว ยิ่งไม่อยากให้มันมาอยู่ในสถานะที่ต้องทรมาณถ้าหากเลิกรากันไป ผมไม่อยากเสียไอ้กุลไปอะ อยากมีมันในชีวิตไปเรื่อยๆ จนแก่เฒ่าเลยด้วยซ้ำ

    “อืม ก็มึงมันน่าแกล้งฮ่าๆๆ”

    “กลับบ้านไปเลยไป”

    “ไม่ล่ะ วันนี้ขอนอนกับมึงแล้วกัน ไม่อยากขับรถ”

    “คนขับรถก็มีมั้ย”

    “กูขับมาเอง ตอนนี้โคตรง่วง กว่าจะเคลียร์งานเมื่อคืนเสร็จ ยันหว่าง”

    “สงสารท่านประธานมากครับ”

    “เออ ถ้าสงสาร มอบเตียงนุ่มๆ ของมึงมาซะไอ้หมาเด็ก”

    ว่าแล้วขายาวก็ก้าวเดินไปที่ห้องนอนของอีกคนทันที แต่มีเหรอที่เจ้าของห้องจะยอม แทนรักเดินตามเพื่อนเข้าไปในห้องก่อนจะพบร่างหนานอนราบไปกับเตียงข้างที่แฟนของเขาเคยนอน

    “มองอะไร มานอนกับกูดิ ตาก็บวม” ไม่ทันที่ผมจะตั้งตัว กุลมันก็ลุกขึ้นมาดึงแขนผมให้ล้มลงไปนอนข้างๆ มัน แถมยังเอาขามาเกี่ยวเอวผมอย่างที่เคยทำตอนที่นอนด้วยกันอีก

    “หนักอะ”

    “อย่าบ่น นอนไป”

    “จ่ายค่านอนเตียงกูมาด้วย”

    “เออ เดะตื่นแล้วจะโอนให้”

    “เยส ได้ค่าถ่ายงานวันนี้แล้วโว้ย”

    “อือ กูให้มึงได้มากกว่านี้อีก ถ้ามึงเป็นมากกว่าเพื่อน”

    “ห้ะ อะไรนะ อีกรอบดิ้” ประโยคเมื่อครู่อู้อี้ซะจนผมฟังไม่ถนัด แต่จะเอาความกับไอ้กุลตอนนี้คงจะไม่ได้แล้วล่ะ เพราะเจ้าตัวน่าจะหลับไปแล้ว ปกติมันก็เป็นคนนอนง่าย

    แล้วผมเองก็ไม่รู้เป็นอะไร เวลาที่เศร้า หรือทะเลาะกับแฟน แล้วทำให้นอนไม่หลับ แต่พอกุลมันมานอนด้วย ผมก็นอนง่ายเฉยเลย

    “ดีจังนะ ที่ได้เป็นเพื่อนกับมึง”

    หลังจากที่ได้ยินประโยคที่แสนแผ่วเบาจากผู้ชายตัวเล็กที่เขาชอบ มุมปากก็ยกยิ้มให้กับความน่าเอ็นดูของแทนรัก ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่กุลรู้สึกรักเพื่อนคนนี้ขึ้นมาจริงๆ รู้ตัวอีกทีก็ชอบมองรอยยิ้ม การกระทำ ไม่ว่าจะเดิน วิ่ง เล่น ของมันไปแล้ว

    และการที่เห็นแทนรักเจ็บปวดเพราะความรักก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่กุลไม่ชอบเอามาก ๆ เพราะเขาถนอมความรู้สึกของมันมาตลอด แล้วไอ้เหี้ยนั่นเป็นอะไร ถึงกล้ามาทำร้ายจิตใจคนของเขาแบบนี้

    เป็นกูไม่ได้เหรอ ที่ได้ดูแลความรู้สึกมึงอะ…”

     

     

     

     

    11.00 น.

    ความหอมของอาหารทำให้ร่างบางไม่สามารถข่มตานอนหลับต่อได้ แทนรักลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองคนข้างๆ ที่ตอนนี้ไปไหนไม่รู้

    “หอมจัง”

    เท้าสวยก้าวลุกออกจากเตียง ก่อนจะเดินไปที่ต้นเหตุของความหอม ซึ่งลอยฟุ้งมาจากในครัวที่เขาไม่ค่อยได้เข้าไปใช้งานเท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้มันถูกใช้งานโดยเจ้าของร่างหนาที่อยู่ในชุดสูททำงานที่เจ้าตัวเคยใส่ก่อนหน้านี้

    “ทำไมดูดีขนาดนี้วะ..” เสียงทุ้มหวานเอ่ยขึ้นเบาๆ หลังจากที่ภาพตรงหน้าดึงดูดเขาให้มองอยู่นานจนลืมไปเลยว่าจุดประสงค์ที่เขาตื่นเพราะอะไร

    “แทนรัก”

    “……”

    ความดูดีของกุลยังทำให้แทนรักตกอยู่ในภวังค์ จนลืมไปว่าเขากำลังเรียก ตาสวยยังคงพิจจารณาเรือนร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ จนคนถูกมองเริ่มขมวดคิ้วงง

    “ไอ้รัก!”

    “ห้ะๆ อะไรนะ?”

    “เรียกตั้งนานไม่ได้ยินหรือไง”

    “แหะๆ โทษที เหม่อนิดหน่อยอะ” ไม่หน่อยเลยแหละ อีกนิดคือเข้าไปลูบแล้ว คนอะไรหุ่นโคตรดี แถมยัง…หล่อ

    อือ ไอ้กุลแม่งหล่อชิบหายเลย

    “มากินนี่มา”

    “เค” ผมรีบเข้าชิมอาหารตามที่อีกคนเรียก เพราะต้องการหลุดออกจากความคิดที่ตัวเองมีอยู่ตอนนี้ ก่อนหน้านี้คิดว่าจะไม่อะไรกับไอ้กุลแล้วแท้ๆ แต่ทำไมมันต้องมาทำตัวหล่อใส่ก็ไม่รู้

    หงุดหงิด

    “เป็นไง ยังรสชาติเหมือนเดิมป่ะ”

    “กูไม่ได้กินรสชาตินี้มาหลายเดือนแล้วนะ” จะบอกว่าสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าครีมซอสฝีมือประธานกุล อร่อยที่สุดในโลกเลยนะ ภัตตาคารหรูก็สู้ไม่ได้ แทนรักคอนเฟิร์ม

    “กูก็ไม่ได้ทำนานแล้วเหมือนกัน ล่าสุดน่าสองเดือนที่แล้วมั้ย ที่ทำให้มึงกิน”

    “จะบอกว่าไม่ได้ทำให้คนอื่นกินนอกจากกูว่างั้น?”

    “อือ กูก็ไม่เคยทำอาหารให้ใครกินนะ นอกจากมึง”

    “โม้และ”

    “พูดจริง”

    เอ่ยเสร็จใบหน้าหล่อก็โน้มเข้ามาใกล้แก้มเนียนของคนที่กำลังตักคาโบนาร่าเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย มุมปากคนเจ้าเล่ห์ยกยิ้มก่อนจะกดจมูกเข้าแก้มนิ่มเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นแทนรักก็ไม่ได้ดุหรือว่าเขาอย่างที่ควรจะเป็น ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาที่กุลทำเรื่องแบบนี้คงโดนโกรธไปแล้ว

    แต่ทำไมครั้งนี้….

    หรือหิวจนลืมสิ่งรอบข้างวะ

    กุลคิดในใจก่อนจะกดจมูกเข้าแก้มนุ่มอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่าแทนรักมันมัวเมาอยู่แต่กับอาหารจริงมั้ย

    “สองรอบแล้วนะไอ้กุล”

    “ฮ่าๆๆๆ แล้วมึงจะทำไม”

    “เดี๋ยวรอกูกินเสร็จก่อนเถอะ เจอตีนแน่” มาหอมคนอื่น คิดว่าไม่รู้มากมั้ง แค่สปาเกตตี้มันอร่อยมากเฉยๆ หรอกเลยไม่ได้ตอบโต้กลับ

    ว่าแล้วก็ตักสปาเกตตี้เข้าปากก่อนจะเคี้ยวแก้มตุ่ย ประธานกุลที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มมีความสุข เพราะต่อให้แทนรักจะโตมากแค่ไหน สุดท้ายก็ยังเป็นแค่เด็กน้อยที่เขาต้องคอยดูแลอยู่ดี

     

    13.00 น.

    “ท่านประธานครับ ผมอยากไปช็อปปิ้ง” หลังจากที่กุลอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็เอ่ยชวนมันทันที เพราะแน่นอนว่าถ้ามันตกลง ผมจะกลายเป็นคนรวยทันที เพราะเวลาเดินเข้าร้านไหนนายกุลก็ใช้บัตรแตะให้ตลอด

    “เอาดิ มึงจะได้ไม่เครียดด้วย”

    “เอาใจว่ะ”

    “พูดมาก ไปเอากุญแจรถไป วางไว้บนหัวเตียงเมื่อเช้า”

    “รับทราบ” ผมรีบวิ่งเข้าไปเอากุญแจรถในห้องนอนทันที เพราะวันนี้แอบเห็นว่ากุลมันเอาเฟอร์รารี่มาด้วย ได้นั่งรถหรูตลอดเวลาไปไหนมาไหนกับประธานกุล รู้สึกคุณหนูเวอร์

     

    “ห้ามเกิน 17.00 เพราะกูต้องเข้าไปดูงานในบริษัทต่อ”

    “ได้เลยนายท่าน”

    “แล้วก็สัญญากับกูเรื่องหนึ่ง”

    “ว่ามาเลย”

    “อย่าร้องไห้อีก รู้ใช่มั้ยว่ากูรู้สึกยังไงเวลาเห็นน้ำตามึง”

    “อืม” รู้ดีเลยล่ะ เพราะกุลมันเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นผมร้องไห้ แต่ที่ผมหยุดร้องไห้ก็เพราะมันคนเดียวเลยนะ

    “ต่อไปนี้กูจะกลับมาคอยดูแลมึงเอง เหมือนตอนมหาลัยเลยดีมั้ย”

    “โห กูเป็นง่อยแน่แบบนั้น” ตอนอยู่มหาลัย ใครๆ ก็เรียกผมว่าเจ้าชายแทนรัก เพราะทุกย่างก้าวจะมีกุลพรรษคอยอารักขาอยู่ตลอด แถมยังดูแลเรื่องอาหาร เสื้อผ้า หรือแม้แต่งานบ้าน กุลก็ไม่เคยบ่นหรือเรียกร้องให้ผมไปช่วยเลย นอกจากว่าผมจะอาสาเอง ซึ่งแน่นอนว่าผมช่วยมันทำตลอดถ้าอยู่ด้วยกัน

    แล้วตอนนี้ถ้ามันจะมาคอยดูแลอีก บอกเลยว่าแทนรักต้องกลายเป็นคนขี้เกียจแน่นอน

    “ปล่อยให้มึงอยู่คนเดียว เดี๋ยวไอ้เหี้ยนั่นก็กลับมาทำร้ายจิตใจมึงอีก”

    “ก็จริง…”

    “เพราะงั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป กูจะมาอยู่ที่นี่ จนกว่ามึงจะหายเศร้า โอเคมั้ย?”

    “วันนี้เลยรึ?”

    “เออ กูเข้าบริษัทเสร็จ แล้วเดี๋ยวกลับมานอนด้วย”

    “โอเคๆ ไปช็อปปิ้งได้ยัง”

    “เออ แต่วันนี้ให้งบแค่สองล้านนะ”

    “โทษนะ คิดว่ากูจะผลาญเงินมึงเยอะขนาดนั้นเลย?”

    “วันเกิดมึงปีที่แล้วกูหมดไปหกล้าน”

    “ก็ใครใช้ให้มึงเล่นใหญ่ครับ ฮ่าๆๆๆ” วันเกิดผมเมื่อปีที่แล้วกุลมันให้ของขวัญผมเป็นรถหรูป้ายแดง ตอนนั้นผมร้องไห้เลยที่เห็นมันยื่นกุญแจรถมาให้ ทีแรกก็เกรงใจ เพราะมันแพงมากๆ แต่แล้วไอ้กุลก็บังคับให้ผมรับของขวัญจากมันจนได้

    “เออ วันเกิดมึงไม่ได้มีทุกวันนี่หว่า”

    “เออ ขอบคุณมาก แต่ตอนนี้พาหนูไปช็อปปิ้งได้ยังแด๊ดดี๊”

    “ได้เลยยัยหนู”

    นี่แหละมั้งที่เรียกว่าศีลเสมอกัน เวลาที่ผมเล่นอะไรไป กุลมันก็เล่นตามน้ำให้ตลอด โดยที่ไม่คิดเล็กคิดน้อยเลยสักนิด

    เพราะงั้นมันจึงเป็นคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด

     

     

     

     

    สวัสดีค่า ไรต์มีนามว่า โกจูรี่นะคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่แต่ง ต้องขอฝากเนื้อฝากตัวนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ

    ปล.รูปภาพที่นำมาประกอบ หรือรูปศิลปินในตัวละคร ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาในเรื่องแต่อย่างใด โปรดใช้วิจารณญาณในการเสพด้วยน๊าาาาา

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น